อ่านละครเรื่อง เดือนประดับดาว ตอนที่ 10 วันที่ 1 ม.ค.61

อ่านละครเรื่อง เดือนประดับดาว ตอนที่ 10 วันที่ 1 ม.ค.61

เพื่อนผลักเขาออกแล้วจะเดินหนี วรัชช์ขอร้องขอไปส่ง เพื่อนเห็นแววตาเขาก็ใจอ่อน

ด้านกันลองนั่งมองแบบการ์ดแต่งงานที่เพื่อนเลือกไว้ แล้วฉุกคิดหยิบการ์ดวันเกิดที่แพงเคยทำให้มาเทียบ รสนิยมช่างต่างกันมาก...เขาครุ่นคิดออกมาเดินเล่นที่สนาม มองไปยังบ้านแพงเห็นโฮปกำลังหัดเดินอยู่แถวสระว่ายน้ำ จึงร้องทักทายชื่นชม แพงชะงักเล็กน้อยทำทีไม่ได้ยิน

กันลองข้ามรั้วมายืนอีกฟากของสระแล้วชวนคุย เป็นกำลังใจให้เธอเดิน แพงใจสั่นไม่กล้าสบตาเขา เสียงกันลองนับก้าวเดินและเดินไปพร้อมกับเธอ แพงน้ำตาซึมตาพร่ามัวเกิดเซล้มพลัดตกน้ำ กันลองตกใจกระโดดลงไปช่วย แพงกอดคอเรียกพะลอง...พะลอง...ด้วยความกลัว เสียงหัวใจเต้นแรงของเธอทำให้ชายหนุ่มสัมผัสได้



“ผมอยู่ที่นี่...พะลองอยู่ที่นี่ ไม่ต้องกลัวนะคะ”

ใจออกมาเห็นตกตะลึงทำอะไรไม่ถูก วรัชช์มาส่งเพื่อนพอดี เพื่อนเห็นกันลองอุ้มแพงขึ้นจากสระและพยายามผายปอด ก็ตกใจรีบวิ่งเข้ามา วรัชช์ตามติด ...รื่นจิตกลับมาถึงเห็นรถวรัชช์จอดขวางประตูก็แปลกใจ แต่พอเห็นกันลองผายปอดให้แพงจนรู้สึกตัวก็รีบวิ่งเข้ามาหา

ทุกคนยืนช็อก กันลองสั่งใจให้เอาผ้าห่มมาห่อตัวแพง แพงหมดสติไปอีกครั้ง วรัชช์เข้าช่วยอุ้มแพงเข้าบ้าน

กันลองจึงขอกลับไปเปลี่ยนเสื้อผ้าที่บ้าน เพื่อนอาสาเปลี่ยนเสื้อผ้าให้แพง วรัชช์ถือโอกาสลากลับ รื่นจิตรู้สึกใจหายอย่างบอกไม่ถูก จากนั้นเพื่อนออกมาขอคุยกับรื่นจิตในห้องหนังสือ หน้ารูปภาพแก้วขวัญ เพื่อนถามรื่นจิตอีกครั้ง “คุณคิดจะปิดบังฐานะที่แท้จริงของหนูไปตลอดชีวิตเลยใช่ไหมคะ”

“แพง...หนูพูดอะไรออกมา”

“ถึงตอนนี้คุณยังจะโกหกอีกเหรอ หนูรู้แล้วว่าคุณไม่ใช่แม่หนู!” รื่นจิตตกใจ “อย่าโกหกกันอีกเลยค่ะ บันทึกท้ายต้นฉบับเดือนประดับดาวนั่น สามีคุณเขียนไว้”

ไม่มีใครเห็นว่าแพงตามมายืนฟังอยู่หน้าห้อง...

รื่นจิตคิดถึงอดีต ที่มธุรสแนะนำให้แก้วขวัญขอเด็กที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้ามาเลี้ยง โดยที่เด็กนั้นมีคู่แฝด

แต่แก้วขวัญเห็นว่าสถานภาพตัวเขาเลี้ยงไหวแค่คนเดียว และทำเรื่องแจ้งเกิดให้ใหม่ แพงจึงมีใบเกิดเป็นลูกแก้วขวัญกับรื่นจิต

เพื่อนเห็นรื่นจิตยืนอึ้งก็ประชดประชันว่ามีความสุขกับการหลอกทุกคนว่าเป็นแม่ที่แท้จริงของแพงหรือ

รื่นจิตสะเทือนใจมากย้อนถามว่า ตลอดยี่สิบกว่าปีที่ผ่านมา แม่รักลูกต่างจากแม่คนอื่นตรงไหน แม่ผิดที่ปิดบังแต่ที่ทำไปก็เพื่อให้แพงเติบโตมาในครอบครัวที่สมบูรณ์ แม่เสียใจที่มองว่าแม่เป็นคนอื่น

รื่นจิตคิดว่าคนที่สมควรโกรธน่าจะเป็นเพื่อนหรือโฮป เพราะแก้วขวัญไม่ได้รับมาอุปการะด้วย ทั้งพ่อและแม่รักแพงมาก สายเลือดมันสำคัญกว่าความรักหรือ

เพื่อนน้ำตาไหลพราก “รักไม่รักหนูไม่อยากรับรู้ หนูรู้แค่ว่าคุณไม่ใช่แม่หนู...ขอบคุณสำหรับทุกอย่าง แต่รู้อะไรไหมคะ เพราะความรักของคุณนี่แหละ หนูถึงต้องกลายเป็นคนเลว!”

รื่นจิตชะงักไปชั่วอึดใจก่อนจะวิ่งตามเพื่อนที่หนีเข้าห้องไป ขณะเดียวกัน แพงยืนหลบมุมร้องไห้อย่างหนัก...กลางดึก เพื่อนเข้ามาหาแพงที่ห้อง แพงนอนน้ำตาไหลริน เปล่งเสียงเรียกเพื่อน...เพื่อนได้ยินโผกอดแพงทำนองเรายังมีกัน เธอต้องหายดี แพงกอดปลอบให้เข้มแข็งไว้

รุ่งเช้า เพื่อนตาบวมช้ำลงมาเห็นรื่นจิตเตรียมมื้อเช้าอยู่ก็ไม่สนใจ เดินไปทานมื้อเช้าที่บ้านกันลอง เขา ถามอาการโฮป เพื่อนบอกว่าเริ่มพูดได้บ้างแต่ยังไม่ชัด กันลองอาสาพาไปพบหมอ เพื่อนไม่พอใจบอกให้เขาจัดการลิสต์รายชื่อแขกที่จะเชิญมางานแต่งงานดีกว่า

เพื่อนนึกได้ ขอไปนอนที่บ้านเรือนหอก่อน อ้างว่าอยู่ใกล้กองถ่าย อยากมีสมาธิท่องบท กันลองไม่ขัดข้องแม้สงสัยว่าใครจะดูแลโฮป เพื่อนเหมือนรู้บอกว่าจะพาโฮปไปอยู่ด้วย

รื่นจิตเดินเข้ามาพร้อมโรยบุญ พูดขึ้นว่า “แม่จะดูแลเพื่อนให้เอง แพงอยากโฟกัสกับงานก็ไปเถอะ แม่แค่จะมาบอกแพงว่าบ่ายนี้แม่จะพาเพื่อนไปโรงพยาบาลเอง”

เพื่อนรู้สึกน้อยใจอย่างมาก รื่นจิตไม่สนใจเดินกลับไป...บ่ายวันนั้น รื่นจิตพาแพงพบหมอ ปรึกษาเรื่องที่เธอยังพูดไม่ได้ หมอตรวจเช็กแล้วบอกว่าอาการทุกอย่างดีขึ้น เรื่องพูดน่าจะอยู่ที่กำลังใจของคนไข้เอง เรื่องของจิตใจมันซับซ้อนมากไม่มียารักษา นอกจากให้กำลังใจ

รื่นจิตพาแพงออกมา เจอกันลองยืนรีรออยู่ เขาเป็นห่วงที่เมื่อคืนแพงตกน้ำ แพงหลบตาไม่กล้ามองเขา รื่นจิตฝากโฮปสักครู่ขอตัวไปเข้าห้องน้ำ กันลองชวนคุยและให้เข็มกลัดลูกเจี๊ยบที่ไก่ฟ้าทำออกมาเพื่อเป็นพรีเมียมบอกรักคนที่เรารัก

แพงก้มหน้างุดกลัวเขาจับได้ว่าตนคือแพงไม่ใช่โฮป รื่นจิตเดินกลับมาบอกกันลองว่าที่โฮปไม่พูดหมอบอกว่าเป็นเรื่องของจิตใจ

ตกเย็นกันลองมาที่บ้านเรือนหอกับเพื่อน ชวนคุยเรื่องโฮป เพื่อนไม่พอใจถามตกลงจะใช้เวลาอยู่ด้วยกันหรือจะถามเรื่องคนอื่น กันลองเผลอย้อนว่าโฮปไม่ใช่คนอื่นสำหรับตน เพื่อนไม่พอใจหาว่าตัวเองเป็นคนอื่นสำหรับเขา กันลองเข้าสวมกอดง้อทั้งที่ไม่เข้าใจอารมณ์เธอ ไม่ทันไรรื่นจิตเป็นห่วงที่ลูกยังไม่กลับโทร.หา แต่เพื่อนไม่รับสาย จึงใช้มือถือของใจโทร.ใหม่

“ถึงบ้านรึยัง ทานข้าวเย็นแล้วใช่ไหม...แพง...เพื่อนได้รับผลกระทบทางใจเรื่องอะไรรึเปล่า ถึงได้ไม่พูด”

เพื่อนยิ่งหงุดหงิดตอบไปว่าพรุ่งนี้จะพาเพื่อนมาอยู่บ้านใหม่ รื่นจิตสะท้อนใจ ถามกลับว่าแม่ยังเป็นแม่แพงอยู่หรือเปล่า เพื่อนสวนว่าแล้วแต่จะคิด รื่นจิตสะอึกพูดไม่ออก แพงเห็นอาการของแม่ จึงเอากระดาษมาเขียนข้อความให้ว่า

“ทะเลาะกับแพงเรื่องอะไรหรือคะ หนูเป็นผู้ฟังที่ดีนะ” รื่นจิตอ่านแล้วกอดโฮปน้ำตาร่วง

ooooooo

วันต่อมาหลังเลิกกอง จิตจีรังชวนวรัชช์กับเพื่อนไปกินเลี้ยงต้อนรับนนท์ที่ย้ายเข้ามาอยู่บ้านเธอ เพื่อนจะบ่ายเบี่ยงแต่จิตจีรังไม่ยอม ตื๊อจนเพื่อนต้องยอมไป

ในขณะที่รื่นจิตพาโฮปมาฝากกันลองดูแลที่บ้านเรือนหอ อ้างว่ามีงานด่วนต้องไปทำ ติดต่อแพงไม่ได้ แต่ความจริงแล้วทำตามแผนของมธุรส

ด้านเพื่อนสังสรรค์อยู่กับวรัชช์ จิตจีรังและนนท์ เล่นเกมหมุนขวดหยุดตรงกับใคร คนนั้นต้องตอบคำถามถ้าไม่ตอบโดนทำโทษ พอขวดหมุนมาตรงกับวรัชช์

จิตจีรังตั้งคำถามเรื่องแฝดของแพง ทำไมต้องปิดทุกคน เพื่อนแทรกว่าเรื่องนี้น่าจะถามตน พอขวดหมุนมาตรงเพื่อน

วรัชช์ชิงถาม “คุณไม่เคยรักผมเลยใช่ไหม...แม้แต่ครั้งเดียว” เพื่อนโกรธจ้องหน้าเขม็ง วรัชช์จี้ “จะยอมแพ้เหรอ” เพื่อนพยักหน้า เขาสั่งทำโทษ “งั้นจูบผมสิ”

จิตจีรังกับนนท์อ้าปากค้าง วรัชช์มองเพื่อนอย่างท้าทาย เพื่อนจ้องตอบไม่ลดละ กระชากคอเขาเข้ามาทำท่าจะจูบ วรัชช์กลับเป็นฝ่ายผลักเธอออก มองเธอด้วยแววตาเจ็บปวด เพื่อนมองอย่างท้าทาย นนท์กับจิตจีรังรีบแก้ไขสถานการณ์ให้ดีขึ้น

วรัชช์ยังแขวะเป็นระยะๆ นนท์เอ่ยถึงมธุรสว่าเดี๋ยวนี้ไม่เห็นโทร.มาถามเรื่องเขาเลย วรัชช์เหล่มองเพื่อนและตอบว่า ตอนนี้ตนเป็นคนดี รักเดียวใจเดียว ป้าเลยหมดห่วง คืนนี้ป้าก็มีนัดกับรื่นจิต คงจะเม้าท์กันยันดึกเหมือนเดิม

เพื่อนหลุดปากกังวลว่าเพื่อนจะอยู่กับใคร จิตจีรังสงสัยถามว่าแฝดเธอเป็นอะไรทำไมอยู่คนเดียวไม่ได้ เพื่อนเงียบ จิตจีรังโวย เมื่อไหร่จะเล่าเรื่องแฝดให้ฟัง ทำอย่างกับสลับตัวกัน เพื่อนสะดุ้งลุกเดินหนี วรัชช์ลุกตามออกไป

ขณะเดียวกัน รื่นจิตนั่งทานอาหารอยู่กับมธุรสที่ร้านแห่งหนึ่ง เนื่องจากเป็นวันครบรอบวันตายของคู่หมั้นมธุรส แผนของมธุรสคือให้กันลองได้อยู่กับแพงสองต่อสอง เพราะเชื่อว่ากันลองจะต้องรู้ว่าใครตัวจริงใครตัวปลอม รื่นจิตไม่ค่อยสบายใจด้วยเอ็นดูทั้งเพื่อนและแพง

ทันใดเพื่อนโทร.เข้ามา มธุรสดึงมือถือรื่นจิตมากดรับและเปิดสปีกเกอร์โฟน ได้ยินน้ำเสียงกระด้างของเพื่อนถามรื่นจิตว่า...เพื่อนอยู่กับคุณหรือเปล่า...รื่นจิตอึกอัก มธุรสตอบแทน

“หนูเพื่อนอยู่กับพวกเรานี่แหละ แพงจะมาทานข้าว ด้วยกันไหม”

เพื่อนรีบถามสถานที่ วรัชช์เข้ามาดึงมือถือเพื่อนไปคุยกับมธุรสเอง แล้วบอกว่าจะพาแพงไป เพื่อนไม่ค่อยพอใจแต่ต้องยอมเพราะยังไม่ค่อยรู้จักทาง

รื่นจิตร้อนใจที่มธุรสโกหกว่าโฮปอยู่ด้วย ถ้าแพงมาไม่เจอจะโกรธมากขึ้น มธุรสถาม

“นี่หมายความว่าทะเลาะกันมาก่อนแล้วเหรอ เมื่อกี้หนูแพงเขาเรียกรื่นว่าคุณซะเสียงแข็ง หรือว่า...เฮียเคยเตือนแล้วนะ ถ้าลูกรู้ความจริงช้า แกจะยิ่งเจ็บ คิดว่ารื่นเป็นแม่แท้ๆมาตลอดชีวิต อยู่มาวันหนึ่งรู้ว่าไม่ใช่คงจะจุกล่ะ แล้วนี่รู้ได้ยังไง รื่นไม่ได้บอกลูกเองใช่ไหม”

รื่นจิตส่ายหน้าเศร้าๆ มธุรสถอนใจปลอบว่า ด้วยความรักที่รื่นจิตมีให้จะทำให้ได้ลูกสาวคืน...ไม่นานเพื่อนเดินเข้ามาพร้อมวรัชช์ มธุรสเชื้อเชิญให้นั่งกินข้าวด้วยกัน เพื่อนมองหาแพงแล้วถามรื่นจิตเสียงขุ่นว่าเพื่อนอยู่ไหน มธุรสมองเพื่อนอย่างตำหนิ

“เพื่อนเขาอยู่กับกันลองที่บ้านเรือนหอของหนูน่ะ”

“แล้วทำไมคุณถึงต้องโกหกว่าเพื่อนอยู่ที่นี่” เพื่อนกราดเกรี้ยว

“เพราะเฮียอยากจับโกหกใครบางคนน่ะสิ” มธุรสโกรธ

รื่นจิตแตะแขนปรามและพยายามไกล่เกลี่ย ชวนเพื่อนไปรับโฮปที่บ้านเรือนหอ เพื่อนสะบัดเสียงใส่ว่าแฝดของตน ตนดูแลเองได้ รื่นจิตเป็นห่วงจะนั่งแท็กซี่ไปดึกดื่นได้อย่างไร

“คุณมีสิทธิ์อะไรมายุ่งกับหนูคะ คุณไม่ใช่แม่แท้ๆ ของหนู!” เพื่อนเดินออกไป

รื่นจิตมองวรัชช์เชิงขอร้องให้ไปกับเพื่อน มธุรสแขวะ ถ้าอกหักกลับมาไม่ต้องมาซบอก

วรัชช์วิ่งตามเพื่อนมาต่อว่าที่ทำให้แม่ร้องไห้แบบนั้น เพื่อนไม่ฟังแถมว่าอย่ามายุ่ง วรัชช์โต้

“คุณก็รู้ว่าห้ามผมไม่ได้หรอก คุณทำเป็นเก่งไปทุกเรื่อง แต่ที่จริงก็แค่เด็กขี้โกหกคนนึง”

เพื่อนโกรธคว้าแก้วน้ำสาดหน้าวรัชช์ตวาดให้เลิกตื๊อ เขาสุดทนแบกเพื่อนพาดบ่าเดินไป

ooooooo

กันลองทำซุปหัวหอมให้แพงซึ่งเขาเข้าใจว่าเป็นเพื่อนหรือโฮป แพงช่วยหยิบเครื่องปรุงส่งให้แต่ก็หยิบผิดตลอด กันลองขำบอกว่าเธอเหมือนแพง

เมื่อก่อนก็ไม่รู้จัก ไม่น่าเชื่อว่าตอนนี้ทำอาหารเก่งพอตักซุปใส่ชาม แพงใส่พริกไทยมากจนกันลองแปลกใจ

“เมื่อก่อนแพงก็ชอบทานพริกไทย แต่พักหลังมานี่ไม่ทานเลยบอกว่ามันฉุน ผมก็เพิ่งรู้ว่าแฝดเขาชอบไม่ชอบอะไรเหมือนๆกันด้วย เอ๊ะ แบบนี้สเปกผู้ชายจะเหมือนกันด้วยไหมครับ”

แพงหลบตาหน้าเครียดขึ้น เผลอปัดชามซุปร้อนกระฉอกใส่มือ กันลองรีบเอาน้ำแข็งมาประคบให้ แพงมองหน้าเขาที่อยู่ใกล้ด้วยหัวใจสั่นรัว

หลังทานเสร็จ ทั้งสองนั่งดูละครเดือนประดับดาวที่ออกอากาศด้วยกัน เป็นฉากเผยให้รู้ว่าพระเอกนางเอกรักกัน กันลองเปรยว่าแพงแสดงดีขึ้นมาก ไม่รู้เพราะอินกับคนที่แสดงด้วยหรือเปล่า...แพงน้ำตาคลออยากจะบอกความจริงลุกเดินไปนั่งตรงเปียโน เอานิ้วจิ้มตัวโน้ตสองสามตัว กันลองยิ้มแล้วเดินมานั่งข้าง

“อยากฟังเพลงไหมครับ ให้ผมเล่นให้ฟังไหม เพลงอะไรดีน้า...”

จู่ๆกันลองก็เล่นเพลงที่มักจะเล่นกับแพง ทำให้แพงน้ำตาร่วงเผาะ กันลองเข้าใจว่าเธอคงคิดถึงคนรักที่ต่างประเทศ จึงปลอบว่าอีกไม่นานเธอก็หายและได้กลับบ้าน

แพงยิ่งร้องไห้หนักขึ้น กันลองตกใจดึงเธอมากอดปลอบ แพงพยายามสงบสติอารมณ์ดันตัวออก แล้วใช้มือข้างหนึ่งเล่นเพลงเดียวกับที่เขาเล่น กันลองจึงเล่นอีกมือหนึ่ง ทั้งสองเล่นเข้าคู่กันจนจบเพลง

กันลองอึ้งชักจะมั่นใจอะไรมากขึ้น แต่ด้วยแพงไม่พูดความจริงออกมา จึงหันไปดึงกุหลาบจากแจกันมาดอกหนึ่ง มอบให้พร้อมบอกว่าสุขสันต์วันวาเลนไทน์ แพงรับดอกไม้แล้วสบตาเขา กันลองเผลอยื่นหน้ามาจูบหน้าผาก แล้วเลื่อนลงมาจะจูบปาก แพงได้สติผลักเขาออก ลุกเดินหนีเข้าห้องทันที กันลองสับสนว้าวุ่นและรู้สึกผิด

วรัชช์พาเพื่อนมาถึงหน้าเรือนหอ เพื่อนรีบร้อนจะเข้าไป วรัชช์ทนไม่ไหวคว้ามือเธอไว้ระบายความอัดอั้น “ผมรู้ทุกอย่างแต่ต้องแกล้งทำเป็นไม่รู้สักอย่าง รู้บ้างไหมว่ามันเจ็บแค่ไหน”

“แล้วคิดว่าไอมีความสุขมากงั้นสิ ที่ต้องมานั่งระแวงทุกวัน ว่ายูจะหักหลังบอกความจริงทุกคนวันไหน”

วรัชช์ดึงเพื่อนมากอดถามคิดหรือว่าคนอย่างตนจะหักหลังเธอได้ เพื่อนทุบหลังไหล่ไล่

“ไอบอกให้กลับไปไง! ไอบอกยูเป็นล้านครั้งแล้วนะ ว่าถ้าไม่มียูสักคน ชีวิตไอมันคงไม่วุ่นวายแบบนี้หรอก ยูมันน่ารำคาญที่สุด! ไปให้พ้นเลยนะ ไอไม่อยากเห็นหน้ายูอีกแล้ว”

“ด่าผมจบยัง รู้สึกดีขึ้นบ้างไหม ผมเข้าใจล่ะ ตั้งแต่พรุ่งนี้ไป ผมจะไม่มาให้คุณเห็นหน้าอีก เห็นผมหน้าด้านแบบนี้ ผมก็เหนื่อยเป็นนะ...ที่ผ่านมาผมอาจจะโง่เกินไปที่คิดอะไรไม่ออกเลย นอกจากรักคุณ ลาก่อนโฮป...” วรัชช์ดึงกุหลาบจากท้ายรถส่งให้ก่อนจะขี่รถกลับไป

เพื่อนกำกุหลาบอย่างเจ็บปวดใจ ทิ้งลงถังขยะก่อนจะตรงไปยังห้องนอน โดยไม่ทันเห็นกันลองเอนหลับอยู่ที่โซฟา...เพื่อนเข้าไปนั่งข้างแพงซึ่งนอนอยู่บนเตียง รำพันว่าตนเหนื่อยเหลือเกิน น้ำตาพรั่งพรูออกมา สักพักก็ลุกเข้าห้องน้ำ แพงลืมตาขึ้นมองอย่างไม่สบายใจ

อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วเพื่อนเดินออกมาถึงได้เห็นกันลอง ก็เข้าไปนั่งมองใบหน้า คิดว่าเขาไม่กลับเพราะฉลองวาเลนไทน์กับแพง เพื่อนจูบแก้มเขาแล้วเลื่อนตัวลงนอนหนุนตักเขา

รุ่งเช้ากันลองตื่นมาเห็นแพงนอนหนุนตักก็ยิ้มอย่างเอ็นดู ค่อยๆขยับให้เธอนอนสบายๆ ก่อนจะเข้าไปดูโฮป แล้วเขาต้องตกใจเมื่อพบว่าเธอหายตัวไป จึงรีบมาปลุกแพงให้ช่วยกันออกตามหา เพื่อนเห็นท่าทางกันลองห่วงแพงมากก็ตัดพ้อ

“ที่เมื่อคืนพะลองไม่ยอมกลับบ้านเพราะเป็นห่วงเพื่อนเท่านั้นใช่ไหมคะ...หวังว่าพะลองคงไม่ลืมว่าวันนี้เรามีแถลงข่าวงานแต่งงาน”

กันลองชะงักมองคนที่ตัวเองคิดว่าเป็นแพงอย่างไม่สบายใจ ตัดสินใจหันหลังออกไปตามหาโฮป เพื่อนมองด้วยสีหน้าเจ็บปวดใจ...กันลองออกมาถาม รปภ.หน้าหมู่บ้าน ได้ความว่าเธอเรียกแท็กซี่ออกไปแต่เช้ามืด

กันลองรีบโทร.หารื่นจิต แต่ดูเธอยังไม่รู้เรื่องอะไร จึงทำทีบอกว่าไม่ต้องมารับโฮป ตอนนี้ทั้งแพงและโฮปอยู่กับตน ตนจะไปส่งให้

ด้านเพื่อนเข้ามาค้นในห้องนอน พบว่าแพงหยิบเงินไปก็เอะใจเหลือบไปเห็นไอแพดเปิดค้างอยู่ที่รูปแชต เป็นภาพวรัชช์หอมแก้มเพื่อน มีข้อความว่า Hope, you love me ก็หน้าถอดสี

ooooooo

ในห้องพัก วรัชช์นอนสลบไสลจากการดื่มหนัก เสียงกริ่งห้องดังรบกวน เขาต้องลุกงัวเงียมาเปิดประตู หญิงสาวแนะนำตัวเองว่า...ฉันแพงอาภรณ์

“คุณจะเล่นเกมอะไรกับผมอีกโฮป...” วรัชช์ต่อว่า ดึงเธอมาดูแผลเป็นที่ต้นคอ แล้วต้องตกใจ “แพง! คุณพูดได้ตั้งแต่เมื่อไหร่”

“เรื่องนั้นช่างมันก่อนเถอะค่ะ ที่ฉันมาวันนี้เพราะอยากรู้เรื่องความสัมพันธ์ระหว่างคุณกับเพื่อนค่ะ...

คุณรักเพื่อนใช่ไหม” วรัชช์พยักหน้า “รักทั้งๆที่เพื่อนมีพะลองอยู่ทั้งคนน่ะเหรอ...นี่ที่เพื่อนเขาไม่เลือกคุณเพราะเขารักพะลองใช่ไหมคะ”

“เรื่องนี้ผมคงไม่มีสิทธิ์ตอบแทนเพื่อนครับ แต่...แพง ผมไม่อยากเสียเขาไป ผมรู้ว่าคุณเองก็ไม่อยากเสียกันลองไปเหมือนกัน...แพง เชื่อผมเถอะ ไม่มีใครแทนที่ใครได้หรอกนะ”

แพงครุ่นคิดสักพักก่อนจะขอให้วรัชช์ไปส่งที่แห่งหนึ่ง...ในขณะที่เพื่อนนั่งแท็กซี่กลับ ในมือกำดอกกุหลาบที่แพงวางทิ้งไว้ แล้วเพื่อนก็เห็นว่ามีกระดาษเล็กๆ ซ่อนอยู่ในกลีบกุหลาบ จึงหยิบมาคลี่อ่าน เป็นบทกลอนสั้นๆเขียนด้วยลายมือแพง บรรยายถึงดวงดาว ท้ายบทกลอนเป็นข้อความว่า...แพงจะคอยพะลอง ที่ที่เมื่อไหร่ก็เห็นดาว...เพื่อนอ่านแล้วครุ่นคิด

เพื่อนตัดสินใจมาที่ท้องฟ้าจำลอง เห็นแพงนั่งแหงนหน้าดูดาวอยู่ ก็เข้ามานั่งข้างๆแล้วเอ่ยขึ้น “วันที่พะลองพาไอมาที่นี่ เป็นครั้งแรกที่ไอคิดว่าไอชอบเขาเข้าแล้วจริงๆ ไอชอบผู้ชายที่มีความฝันและอ่อนโยน...แต่ความเป็นจริงกับความฝันมันต่างกันมาก  ต่างกันเกินไป ที่ผ่านมาไอเป็นคนเลือกแทนแพงมาตลอด แต่วันนี้ไออยากให้แพงเป็นคนตัดสินใจ เพราะนี่เป็นชีวิตแพง”

แพงไม่ตอบอะไรแต่เอื้อมมือไปกุมมือเพื่อน บีบแน่นและยื่นหน้ามากระซิบ...เราอยู่คู่กัน ก่อนจะลุกเดินออกไป เพื่อนหลับตาลงทอดถอนใจ...

ด้านกันลองโทร.สั่งงานปิติแล้วกลับมาที่บ้านเรือนหอ เห็นเค้กวาเลนไทน์ที่เพื่อนทำมาให้ทิ้งอยู่ในถังขยะ ก็รู้สึกผิด พอดีรื่นจิตทำงานอยู่แล้วเผลอปัดรูปถ่ายแพงหล่นก็สังหรณ์ใจ รีบโทร.หากันลอง เขาอึกอักอยู่สักพักก่อนจะสารภาพว่าโฮปหายตัวไป

ในขณะที่รื่นจิตตกใจ เพื่อนโทร.ซ้อนเข้ามา เธอรีบรับสายแล้วถาม รู้ไหมว่าโฮปหายตัวไป เพื่อนบอกว่ารู้ด้วยน้ำเสียงเย็นชา รื่นจิตร้อนใจจะให้แจ้งความ เพื่อนปัดและขอในสิ่งที่ทำให้รื่นจิตว้าวุ่นใจ

“เรื่องนั้นค่อยว่ากันทีหลังเถอะค่ะ แต่ตอนนี้คุณช่วยมางานแถลงข่าวแต่งงานของหนูที่สถานีด้วย...คิดเสียว่าทำหน้าที่แม่ให้แพงเป็นครั้งสุดท้ายก็แล้วกัน”

บรรยากาศในงานแถลงข่าว นักข่าวมารอทำข่าวมากมาย ทวิตตี้กระวนกระวายเพราะกันลองยังไม่มา ต่างจากเพื่อนที่นิ่งสงบ สักครู่กันลองวิ่งมา ทวิตตี้โล่งอกจับแขนเขาจะพาขึ้นเวที แต่เพื่อนกลับห้ามไว้ ให้เขารอข้างล่างก่อน ทวิตตี้คิดว่าแพงคงอยากพูดเรื่องงาน กันลองพยักหน้ารับ มือถือเขาดังขึ้น เห็นหน้าจอเป็นวรัชช์ก็ชั่งใจ พอแพงขึ้นเวทีจึงตัดสินใจรับสาย

อ่านละครเรื่อง เดือนประดับดาว ตอนที่ 10 วันที่ 1 ม.ค.61

ละครเรื่อง เดือนประดับดาว บทประพันธ์โดย จันทร์ รีจรูญ แอนเดอร์สัน
ละครเรื่อง เดือนประดับดาว บทโทรทัศน์โดย ระกาช่อนรูป
ละครเรื่อง เดือนประดับดาว กำกับการแสดงโดย มนัสนันท์ เลิศวงศ์สกุล
ละครเรื่อง เดือนประดับดาว ผลิตโดย บริษัท ดอร์เธอร์ โปรดักชั่น จำกัด
ละครเรื่อง เดือนประดับดาว ออกอากาศทุกวันพุธ-พฤหัสบดี เวลา 20.15 น.
ติดตามชม ละครเรื่อง เดือนประดับดาว ได้ทางไทยทีวีสีช่อง 3
ที่มา ไทยรัฐ