อ่านละครเรื่อง ระเริงไฟ ตอนที่ 6 วันที่ 12 ธ.ค.60
โจถึงกับหน้าซีดเมื่อถูกรถสปอร์ตคันหรูของเจ้านายปาดหน้ากะทันหัน ละล่ำละลักบอกว่าไม่รู้เรื่องลักพาตัว แต่เพราะชญานีเป็นคนสั่ง เขาเลยมั่นใจว่าเป็นคำสั่งเจ้านายจริงๆชาคริตโกรธมากเมื่อรู้ว่าทุกอย่างเป็นฝีมือชญานี แต่ไม่วายโทษไตรทศว่าอาจเป็นคนเสี้ยม ไตรทศกลับเข้างานมาได้ยินทุกอย่างและประกาศกร้าวไม่รู้เห็นเรื่องนี้ด้วย
“คุณตัดสินคนง่ายอย่างนี้เสมอหรือครับคุณชาคริต”
“ถ้าไม่ใช่นายแล้วจะเป็นใคร”
“งานง่ายๆอย่างนี้ คุณนีลงมือคนเดียวเองได้ ลืมไปแล้วเหรอว่าเธอเป็นน้องสาวใคร”
ไตรทศได้ทีแขวะถึงเรื่องเก่าๆตอนชาคริตใช้ความเป็นพี่ชายซ้อมเขาปางตาย ชาคริตโมโหมากลึกๆ แอบกลัวว่าญาดาจะเต็มใจหนีงานแต่ง แต่เขมิกาไม่คิดเช่นนั้นเพราะคนอย่างญาดาไม่มีทางทิ้งปัญหาให้คนอื่น เดือดร้อน
ดิลกสะใจที่ทำให้ชาคริตเต้นเป็นบ้าเป็นหลัง เช่นเดียวกับกมลพรรณกับปาริฉัตรที่เห็นคนในครอบครัวเมธาสิทธิ์วุ่นวายใจ ทัศนะเห็นท่าไม่ดี เตือนชาคริตให้ตั้งสติและกล่อมไตรทศให้บอกเรื่องชญานี
ไตรทศเห็นแก่พี่สาว ยอมเล่าเรื่องแอบตามชญานีไปถึงชั้นสองของโบสถ์ที่จัดงาน แต่ไม่แน่ใจว่าเธอหายตัวไปทางไหน ชาคริตกับทัศนะช่วยกันตามหา โดยไม่รู้เลยว่าชญานีพาญาดามาซ่อนในเขตหวงห้ามของโบสถ์
ญาดามองผ่านหน้าต่างในห้อง โล่งใจเมื่อเห็นว่าแขกยังอยู่ในงาน ชญานีเห็นว่าอีกฝ่ายดูกระวนกระวายเรื่องงานแต่งก็อดหัวเสียไม่ได้ ประกาศกร้าว
“ยังไงงานแต่งงานวันนี้ก็จะไม่เกิดขึ้น”
“คิดอะไรของคุณถึงทำเรื่องไม่เข้าท่าแบบนี้ ถึงงานแต่งงานวันนี้จะล่ม คุณคริตก็จัดงานแต่งใหม่ได้ แต่คุณน่ะสิ...คุณจะอยู่ดูหน้าใครๆได้ยังไง”
“มันเรื่องของฉัน! แล้วรู้ไว้ด้วยนะว่าพี่คริตไม่จัดงานเป็นครั้งที่สามให้ขายหน้าอีกแน่”
ชญานีเต้นผาง ญาดาพอเดาสาเหตุได้แต่ไม่ปลอบ กวนประสาทกลับ “เราไปแต่งงานกันที่เมืองนอกก็ได้ พี่ชายคุณรวยออกจะตาย เรามีเหตุผลที่จะต้องแต่งงานกัน...คุณไม่มีทางที่จะทำลายงานของเราได้”
“มีสิ! ถ้าไม่มีคุณ...ก็จะไม่มีงานแต่งงาน...ไปกับฉัน!”
พูดจบก็ควักมีดมาขู่ ญาดาจะขัดขืนแต่ชญานีไม่สน ลากเธอออกจากห้องหวงห้ามทันที
ooooooo
ชาคริตบุกมาถึงทางเข้าเขตหวงห้ามของโบสถ์ พร้อมทัศนะและไตรทศ เจ้าหน้าที่ดูแลไม่ยอมให้เข้า ชาคริตยิ่งโมโห เตะเก้าอี้แถวนั้นกระทบผนังเสียงดังสนั่น ญาดาได้ยินรีบตะโกนเรียกเขามาช่วย
“คุณคริต! ฉันอยู่นี่ ช่วยฉันด้วย”
ชญานีตกใจมากรีบลากตัวญาดาไปห้องริมระเบียง แต่อีกฝ่ายแอบใช้เท้าดันประตูไว้ และเพียงไม่นานชาคริตก็ตามมาพบและคว้าตัวเจ้าสาวของเขาไว้
ญาดาถูกชญานียื้อตัวไว้จนเสียหลักล้มแขนกระแทกพื้นเป็นแผลใหญ่ ชาคริตโกรธน้องสาวมากตวาดให้หยุดก่อเรื่อง ชญานีตกใจ ปล่อยมีดในมือหน้าซีดเผือด ทัศนะไปจับตัวไว้ ส่วนไตรทศรีบไปดูอาการของญาดา
ชญานีหัวเสียมากที่ทุกอย่างผิดแผน โพล่งอย่างเหลืออด
“พี่คริต! พี่คริตห้ามแต่งงานกับมันนะ!”
“บ้าไปแล้วหรือไงนี เธอทำแบบนี้ทำไม ถึงพี่จะแต่งงานไป เราสองคนก็ยังเหมือนเดิม”
ทัศนะกับญาดามองหน้ากันเครียดๆ ส่วนไตรทศเริ่มเหงื่อตกเพราะรู้ดีว่าชญานีจะระเบิดความจริงในใจ
“ไม่เหมือนเดิม...พี่คริตไม่เหมือนเดิม พี่คริตรักมัน นีจะอยู่กับพี่คริตแค่สองคน ทำไมต้องมีคนอื่น นีไม่ยอม! นีไม่ให้พี่คริตแต่งงาน นีรักพี่คริต ได้ยินไหมว่านีรักพี่คริต!”
ทุกคนถึงกับช็อก แต่คนตะลึงมากสุดคงหนีไม่พ้นชาคริต
“ไม่นะนี...ไม่ใช่...เธอรักพี่แบบนั้นไม่ได้”
“แต่นีรักพี่คริตไปแล้ว พี่คริตต้องยกเลิกงานแต่ง ไม่งั้นนีจะตายให้ดู!”
ขาดคำก็จะปีนระเบียงเพื่อกระโดด ทุกคนร้องห้าม ใจหายวาบ ชาคริตรู้สึกไม่ต่างกันแต่ทำใจแข็ง หันไปอุ้มญาดากลับไปที่งาน ก่อนสั่งทิ้งท้ายไม่ให้ใครห้ามชญานี...อยากตายก็เชิญ!
นิกกี้ถอนใจด้วยความโล่งอกที่ชาคริตพาตัวเจ้าสาวกลับมาที่งานได้ ต่างจากดิลก ผิดหวังเพราะเอาคืนชาคริตไม่ได้ ต้องยอมรับหน้าที่พ่อส่งตัวลูกสาวคนโตให้ว่าที่ลูกเขยที่แค้นแทบกระอัก
กำหนดงานดำเนินต่อ ไตรทศไม่ได้ไปร่วมงานแต่อยู่ปลอบใจชญานีที่ร้องไห้ปิ่มว่าจะขาดใจ
“พี่คริตไม่แยแสฉันเลย ฉันจะเป็นจะตายก็ไม่สำคัญเท่างานแต่งงานของเขา”
“พี่ชายคุณรู้อยู่แล้วว่าคุณไม่โดดลงไปแน่”
ไตรทศพูดตรงๆ ชญานีหันขวับด้วยความไม่พอใจ
“คุณคิดว่าฉันเล่นละครเรียกร้องความสนใจงั้นเหรอ”
“ผมเชื่อว่าคุณอยากตายจริงๆ แต่ถ้าคุณจะตาย...คุณต้องอยากตายต่อหน้าพี่ชายที่คุณรัก”
ชญานีถึงกับอึ้งเพราะเขาพูดแทงใจดำ
“พี่ชายตัดสินใจถูกแล้วที่เดินหนีคุณไป”
“หยุดสักที! แล้วหยุดพูดคำนี้ได้ไหม พี่ชายๆ...ฉันไม่อยากได้ยิน!”
เสียงร้องไห้ของเธอทำให้ไตรทศใจไม่ดีอย่างบอกไม่ถูก
“นายนั่นเป็นได้แค่พี่ชายคุณ...ไม่มีวันจะเป็นได้มากกว่านั้น”
“ฉันควรทำยังไงต่อไปดี”
“คุณต้องเข้าร่วมงานแต่งงานครั้งนี้ ถ้าคุณรักพี่ชายคุณจริง คุณต้องอยากเห็นเขามีความสุข...ไม่ใช่เหรอ”
ooooooo
ดิลกฝืนใจทำหน้าที่ส่งตัวญาดาให้ชาคริต บรรยากาศสวยงามรอบตัวและสีหน้าแสดงความยินดีของแขกเหรื่อไม่ได้ทำให้เขาหายคลุ้มคลั่ง และเมื่อทนไม่ไหวเขาก็ตัดสินใจเอ่ยกับญาดา...ลูกสาวที่เคยภาคภูมิใจ
“แกเลือกไอ้ชาคริตเท่ากับแกทรยศครอบครัว แกไม่ใช่ลูกสาวฉันอีกต่อไป!”
ญาดาสะกดอารมณ์ไม่ให้สะอื้นไห้ บาทหลวงรออยู่แล้วให้เจ้าบ่าวและเจ้าสาวเอ่ยคำสาบานตนเป็นสามีภรรยา ตามด้วยพิธีสวมแหวน ชาคริตรอจังหวะ...ทันทีที่เธอสวมแหวนให้เขาก็ดึงตัวมาจูบอย่างดูดดื่ม
แขกเหรื่อปรบมือเกรียวกราว เชื่อสนิทว่าเจ้าบ่าวเจ้าสาวรักกันจริงๆ คงมีเพียงคนในครอบครัวเมธาสิทธิ์และทัศนะเท่านั้นที่คิดว่าช่างเป็นการหลอกลวงที่สวยงามและแนบเนียนเหลือเกิน
ชาคริตพาเจ้าสาวหมาดๆออกจากโบสถ์เพื่อกลับห้องพักหรู แต่ก่อนไปญาดาต้องทำพิธีโยนช่อดอกไม้ให้ผู้โชคดีรายต่อไปก่อน หญิงสาวจงใจโยนไปทางเขมิกาแต่อีกฝ่ายหลบให้เพ็ญขวัญรับแทน
พิธีสุดท้ายจบลง แขกเหรื่อแยกย้ายกลับ นิกกี้ภูมิใจมากที่ทุกอย่างลงตัว เขาเดินไปส่งเจ้าบ่าวเจ้าสาวที่รถ พร้อมชญานีที่เดินคอตกมาขอโทษพี่ชาย ชาคริตโล่งใจที่น้องสาวบุญธรรมไม่ฆ่าตัวตายแต่แข็งใจมาส่ง
แต่กระนั้นก็ยังทำเฉยเพื่อทำโทษและพาญาดาออกจากงานทันที
ท่าทางมึนตึงของชาคริตทำให้ชญานีหัวใจสลาย ร่ำไห้และทรุดตัวกับพื้นแบบไม่แคร์สายตาใคร ไตรทศสงสารต้องตามประกบและปลอบไม่ให้คิดสั้นอีก
ญาดาไม่ได้สนใจคนอื่น มัวคิดมากคำพูดของพ่อที่ตัดขาดความเป็นพ่อลูก ชาคริตเข้าใจความรู้สึกเธอดี แม้ทุกอย่างจะเป็นส่วนหนึ่งของแผนแต่เขาไม่เคยคิดทำร้ายใจเธอขนาดนี้ เขาเอื้อมไปกุมมือเหมือนจะปลอบ ก่อนจะสบตาเธอนิ่ง ญาดาสัมผัสได้ถึงความจริงใจไม่เหมือนทุกครั้ง เอ่ยเสียงเบา
“คุณก็ไม่ใช่ซาตานไปทุกวินาทีนี่”
ชาคริตสวมบทพ่อพระได้ไม่นาน ทันทีที่ถึงห้องพัก ก็สวมวิญญาณพระเอกจอมหื่นอุ้มเจ้าสาวหมาดๆข้ามธรณีประตูไปห้องนอน แถมเสนอตัวช่วยถอดชุดเจ้าสาว ญาดารีบห้ามและขอเวลาส่วนตัวสักพัก ชาคริตยอมให้แค่ครึ่งชั่วโมง เธอต้องอาบน้ำแต่งตัวและออกไปเจอเข้าข้างนอก
ทัศนะจะทิ้งช่อดอกไม้ที่น้องสาวรับได้ แต่เพ็ญขวัญไม่ยอมเพราะเป็นครั้งแรกที่ได้ทำอะไรแบบนี้ เขมิกาเห็นท่าทางเหมือนจะแพ้เกสรดอกไม้ของเพ็ญขวัญก็เป็นห่วง ตามไปส่งถึงบ้านและดูแลให้พักฟื้นอย่างดี
“คุณขวัญแพ้เกสรดอกไม้ เขมขอโทษจริงๆค่ะ”
“ขอโทษทำไมคะ...ขวัญต้องขอบคุณคุณเขม
ที่ยอมหลีกทางให้ ดอกไม้หอมมากๆเลย ไม่ได้กลิ่นดอกไม้นานจนลืมไปแล้ว ขวัญไม่มีทางได้เป็นเจ้าสาวของใคร แล้วยังทำให้พี่นะไม่ได้แต่งงานอีก”
“คุณขวัญคิดมากไปเอง”
เพ็ญขวัญส่ายหน้า ยิ้มบางๆเหมือนคนปลงแล้ว “พี่นะเคยมีแฟนนะคะ แต่แฟนพี่นะไม่สามารถแบ่งพี่นะกับขวัญได้ ใครจะมาทนดูแลน้องสาวแฟนขี้โรคได้ เขาบอกว่ามาบ้านนี้ทีไรรู้สึกหดหู่ทุกที”
“อย่าไปฟังค่ะ เขมมีความสุขทุกครั้งที่ได้มาบ้านนี้ คุณขวัญทำให้เขมคิดอะไรได้หลายอย่าง ผู้หญิงที่รักคุณนะแต่ไม่รักคุณขวัญ...ตัดออกไปจากชีวิตได้เลยค่ะ”
ท่าทางเป็นเดือดเป็นร้อนแทนของเขมิกาทำให้เพ็ญขวัญตัดสินใจแกล้งถาม
“คุณเขมรักขวัญใช่ไหมคะ”
เขมิกาตามไม่ทัน ตอบรับทันควัน เพ็ญขวัญถึงกับยิ้มร่า
“คุณเขมรักขวัญก็ต้องรักพี่นะด้วย...ตามกฎของคุณเขมไงคะ”
ทัศนะแอบได้ยินทุกอย่างถึงกับชะงัก หน้าแดงก่ำด้วยความเขิน แต่คงไม่เท่าเขมิกาที่หันมาเห็นเขาพอดี
ooooooo
วางแผนชงแล้วเพ็ญขวัญก็ขอตัวดื้อๆ ทิ้งทัศนะกับเขมิกาจ้องหน้ากันตามลำพัง ทั้งเขินทั้งประหม่าจนไม่มีใครยอมเปิดปาก สุดท้ายก็เป็นคุณหนูคนสวยที่ทนไม่ไหว โพล่งขึ้น
“คุณเป็นคนสอนคุณขวัญหรือเปล่าคะ”
“คุณเป็นคนตั้งกฎนี้ขึ้นมาเอง รักพี่ก็ต้องรักน้องด้วย รักน้องก็ต้องรักพี่ด้วย ไม่งั้นโดนตัดออกไปจากชีวิต!”
“เขมเปล่าซะหน่อย เขมเห็นว่าคุณขวัญโทษตัวเองผิดๆ คุณนะไม่มีแฟนเพราะคุณนะไม่กล้าจีบผู้หญิงต่างหาก ไม่เกี่ยวอะไรกับน้องสาวเลยสักนิด”
“ผมไม่กล้าจีบผู้หญิงที่ไม่โสด”
“แต่ถ้าโสดและไม่มีพันธะใดๆแล้ว แถมยังคิดเป็นมากขึ้น เป็นผู้ใหญ่มากขึ้นอีกด้วย...”
เขมิกาเปิดใจเสียงเรียบ แต่สร้างความตกตะลึงให้ทัศนะมาก หัวใจเต้นแรงด้วยความรู้สึกบางอย่าง แต่ยังอยากถามเธอให้แน่ใจเรื่องชาคริต
“ไม่มีพันธะยังไม่พอ จะต้องไม่มีเยื่อใยต่อกัน ไม่รู้สึกเจ็บปวดเวลาที่เห็นเขาอยู่กับคนอื่น”
คุณหนูคนสวยรู้ดีว่าเขาคาใจเรื่องชาคริต เลยอยากเคลียร์ให้เข้าใจ “มันเจ็บแสบมากกว่าเจ็บปวดค่ะ...พูดกันตรงๆเลยก็ได้ ถ้าคุณจะให้เขมลืมรักแรกลืมทุกสิ่งทุกอย่าง คุณคงต้องรอไปก่อน”
พูดจบก็เดินหนี ทัศนะตามไปจับมือไว้ ก่อนจะสารภาพความในใจ
“ผมไม่ได้หมายความว่าให้ลืมหมดทุกอย่าง แล้วนี่ผมต้องรอไปถึงเมื่อไหร่ครับ”
“ไม่รู้ค่ะ ถ้าเชื่อใจกันก็ต้องรอ!”
“รอก็รอครับ”
เมื่อเรื่องความรักตกลงกันได้ เรื่องอื่นๆก็ไม่ยาก ทัศนะพาเขมิกามาดูห้องทำงานใหม่ที่เขาเตรียมไว้ให้เพ็ญขวัญ เขาอยากลาออกจากทีมาร์ทเพื่อเริ่มต้นธุรกิจเล็กๆและเตรียมทุกอย่างให้น้องสาวหากเขาเป็นอะไรไป
เขมิกาเข้าใจว่าเขากับน้องสาวเป็นกำพร้าและกลัวความไม่แน่นอน แต่อดไม่ได้จะถามถึงชาคริตที่น่าจะเป็นกำพร้าเหมือนกัน ทัศนะหึงและตัดพ้องอนๆให้เธอลืมอดีตคู่หมั้นให้ได้ค่อยแวะมาที่นี่และคุยกันใหม่
“อย่าให้ผมฝันอยู่ฝ่ายเดียวเลยนะคุณเขม”
ทัศนะปึงปังออกไปแล้ว ทิ้งเขมิกาให้มองตามอึ้งๆ คิดไม่ถึงว่าเขาจะอ่อนไหวและขี้งอนขนาดนี้
ooooooo
ท่าทางกรุ้มกริ่มของชาคริตทำให้ญาดาหวั่นใจไม่น้อย ยิ่งเห็นว่าห้องนอนส่วนตัวของเธอล็อกไม่ได้ ยิ่งประสาทเสีย แต่ก็เก็บอาการ ทำเป็นไม่รู้สึกรู้สาทั้งที่กลัวเขาปล้ำจะแย่
ชาคริตเห็นเธอกลัวยิ่งอยากแกล้ง ขยับไปใกล้จนเห็นใบหน้าแดงก่ำของเธอ
“คุณอายุเท่าไหร่แล้ว ทำอายเป็นเด็กๆไปได้”
“ฉันหน้าไม่หนาเท่าคุณนี่ ฉัน...ยังไม่พร้อม!”
ญาดาแหวลั่น ชาคริตต้องกลั้นยิ้มแทบแย่ ก่อนจะเลิกแหย่และชวนเธอไปกินข้าว
บรรยากาศสวยงามในห้องพักหรูไม่ได้ทำให้ญาดาเคลิ้ม หญิงสาวไม่ชอบความคับแคบของคอนโดเพราะชอบอยู่บ้านกว้างๆมากกว่า และอดไม่ได้จะค่อนแคะชาคริต...สามีหมาดๆ
“คุณเป็นคนกระด้างเพราะคุณไม่มีบ้านนี่เอง ทำตัวเป็นคนไร้ราก นึกว่าเท่เหรอ ฉันว่าน่าเห็นใจออก... คุณพ่อเคยบอกว่าเราจะชั่วดีถี่ห่างยังไงเราก็ยังเป็นครอบครัวเดียวกัน”
“แล้วงานแต่งงานวันนี้...พวกคุณยังเป็นครอบครัวเดียวกันอยู่หรือเปล่าล่ะ”
คำพูดแทงใจดำทำให้ญาดาเจ็บจี๊ดและพานกินข้าวไม่ลง ชาคริตแอบรู้สึกผิดแต่ขอโทษไม่เป็น ได้แต่เฉไฉเปลี่ยนเรื่องถามถึงแผลที่เธอได้มาตอนถูกชญานีลักพาตัว
“เธอไม่ได้ตั้งใจ ทุกอย่างที่คุณนีทำไปก็เพราะว่าเธอรักคุณ”
“พอ...ผมไม่อยากฟัง”
“คุณหนีปัญหานี้ไปไม่ได้หรอกนะ ถ้าคุณไม่ได้รักเธอ คุณต้องทำให้เธอเข้าใจความรู้สึกของตัวเอง เธออาจจะผูกพันกับคุณจนแยกความรู้สึกไม่ออกว่าเธอรักคุณเหมือนพี่หรือรักคุณยิ่งกว่านั้น”
ยิ่งฟัง ชาคริตก็ยิ่งรู้สึกผิดเพราะไม่เคยเคลียร์เรื่องนี้กับชญานี แม้จะพอเดาความรู้สึกอีกฝ่ายได้แต่ไม่อยากสนใจหรือยอมรับ และญาดาก็กดดันจนเขาต้องรับปากแบบไม่เต็มใจนัก
อ่านละครเรื่อง ระเริงไฟ ตอนที่ 6 วันที่ 12 ธ.ค.60
ละครเรื่อง ระเริงไฟ บทประพันธ์โดย โสภี พรรณรายละครเรื่อง ระเริงไฟ บทโทรทัศน์โดย พิมพ์ธนา และ เอกชยา
ละครเรื่อง ระเริงไฟ กำกับการแสดงโดย กฤษฎา เตชะนิโลบล
ละครเรื่อง ระเริงไฟ ผลิตโดย บริษัท ชิติเช่น เคน จำกัด
ละครเรื่อง ระเริงไฟ ออกอากาศทุกวันจันทร์-อังคาร เวลา 20.15 น. ทางไทยทีวีสีช่อง 3
ละครเรื่อง ระเริงไฟ เริ่มออกอากาศตอนแรกวันจันทร์ที่ 4 ธันวาคม 2560
ที่มา ไทยรัฐ