อ่านละครเรื่อง เดือนประดับดาว ตอนที่ 9 วันที่ 24 ธ.ค.60

อ่านละครเรื่อง เดือนประดับดาว ตอนที่ 9 วันที่ 24 ธ.ค.60

เพื่อนหน้าเจื่อนแก้ตัวกระทบเขากรายๆ “ไปๆมาๆ แพงชอบหมามากกว่า เพราะน้องหมาซื่อสัตย์ รักเราคนเดียว”

“ตั้งแต่เราคบกันนี่ แพงดูเปลี่ยนไปเรื่อยๆจนพี่ตามไม่ทันเลย บางครั้งก็ตั้งรับไม่ทัน”

เพื่อนร้อนตัว เปลี่ยนเรื่องคุย ถามเขาช่วงนี้ยุ่งมากหรือถึงไม่ค่อยได้ไปไหนมาไหนกันเลย กันลองอ้างว่า ยุ่งนิดหน่อย เพื่อนสงสัยแกล้งทำเป็นว่าต้องไปกองถ่าย ทีมงานตามตัว แล้วขอแยกตัวไป แต่พอกันลองขึ้นรถขับออก เธอก็เรียกแท็กซี่ตามรถเขาทันที

จนมาถึงร้านอาหารญี่ปุ่นแห่งหนึ่ง เพื่อนเห็นกันลองเข้าไปในห้องพิเศษก็จะตามไปดู แต่ถูกพนักงานกันไว้ เธอจึงเลี่ยงไปเข้าห้องน้ำ เผอิญได้ยินผู้หญิงในห้องเล็กคุยโทรศัพท์



“รายนี้มือไวใจเร็วมาก ไม่เสียแรงที่พามาเลี้ยงเอาใจก่อน...รวยมากเลยล่ะ ไม่น่าเชื่อนะขายยาสตรีจะมีเงินเยอะขนาดนี้ จ่ายสดหน้างานเลย แต่เขากลัวแฟนเขาจะรู้มาก นี่ต้องปิดกันสุดๆ ระวังตัวกันแจเลย แต่ก็ตื่นเต้นดีไปอีกแบบ”

เพื่อนยืนตัวชาทำอะไรไม่ถูก พอเห็นผู้หญิงคนนั้นเดินออกมาก็แอบถ่ายรูปเก็บไว้ แล้วโทรศัพท์หาจิตจีรัง แต่เธอไม่รับ วรัชช์โทร.สวนเข้ามาอีก จึงรีบขอให้เขามาช่วย

วรัชช์ขี่เวสป้าให้เพื่อนซ้อนท้ายสะกดรอยตามรถกันลองที่มีสาวนั่งไปด้วย แต่พอเพื่อนเห็นว่ารถเขาเลี้ยวเข้าหมู่บ้านเดียวกับบ้านเช่าที่พาแพงมาพักก็ตกใจ นึกถึงคำที่กันลองเคยพูดว่า ตั้งแต่คบกันมา แพงดูเปลี่ยนไปจนตามไม่ทัน...เพื่อนฉุกคิดหรือเขาจะรู้เรื่องแฝด

รีบบอกให้วรัชช์หยุดรถ วรัชช์งงตามมาจนขนาดนี้จะมาเลิก เพื่อนโดดลงจากรถวิ่งไปโบกแท็กซี่แล้วบอกให้ขับออกไปนอกหมู่บ้านก่อน อ้างว่าจะโทร.ถามทาง

เพื่อนกดโทร.หาฤดีถามอาการโฮป และถามว่ามีคนแปลกหน้าเข้าไปหาไหม พอได้รับคำตอบว่าไม่มี ก็กำชับให้ล็อกบ้านแน่นหนา อาทิตย์หน้าจะเข้าไปเยี่ยม...พอวางสายก็หันมาบอกโชเฟอร์ว่าให้ขับกลับเข้าไปในหมู่บ้าน ระหว่างนั้นวรัชช์เห็นรีบขี่รถตามคิดว่าแพงทำเป็นเก่งที่แท้ก็กลับมา

เพื่อนให้โชเฟอร์วนหาบ้านจนเจอรถกันลองจอดอยู่ เป็นบ้านหลังค่อนข้างใหญ่ ก็ยื่นเงินให้แล้วลงจากรถ ลังเลสักพักก่อนตัดสินใจจะเดินเข้าไป ทันใดต้องสะดุ้งเมื่อวรัชช์เข้ามาจับมือ

“ผมจะปล่อยคุณไว้คนเดียวได้ไง ไม่เป็นไรนะ ทุกอย่างน่าจะโอเคแหละ”

เพื่อนดึงมือออกและบอกให้เขากลับไป จากนั้นเพื่อนค่อยๆเดินเข้าบ้าน จนเห็นรองเท้ากันลองกับรองเท้าส้นสูงวางอยู่ข้างกัน จึงย่องเข้าแอบดู เห็นกันลองยืนดูรอบบ้านอย่างมีความสุข เพื่อนรู้สึกผิดหวังจะเดินเข้าไปหา แต่สาวเดินยิ้มหวานไปหากันลองก่อน จึงหลบ วรัชช์ตามมาจับแขน เพื่อนหันมองแล้วสะบัดแขนออก จังหวะนั้นสาวสะดุดจะล้ม กันลองประคองไว้ เพื่อนหันมาเห็นเหมือนทั้งสองกอดกันก็จะปรี่ไปเอาเรื่อง แต่สะดุดขาวรัชช์ล้มลงทั้งสองคน

กันลองกับสาวหันมอง ต่างฝ่ายต่างตกใจ วรัชช์เห็นหน้าสาวคือส้มโอกิ๊กเก่า กันลองเข้าประคองเพื่อนให้ลุกขึ้น เพื่อนหน้างอ ส่วนวรัชช์ถามส้มโอเป็นกิ๊กใหม่กันลองหรือ

“ฉันมาขายบ้านย่ะ บ้านเรือนหอของคุณลูกค้าไอพี” ส้มโอโวย

เพื่อนหน้าเจื่อนที่เข้าใจผิด ขอโทษกันลองเสียงอ่อย เขาขำลูบหัวเธออย่างเอ็นดู วรัชช์กลายเป็นคนที่ ผิดหวังเสียใจแทน

เพื่อนนั่งรถกลับกับกันลอง เขาถามทำไมถึงมากับวรัชช์ เพื่อนอ้อมแอ้มว่าทำงานเสร็จทีมงานพาไปกินอาหารญี่ปุ่น เห็นเขากับสาวเลยสะกดรอยตาม กันลองหัวเราะแล้วบอกว่า ปิดไม่มิดแล้วก็ชวนไปช่วยกันแต่งบ้าน...พอดีรถมาถึงหน้าบ้าน รื่นจิตมาถึงพร้อมกัน ทั้งสองจึงลงมาหา รื่นจิตถามไปไหนกันมา เพื่อนรีบบอกว่าไปคาเฟ่แมว แม่ยิ้มที่ลูกยังชอบแมวไม่เลิก

ooooooo

ราณีกับญาณีเรียกวรัชช์เข้ามาที่สถานี ยื่นบทเดือนประดับดาวให้เขาไปอ่าน วรัชช์ยังน้อยใจแพงเรื่องเมื่อวานที่กันลองซื้อบ้านทำเรือนหอ จึงบอกปัดว่าคงเล่นไม่ได้เพราะจะไปเรียนต่อ สองผู้ใหญ่แปลกใจที่เขาจะทิ้งโอกาส จึงให้เขาเอาบทไปอ่านแล้วพรุ่งนี้ค่อยตัดสินใจ

เพื่อนแต่งตัวสวยสีหน้ายิ้มแย้มเข้ามาบอกรื่นจิตว่า ตนได้เล่นละครเดือนประดับดาว นิยายของพ่อแล้ว รื่นจิตดีใจด้วยและบอกอย่าลืมบอกพ่อด้วย เพื่อนกระอักกระอ่วนใจ แต่ก็เดินเข้ามาในห้องหนังสือ มองรูปแก้วขวัญด้วยความรู้สึกที่บอกไม่ถูก

“นานแล้วนะคะ ที่เราไม่ได้คุยกันเลย พ่อ...คงรู้อยู่แล้วว่าหนูไม่ใช่แพง แต่ทุกอย่างมันกำลังไปได้ดีมากๆ ถึงพ่อ...จะไม่โอเคกับการตัดสินใจของหนู แต่หนูอยากขอให้พ่อให้กำลังใจหนูด้วย เพราะหนูนี่แหละที่จะทำความฝันของแพงให้เป็นจริง หนูจะเป็นทั้งดาวละไมและเดือนละออเพื่อแพง...หนูไปก่อนนะคะ” เพื่อนหลุบตาก่อนจะมองใหม่ด้วยสายตาแข็งกร้าวขึ้น

เพื่อนมารอประชุมที่สถานี ทวิตตี้หงุดหงิดเมื่อรู้ว่าวรัชช์เล่นตัวจะไปเรียนต่อเลยกำหนดเปิดกล้องยังไม่ได้ สงสัยจะเล่นแผนขึ้นค่าตัว...พอเข้ามาในห้องประชุม วรัชช์นั่งรออยู่ก่อน นิวัตส่งบทละครให้เพื่อนและถามว่าต้องถามความสมัครใจก่อนไหม เพื่อนยิ้มให้ด้วยความเต็มใจ

แต่วรัชช์กลับบอกว่า “ผมว่า จะขอเอาบทไปอ่านดูก่อน พักหลังมานี้ผมเล่นละครคู่กับแพงคนเดียว เกิดวันนึงผมไม่อยู่ขึ้นมา คนดูจะไม่ติดภาพหรือครับ”

“พูดแบบนี้หมายความว่าจะไปเรียนต่ออย่างที่เคยบอกไว้เมื่อปีก่อนเหรอ คิดดีๆนะช่วงเวลาทองของเรามันจะอยู่ได้อีกกี่ปี แต่อาก็ไม่อยากไปก้าวก่ายเรื่องการศึกษาเพราะมันเป็นอนาคตของเราเอง”

เพื่อนแอบเตะขาวรัชช์ใต้โต๊ะ แต่เขาไม่สนใจกลับตอบนิวัตว่าจะให้คำตอบภายในเดือนหน้า นิวัตไม่ซีเรียสเพราะช่วงท้ายบทยังปรับอยู่ หันมาบอกแพงว่า เรื่องนี้ท้าทายมากสำหรับเธอ ควรไปเรียนการแสดงเพิ่มกับครูอิ๋ว เพื่อนไม่ทันฟังมัวแต่คิดเรื่องวรัชช์ จนทวิตตี้จิกต้นขาจึงรีบรับคำ พอเห็นวรัชช์ลุกเดินไปทางห้องน้ำ เพื่อนรีบตามไป

วรัชช์ออกจากห้องน้ำเจอเพื่อนดักรอถามเรื่องที่เขาจะไปเรียนต่อทำไมไม่เคยบอก วรัชช์ได้ทีกวนกลับว่ามันไม่สำคัญอะไรกับเธอ แล้วมองอย่างท้าทายพร้อมย่างสามขุมเข้าใกล้ เพื่อนถอยอย่างระวังตัวจนชิดกำแพง เขาต่อรอง

“ที่จริงผมอาจจะเปลี่ยนใจไม่ไปเรียนต่อ มันขึ้นอยู่กับว่า...คุณจะหยุดที่ผมแค่คนเดียวได้รึเปล่า”

“ถ้าคิดว่าต้องฝืนทนกับสิ่งที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ก็บอกมาตามตรง ฉันแฟร์ให้คุณเลือกทางเดินของตัวเองมาตั้งแต่แรกแล้วนะคะ หรือไม่จริง” เพื่อนมองกลับอย่างฟาดฟัน ก่อนจะดันไหล่เขาให้หลีกทางแล้วเดินไป วรัชช์กำมือทุบกำแพงอย่างอัดอั้นที่ไม่ได้ดังใจ

ทวิตตี้รอแพงอยู่ที่ร้านกาแฟในอาคารสถานี เพื่อนเดินมาหยุดโทรศัพท์ติดต่อหาบ้านเช่าใหม่ เพื่อให้ห่างไกลกับบ้านที่กันลองไปซื้อไว้

ooooooo

เมื่อกันลองบอกชลลดาเรื่องจะหมั้นกับแพง เธอไม่พอใจประกาศไม่ให้แหวนประจำตระกูลไปหมั้นแพงอาภรณ์ กันลองเข้าใจว่าแม่โกรธกับรื่นจิตถึงพาลไม่ชอบแพงไปด้วย มองข้ามความสุขของลูกทั้งๆที่รู้ว่าลูกรักแพงมานานเป็นสิบปี ชลลดาเชิดหน้า

“ถ้าแกคิดว่าฉันเอาประเด็นนั่นมาเป็นเรื่องใหญ่ ก็ดูถูกฉันมากเกินไปแล้ว...รักมั่นเป็นสิบปี พูดอย่างกับพระเอกนิยาย หัดมองดูความจริงบ้างนะ เวลาเปลี่ยน คนเปลี่ยนน่ะ เคยได้ยินบ้างไหม” ชลลดาโยนหนังสือกอสซิปให้ดูภาพข่าวแพงกับวรัชช์

กันลองบอกมันเป็นแค่ข่าวโปรโมต แต่ชลลดาสวน ถ้าไม่มีมูล นักข่าวจะเอามาเล่นซ้ำๆเป็นร้อยรอบหรือ นักสืบพันทิปยังขยายผลกันเกรียวกราว ไม่เคยส่องดูบ้างหรือ ตนไม่เห็นด้วยกับการหมั้นนี้ กันลองนิ่งอึ้ง กลับออกไปด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์...ชลลดาโทร.ถามโรยบุญถึงไหนแล้ว แล้วเธอก็ตะเบ็งเสียงว่า ฉันถามว่าถึงไหน ไม่ได้อยากกินสายไหม!

ด้วยความที่คุยกันไม่รู้เรื่องเสียที ชลลดาจึงพาโรยบุญไปให้หมอติดเครื่องช่วยฟัง ทำให้สื่อสารเข้าใจกันได้บ้าง แต่ก็ยังมีที่โรยบุญพูดกันคนละเรื่อง ทำให้ชลลดาชักสงสัยว่าปัญหาไม่ได้อยู่ที่การได้ยิน แต่อยู่ที่สมองของโรยบุญมากกว่า

บ่ายวันนั้น เพื่อนเดินซื้อของในซุปเปอร์มาร์เกต จู่ๆมีมือหยิบของใส่มาในรถเข็นเธอ เพื่อนสะดุ้งหันมองเป็นวรัชช์ เขาถามวันนี้จะทำอะไรให้เขาทาน เพื่อนสะบัดหน้าจะเดินหนีแต่เขาตามดักหน้าดักหลัง พยายามขอโทษแล้วย้ำหนักแน่น

“ฟังนะแพง ไม่ว่าจะคิดอีกสักกี่รอบ ทางที่ผมเลือกก็มีคุณเดินอยู่ด้วยทุกที มีผม...มีคุณ ฟังดูดีเนอะ ว่าไหม” วรัชช์ทำตาปริบๆเว้าวอน

เพื่อนหลุดขำออกมา วรัชช์ดีใจรีบเลือกของที่จะเอากลับไปทำอาหารที่ห้องพักเขาในโรงแรม เพื่อนรู้สึกสนุกและสบายใจเมื่อได้ทำอะไรเป็นตัวของตัวเองร่วมกับวรัชช์

วันต่อมา เพื่อนมาทำอาหารกับกันลองที่บ้านใหม่ เพื่อนรู้สึกเป็นสุขอบอุ่น แต่ความรู้สึกต่างจากเวลาอยู่กับวรัชช์ กันลองแปลกใจที่แพงทำอาหารเป็นและอร่อย ทั้งที่ก่อนหน้านี้ โรยบุญพยายามสอนก็ไม่สำเร็จ แถมครัวแทบพัง...เพื่อนยิ้มหวานประจบว่าที่ทำทั้งหมดก็เพื่อเขา

“แล้วเรื่องที่แพงฝันจะเป็นนักเขียนแบบคุณพ่อล่ะคะ ยังอยากเป็นอยู่รึเปล่า”

เพื่อนหุบยิ้มอึกอัก “แพงก็...ยังชอบเขียนอยู่ค่ะ”

กันลองแย็บถาม คิดจะออกจากวงการมาเป็นนักเขียนและเป็นแม่บ้านให้เขาบ้างไหม เพื่อนก้มหน้าตอบ ตนไม่คิดจะทำเป็นอาชีพ เพราะการเป็นนักแสดงน่าจะเวิร์กกว่า กันลองมองเธออย่างครุ่นคิด...ระหว่างนั่งรถกลับ เพื่อนมีท่าทีระแวงเมื่อผ่านหน้าบ้านเช่าเพราะเห็นฤดีกำลังทิ้งขยะที่หน้าบ้าน พลันเอเย่นต์หาบ้าน โทร.เข้ามา เพื่อนรีบตัดสายทิ้ง หันมาเห็นกันลองมองก็บอกว่าเจ๊โทร.มาคงจะคุยเรื่องคิวแต่สายหลุดไปก่อนสงสัยแบตหมด กันลองพยักหน้านิดๆ

กันลองรู้สึกถึงความเปลี่ยนไปของแพง กังวลว่าเธอจะมีใจให้พระเอกหนุ่ม พอกลับมาบ้านจึงเปิดกระทู้พันทิปอ่าน เห็นภาพทั้งสองเดินซื้อของซุปเปอร์มาร์เกต มีคนเทียบให้ดูรองเท้าผ้าใบที่คอลเลกชั่นเดียวกัน และนาฬิกาที่เหมือนกันของแพงกับวรัชช์...กันลองครุ่นคิดสักพัก ตัดสินใจมาร้านจิวเวลรี่ เลือกซื้อแหวนเพชรและให้ร้านทำวงให้เล็กลง

ooooooo

ค่ำวันนั้นเป็นวันเกิดวรัชช์ เพื่อน จิตจีรังและนนท์ปิดผับทำเซอร์ไพรส์เลี้ยงฉลอง โดยเพื่อนทำเค้กมาอวยพร วรัชช์เขินรีบเป่าเค้กและจะตัดกิน เพื่อนแกล้งเอาครีมป้ายหน้าจิตจีรัง เธอจะทำคืนแต่เพื่อนหลบจึงป้ายโดนวรัชช์ เกิดความชุลมุนสนุกสนาน

วรัชช์ฉวยโอกาสดึงมือเพื่อนมากินครีมที่มือเธอ ทั้งสองสบตากัน วรัชช์โน้มหน้าจะจูบโดยที่เพื่อนไม่หลบ พลันเสียงโทรศัพท์ดังขัดจังหวะ เพื่อนรีบรับสายเดินเลี่ยงออกมาคุย...

เพื่อนกลับมาบอกวรัชช์ว่ากันลองมารับ เขาไม่พอใจแต่ทำทียิ้มแย้ม เพื่อนคว้ากระเป๋าเดินออก วรัชช์ตัดบทจบงานเช็กบิล แล้วกดโทร.นัดกิ๊กออกมาเจอ แกล้งพูดดังๆให้แพงได้ยิน

เพื่อนนั่งเงียบมาในรถกันลอง เขาเห็นเธอเครียดจึงชวนดูหนังสยองขวัญที่เธอชอบ...ระหว่างดูหนัง กันลองลอบมองเห็นแพงนั่งนิ่งไม่สะดุ้งตกใจไปกับหนัง ในขณะที่เพื่อนนึกถึงวันก่อนได้มาดูหนังเรื่องนี้กับวรัชช์ เธอตกใจเกาะแขนเขาหลายครั้ง...พอดูหนังจบ กันลองถามแพงว่าหนังไม่สนุกหรือ เธอทำยิ้มแย้มบอกว่าสนุกแต่เดาทางได้ ชายหนุ่มบ่นคนเป็นนักแสดงหลอกยาก แถมเป็นขาประจำหนังแนวนี้ด้วย

และแล้ววรัชช์ก็ไม่ได้ออกไปไหน กลับห้องพัก แต่นอนไม่หลับ จึงโทร.หาเชอร์รี่กิ๊กเก่า ปรากฏว่าวันนี้เป็นวันแต่งงานของเธอ เขาจึงรีบวางสายเพราะดูท่าเชอร์รี่ยังตัดใจจากเขาไม่ได้...สุดท้ายก็มาหาป้าที่บ้าน มธุรสเตรียมเค้กไว้ให้หลานรักทุกปี เพิ่งมีปีนี้ที่เขากลับมากิน วรัชช์ซึ้งใจทิ้งตัวลงนอนหนุนตักป้า แต่โดนเธอผลักไสเพราะไม่ใช่ทางของสาวแมนๆอย่างมธุรส

รุ่งเช้าวรัชช์ช่วยมธุรสล้างรถ และคุยกันเรื่องแม่ วรัชช์เริ่มเข้าใจความรู้สึกของแม่ ที่ทนอยู่กับพ่อทั้งที่มีคนอื่นมาชอบพอแต่ไม่เลือก มธุรสดักคอว่าแอบไปเป็นผัวน้อยใคร เขาโวย

“ผัวน้งผัวน้อยอะไรกันป้า ศัพท์โบราณเชียว สมัยนี้เขาเรียกว่ากิ๊กต่างหาก”

“มันก็เหมือนกันล่ะวะ ดีนะที่แกเกิดเป็นผู้ชาย ถ้าเป็นผู้หญิงฉันปวดหัวตายกันพอดี”

วรัชช์ว่าจะหญิงหรือชายก็เจ็บเท่ากัน มธุรสเหล่ สรุปว่าที่เขาลือกันว่าเป็นกิ๊กนางเอกที่เล่นละครด้วยกันก็จริง ถ้าพ่อเขารู้ มีหวังมาเข้าฝันด่าเละแน่ ที่ทำให้ลูกเสือมันเสียชื่อ วรัชช์เจ็บจี๊ด โยนฟองน้ำใส่ถังแล้วบอกว่ามีงานต้องไป มธุรสบ่นไล่หลังว่าขี้ใจน้อยเหมือนพ่อไม่มีผิด

เช้าวันนั้น เพื่อนมาเข้าคลาสเรียนกับครูอิ๋วพร้อมจิตจีรัง แต่ครูอิ๋วกลับบอกว่าต้องเลื่อนคลาสออกไป เพราะวรัชช์ถอนตัว ต้องแคสพระเอกใหม่ เพื่อนตกใจมุ่งหน้าไปหาวรัชช์ที่ห้องโรงแรมทันที พอเจอหน้าเขาก็ถามทำไมต้องถอนตัว เขากวนกลับว่าทำไมต้องเล่น

“ก็มันทำมาจากนิยายที่พ่อแก้วขวัญเขียนไงล่ะ”

“อ้าว พ่อคุณ คุณก็แสดงต่อไปสิ เกี่ยวอะไรกับผม”

“เกี่ยวสิ! ก็เราจะได้...เจอกันบ่อยๆไง”

“เจอกันในกอง แล้วเลิกกองคุณก็ไปลั้ลลากับคนของคุณน่ะเหรอ...คุณกลับไปเถอะ ผมไม่ใช่ตัวเลือกของใคร” วรัชช์ปิดประตูใส่หน้า เพื่อนพยายามเคาะเรียก จิตจีรังมาแตะไหล่

เพื่อนตามจิตจีรังมานั่งคุยกับนนท์ด้วย จิตจีรังต่อว่าแพงทำร้ายจิตใจวรัชช์ ทั้งที่ทั้งสองถึงขั้นจูบกันแล้ว เพื่อนนิ่งไม่ตอบทำให้จิตจีรังโมโหว่าแพงเห็นแก่ตัว เพื่อนสุดทนเถียงว่า

“แล้วถ้าเป็นเธอล่ะจี เธอจะทำยังไง ถ้ามีคนสองคนเข้ามา แล้วเขาก็ดีกับเธอทั้งคู่”

“เธอนี่มันโลเลเหมือนนางวันทองที่เคยถามฉันไม่มีผิด คนแรกก็ตัดไม่ขาด คนที่สองก็ไม่ปล่อยเขาไป แล้วรู้ไหมว่าจุดจบของนางวันทองคืออะไร...โดนประหารชีวิตยังไงล่ะ เธอทำให้นุกนิกต้องเสียใจ เธอมัน ...เธอมัน...” จิตจีรังของขึ้นชี้หน้าแพง นนท์ต้องดึงเธอออกไป เพื่อนเครียด กลับเข้าบ้าน นายหน้าหาบ้านเช่าโทร.มาเซ้าซี้ให้ตกลงเลือกบ้าน เพื่อนยิ่งหงุดหงิดปฏิเสธเสียงดัง รื่นจิตเดินมามอง

เพื่อนเลี่ยงขึ้นห้องแล้วกลัวรื่นจิตสงสัย จึงกลับลงมาพร้อมสมุดไดอารี่ รื่นจิตทักว่ากลับมาเขียนไดอารี่แล้วหรือ เธอฝืนยิ้มว่าที่ผ่านมาเอาเวลามาคุยกับแม่แทนไม่ดีกว่าหรือ รื่นจิตปลื้มใจบอกให้ทำอย่างที่สบายใจ วันไหนอยากคุยกับแม่ แม่ก็พร้อมฟังเสมอ เพื่อนวางสมุดเข้ากอดแม่บอกตนชอบคุยกับแม่มากกว่า รื่นจิตลูบหัวอย่างเอ็นดู

กันลองนั่งมองแหวนในมือ ตามองไปยังห้องแพงที่เปิดไฟอยู่...เพื่อนเดินลงมากินน้ำ ได้ยินเสียงก็อกแก็ก ก็คิดว่ากันลองมา แต่พอเดินมาดูเป็นรื่นจิตลงมาหยิบเอกสารแล้วกลับขึ้นไป พอเพื่อนจะกลับขึ้นข้างบนก็ได้ยินเสียงอีก จึงเดินไปเปิดประตูกระจกกะจะแกล้งเซอร์ไพรส์กันลอง ทันใดมีโจรบุกเข้ามา เพื่อนร้องกรี๊ดแล้วต้องชะงักเมื่อโดนปืนจี้คอ

รื่นจิตได้ยินเสียงกลับลงมาช่วย กลับโดนผลักล้ม เพื่อนจะเข้าไปดูแม่ แต่โดนปืนจ่อ ทันใดกันลองย่องมาช่วย สู้กับโจรจนบาดเจ็บ ชลลดาโผล่มาพร้อมปืนตะโกนลั่น

“บังอาจมาทำลูกฉันเหรอ”

โจรตกใจก้มหน้ายอมจำนน เพราะปืนมันเป็นปืนปลอม เพื่อนเข้าพยุงกันลอง รื่นจิตยิ้มขอบคุณชลลดา แล้วรีบโทร.แจ้งตำรวจ เพื่อนตามไปทำแผลให้กันลองที่บ้าน และดูแลจนเขาหลับ ก็โทร.ลางานกับทวิตตี้ เจ๊ตกใจรีบโพสต์บอกแฟนคลับว่าแคนเซิลงานพรุ่งนี้ เพราะขโมยขึ้นบ้าน ไม่ทันไรแฟนคลับถามเข้ามามากมายอย่างห่วงใย

เพื่อนห่มผ้าให้กันลองก่อนจะกลับออกไป เธอลูบแก้มเขาพึมพำเศร้าๆ “ในโลกนี้คงไม่มีใครจะปกป้องแพงได้ดีไปกว่าพะลองแล้ว น่าดีใจแทนแพงจังเลยนะคะ”

ooooooo

รุ่งเช้าวรัชช์รู้ข่าวรีบมาที่บ้านแพง เห็นตำรวจและการ์ดเต็มบ้าน เขาเข้ามาไหว้รื่นจิตและขอพบแพง รื่นจิตสงสารแต่ก็ต้องบอกว่าแพงดูแลกันลองอยู่ที่บ้านเขา วรัชช์ผิดหวังกลับไป

เพื่อนทำโจ๊กมาป้อนกันลอง เธอขอบคุณเขาอีกครั้ง เขากลับบอกว่า เขารู้สึกดีที่ได้ดูแลเธอ กันลองถือโอกาสหยิบแหวนออกมาขอหมั้น เพื่อนผงะหน้าเจื่อนแต่เพื่อแพงจะไม่เสียโอกาส จึงรับคำทั้งน้ำตาไหลริน พอกันลองสวมแหวนกลับวงเล็กเกินไป เพื่อนตลกกลบเกลื่อน

“พะลองดูแลแพงดีไปหน่อยใช่ไหม ดูสิสมบูรณ์จนใส่แหวนไม่ได้เลย”

กันลองจูบแก้มเธอ “อันไหนที่ไม่พอดี ไม่ลงตัว เราก็ค่อยๆปรับเข้าหากันนะคะ เริ่มจากแหวนวงนี้ก่อนเลย”

อ่านละครเรื่อง เดือนประดับดาว ตอนที่ 9 วันที่ 24 ธ.ค.60

ละครเรื่อง เดือนประดับดาว บทประพันธ์โดย จันทร์ รีจรูญ แอนเดอร์สัน
ละครเรื่อง เดือนประดับดาว บทโทรทัศน์โดย ระกาช่อนรูป
ละครเรื่อง เดือนประดับดาว กำกับการแสดงโดย มนัสนันท์ เลิศวงศ์สกุล
ละครเรื่อง เดือนประดับดาว ผลิตโดย บริษัท ดอร์เธอร์ โปรดักชั่น จำกัด
ละครเรื่อง เดือนประดับดาว ออกอากาศทุกวันพุธ-พฤหัสบดี เวลา 20.15 น.
ติดตามชม ละครเรื่อง เดือนประดับดาว ได้ทางไทยทีวีสีช่อง 3
ที่มา ไทยรัฐ