อ่านละครเรื่อง เดือนประดับดาว ตอนที่ 5 วันที่ 13 ธ.ค.60

อ่านละครเรื่อง เดือนประดับดาว ตอนที่ 5 วันที่ 13 ธ.ค.60

เพื่อนกลับมานอนที่โรงแรมวรัชช์ เครียดกับท่าทีที่เปลี่ยนไปของแพง ตนทำทุกอย่างเพราะหวังดี ทำไมต้องโกรธ ทั้งที่เราเป็นทีมเวิร์กกัน แล้วยังทำเหมือนตนเป็นคนนอกอีก ตนจะบอกเรื่องรายการของมิ้งค์อย่างไรดี ไม่ทันไรมิ้งค์ส่งสคริปต์รายการมาให้ เพื่อนยิ่งเครียด

ด้านแพงเมื่อเวลาผ่านไปอารมณ์ดีขึ้นก็สำนึกผิด อยากขอโทษเพื่อนแต่ไม่กล้า...เพื่อนนอนไม่หลับลงมาเดินเล่นริมสระน้ำของโรงแรม เห็นวรัชช์ก็จะเดินหนี เขาเห็นเสียก่อนเข้ามาดักหน้า แต่คราวนี้เขารู้ว่าเป็นโฮป เขาดีใจที่เธอยังไม่กลับเพิร์ธ จับเธอมาจ้องมองบอกยิ่งดูก็ยิ่งเหมือนแพง เพื่อนจึงแกล้งถามว่าใครสวยกว่ากัน



“เอาคนมาเปรียบกับหมีขาวนี่มันยากนะ” เพื่อนกำหมัดทุบ วรัชช์หัวเราะ “เดี๋ยวสิอย่าเพิ่งงอน สรุปทำไมยังไม่กลับออสล่ะ”

เพื่อนอ้างว่าอยากอยู่ต่อ นี่ก็เพิ่งไปเที่ยวภาคเหนือมา แต่พอวรัชช์ถามจังหวัดอะไรก็ตอบไม่ได้ วรัชช์แกล้งหลอกว่าขึ้นเหนือต้องไปดูช้างและดมขี้ช้างจะโชคดี เพื่อนทำหน้าลังเลว่าอำหรือเปล่า เห็นเขาหลิ่วตาก็รู้ว่าหลอก จึงทุบให้อีกพลั่ก วรัชช์เย้าแหย่จนเพื่อนอารมณ์ดีขึ้น พอรู้สึกว่าดึกมาก เพื่อนเดินกลับห้อง ลืมรองเท้าแตะที่ถอดทิ้งไว้ วรัชช์ตะโกนเตือนว่าลืมรองเท้า เธอหันกลับบอกให้เขาโยนมา เขาตะลึงเห็นเธอผมสยายสวยเป็นธรรมชาติ เผลอมองตาเยิ้ม

ooooooo

รุ่งเช้า แพงลงมาเห็นรื่นจิตในชุดออกกำลังเร่งให้ไปเปลี่ยนชุดมาออกกำลังด้วยกัน แพงแปลกใจทำไมแม่ยังไม่ไปทำงาน เธอบอกต้องรู้จักแบ่งเวลา แพงกลับขึ้นไปเปลี่ยนเสื้อผ้าอย่างงงๆ แต่พอเต้นได้สักครู่ก็หยุดเพราะไม่สนุก รื่นจิตถามเจ็บตรงไหน แพงส่ายหน้าเนือยๆ

รื่นจิตเร่งให้ลุกมาเต้นต่อจะได้รีบไปทำงานกัน แพงกลับนั่งนิ่ง จึงปิดทีวีแล้วเดินไปอย่างน้อยใจ แพงมองด้วยความรู้สึกน้อยใจเช่นกัน...พอตอนทานอาหารเช้า ต่างคนต่างปั้นปึ่ง จู่ๆรื่นจิตถามขึ้นว่า อาทิตย์นี้ว่างให้ชวนกันลองมาทานข้าวที่บ้าน แพงหน้าเหวอ

“ทำไมต้องตกใจ ทีวันนั้นแม่ชวนยังเห็นยิ้มร่า แม่ก็อยากจะรู้เหมือนกัน ที่ลูกบอกว่าเขาพึ่งพาได้น่ะ มันเป็นยังไง”

แพงรู้ว่าเพื่อนคงพยายามพูดให้แม่เข้าใจกันลอง พลันทวิตตี้โทร.เข้ามาขัดจังหวะ เพราะมีงานด่วน ผู้ใหญ่ทางช่องให้เข้าไปคุยแต่เช้า เธออยู่ปากซอยแล้วให้แพงแต่งตัวดีๆอย่าแต่งเป็นเด็กแนวสวมรองเท้าผ้าใบอีก แพงรีบร้อนชนกระเป๋ารื่นจิตตกของเทออกมา จึงก้มลงเก็บ รื่นจิตก้มตามช่วยเก็บแล้วบอกให้รีบไป เดี๋ยวแม่เก็บเอง ว่าแล้วก็หอมแก้มแพงฟอดหนึ่ง

แพงชะงักลูบแก้มอย่างรู้สึกตกใจระคนอบอุ่น เสียงแตรรถทวิตตี้มาถึง แพงรีบวิ่งออกไปจนลืมมือถือไว้บนโต๊ะกินข้าว รื่นจิตบ่นเบาๆที่ลูกกลายเป็นคนเลินเล่อจนจะเป็นนิสัยไปแล้ว

ไม่ทันไร เพื่อนพยายามโทร.หาแพงอยู่หลายรอบ รื่นจิตกำลังเอามือถือแพงไปไว้ที่ห้อง เห็นว่าสั่นจึงกดรับสายเห็นเบอร์โทร.ไม่มีชื่อ เพราะเพื่อนใช้อีกซิมโทร. เพื่อนชะงักเมื่อได้ยินเสียงแม่บอกว่าแพงลืมมือถือไว้บ้าน เพื่อนอดไม่ได้ถามแม่เต้นออกกำลังหรือยัง รื่นจิตฉุนเล็กๆ

“ก็เมื่อเช้าแพงเป็นคนไม่อยากเต้นเองไม่ใช่เหรอ ทีอย่างนี้จะมายุให้แม่เต้น แม่ต้องรีบไปทำงานแล้ว เดี๋ยวแม่วางมือถือไว้บนหัวเตียงแพงนะ”

เพื่อนได้ยินเสียงวางสาย มองมือถืออย่างคิดถึง ก้มมองสภาพตัวเองอยู่ในชุดขาสั้นกับเสื้อกล้ามที่แวะซื้อจากร้านมินิมาร์ทมาใส่

ด้านแพงได้รับคำชมจากผู้ใหญ่ของช่องในที่ประชุม ว่ามีความสามารถโดดเด่นล้ำหน้ารุ่นเดียวกัน บอร์ดทุกคนลงมติขอต่อสัญญาแพงอีกสามปี ให้เอาสัญญากลับไปอ่านแล้วมาเซ็นกันอาทิตย์หน้า แพงกับทวิตตี้ขอบคุณ ผู้ใหญ่บางคนชื่นชมที่แพงกลายเป็นเชฟเต็มตัว แพงทำหน้างง...

ทวิตตี้พาแพงมานั่งกินกาแฟและเค้กร้านในตัวตึก แล้วชมว่าที่แพงไปเรียนทำมาอร่อยกว่า และยังตื่นเต้นอยากดูออกอากาศเร็วๆ แพงเพิ่งรู้ตัวว่าลืมมือถือจึงยืมโทรศัพท์เจ๊ทวิตตี้

รื่นจิตแปลกใจที่เมื่อเช้าแพงโทร.มาถามแล้วทำไมโทร.มาอีก แพงรีบวางสายบอกเจ๊ว่า ขอกลับบ้านไปเต้น Burn 24 เจ๊เห็นดีร่างกายจะได้เฟิร์ม เผื่อได้เป็นพรีเซ็นเตอร์ซุปไก่อีกตัว

ooooooo

เพื่อนเห็นว่าติดต่อแพงไม่ได้ จึงออกมาหาซื้อเสื้อผ้าในช็อปปิ้งมอลล์แห่งหนึ่ง เผอิญกันลองนั่งคุยงานกับปิติในร้านๆหนึ่ง พอเขาเห็นเพื่อนก็เข้าใจว่าเป็นแพง ลุกหนีจากปิติดื้อๆไปดักหน้า เพื่อนตกใจพยายามเลี่ยงหนีแต่กันลองคิดว่าแพงยังโกรธ จึงแย่งกระเป๋ามาถือ

“วันนี้พะลองขอขัดใจแพงหนึ่งวันนะคะ ไปที่ที่หนึ่งกันนะ”

เพื่อนหน้าตากระอักกระอ่วนเดินตามไปเพื่อเอากระเป๋าคืน ในขณะที่แพงโทร.หาเพื่อนแต่เธอไม่รับสาย จึงส่งข้อความไปว่า จะเอากระเป๋าไปคืน รับโทรศัพท์แพงด้วย

ช่วงเวลานั้น กันลองพาเพื่อนมานั่งในท้องฟ้าจำลอง โดยบอกว่า นับวันแทบมองดาวไม่เห็น ต้องมาที่นี่ถึงจะเห็นดาวชัดเจน กันลองพร่ำว่าเขาพาแพงมาที่นี่ตั้งแต่แพงอายุ 8 ขวบ ตอนนั้นแพงถามคำถามเจื้อยแจ้ว กันลองชำเลืองมองเห็นแพงนั่งนิ่งไม่พูดจาจึงขอโทษเสียงอ่อย

“อย่าเพิ่งเบื่อคำขอโทษของพะลองนะคะ เพราะครั้งนี้พะลองรู้สึกผิดจริงๆ ทั้งหมดมันเป็นเพราะความเห็นแก่ตัวของพะลองเอง”

เพื่อนแย็บถามว่าที่เขาชวนไปเที่ยวเพราะเรื่องงานเท่านั้นจริงหรือ กันลองส่ายหน้าอธิบายว่า มันเป็นผลพลอยได้ไหนๆก็ไปแล้ว แต่ตนมีความสุขมากที่ได้ไปกับแพง เพื่อนเคลิ้มกับความอ่อนโยนของกันลอง เขายื่นหน้ามาหอมแก้ม เพื่อนสะดุ้งสุดตัว เห็นแววตาเว้าวอนของชายหนุ่ม และเขายังมีแหวนลงยามาง้องอนอีกก็ใจละลาย ลืมตัวว่าตัวเองไม่ใช่แพง

ออกจากท้องฟ้าจำลอง เพื่อนขอให้กันลองส่งแค่โรงแรมของวรัชช์ อ้างว่ามีสัมภาษณ์นิตยสารที่นี่ แล้วทวิตตี้จะเป็นคนไปส่งบ้าน กันลองอยากรอรับแต่ไม่อยากขัดใจแพงอีก จึงกุมมือเธอถามย้ำว่าเราดีกันแล้วนะ เพื่อนพยักหน้าดึงมือออกหน้าแดง

พอลงจากรถ วรัชช์รอแซวว่าหนุ่มโชคร้ายที่ไหนมาส่ง เพื่อนค้อนขวับเดินหนีไปรอลิฟต์ เขาตามมาเย้า

“ค้อนขวับเชียวนะยัยหมีขาว”

“หูย...ไอ้เสาไฟฟ้า” เพื่อนตอกกลับ

“เสาอย่างผมยอมให้หมีโดดเกาะเลยเอ้า” วรัชช์ส่งสายตากรุ้มกริ่ม

พนักงานเดินผ่านมามองยิ้มๆ วรัชช์รีบวางท่าเจ้านายสั่งการว่าคืนนี้ตนมีงานจะนอนบ้าน

ooooooo

ค่ำนั้น แพงถือแฟลชไดรฟ์ออกมาจากห้องทำงานถามใจว่าแม่เก็บหมึกปริ๊นต์ไว้ที่ไหน ใจไม่ทราบและบอกว่ารื่นจิตกลับดึก แพงเครียดไม่รู้จะปริ๊นต์บทอย่างไร ตัดสินใจไปขอที่บ้านกันลอง แต่เขายังไม่กลับ โรยบุญแม้จะฟังผิดเพี้ยนแต่ก็พาแพงเข้าไปปริ๊นต์งานในห้องกันลอง

แพงแอบขำกับความหูตึงของป้า แต่ไม่ได้คิดอะไรมาก ขณะกำลังปริ๊นต์บทก็มองสำรวจในห้องกันลอง เห็นรูปถ่ายเขาสมัยเด็กหัวเกรียน และมีรูปคู่กับตัวเองตอนเด็กก็อมยิ้ม โดยไม่รู้ว่ากันลองกลับมา และโรยบุญบอกเขาว่ามีคนบุกห้อง

กันลองเข้ามาเห็นแพงก็ดีใจ คิดว่ามาทวงของขวัญถึงห้อง แพงงงว่าของอะไร รีบบอกเขาว่าแค่มาขอปริ๊นต์บท ก่อนหน้านั้นแพงได้ปริ๊นต์ผลตรวจดีเอ็นเอที่ทางสถาบันส่งมา กันลองชวนทานข้าวแล้วจะให้ยาสูตรใหม่ไปลองทานเพื่อให้มีน้ำมีนวลมากขึ้น

“แพงไปขอตอนไหนคะ”

“ก็เมื่อกลางวันตอนนั่งดูดาวที่ท้องฟ้าจำลองกันไงคะ มัวแต่งอนพะลองล่ะสิเลยลืม หวังว่าคงไม่ลืมเรื่องที่เราดีกันแล้วนะคะ”

แพงฉุกคิดว่าเขาคงไปกับเพื่อน จึงเออออไปว่าจะลืมได้อย่างไรแล้วขอตัวกลับ กันลองบอกยังไม่ได้เอาของให้ แพงปัดเอาไว้ก่อนแล้วจ้ำพรวดออกจากห้อง ชายหนุ่มงงว่าพูดอะไรผิด

แพงเดินโกรธเพื่อนออกมาหน้าบ้าน กดโทรศัพท์หาแต่เพื่อนไม่รับสายจึงยิ่งหงุดหงิด โทร.เข้าเบอร์โรงแรมให้ต่อห้อง โฮป วิลเลี่ยม พนักงานบอกว่าไม่มีแขกชื่อนี้ แพงตัดสินใจขยำกระดาษผลตรวจดีเอ็นเอปาทิ้งขยะแล้วเดินกลับบ้าน ไม่ทันมองว่ามันกระเด็นออกมาตกกับพื้น

โรยบุญออกมาเห็นกระดาษตกอยู่ก็คลี่ดู เห็นเป็นภาษาอังกฤษอ่านไม่ออกจึงไม่สนใจทิ้งลงขยะไปใหม่ ผลนั้นแสดงว่า ดีเอ็นเอของเพื่อนกับแพงตรงกัน

ขณะที่เพื่อนกำลังจดส่วนผสมสำหรับทำรายการอาหาร แพงเคาะห้องรัว เพื่อนเปิดประตูรับ แพงดันกระเป๋าเสื้อผ้าให้สีหน้าเตรียมเหวี่ยง พอเข้ามาในห้องก็โวยทันที

“เพื่อนมีสิทธิ์อะไรไปคืนดีกับพะลองแทนเราฮึ!”

เพื่อนพยายามอธิบายว่าไม่ได้ตั้งใจ ตนติดต่อแพงไม่ได้เพราะแพงลืมมือถือที่บ้าน จึงออกไปซื้อเสื้อผ้าแล้วบังเอิญเจอกับกันลอง เขาลากตนไป แพงสวนทำไมไม่เลี่ยงหนี

“ไอไม่รู้จะอธิบายให้แพงฟังยังไงนะ เพราะบอกไปแพงก็คงไม่เชื่อไอ แต่ไอถามจริงเหอะ จะงอนอะไรพะลองนักหนา แค่เรื่องพรีเซ็นเตอร์แค่นี้เอง เขาไม่ได้ไปเที่ยวกับแพงเพราะเรื่องนี้เรื่องเดียวสักหน่อย แพงทำไมไม่ฟังเขาบ้าง”

“ดูเพื่อนจะแคร์พะลองเหลือเกินนะ” แพงประชดเพื่อนจะแก้ตัวแต่เสียงทีวีออกอากาศรายการที่เพื่อนทำอาหารเสียก่อน แพงหันมองตากร้าว หาว่าเพื่อนปิดบัง เพื่อนรีบบอกว่าเมื่อวานจะบอกแต่แพงไม่ฟังบอกจะคุยกับเจ๊ทวิตตี้เอง

“เจ๊เกี่ยวอะไรด้วย”

“ก็เจ๊เป็นคนเชียร์ให้ไอเซ็นสัญญาเป็นพิธีกรรายการนี้” แพงบอกเพื่อนไม่มีสิทธิ์ตัดสินใจแทน เพื่อนเริ่มโมโห “ทำไมแพงไม่คิดบ้างว่าไอพยายามช่วยล่ะ ถ่ายซ่อมก็ไปถ่ายให้ อยู่บ้านก็เพื่อไม่ให้แพงโดนแม่ด่า ออกรายการพวกนี้ เจ๊ยังบอกเลยว่ามันดีกับอิมเมจแพง หรือไม่จริง”

“มั่นใจเหรอว่าเพื่อนทำทุกอย่างเพื่อเรา อยากมีรายการอาหารเป็นของตัวเองอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ เธอกำลังเอาชื่อแพงอาภรณ์ไปบังหน้า เพราะตัวเองอยากทำชัดๆ...นับจากนี้ไป ต่อจากนี้ เพื่อนไม่ต้องทำอะไรอีกแล้ว เพราะนี่คือชีวิตของแพงอาภรณ์ ไม่ใช่ของโฮป วิลเลี่ยม”

เพื่อนถูกแพงจ้องหน้าจนประหม่า แพงพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า ผลตรวจดีเอ็นเอมาแล้วตั้งแต่เมื่อคืน เราไม่ได้เป็นแฝดกัน...เพื่อนหน้าถอดสี ผิดหวังรุนแรงถึงกับทรุดฮวบลง แพงหน้าเสียไปแว่บหนึ่ง ถามเพื่อนยังโอเคไหม เพื่อนบอกไม่ถูก ผิดหวังที่เราไม่ใช่สายเลือดเดียวกัน

แพงพึมพำขอโทษ เพื่อนบอกจะขอโทษทำไมเธอไม่ได้ผิดอะไร ตนต่างหากที่ต้องขอโทษ ที่ดั้นด้นมาทำเรื่องวุ่นวาย ตนควรกลับออสเตรเลียเสียที แพงใจหายวาบ...เพื่อนเปิดกระเป๋าเดินทางเห็นข้าวของเละเทะ ก็รื้อออกมาพับใหม่ แพงเข้ามาช่วย แย็บถามคิดจะกลับไฟลท์ไหน

“เดี๋ยวโทร.ไปแป๊บเดียวก็รู้เพราะกลับคนเดียวไม่ยาก แพง...อย่าหาว่าไอยุ่งเลยนะ เรื่องพรีเซ็นเตอร์น่ะไอเข้าใจแพง แต่ไอก็เข้าใจพะลองเหมือนกัน แพงก็รู้ว่าเขาแคร์แพงมาก และไอก็เชื่อว่าพะลองไม่มีทางทำโฆษณาออกมาให้อิมเมจแพงเสียหรอก จริงไหม...เอาเถอะ ถ้าแพงไม่อยากทำก็แล้วแต่แพง แต่คืนดีกับพะลองได้แล้ว ขี้งอนมากๆมันไม่น่ารักหรอกนะ แล้วรายการอาหารจะทำยังไงต่อไป พี่มิ้งค์บอกว่าช่องให้งบมาทำ 12 ตอน แถมออกอากาศไปตอนแล้ว”

แพงหน้าเครียดบอกคงต้องฝืนใจทำให้จบ เพื่อนยิ้มเศร้าๆเล่าว่าตอนอยู่เพิร์ธ ตนออดิชั่นรายการอาหารไป 28 รอบ ไม่เคยผ่านสักรอบ ฝากแพงทำความฝันตนให้เป็นจริงด้วยเพราะตนคงไม่มีโอกาส...เพื่อนหยิบมือถือจะโทร.จองไฟลท์ แพงจับมือไว้บอกให้เพื่อนทำความฝันให้จบ เพื่อนงุนงง พอแพงบอกว่าให้เธอทำให้จบซีซั่น ก็ดีใจและไม่อยากเชื่อ แต่แพงมีข้อแม้

“แพงไม่ได้ใจดีนักหรอก เพราะแพงมีข้อแม้ถ้าเพื่อนฝ่าฝืนแม้แต่ข้อเดียว ถือว่าทุกอย่างสิ้นสุดนะ ตกลงไหม” เพื่อนพยักหน้ารับแบบยอมทุกอย่าง

กฎข้อหนึ่งของแพงคือ ก่อนจะทำอะไรต้องถามก่อนจะดีหรือไม่ ทำหรือไม่ทำตนเป็นคนตัดสินใจ ข้อสอง ห้ามรับงานแทนเด็ดขาด ข้อสาม แพงให้คิวถ่ายวันศุกร์แต่เช้า ฉะนั้นเพื่อนต้องมาค้างที่บ้านตั้งแต่พฤหัสฯ และรถจะมารับที่บ้าน ส่วนแพงจะไปนอนที่โรงแรมแทน

เพื่อนรับปาก แต่พอปฏิบัติจริง เพื่อนโทร.ถามแพงทุกเรื่องไม่กล้าตัดสินใจอะไรเอง แม้กระทั่งช่างจะติดกิ๊บผมหรือเปลี่ยนทรงผม

พอมีคนติดต่องานเพื่อนปฏิเสธทันที ทวิตตี้รู้เรื่องไปต่อว่าแพงที่ปฏิเสธงานหลักล้าน แพงหน่ายใจต้องแก้ปัญหาแต่ละวัน บางวันเจอรื่นจิตแต่งชุดราตรีหัดเต้นซัลซ่าเพราะเพื่อนยืมชุดมาให้ใส่ แพงจึงต้องสั่งห้ามเพื่อนให้แม่ทำอะไรแผลงๆ ข้อสุดท้าย แพงให้เพื่อนเลี่ยงการคุยกับกันลองและห้ามไปไหนกันลำพังอีก

ooooooo

เย็นวันที่แพงต้องมาอยู่โรงแรมแทนเพื่อน

กันลองส่งข้อความมาถามว่าโกรธอะไรอีก ทำไมไม่คุยกับเขา แพงถอนใจรู้ว่าเพื่อนคงเลี่ยงหนีกันลอง...แพงนั่งเขียนไดอารี่ริมสระน้ำ

วรัชช์เดินเข้ามาทักว่าชอบเขียนเหมือนแพง แล้วยื่นถุงขนมให้แพงไม่รับ เขาท้วงปกติโฮปชอบกินขนม แพงชะงักรีบหยิบขนมมากินอย่างพะอืดพะอม เขาคะยั้น คะยอให้กินอีก เธอจึงเสียงเขียวใส่ว่าไม่เอาแล้ว และหยิบมะขามของตัวเองมากิน วรัชช์ทัก

“นี่จะเลียนแบบแพงทุกอย่างเลยหรือ”

แพงชะงักเก็บมะขามลงกระเป๋าแล้วลุกเดินหนี วรัชช์หงุดหงิดหาว่าขนาดยังไม่ได้จีบยังเล่นตัว ต่อให้หน้าเหมือนแพงขนาดไหนตนก็ไม่เอา แพงได้ยินกลับมาคว้าถุงขนมแล้วสะบัดหน้าเดินไป

ด้านเพื่อนออกกำลังกับรื่นจิตอย่างสนุกสนาน พอรื่นจิตถามว่าอยากได้อะไรแม่จะไปสิงคโปร์ เพื่อนเผลอตอบว่าจะถามให้ แม่งง เพื่อนแก้ตัวว่าจะเข้าไปดูในเน็ตว่ามีอะไรน่าซื้อ...ใจเข้ามารายงานแพงว่ามีคนมาขอพบ เพื่อนหวั่นใจว่าใคร ปรากฏเป็นกันลองเอาอาหารทะเลมาฝากรื่นจิต เธอจึงชวนทานข้าวเย็นด้วยกัน เพื่อนตาโตดีใจแทนแพง

เพื่อนก้มหน้าก้มตากินไม่คุยอะไรกับกันลอง เขาแปลกใจที่เดี๋ยวนี้แพงกินเผ็ดไม่ได้เหมือนก่อน แล้วพูดถึงเรื่องวัยเด็กว่าแพงอยากเป็นกระเป๋ารถเมล์ ไม่คิดว่าตนกลับมาจากเรียนต่างประเทศเธอจะกลายเป็นดาราดังไปได้ เพื่อนแอบขำอ้างว่าตนจำอะไรไม่ได้เลย กันลองว่าปกติความจำเธอดี หรือแบ่งไปจำบทจนหมด รื่นจิตก็แปลกใจกับท่าทีของลูกช่วงนี้

วรัชช์ยังเครียดเรื่องโฮปทำตัวเหมือนแพงมากเกินไป จึงมาบ่นกับนนท์ว่าแฟนคลับแพงคนนี้แปลก บางทีก็สนุกสนาน บางทีก็อารมณ์เสียดื้อๆ นนท์สงสัยว่าจะเป็นไบโพลาร์ พวกสองอารมณ์ในคนเดียวกัน เป็นโรคอันตราย บางรายถึงขั้นฆ่าตัวตายได้

วรัชช์เป็นห่วงมาเคาะประตูห้องแพงเพราะเข้าใจว่าเป็นโฮปหรือเพื่อน แพงจำต้องเปิดประตูถามว่ามีอะไร เขาโพล่งขึ้นว่าเธออาการหนักต้องไปให้หมอรักษา เธออาจเป็นไบโพลาร์ แพงไม่พอใจปิดประตูใส่หน้าโครม หันมากดโทรศัพท์หาเพื่อน พอไม่รับก็ส่งข้อความไปว่า... วรัชช์น่าเบื่อที่สุดในโลก...ทันใดมิ้งค์โทร.สวนเข้ามา

“น้องแพง โทษที โทร.มาดึก พอดีเพิ่งประชุมเสร็จ คืองี้ค่ะ ผู้ใหญ่อยากให้เราทำเทปเพื่อออกช่วงเทศกาลกินเจหนึ่งเทป พรุ่งนี้เราต้องเปลี่ยนเป็นเมนูเจ ไม่อย่างนั้นไม่ทันออกอากาศแน่”

แพงหน้าเสียจะเปลี่ยนเมนูทันได้อย่างไร เวลาแค่คืนเดียว มิ้งค์จะเลื่อนคิวไปอีกวัน แพงรีบบอกว่าไม่ได้เพราะมีงาน มิ้งค์จึงขอให้คิดเมนูแล้วแจ้งกลับ จะได้ซื้อของเตรียมให้ทัน...แพงตัดสินใจคว้าเป้เพื่อนออกจากห้องกลับบ้านทั้งที่ค่ำแล้ว

เพื่อนออกมาส่งกันลองหน้าบ้านพอดี กันลองปลื้มปริ่มที่รื่นจิตเปิดใจให้ตนเข้าบ้าน เขาทำท่าอ้อนนิดๆ เพื่อนอึกอักถอยห่างอ้างขอเวลาสักหน่อยแล้วทุกอย่างจะกลับมาเหมือนเดิม...เพื่อนส่งกันลองแล้วหันกลับมาเจอแพงยืนกอดอกอยู่ก็ตกใจ แพงต่อว่าเพื่อนทำผิดกฎ เพื่อนรีบแก้ตัวว่ารื่นจิตเป็นคนชวนกันลองมาทานข้าวเย็น ตนไม่รู้จะเลี่ยงอย่างไร แพงทึ่งแต่ปัดไป

“เรื่องนั้นเอาไว้ก่อน พี่มิ้งค์โทร.มาบอกว่าพรุ่งนี้ต้องเปลี่ยนเมนูถ่ายรายการเป็นเมนูเจ”

เพื่อนไม่รู้จักอาหารเจ แพงต้องอธิบายแล้วคว้ามือเพื่อนเข้าบ้านก่อนใครจะมาเห็น โชคดีที่รื่นจิตเข้านอนแล้วเพราะพรุ่งนี้จะบินไปสิงคโปร์ เพื่อนชวนแพงนอนบ้านเพื่อช่วยคิดเมนูและสคริปต์คำถาม...เพื่อนเสิร์ชเน็ตดูว่าอาหารเจมีอะไรบ้าง แล้วพลิกแพลงให้ดูเก๋ไก๋กว่าเก่า พร้อมคำนวณแคลอรีอย่างคล่องแคล่ว แพงทึ่งกับความสามารถด้านนี้ของเพื่อน

เพื่อนพยายามพิมพ์เครื่องปรุงและวิธีทำเป็นภาษาไทยอย่างยากลำบาก แพงช่วยคิดคำถามไว้สัมภาษณ์ทางบ้านจนผล็อยหลับ เพื่อนทนทำต่อจนตีสี่ถึงไปนอนหลับข้างแพง

เช้ามืด แพงตื่นขึ้นมาเห็นเพื่อนนอนขดตัวข้างๆ ก็ดึงผ้าห่มห่มให้ ทันใดรื่นจิตเปิดประตูเข้ามา แพงรีบทำทีหลับกอดเพื่อนในผ้าห่มเป็นหมอนข้าง รื่นจิตเข้ามาหอมหน้าผาก ลูบแก้มอย่างรักใคร่ก่อนจะกลับออกไป แพงรู้สึกอบอุ่นมีความสุข เพื่อนเริ่มขยุกขยิกและไอโครกๆ

“เกือบไปแล้วไหมล่ะ...เพื่อน! ทำไมตัวร้อนอย่างนี้ล่ะ!” แพงเปิดผ้าเห็นเพื่อนเหงื่อแตก

เพื่อนปรือตาขึ้นบอกแพงว่ายังทำไม่เสร็จ พิมพ์ภาษาไทยไม่คล่อง เหลือเครื่องเคียงอีกนิดหน่อย แพงมองนาฬิกาแล้วเร่งให้รีบแต่งตัวก่อน

ooooooo

อ่านละครเรื่อง เดือนประดับดาว ตอนที่ 5 วันที่ 13 ธ.ค.60

ละครเรื่อง เดือนประดับดาว บทประพันธ์โดย จันทร์ รีจรูญ แอนเดอร์สัน
ละครเรื่อง เดือนประดับดาว บทโทรทัศน์โดย ระกาช่อนรูป
ละครเรื่อง เดือนประดับดาว กำกับการแสดงโดย มนัสนันท์ เลิศวงศ์สกุล
ละครเรื่อง เดือนประดับดาว ผลิตโดย บริษัท ดอร์เธอร์ โปรดักชั่น จำกัด
ละครเรื่อง เดือนประดับดาว ออกอากาศทุกวันพุธ-พฤหัสบดี เวลา 20.15 น.
ติดตามชม ละครเรื่อง เดือนประดับดาว ได้ทางไทยทีวีสีช่อง 3
ที่มา ไทยรัฐ