อ่านละครเรื่อง ระเริงไฟ ตอนที่ 10 วันที่ 23 ธ.ค.60
ชาคริตยืนยันไม่กลับบ้าน อยากอยู่ฮันนีมูนกับภรรยาอีกสักพัก แต่ญาดาอยากกลับเพราะห่วงงานและพ่อ จึงยอมร่วมมือกับทัศนะและเขมิกา ท้าให้ชาคริตแข่งไตรกีฬาแบบพิเศษ...หากใครแพ้ต้องกลับบ้าน!เพราะวางแผนล้มมวยไว้แล้ว ญาดาเลยแกล้งวิ่งช้าและล้มจนชาคริตแพ้การแข่งขัน ผลคือเธอจะได้กลับบ้านสมใจ แต่ก่อนจะถึงเวลานั้นก็ต้องถูกชาคริตลากตัวมาเคลียร์ตามประสาผัวๆเมียๆ
“อยู่กับคุณแล้วผมมีความสุข ผมไม่อยากกลับ”
“แต่ก็ต้องกลับ...นะคะ”
ญาดาอ้อนเสียงหวาน ชาคริตยอมใจอ่อนตามเคย เลยได้รางวัลเป็นหอมแก้มฟอดใหญ่ แต่ชาคริตไม่หยุดแค่นั้น ดึงเธอมาใกล้และจูบเนิ่นนานท่ามกลางความสวยงามของป่ากลางหุบเขา
จัดการลงโทษภรรยาแบบอ่อนหวานและอ้อยอิ่งเรียบร้อย ชาคริตก็มาเอาเรื่องทัศนะเพื่อนรักผู้สมรู้ร่วมคิด
“ในที่สุดแกก็แพ้เป็น!”
“แค่ครั้งนี้ครั้งเดียวแหละ”
“แกก็จะชนะใจคุณดาได้ครั้งนี้ครั้งเดียวเหมือนกัน”
“อย่ามาทำรู้ดี”
ท่าทางหยิ่งๆของชาคริตทำให้ทัศนะหมั่นไส้ “คนจะรักกันต้องมีความจริงใจต่อกัน ถ้าแกรักคุณดาจริง... แกต้องบอกความจริงไปให้หมด ไม่งั้นแกต้องเสียคุณดาไปแน่นอน”
คำพูดเตือนสติของเพื่อนรักทำให้ชาคริตออึ้งไปอึดใจ แต่ยังไม่ยอมรับความจริง “แล้วแกล่ะ...บอกความจริงเขมหมดแล้วหรือไง เขมรู้หรือยังว่าแกรู้แผนการของฉันมาตั้งแต่ต้น...ยังล่ะสิ...แก้ปัญหาตัวเองก่อนเถอะ!”
ไม่ใช่แค่สองหนุ่มที่มีความลับ เขมิกาก็มีเรื่องคาใจกับพี่สาว แม้จะดีใจที่อีกฝ่ายปลอดภัยและมีความสุขกับสามี แต่ยังไม่เข้าใจเรื่องแต่งงาน...ทั้งที่ญาดาก็รู้ดีถึงวีรกรรมร้ายกาจของชาคริต
“ทำไมพี่ดาถึงตัดสินใจแต่งงานกับคุณคริตคะ”
“เรื่องมันผ่านมาแล้ว...พี่บอกได้แต่ว่าพี่ตัดสินใจไม่ผิดที่แต่งงานกับคุณคริต”
“พี่ดา...เขมขอพูดตรงๆนะคะ ผู้ชายที่ชื่อชาคริตซับซ้อนเกินกว่าพี่ดาจะเชื่อใจเขาได้”
ญาดาอยากอธิบายเหตุผลแต่ไม่ทันเอ่ยปาก เขมิกาก็โพล่งออกมาอย่างอัดอั้น
“ผู้ชายคนนี้ทำลายชีวิตเขม แต่ไม่เคยมีคำขอโทษหลุดจากปากของเขาแม้แต่ครั้งเดียว สิ่งที่ยากที่สุดสำหรับเขมในตอนนี้คือเขมพยายามจะไม่เกลียดเขา...เพื่อพี่ดา”
เขมิกาสัญญาทั้งน้ำตา ก่อนจะโผกอดพี่สาวแน่น ญาดาซึ้งใจมาก
“ขอบใจมากนะเขม ขอบใจที่ห่วงพี่...ส่วนเรื่องบริษัท เขมไม่ต้องห่วงนะ กลับไปครั้งนี้พี่จะไปพูดกับคุณพ่อเอง ไปกราบของานคืน คุณพ่อต้องใจอ่อนแน่ๆ...”
ooooooo
ญาดากับเขมิกาตั้งความหวังจะกอบกู้บีสตาร์ โดยไม่รู้ว่าไตรทศต้องแบกความทุกข์ใจไว้คนเดียวที่สืบจนเจอเรื่องบริษัทใหม่ของพ่อ เขาบุกไปถึงตึกออฟฟิศที่กำลังตกแต่ง และยืนยันไม่กลับจนกว่าจะรู้ความจริง
“ผมต้องรู้ให้ได้ว่าคุณพ่อคิดจะทำธุรกิจอะไร”
พูดพลางโชว์ใบปลิวโฆษณาบริษัทแนะนำให้คนมาร่วมลงทุน ดิลกยักไหล่ไม่แคร์ แถมโอ่
“ธุรกิจขายตรง...ขายอาหารเสริมที่ดังทั่วโลก เราโชคดีแค่ไหนแล้วที่ได้เป็นตัวแทนในประเทศไทย”
“แต่ผมตรวจสอบแล้ว ไม่มีชื่อบริษัทนี้”
“เงียบไปเลย บอกแล้วว่างานนี้แกไม่เกี่ยว”
“ทำไมคุณพ่อไม่รู้จักพอ”
ไตรทศดักคออย่างรู้ทัน ดิลกโกรธมาก เงื้อมือจะตบแต่สุดท้ายก็เปลี่ยนใจ
“แกเป็นลูกฉัน แกต้องฟังฉัน ฉันสั่งอะไรแกก็ต้องทำ”
“ถึงจะต้องทำในสิ่งที่โกหกหลอกลวงก็ตาม...งั้นเหรอครับ”
คำถามของลูกชายกระแทกใจอย่างแรง แต่ดิลกก็รั้นและโลภเกินกว่าจะยอมรับความจริง ไตรทศเห็นพ่อกล้าขอเลยประชดรับปากจะทำตามที่ต้องการ แต่ไม่วายทิ้งท้าย
“ได้...แต่อย่าให้พี่ดากับพี่เขมรู้เรื่องนี้ ให้ผมหมดศรัทธาคุณพ่อคนเดียวก็พอ!”
วันเดียวกันที่บ้านเมธาสิทธิ์...ปาริฉัตรกรีดร้องลั่นห้อง ขัดใจเมื่อรู้ว่าตัวเองไม่ได้ตั้งท้องอย่างที่คาด กมลพรรณที่แอบกลัวตั้งแต่แรกเพราะสังหรณ์ว่ากสิณจะตกอับไม่ได้เป็นไฮโซหนุ่มคนดังอีกแล้ว ได้แต่ถอนใจยาวด้วยความโล่งอก ก่อนจะยื่นมือถือที่เปิดข่าวการล้มละลายของครอบครัวกสิณให้ลูกสาวดู
“ว่าที่ผัวแกน่ะไม่เหลืออะไรแล้ว ฉันว่ายกเลิกงานแต่งไปเลยดีกว่า”
“ไม่เอานะแม่ ฉัตรฝันมานานแล้วว่าจะได้แต่งงานกับไฮโซหล่อเพอร์เฟกต์อย่างคุณกสิณ”
“หล่อแต่กินแกลบน่ะ...เอาไหม”
“แล้วแม่จะให้ฉัตรเสียตัวฟรีๆงั้นเหรอ วันนี้เขาแค่สะดุด อีกไม่นานเขาต้องกลับมารวยใหม่แน่ วันนั้นเราค่อยโกยให้หนำใจสิ ไม่รู้ล่ะ...ยังไงฉัตรจะเดินหน้าต่อ”
“เดินไปลงนรกล่ะสิ!”
เพราะตัดสินใจเดินหน้าเรื่องแต่งงานกับกสิณ ปาริฉัตรเลยจะหาทางขโมยเงินจากดิลกอีกครั้ง แต่ครั้งนี้นอกจากจะไม่สำเร็จ ยังถูกดิลกจับได้และตลบหลังอีกต่างหาก!
ooooooo
ปาริฉัตรกับกมลพรรณพยายามหาทางแก้ตัว ดิลกยิ้มเย้ยแบบรู้ทัน ก่อนควักเช็คเงินสดหลักแสนให้ลูกเลี้ยงสาวเอาไปเป็นงบจัดงาน สองแม่ลูกถึงกับตาโต รีบคลานไปกราบด้วยความดีใจสุดขีด
ดิลกสะใจมากที่ทุกอย่างเป็นตามแผน ได้เอาคืนสองแม่ลูกที่ขโมยเงินและหาคนเป็นแพะในบริษัทใหม่
“ค่าใช้จ่ายแต่งงานของเธอ ถ้าไม่พอก็บอกนะ... ตอนนี้ฉันมีลูกก็เหมือนไม่มี ไม่มีใครยอมมาช่วยธุรกิจใหม่ของฉัน นี่แหละทำให้ฉันนึกได้ว่าเธอสองคนแม่ลูกคอยดูแลฉันมาตลอด...ขอบใจนะ”
ปาริฉัตรได้ยินคำว่าธุรกิจใหม่ก็หูผึ่ง สงสัยมานานว่าดิลกเหมือนมีความลับในระยะหลัง และวันนี้โอกาสของเธอก็มาถึง เมื่อดิลกขอให้เธอช่วยงานด้วยการเป็นหน้าเป็นตาของบริษัทใหม่ มีหน้าที่ดึงคนมาเป็นตัวแทนร่วมลงทุน
กมลพรรณได้ยินชื่อตำแหน่งกับเงินเดือนลูกสาวก็ตาลุก เสนอตัวอยากช่วยบ้าง ปาริฉัตรบอกว่าดิลกกำลังมองหาประธานบริษัท กมลพรรณเลยบอกให้ดึงกสิณมาทำ
ดิลกตอบตกลงจะให้กสิณมาเป็นประธานบริษัทใหม่ด้วยใจกระหยิ่ม รีบโทร.บอกเพื่อนร่วมขบวนการ
“กสิณ เกษมสุขี...พวกผู้ดีเก่าแต่ย้ายไปตั้งรกรากที่สวิตฯตั้งแต่รุ่นปู่ มันต้องยอมแน่ๆเพราะครอบครัวกำลังล้มละลาย พิมพ์ชื่อลงโบรชัวร์ไปได้เลย ประธานบริษัทจะต้องเป็นนายกสิณแน่นอน เตรียมประชุมสมาชิก
ครั้งใหญ่ได้เลย”
วางสายจากผู้ร่วมขบวนการ ดิลกก็หัวเราะอย่างบ้าคลั่งคนเดียว
“บอกแล้ว...คนโง่โลภมากหาไม่ยาก นั่นก็อีกคน... นังฉัตรโง่ ฉันเสียเงินไม่กี่แสนแต่ได้คืนเป็นร้อยล้าน คุ้มยิ่งกว่าคุ้ม...เผลอๆติดคุกแทนให้อีก...คุ้มโว้ย!”
ไตรทศหอบความผิดหวังจากพ่อไปหาชญานี มีเพ็ญขวัญนั่งปลอบไม่ห่างพร้อมกับนั่งทำเครื่องประดับขาย แต่จู่ๆสองหนุ่มสาวที่ทำท่าจะญาติดีก็ตีกันอีกรอบเพราะเรื่องญาดา
“คุณไม่รู้จริงๆหรือว่าพี่ชายคุณมีบ้านพักที่ไหนบ้าง”
“ไม่รู้...ไงพี่คริตก็ไม่พาคุณดาไปฆ่าหมกป่าหรอกน่า”
“ไว้ใจได้เหรอ พี่ชายคุณเคยเกือบฆ่าผม”
เพ็ญขวัญมองหน้าคนโน้นคนนี้งงๆ แต่ชญานีไม่ยอมอธิบาย นอกจากย้อนถามเขากวนๆ
“ก็สมควรไหมล่ะ”
“ถ้าทุกคนใช้ศาลเตี้ยจะมีกฎหมายไว้ทำไม โลกมันวุ่นวายเพราะคนอย่างพวกคุณนี่แหละ”
“พวกคุณนี่พวกไหน ตกลงคุณจะแบ่งแยกว่าพวกคุณเป็นคนดี ส่วนพวกฉันเป็นคนเลว ฉันก็ไม่ได้อยากร่วมเป็นครอบครัวเดียวกับพวกคุณนักหรอก”
“ผมบอกว่าพี่ชายคุณเลว...ไม่ได้ว่าคุณ พี่สาวผมควรจะได้คนที่ดีกว่าพี่ชายคุณ”
เรื่องทำท่าจะไปกันใหญ่ เพ็ญขวัญพอปะติดปะต่อเรื่องราวได้ พยายามไกล่เกลี่ยว่าเรื่องชาคริตกับญาดาเป็นเรื่องระหว่างคนสองคน แต่ชญานีไม่สนใจจะฟัง แหวใส่หน้าไตรทศ
“ใช่...พี่ชายฉันไม่คู่ควรกับพี่สาวคุณเลย...พอใจหรือยัง!”
ooooooo
ชาคริตยอมรับความพ่ายแพ้พาญาดากลับบ้านเพราะแพ้การแข่งไตรกีฬาในป่า แต่ถึงกระนั้นก็ประวิงเวลาไว้ขอกลับวันรุ่งขึ้น ทัศนะกับเขมิกาเลยอยู่ค้างด้วย
ญาดายืนมองบรรยากาศรอบตัวด้วยความอาลัย แม้จะเพียงช่วงเวลาสั้นๆ แต่ที่นี่ก็เต็มไปด้วยความทรงจำดีๆ ชาคริตถือผ้ามาคลุมไหล่ให้และถือโอกาสแหย่
“เสียดายไม่อยากกลับล่ะสิ”
“เราจะมาที่นี่อีกเมื่อไหร่ก็ได้ไม่ใช่หรือคะ”
“ก็ผมยังไม่อยากกลับ”
“มีน้ำใจนักกีฬาหน่อยสิคะ แพ้แล้วก็ต้องยอมรับ”
“ใครทำให้ผมแพ้...ทำโทษยังไงดีนี่”
ชาคริตแกล้งโอบไหล่เธอแน่นๆอย่างรักใคร่ ญาดาเลยหอมแก้มปลอบใจและขอโทษ โดยไม่รู้ว่าเขมิกาแอบมองภาพหวานๆด้วยแววตานิ่งสงบ แต่ในใจพล่านด้วยความหวาดระแวงและเป็นห่วง สุดท้ายก็ทนไม่ไหว ต้องแอบไปคุยกับชาคริตเพื่อเคลียร์ใจถึงเรื่องราวที่ผ่านมา
“ไหนๆเราก็เจอกัน เขมอยากรู้ว่า...”
“เรื่องมันจบไปแล้ว”
“แต่สำหรับเขมยังไม่จบ! ที่ผ่านมาคุณโกหกอะไรเขมบ้าง”
“ผมจำไม่ได้”
คำตอบไม่ยี่หระของชาคริตทำให้เขมิกาโกรธมาก ปรี๊ดแตก
“คุณต้องขอโทษเขมที่ทำลายชีวิตเขม”
“คุณต้องขอบคุณผมต่างหากที่ทำให้คุณเป็นผู้หญิงเข้มแข็งขึ้น ชีวิตคนไม่ได้จบลงอย่างมีความสุขทุกคนหรอก บางเรื่องราวก็จบอย่างคาใจแบบนี้แหละ คุณทำได้อย่างเดียวคือลืมผมซะ”
พูดจบก็จะผละไป แต่ต้องชะงักเมื่อได้ยินคำขอทิ้งท้ายของเขมิกา
“คุณห้ามทำร้ายพี่ดาเหมือนที่ทำกับเขม...สัญญาได้ไหมล่ะ”
“ผมไม่เชื่อในคำสัญญา!”
ooooooo
ชาคริตหัวเสียเรื่องเขมิกาจนไม่อยากมองหน้า แต่ยังเย้าแหย่ญาดา และอุ้มเธอกลับห้องทันทีที่เธอบอกจะนอนกับน้องสาว ส่วนเขาให้นอนโซฟากับทัศนะ
ญาดาหน้าแดงก่ำเมื่อชาคริตบอกว่าเธอเป็นหมอนข้างประจำตัวที่ขาดไม่ได้ แต่ยังดื้อจะไม่ยอมตามใจ
“เขมเป็นผู้หญิงนะคุณคริต”
“พวกเขาค้างด้วยกันมาคืนนึงแล้ว ค้างอีกคืนจะเป็นไรไป”
“ถ้าเป็นน้องสาวคุณล่ะ”
“ถ้าเป็นแฟนกัน ผมโอเคนะ”
“ฉันไม่โอเค มันน่าเกลียด”
“ผมรับประกันได้เลยว่านายนะไม่มีวันปล้ำเขม มีแต่น้องสาวคุณจะเข้าหาเพื่อนผม!”
ไม่ใช่แค่ญาดาที่โวยวาย เขมิกาก็กระวนกระวายด้วยความเป็นห่วงพี่สาว ทัศนะต้องปลอบและเตือนสติ
“เขาสองคนเป็นสามีภรรยากันแล้ว เราเป็นแค่คนนอก อย่าไปเครียด ผมรู้ว่ามันยาก แต่เราก็...”
“สิ่งที่ยากที่สุดสำหรับเขมตอนนี้คือ...เขมพยายามจะไม่เกลียดเขา”
“เพื่อพี่สาวของคุณ เราต่างคนต่างอยู่ แล้วทุกอย่างจะดีขึ้นเอง”
“คุณนะทำงานกับเขานะคะ ไงเขมก็หนีหน้ากันไม่พ้น”
ทัศนะยิ้มบางๆให้อาการกระเง้ากระงอด ก่อนเอ่ยเสียงอ่อน “ผมคงทำงานให้นายคริตไม่นานหรอกครับ ผมก็พยายามจะไม่เกลียดมันเหมือนกัน...แล้วมีใครที่ขึ้นบัญชีดำอีก บอกมา...ผมจะจัดการให้”
คำพูดเย้าแหย่เพื่อเปลี่ยนบรรยากาศทำให้เขมิกายิ้มได้ สวนขำๆ
“คุณนะนั่นแหละ...ถ้าเขมจับได้ว่ายังร่วมมือกับนายชาคริตอยู่อีกล่ะก็...เขมเอาตายแน่!”
เขมิกาทำทัศนะนอนไม่หลับไปแล้วด้วยคำพูดซื่อๆของเธอ เช่นเดียวกับชาคริตที่ยืนยันจะไม่ยอมนอนถ้าภรรยาไม่ทำหน้าที่ ญาดาเคืองที่เขาขัดใจเรื่องน้องสาว แกล้งโยกโย้ไม่ตามใจ
“ไหนว่าเป็นสุภาพบุรุษ ปล้ำผู้หญิงไม่เป็น”
“ไอ้เป็นสุภาพบุรุษนี่...ไม่เคยพูด”
“แต่คุณบอกตั้งหลายครั้งว่าปล้ำผู้หญิงไม่เป็น”
“นี่ไม่ได้เรียกว่าปล้ำ...เรียกว่าหยอกกับเมีย”
“อย่าหวังว่าฉันจะวิ่งเข้าใส่คุณอีก ที่เกิดขึ้นเมื่อคืนน่ะ...เพราะสงสารหรอกนะ”
ชาคริตสะอึกเมื่อได้ยินคำว่าสงสาร ผละหนีทันที ญาดาต้องตามไปกอดรั้งไว้
“ดาขอโทษ...ไม่ได้ตั้งใจจริงๆ”
“ผมได้รับความสงสารมามากพอแล้ว ผมต้องการคนที่เข้าใจผม...ผมต้องการคุณ...ญาดา”
สุดท้ายญาดาก็ใจอ่อน ยอมให้ชาคริตทำตามใจจนถึงเช้า เธอพยายามหว่านล้อมให้เขาทิ้งอดีตไว้ที่นี่ ทั้งเป้ ทั้งจดหมายและเส้นทางมาเฟีย แต่เขาไม่รับปาก เฉไฉเปลี่ยนเรื่อง ปลอบเธอที่อาลัยบ้านพักหลังนี้
“แล้วเราจะมาด้วยกันอีก”
“ค่ะ...บอกกันดีๆก็แล้วกัน”
“ผมจะอุ้มคุณมาอย่างทะนุถนอมที่สุด คราวหน้าจะไม่ให้มีก้างขวางคอตามมา วางกับระเบิดรอบๆไร่ดีไหม”
“อย่ามาทำโหด ไม่เท่หรอกนะ”
“ผมเท่ออก ใครๆก็ว่างั้น ทั้งเท่ ทั้งฉลาดอีกต่างหาก”
“แล้วก็เป็นผู้ชายที่...น่าจะรักได้”
“รักเลยไม่ได้เหรอ ดา...ผมรักคุณ”
ชาคริตบอกรักง่ายๆ ญาดาเขินมาก ไม่บอกรักกลับแต่ขอบคุณแทน
“อะไร...คุณต้องบอกรักกลับสิ ไม่ใช่ตอบว่าขอบคุณ นี่เอาคืนผมใช่ไหม”
ญาดาจะวิ่งหนี แต่ถูกชาคริตตะครุบตัวไว้
“แล้วสักวัน...ผมจะทำให้คุณบอกรักผม”
ooooooo
ปิงโดนชาคริตคาดโทษหากทำผิดหรือขัดคำสั่งครั้งต่อไป เพราะครั้งนี้ภารกิจฮันนีมูนแบบลับๆปนโหดจบลงด้วยดี บอดี้การ์ดคนสนิทเลยรอดตัว ญาดาเฝ้ามองอากัปกิริยาสามีและคิดว่าเขายังไม่ทิ้งนิสัยมาเฟีย
ชาคริตมีสีหน้าขรึมลงเมื่อถูกญาดาขอให้เลิกนิสัยมาเฟีย ได้แต่บ่ายเบี่ยงและเฉไฉเปลี่ยนเรื่องจะซื้อบ้านหลังใหม่หากเธอไม่ชอบอยู่คอนโดแคบๆและอึดอัดแบบนี้
ญาดาส่ายหน้าอ่อนใจให้ความโยกโย้ของสามี แต่ไม่ทันโต้ ไตรทศก็โทร.บอกเรื่องบีสตาร์ถูกเปลี่ยนมือตามคำสั่งของพ่อ เช่นเดียวกับชาคริตที่รับสายจากนักสืบว่าดิลกเปิดบริษัทแชร์ลูกโซ่อีกแล้ว
ไตรทศลำบากใจมากต้องหลอกพี่สาวเรื่องบีสตาร์ แต่เพราะดิลกใช้ความเป็นพ่อบีบบังคับ เขาจึงไม่มีทางเลือก ญาดาไม่เชื่อตอนแรกเพราะมีสัญญากับชาคริต แต่ไตรทศก็ทำให้ลังเลด้วยการพาเธอไปฟังจากปากพ่อ!
ชาคริตไม่รู้ตัวว่าจะถูกดิลกตลบหลัง ทั้งยุให้แตกกับญาดาและโยนความผิดเรื่องบีสตาร์ถูกเปลี่ยนมือให้บุก ไปถึงออฟฟิศใหม่ของโกริช...บริษัทแชร์ลูกโซ่ใหม่ของดิลก
ปาริฉัตรที่กำลังง่วนถ่ายคลิปโปรโมตและชวนคนมาลงทุนร่วมกันถึงกับตะลึงตาค้างเมื่อเห็นชาคริต ต่างจากดิลกที่กระหยิ่มใจมาก เพราะทุกอย่างเป็นไปตามแผนที่เตี๊ยมกับไตรทศ...ชาคริตเดินมาติดกับของเขาจริงๆ
“ฉันต้องขอบใจแกว่ะ แกทำให้ฉันคิดได้ ยุคนี้บริษัทเงินไม่หนาอยู่ยากรวยช้า สู้มาทำธุรกิจรวยเร็วแบบนี้ไม่ได้”
“แต่จะอยู่ได้ไม่นาน”
“บริษัทเจ๊งก็เปิดบริษัทใหม่”
“หาแพะรับบาปใหม่ หาคนติดคุกแทน คุณนี่ชั่วเข้ากระดูกถึงทำให้คนตายทั้งเป็นได้อย่างเลือดเย็น”
คำพูดเหมือนรู้อะไรมาของชาคริตทำให้ดิลกผงะ แต่คาดคั้นเท่าไหร่ ชาคริตก็เล่นลิ้นไม่บอก นอกจากเล่าเรื่องพ่อแท้ๆของเขาต้องมีชีวิตที่ทุกข์ทรมานเหมือนตายทั้งเป็นเพราะอีกฝ่าย
ดิลกเข้าใจเองว่าพ่อของชาคริตคือเหยื่อที่ถูกเขาโกงตอนเปิดบริษัทแชร์ลูกโซ่เมื่อยี่สิบปีก่อน ลำพองใจและคิดว่าอีกฝ่ายคงเอาผิดอะไรไม่ได้เพราะไม่มีหลักฐานชิ้นไหนบอกว่าเขาคือผู้ถือหุ้นใหญ่เวลานั้น ชาคริตรู้ดีและฉวยจังหวะนี้ปรี่หาและกดตัวพ่อตาพาดขอบหน้าต่างตึก แต่ไม่ทันขู่เอาความจริง ญาดาก็โผล่มาห้าม!
ไตรทศหลอกพาญาดามาทันเวลาตามแผน ดิลกสะใจมาก แกล้งเล่นละครตบตาลูกสาว
“คุณกำลังเข้าใจผิด คิดดูให้ดี คุณฆ่าผมแล้วได้อะไร คิดถึงยัยดาด้วย ผม...”
ไม่ทันจบประโยคญาดาก็ถลามาดึงมือชาคริตจากคอพ่อ แหวลั่น
“ปล่อย! คุณมันเลวจริงๆ ทำร้ายคนไม่มีทางสู้... คุณยังเป็นคนอยู่หรือเปล่า”
ดิลกสำออยเต็มที่ โอดครวญว่าถูกชาคริตทรมานและแกล้งชักเหมือนอาการโรคความดันกำเริบ กมลพรรณกับปาริฉัตรรีบพาดิลกส่งโรงพยาบาล โดยมีไตรทศตามประกบเมื่อได้รับสัญญาณจากพ่อให้ไปด้วยเพราะกลัวแผนแตก ทิ้งญาดาให้ตามไปเอาเรื่องชาคริตตามลำพัง
ooooooo
ญาดาเสียความรู้สึกมากที่ชาคริตผิดสัญญา ยึดบีสตาร์และทำลายทุกอย่างของครอบครัวเธอจนไม่เหลือชิ้นดี แต่ที่ทำให้โกรธสุดคงหนีไม่พ้นที่เขาเกือบฆ่าพ่อของเธอ!
“คนเลวๆพรรค์นั้นสมควรตายอย่างทรมาน”
“เรื่องที่คุณจะเริ่มต้นใหม่กับฉัน เป็นเรื่องโกหกทั้งนั้นใช่ไหม”
“แล้วเรื่องที่พ่อคุณบอกกับคุณ คุณคิดว่ามันเป็นเรื่องโกหกหรือเปล่าล่ะ”
“ฉันเห็นกับตาว่าคุณปิดบีสตาร์ เห็นกับตาว่าคุณกำลังฆ่าพ่อฉัน อย่างนี้เหรอที่คุณบอกว่าพ่อกำลังโกหกฉัน”
“คุณไม่เชื่อใจผม”
“ฉันเชื่อพ่อของฉัน”
ชาคริตช้ำใจมากแต่ไม่ยอมแก้ตัว
“ผมแค่ทำในสิ่งที่ต้องทำ”
“ฉันก็จะทำในสิ่งที่ต้องทำเหมือนกัน!”
ญาดาตัดสินใจกลับไปเก็บข้าวของที่ห้องพักหรู ชาคริตตามไปขวาง ประกาศกร้าว
“คุณไปจากผมไม่ได้!”
“ฉันไม่กลัวคำขู่ของคุณแล้ว คุณจะเอาพ่อฉันเข้าคุกหรือจะทำร้ายครอบครัวฉันยังไงก็เชิญ คราวนี้ฉันสู้ตาย!”
“ผมมีศัตรูคนเดียวคือนายดิลก”
“คุณบังคับฉันแต่งงานด้วยก็เพื่อแก้แค้นคุณพ่อ”
“ก็ใช่...แต่ความรู้สึกผมที่มีต่อคุณเปลี่ยนไปแล้ว เรื่องของเราที่เกิดขึ้นที่บ้านเชิงเขา...คุณยังไม่เข้าใจผมอีกเหรอ”
“ไม่มีเรื่องของเราแล้ว”
จบคำก็ลากกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ออกจากห้อง ชาคริตตะโกนไล่หลัง
“คุณห้ามไปจากผม! ญาดา...ผมรักคุณ”
“ฉันไม่แคร์!”
ญาดาถอดแหวนแต่งงานโยนทิ้งถังขยะและลากกระเป๋าออกไป ชาคริตเครียดมาก สั่งปิงบอดี้การ์ดคนสนิทตามไปขวางและไล่คนจากล็อบบี้ที่พักเพื่อเคลียร์กับญาดา
“ผมให้โอกาสคุณคิดอีกครั้ง”
“ฉันไม่น่าโง่ที่คิดว่าคุณจะเปลี่ยนได้”
“เรื่องของผมกับนายดิลกไม่เกี่ยวกับคุณ”
“พูดเอาแต่ได้ คุณต้องการทำลายชีวิตคุณพ่อ และยังต้องการตัวฉันไว้ด้วย...ตลกดีเนอะ แต่ขำไม่ออก”
ชาคริตสะอึกแต่ไม่ยอมแพ้ พยายามหว่านล้อมภรรยา
“ผมแยกเรื่องของเรากับความแค้นส่วนตัวได้”
“ความแค้นส่วนตัว...คุณบอกฉันว่าคุณทำตามคำสั่งคุณป๋า”
“ผมไม่เคยพูด”
“ฉันหลงคิดว่าคุณพ่อคงมีปัญหาธุรกิจกับแก๊งมาเฟียของคุณ ถ้าไม่ใช่...ที่ผ่านมา...ทุกสิ่งทุกอย่างที่คุณทำกับเราเป็นการตัดสินใจของคุณเอง...ไม่มีใครบังคับ”
ภาพอดีตอันเลวร้ายผุดในหัวญาดา ทั้งเรื่องงานแต่งของเขมิกาที่ล่มไม่เป็นท่าเพราะเจ้าบ่าวหาย เรื่องบีสตาร์ถูกยึดในชั่วข้ามคืนเพราะสัญญาตลบตะแลงของชาคริต ปิดท้ายด้วยการแต่งงานของเธอที่ถูกจัดขึ้นภายใต้เงื่อนไขจะวางมือจากบีสตาร์และครอบครัวของเธอ
ญาดาหัวเสียมากที่พลาดท่าถูกสามีหลอก และชาคริตก็หยิ่งเกินกว่าจะแก้ตัว
“ใช่! ไม่มีใครบังคับ...ผมรอเห็นจุดจบของพ่อคุณมาตั้งแต่ต้น”
“วันนั้นจะไม่มีวันมาถึง แต่วันนี้...คุณกับฉันจบกัน!”
ooooooo
อ่านละครเรื่อง ระเริงไฟ ตอนที่ 10 วันที่ 23 ธ.ค.60
ละครเรื่อง ระเริงไฟ บทประพันธ์โดย โสภี พรรณรายละครเรื่อง ระเริงไฟ บทโทรทัศน์โดย พิมพ์ธนา และ เอกชยา
ละครเรื่อง ระเริงไฟ กำกับการแสดงโดย กฤษฎา เตชะนิโลบล
ละครเรื่อง ระเริงไฟ ผลิตโดย บริษัท ชิติเช่น เคน จำกัด
ละครเรื่อง ระเริงไฟ ออกอากาศทุกวันจันทร์-อังคาร เวลา 20.15 น. ทางไทยทีวีสีช่อง 3
ที่มา ไทยรัฐ