อ่านละครเรื่อง เดือนประดับดาว ตอนที่ 7 วันที่ 18 ธ.ค.60

อ่านละครเรื่อง เดือนประดับดาว ตอนที่ 7 วันที่ 18 ธ.ค.60

วันต่อมาเป็นการถ่ายฉากเล่นวอลเลย์บอล เพื่อนทำไม่ได้อีก วรัชช์ออกโรงแก้ต่างให้ว่าตัวเองทำให้เธอเสียสมาธิ ผู้กำกับสั่งพัก เพื่อนจะเดินออกจากสนามสะดุดลูกบอลล้ม วรัชช์ถลาเข้าประคอง เสื้อเธอถลกขึ้นมา ทวิตตี้กลัวมีภาพหลุด รีบแทรกเข้าดึงแพงออกมา ปากก็บ่นว่าเมื่อไหร่ลูกสาวจะท็อปฟอร์มเหมือนเดิมเสียที วรัชช์แปลกใจที่อุบัติเหตุทำให้แพงโก๊ะขึ้นได้

หลังเลิกกอง ทวิตตี้มีงานต่อให้กันลองมารับแพงกลับบ้าน เพื่อนรู้สึกเหนื่อยใจอย่างมาก พอกันลองเอาอกเอาใจเพราะเข้าใจว่าตนเป็นแพง ก็ทนไม่ไหวร้องไห้โฮออกมา

กันลองตกใจจอดรถข้างทางหันมาปลอบ เพื่อนรำพันว่าตนเป็นคนงี่เง่าเอาแต่ใจมากเลยใช่ไหม กันลองบอกไม่เคยคิดแบบนั้น ตนดีใจเสียอีกที่แพงเผยด้านที่คนอื่นไม่เห็นกับตนคนเดียว ตนพร้อมแชร์ความทุกข์และความสุขกับเธอ ไม่ว่าเธอจะทำอะไรไม่มีเหตุผล ตนก็จะอยู่ใกล้ๆเธอ



“แพงไม่สบายใจเรื่องอะไรคะ พะลองพร้อมจะเข้าใจแพงทุกเรื่องนะ”

“จะเป็นไปได้ไหมคะ ถ้าแพงขอยกเลิกงานโฆษณาของพะลอง แพงยังไม่พร้อม กลัวทำงานของพะลองเสีย”

กันลองตกใจแต่ทำเป็นยิ้มกลบเกลื่อน พอรถจอดหน้าบ้าน เขาก็ถามขึ้นว่าอยากได้คนช่วยซ้อมบทไหม จะได้ไม่ต้องรบกวนใครอีก เพื่อนเห็นหน้าเขายิ้มก็ปฏิเสธไม่ออก

ค่ำนั้นพอรื่นจิตหลับแล้ว กันลองปีนขึ้นห้องแพง เพื่อนเห็นชุดที่เขาใส่เป็นกางเกงขาสั้นลายตลกก็ขำ ผมเขาเปียกกระเซิง จึงเอาผ้าขนหนูมาเช็ดผมให้ ทำให้กันลองบ่นว่าตั้งแต่โตขึ้นมาแพงไม่เคยเช็ดผมให้เขาอีกเลย เพื่อนอึกอักเปลี่ยนเรื่อง ถามเขาโกรธไหมเรื่องพรีเซ็นเตอร์

“ปัญหาเรื่องงานวันนึงมีร้อยแปด คราวนี้พะลองก็ต้องผ่านพ้นมันไปให้ได้เหมือนทุกครั้งแหละค่ะ” เพื่อนขอโทษที่ทำให้ลำบาก กันลองลูบหัวอย่างเอ็นดู “พรีเซ็นเตอร์หาใครมาเป็นก็ได้ แต่พะแพงของพะลองมีคนเดียวนี่นะ”

เพื่อนเขินยื่นบทให้กันลอง พอดีเป็นฉากกุ๊กกิ๊ก เขาจึงนอกบทตลอดจนเพื่อนหมั่นไส้เอาหมอนฟาด กลายเป็นหยอกเย้ากันสนุกสนาน กันลองเคลิ้มดึงเธอเข้ามากอดและหอมแก้ม เพื่อนสะดุ้งขยับออกห่างแล้วขอให้เขากลับได้ กันลองไม่ยื้อกลับแต่โดยดี เพื่อนหน้าเครียดหวั่นใจ

ooooooo

มีเพียงรายการทำอาหารของมิ้งค์ที่เพื่อนทำได้ดีจนทีมงานปรบมือกราว เพื่อนไหว้ขอบคุณทีมงานทุกคน ทวิตตี้ปลื้มปริ่ม พอมิ้งค์จะคุยเรื่องคอนเซปต์ต่อไป เพื่อนแทรกว่าจะไม่ขอทำรายการนี้แล้ว ทั้งทวิตตี้และมิ้งค์ตกใจ คิดว่าแพงเหนื่อยจึงพูดออกมา แต่เพื่อนให้เหตุผลว่า

“หนูรับปากใครคนหนึ่งเอาไว้ค่ะ ไม่อยากให้เขาต้องกังวลอีก จริงๆตัวหนูเองไม่ได้ถนัดพวกงานในครัวเท่าไหร่ด้วยค่ะ”

ทวิตตี้รีบถามว่ากันลองหรือรื่นจิต เพื่อนปัดว่าขอโฟกัสแค่งานแสดงอย่างเดียวจะดีกว่า ว่าแล้วก็ยกมือไหว้ก่อนจะเดินออกไป ทวิตตี้กับมิ้งค์ยืนเงิบ มองหน้ากันงงๆ

เพื่อนมาเยี่ยมแพงที่ยังนอนไม่ได้สติ จับมือแพงรำพัน ทำไมตนต้องยึดติดอยู่กับผลดีเอ็นเออยู่ได้ ทั้งๆที่รู้ว่าเราสองคนแทบจะเหมือนเงาของกันและกัน...เพื่อนคิดถึงที่ผ่านมา ครั้งที่อยู่ด้วยกันในห้องพักโรงแรม ช่วยกันค้นหาเรื่องของฝาแฝด ได้ความว่าทางทฤษฎี หากแฝดยืนหันหน้าเข้าหากัน จะเหมือนเงาสะท้อนในกระจก และก็จริงเพราะแพงถนัดขวาแต่เพื่อนถนัดซ้าย

เพื่อนคิดถึงวันที่แพงแต่งหน้าให้และเราก็ได้เห็นว่าเรามีสิวขึ้นที่เดียวกัน แล้วภาพวันที่เกิดอุบัติเหตุก็ผุดขึ้น แพงเอาตัวเข้าปกป้องเพื่อนตอนรถพุ่งชนตอม่อ...เพื่อนร่ำไห้แทบขาดใจ

ในขณะเดียวกัน กันลองถูกชลลดาต้อนให้จนมุม ว่าเขาไม่อาจหาพรีเซ็นเตอร์มาแทนแพงอาภรณ์ได้ จะกลับไปใช้รูปแบบการโฆษณาแบบเดิม กันลองแย้งในที่ประชุมว่า ทุกคนเห็นแล้วว่ายอดขายไม่กระเตื้องขึ้นตลอดสิบปีที่ผ่านมานี้ ตนขอให้เลื่อนแคมเปญออกไปก่อน ตนเชื่อว่าจะโน้มน้าวแพงให้กลับมาเป็นพรีเซ็นเตอร์ได้ ทุกคนไม่มีใครค้านแต่ก็ไม่กล้าเห็นด้วย

ด้านรื่นจิตมาปรับทุกข์กับมธุรสเรื่องแพงที่ดูแปลกไป ดูเก็บตัวหมางเมิน เหมือนมีอะไรจะพูดแล้วไม่พูด ทั้งที่ก่อนหน้านี้ก็ดูจะสนิทกันขึ้นแล้ว มธุรสพูดออกไปอย่างที่เห็น

“ตั้งแต่แรกมาเธอก็ตั้งกำแพงกับลูกโดยที่เธอไม่รู้ตัว เพราะเธอคิดว่าแพงไม่เอาเธอ เอาแต่พ่อ ของแบบนี้สะสมมาหลายปี มันต้องใช้เวลา...เธอนั่นล่ะสร้างปัญหาแล้วเธออีกนั่นล่ะเป็นคนเดียวที่จะแก้ปัญหาได้ เอาจริงๆเลยนะ เฮียเห็นว่าหนูแพงก็พยายามปรับตัวตลอด ถึงคราวเธอต้องออกโรงบ้าง...ดูแลลูกแล้วก็อย่าลืมดูแลตัวเองด้วย โรคนอนไม่หลับเป็นนานๆก็น่ากลัวนะ”

รื่นจิตพยักหน้ารับ รู้สึกสบายใจขึ้น...ค่ำนั้นพอกลับบ้านมาเจอเพื่อนที่เข้าใจว่าเป็นแพง รื่นจิตจึงขอคุยด้วย เพื่อนทำท่าไม่ค่อยอยากคุยอยากขึ้นห้องนอน ผู้เป็นแม่ถามขึ้นอย่างห่วงใย

“ตั้งแต่ออกจากโรงพยาบาล ทำไมแพงดูหงุดหงิดง่าย ทำท่าเหมือนไม่ค่อยอยากคุยกับแม่เลย มีเรื่องกลุ้มใจอะไร หรือยังเจ็บตรงไหนบ้างหรือเปล่าลูก”

เพื่อนตอบว่าแค่เหนื่อย รื่นจิตโล่งอกคิดว่าลูกโกรธ เพื่อนย้อนถามตนมีสิทธิ์โกรธหรือ ผู้เป็นแม่ดึงลูกเข้ามากอดบอกถ้าเหนื่อยก็พัก พร้อมเมื่อไหร่ค่อยกลับไปทำ แม่เชื่อว่าไม่นานแพงจะกลับเป็นเหมือนเดิม เพื่อนดันตัวออกจากอ้อมกอดถาม

“แล้วถ้าหนูไม่กลับไปเป็นแพงคนเดิมล่ะคะ”

“ทำไมคิดอย่างนั้นล่ะ แม่ว่าหนูแค่ต้องการปรับตัว หนูเพิ่งเจอเรื่องร้ายมา ก็ต้องมีเหนื่อยมีท้อเป็นธรรมดา แต่เชื่อเถอะ คนเก่งอย่างแพงล้มไม่นานก็ต้องลุกขึ้นมาได้” เพื่อนน้ำตาซึม รื่นจิตตกใจที่เห็นลูกร้องไห้ รีบถามเป็นอะไร

เพื่อนแสร้งว่าสงสารเพื่อนที่ยังไม่ฟื้น เขาถูกพ่อแม่ทิ้งไว้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าตั้งแต่เกิด เจ้าของไข้ตอนนี้ก็ไม่ใช่ญาติแท้ๆ...เพื่อนแอบจับปฏิกิริยารื่นจิต เธอแสดงความเห็นใจเท่านั้น เพื่อนเหน็บ คนที่เขาทิ้งลูกตัวเองนี่เขาทำได้อย่างไร รื่นจิตกลับบอกว่าแต่ละคนมีเหตุผล ไม่มีใครตอบแทนได้ เพื่อนยิ่งผิดหวัง ยิ้มอย่างขมขื่นขอตัวกลับไปนอน รื่นจิตไม่เข้าใจอารมณ์ลูกอยู่ดี

ooooooo

โรยบุญหอบรูปนางงาม นางแบบมาให้กันลองเลือกจากคำสั่งของชลลดา กันลองเครียดหาทางทำให้แม่เข้าใจและยอมรับในการเปลี่ยนแปลงโฆษณาแบบเก่าๆให้ได้

เพื่อนพยายามจะเป็นแพงให้ได้ทุกกระเบียดนิ้ว เอามาส์กมาแปะหน้าเพื่อบำรุงอย่างที่แพงทำ ระหว่างรอก็เปิดเพลงร็อกที่ชอบแล้วหยิบรีโมตมาทำเป็นไมโครโฟน ร้องและกระโดดโลดเต้นไปตามจังหวะเพลง...กันลองหอบงานออกมานั่งที่สนาม มองไปเห็นแพงเต้นอยู่ตรงระเบียงก็หัวเราะออกมา แอบปาก้อนหินใส่ให้รู้ว่าตนกำลังปีนข้ามรั้วไปหา

เสียงเพื่อนร้องโอ๊ยเพราะก้อนหินโดนแขน กันลองเขียนข้อความใส่กระดาษชูให้อ่าน ถามเจ็บไหม ทำไมยังไม่นอน เพื่อนหยิบไอแพดมาเขียนตอบด้วยโปรแกรมโกลวดรอว์ตลกๆ สุดท้ายกันลองก็โทร.คุย บอกถ้านอนไม่หลับให้นับแกะ หรือจะให้ตนนับให้เหมือนเมื่อก่อน เพื่อนรู้สึกว่ากันลองกับแพงมีอะไรผูกพันกันเยอะ จึงตัดบทว่าง่วงแล้วขอเข้าไปนอน

เพื่อนล้มตัวลงนอนอยากตะโกนว่าตนไม่ใช่ผู้หญิงของเขา เพื่อนว้าวุ่นใจนอนไม่หลับ เอามือถือมากดโทร.หาเฟยหลันแล้วรีบตัดสายเพราะรู้ว่าถ้าคุยด้วย เธอต้องไม่เข้าใจและให้ตนกลับออสเตรเลียแน่...เฟยหลันตื่นมารับโทรศัพท์พอเห็นเป็นชื่อโฮปก็ดีใจรีบโทร.กลับ แต่ทางนั้นไม่รับสายก็บ่นว่า อย่าให้ถึงวันหยุดนะ จะไปง้างปากโฮปให้พูดว่าเกิดอะไรขึ้น

เพื่อนพยายามท่องบทแต่ไม่เข้าใจความหมายหลายคำ บางคำก็อ่านออกเสียงไม่ถูก เช่นคำว่าเมาหยำเป เธอออกเสียงว่ายำเป๋ ย้ำเป้...ไม่รู้จะถามใครได้ หันมาซ้อมท่ากระโดดตบลูกบอลแทนจนหมดแรงฟุบหลับข้างเตียง รื่นจิตเข้ามาเจอ ประคองลูกขึ้นนอนบนเตียงแล้วจูบที่หน้าผากอย่างรักใคร่ เพื่อนแอบน้ำตาซึมเมื่อรื่นจิตกลับออกไปแล้ว

“หนูผิดตรงไหนคะแม่ ทำไมแม่ไม่รักหนูบ้าง...หนูจะพิสูจน์ให้แม่เห็นเองว่าหนูเป็นลูกสาวแม่ที่ไม่ได้ด้อยไปกว่าแพง”

รุ่งเช้า เพื่อนตื่นมาพยายามทำตัวให้ร่าเริง รื่นจิตทำซุปฟักทองให้ทาน เธอบอกเพื่อนว่า เห็นลูกกินหวานขึ้นแต่ไม่อยากให้อ้วน จึงหาฟักทองหง่อมๆมาทำ เพื่อนฟังแล้วเข้าใจว่า คำว่าหง่อมแปลว่าหวาน พอรู้ว่าแม่ลางานเพื่อดูแลตนก็ดีใจ ชวนแม่ออกไปกินข้าว ร้องคาราโอเกะ

รื่นจิตตามใจลูกทั้งที่ตัวเองเกร็งไม่เคยเที่ยวกับลูกแบบนี้ แต่เพื่อนก็โน้มน้าวจนรื่นจิตร่วมร้องเพลงด้วยอย่างสนุกสนานแม้จะร้องเพี้ยนไปคนละทางสองทาง...จนเหนื่อยหมดแรง เพื่อนบอกรื่นจิตว่า แม่ของแพงยิ้มสวยที่สุดในโลก รื่นจิตรู้สึกอบอุ่นใจ จู่ๆเพื่อนก็ขอให้รื่นจิตเรียกตนว่าหนูแทนชื่อแพง อ้างว่าอยากให้พิเศษกว่าใคร

เสร็จจากร้องคาราโอเกะ รื่นจิตพาแพงมาให้หมอตรวจตามนัด หมอบอกไม่มีอะไรต้องห่วงอีก รื่นจิตคิดอยากแวะเยี่ยมเพื่อนของแพง เพื่อนหน้าเสียแต่ไม่รู้จะขัดอย่างไร โชคดีที่แพงนอนหันหลังให้ แม่จึงไม่เห็นหน้า พยาบาลเอาซองของมีค่าของแพงให้เพื่อนเพราะเห็นว่าเป็นเจ้าของไข้โดยที่รื่นจิตไม่ทันเห็น

บ่ายวันเดียวกัน กันลองสรุปกับชลลดาว่า จะไม่เลือกนางแบบที่แม่คัดมาให้เลือก โดยให้เหตุผลว่า ทั้งหมดเป็นนางแบบเซ็กซี่ที่รู้จักในหมู่ผู้ชายเท่านั้น แต่เป้าหมายของยาสตรีไก่ฟ้าสูตรใหม่นี้ คือสาวแรกรุ่นไปจนสาวใหญ่ แล้วใช้พรีเซ็นเตอร์ที่ผู้หญิงไม่รู้จักจะเปรี้ยงได้อย่างไร ชลลดาทึ่งในความเห็นของลูก แต่ทำนิ่งวางฟอร์ม

เย็นวันนั้นเพื่อนกับรื่นจิตกลับถึงบ้านพร้อมกับกันลอง เขาเข้ามาทักทาย พอรู้ว่าแพงไปหาหมอก็บ่นว่าคราวหลังให้ตนพาไปก็ได้ จะได้ไม่รบกวนเวลารื่นจิต... รื่นจิตสวน ลูกสาวตน ตนพาไปเองได้ กันลองจ๋อย ชลลดาเดินเข้ามาข่มกลับทันที

“ดีนะคะเนี่ยที่ลูกสาวคุณมาเสียคำพูดบอกยกเลิกสัญญากับไก่ฟ้า ไม่อย่างนั้นเราคงจะได้พรีเซ็นเตอร์ที่ไม่ค่อยสมประกอบเท่าไหร่ เพราะต้องเข้าออกโรงพยาบาลเป็นว่าเล่น”

“ลูกสาวฉันไปตกลงเป็นพรีเซ็นเตอร์ให้คุณตอนไหน”

“ก็ถามลูกสาวเธอสิจ๊ะ...ป้าใจดีไม่คิดค่าปรับยกเลิกสัญญาอย่างไร้จรรยาบรรณให้หนูก็แล้วกันนะ ถือว่ายกผลประโยชน์ให้ในฐานะที่เป็นเพื่อนบ้านกัน”

“แพงเข้าใจคุณป้าทุกอย่างค่ะ พะลองไม่ต้องห่วงแพงนะ ขอให้หาพรีเซ็นเตอร์คนใหม่ได้ไวๆนะคะ” เพื่อนหน้าเจื่อนในขณะที่กันลองหนักใจรู้ว่าเธอต้องโดนแม่เล่นงานแน่

รื่นจิตเรียกแพงไปคุยในบ้าน ทำไมไปตกลงรับทั้งที่ตัวเองก็เคยเมาเพราะยานั่นจนไข้ขึ้น เพื่อนขอโทษที่ตกลงโดยไม่ปรึกษา แต่ตนก็ยกเลิกแล้ว รื่นจิตน้อยใจที่ลูกทำอะไรไม่คิดถึงจิตใจตน เพื่อนสัญญาต่อไปจะไม่มีความลับกับแม่อีก เธอชูนิ้วก้อยเกี่ยวกับนิ้วก้อยของแม่แล้วโผกอด รื่นจิตยังเขินๆกับการกระทำของลูก แต่ก็กอดตอบ

พอขึ้นมาบนห้อง เพื่อนคิดถึงมัมมาก จึงสไกป์ไปคุยด้วย แล้วบอกมัมว่า ตนย้ายที่อยู่เข้ามาอยู่หอใกล้โรงเรียน มัมรู้ทันโฮปแต่ไม่อยากขัด ได้แต่ส่งความห่วงใยไปให้ และย้ำว่าถ้ามันหนักจนทนไม่ไหวก็กลับบ้านเรา เพื่อนอยากเล่าทุกอย่างให้มัมฟังแต่ไม่กล้า

วางสายแล้วเพื่อนเดินมามองกระจกเหมือนพูดกับแพงเศร้าๆ “แพง ไอขอใช้ชีวิตแพงเพื่อตัวเองบ้างเถอะนะ เพราะตลอดชีวิตที่ผ่านมา แพงมีทุกอย่างที่ไอไม่เคยมี”

เพื่อนหยิบของของแพงที่พยาบาลให้มา เห็นมีแหวนลงยาวงหนึ่ง ก็นึกถึงที่กันลองถามว่าแหวนหายไปไหน เพื่อนจึงสวมแหวนแต่มันวงเล็กเกินไป สวมได้แค่นิ้วก้อย ก็บ่นอุบ

“นอกจากเท้าไอจะใหญ่กว่าแพง นิ้วไอก็อ้วนกว่าแพงด้วยเหรอเนี่ย เฮ้อ...” ว่าแล้วก็เก็บแหวนเข้าตู้ชั้นในสุดรวมกับของอื่นๆของแพง

ooooooo

ด้านกันลองโดนชลลดาตำหนิ ว่าปล่อยให้แม่ลูกข้างบ้านเอาเปรียบทั้งที่ทำดีกับเขาสารพัด ทิ้งศักดิ์ศรีลูกชายคุณหญิงไปได้อย่างไร กันลองไม่อยากเถียง แต่ยังยืนยันว่าจะเอาแพงมาเป็นพรีเซ็นเตอร์ให้ได้ ชลลดาให้เวลาสรุปพรุ่งนี้ก่อนหกโมงเย็นเท่านั้น

วันต่อมา ที่กองถ่ายละคร ทวิตตี้ถามเพื่อนอย่างเหวี่ยงนิดๆว่า หายของขึ้นหรือยัง แล้วย้ำ

“บอกไว้ก่อนเลยนะว่าทำอย่างนี้ไม่ใช่แค่เจ๊พัง แต่เธอเองก็จะพังไปด้วย พอดังหน่อยก็ลืมอุดมการณ์ตั้งต้นของการมาเป็นดาราไปแล้วเหรอไง” เห็นเพื่อนทำหน้างง “ก็เรื่องที่แกอยากได้เงินไปแบ่งเบาภาระแม่ไง แกไม่อยากให้แม่ทำงานเหนื่อย ก็เลยยอมมาเข้าสังกัดให้เจ๊ช่วยดันไง อย่ามาทำเป็นลืม” ทวิตตี้ดันเพื่อนให้ไปเข้าฉาก กำชับอย่าหลุดบ่อย ตนกลุ้มจะแย่อยู่แล้ว

เพื่อนนึกถึงคำพูดของชลลดาที่ว่าตนยกเลิกสัญญาอย่างไร้จรรยาบรรณก็เครียด ไม่เข้าใจความหมาย แอบเปิดดิกชันนารีในมือถือ เห็นคำอธิบายยาวเหยียดก็ไม่เข้าใจอยู่ดี วรัชช์เดินเข้ามาเย้าแหย่ เพื่อนตั้งใจจะถาม แต่ทีมงานมาตามไปเข้าฉากเสียก่อน

สุดท้ายฉากที่เพื่อนต้องพูดว่า เป็นนักกีฬาห้ามเมาหยำเป เพื่อนก็ออกเสียงไม่ถูก ออกเป็นย่ำเป๋... ย่ามเป้วุ่นวายไปหมด ในขณะที่จิตจีรังออกเสียงชัดเจน ผู้กำกับสั่งคัตจนหงุดหงิด วรัชช์เข้ามาช่วยแก้สถานการณ์ ทำทีปรบมือชื่นชมแอ็กติ้งของแพง คนเมาต้องพูดไม่ชัด เธอเล่นได้ดีตีความหมายได้เหมือนจริง ผู้กำกับฟังแล้วเห็นด้วยหันไปตำหนิจิตจีรังแทน เธอหน้าเสีย

จิตจีรังโดนถ่ายซ่อม เพื่อนขอบคุณวรัชช์ที่ช่วย เขาจึงถามมีอะไรอยากถามให้ถามตรงๆได้เลย ไม่ต้องเกรงใจ จิตจีรังเดินมาสมทบ บ่นว่าเพื่อนยกใหญ่แล้วพูดคำว่าหยำเปจนเพื่อนพูดตามได้ เพื่อนดีใจจะชมว่าเธอใจดี ซึ่งภาษาอังกฤษคือ You’re sweet และเมื่อวานได้ยินแม่พูดว่าหง่อม...คิดว่าแปลว่าหวาน จึงชมจิตจีรังออกไปว่าเธอหง่อม หญิงสาวร้องกรี๊ดลั่นที่หาว่าเธอแก่

อ่านละครเรื่อง เดือนประดับดาว ตอนที่ 7 วันที่ 18 ธ.ค.60

ละครเรื่อง เดือนประดับดาว บทประพันธ์โดย จันทร์ รีจรูญ แอนเดอร์สัน
ละครเรื่อง เดือนประดับดาว บทโทรทัศน์โดย ระกาช่อนรูป
ละครเรื่อง เดือนประดับดาว กำกับการแสดงโดย มนัสนันท์ เลิศวงศ์สกุล
ละครเรื่อง เดือนประดับดาว ผลิตโดย บริษัท ดอร์เธอร์ โปรดักชั่น จำกัด
ละครเรื่อง เดือนประดับดาว ออกอากาศทุกวันพุธ-พฤหัสบดี เวลา 20.15 น.
ติดตามชม ละครเรื่อง เดือนประดับดาว ได้ทางไทยทีวีสีช่อง 3
ที่มา ไทยรัฐ