อ่านละครเรื่อง เดือนประดับดาว ตอนที่ 8 วันที่ 23 ธ.ค.60

อ่านละครเรื่อง เดือนประดับดาว ตอนที่ 8 วันที่ 23 ธ.ค.60

เพื่อนไม่เข้าใจ น้อยหน่าบอกใหม่ว่า เดสทินี่ เพื่อนร้องอ๋อแต่ก็อยากรู้ว่า มันกำหนดให้เราคู่กับคนสองคนได้ไหม น้อยหน่าร้องโน...เพราะเนื้อคู่มีได้แค่คนเดียว เพื่อนถามอีกว่ามีวิธีเช็กเนื้อคู่แบบเร่งด่วนไหม เพื่อนสาวประเภทสองตบอกกระซิบข้างหูเพื่อน เพื่อนยิ่งงง ถามว่าพรหมจารีแปลว่าอะไร หน้าตาเหมือนพรหมลิขิตไหม น้อยหน่าหน้าเฝื่อนรู้สึกว่าแพงแปลกไป

ค่ำวันนั้นเพื่อนปีนรั้วมาที่บ้านกันลอง เขารอรับเธอแล้วพาขึ้นไปดูหนังบนห้องตามที่นัดกันไว้ โรยบุญแอบเห็นยิ้มกริ่มที่ทั้งสองลงเอยกันได้...เพื่อนใส่เสื้อคอกว้างมีผ้าคลุมไหล่ พอเข้ามาในห้องก็เอาผ้าคลุมไหล่ออกพยายามส่งซิกให้เขามอง กันลองกลับดึงผ้ามาคลุมไหล่ให้อย่างเดิม แล้วก้มหน้าก้มตาเลือกหนัง เพื่อนโพล่งขึ้นว่าอยากทำอย่างอื่นมากกว่าดูหนัง



กันลองจึงหันมาคุยเรื่องงาน เพื่อนทำหน้าเซ็งแล้วรุกก่อนหอมแก้มเขาฟอด กันลองชะงักอดใจไม่ไหว ประกบปากจูบและโน้มเธอลงไปบนเตียง เขาซุกไซ้ซอกคอเธอ เพื่อนเริ่มมีอาการประหม่าตื่นกลัว กันลองสัมผัสได้ยับยั้งใจไว้ทัน ดันตัวออกและขอโทษเธอ

“ทำไมคะ พะลองไม่รักแพงเหรอ” เพื่อนคิดว่าที่ทำเพื่อให้เขารู้ว่าแพงรักเขา

“พะลองรักแพงมาก ถึงต้องหยุดแค่นี้ พะลองก็เป็นผู้ชายคนหนึ่ง แพงคือคนที่พะลองรัก แต่พะลองอยากชื่นชมแพงเมื่อถึงวันของเรามากกว่า...มัดจำเท่านี้ก่อนนะ มาดูหนังกันดีกว่า” กันลองจูบหน้าผากแพง แล้วหันไปเลือกแผ่นหนังต่อ เพื่อนหน้ามุ่ยคิดว่าตัวเองไม่เซ็กซี่พอ

หลังดูหนังจบ เพื่อนกลับเข้าบ้าน เจอรื่นจิตลงมาเอาน้ำ เธอมองสภาพแพงที่ผมเผ้ายุ่งเหยิงเสื้อผ้ายับ แพงรีบออกตัวว่าซ้อมบทอยู่ริมสระแล้วรีบเปลี่ยนเรื่อง บอกว่าทำเค้กไว้ให้แม่ทานกับกาแฟพรุ่งนี้ อยู่ในตู้เย็น รื่นจิตใจอ่อนลงบ่นว่างานเยอะยังเอาเวลาพักผ่อนมาทำเค้กอีก แต่กลัวลูกเสียน้ำใจจึงบอกไปว่าพรุ่งนี้จะทาน เพื่อนยิ้มออกแล้วอ้อมแอ้มถามแม่

“แม่คะ...หนูหน้าอกเล็กเกินไปรึเปล่าคะ”

“ก็...หลังจากอุบัติเหตุครั้งล่าสุดก็ดูเล็กลงจริงๆแหละ แอร์แบ็กกระแทกรึเปล่า ไปหาหมอไหม” รื่นจิตมองหน้าอกแพงและพูดอย่างจริงจัง

เพื่อนหาว่าแม่เล่นมุก หน้างอเดินขึ้นห้อง รื่นจิตก้มมองหน้าอกตัวเองไม่เห็นต่างกับลูก แล้วเธอก็เอาซิลิโคนไปให้แพงที่ห้อง ได้ยินแพงคุยโทรศัพท์อยู่ในห้องน้ำเป็นภาษาอังกฤษ เสียงเหมือนเถียงกัน รื่นจิตผงะมาชนตุ๊กตาวูดูของเพื่อนก็ตกใจ คิดไปว่าเป็นพวกตุ๊กตาไสยศาสตร์

รุ่งเช้าจึงเรียกมธุรสมาหาที่บริษัทเพื่อปรึกษาเรื่องลูก มธุรสจะให้วรัชช์ช่วยดูแลว่ามีแฟนคลับคนไหนเล่นของใส่แพงบ้างหรือเปล่า

ความจริงวรัชช์ยังงอนแพงที่ไม่รับโทรศัพท์ แต่พอรู้เรื่องจากมธุรสก็หาโอกาสซักถามแพงว่ามีอาการปวดท้อง หน้าซีด ขอบตาคล้ำ อยากอาเจียนบ้างไหม หรือรู้สึกหลงรักใครอย่างพวกพ่อค้ายาเป็นพิเศษหรือเปล่า เพื่อนรู้ว่าเขาหมายถึงกันลอง จึงว่าเขาเพี้ยนเพราะนิยมกินสัตว์ใหญ่พวกมีเขา วรัชช์ชะงักรู้สึกว่าโดนหลอกด่า

“นี่คุณหลอกด่าผมเหรอ ที่ผมถามก็เพราะเป็นห่วงหรอกนะ”

“เก็บความหวังดีของคุณไว้เถอะ ฉันดูแลตัวเองได้ แล้วเมื่อคืนคุณโทร.หาฉันทำไมตั้งหลายรอบ”

“คงลืมกดล็อกโทรศัพท์แล้วมือไปโดนเบอร์คุณ คุณจะใส่ใจอะไร อี๋อ๋ออยู่กับไอ้พ่อค้ายาชักมดลูกอยู่ก็ไม่ต้องมาแก้ตัว” วรัชช์เผลอเหวี่ยงใส่

เพื่อนสวนว่าตนจะใช้เวลากับใครแล้วมันเรื่องอะไรต้องแก้ตัวกับเขา วรัชช์ยิ่งโกรธและน้อยใจ ดึงมือเธอที่กำลังถือถ้วยชาร้อน น้ำชากระฉอกใส่มือ เขาตกใจรีบดูว่าเจ็บมากไหม หน้าเขาใกล้ชิดกับหน้าเธอ ผู้ช่วยผู้กำกับโผล่มาเรียกให้เข้าฉาก ทั้งสองผละออกจากกัน

เผอิญกันลองมาเห็นภาพทั้งหมด เขารู้สึกขุ่นใจกังวลใจอย่างบอกไม่ถูก

ooooooo

กันลองรอรับเพื่อนเพื่อไปลองชุดพรีเซ็นเตอร์ไก่ฟ้า เพื่อนถามว่าเขามาตั้งแต่เมื่อไหร่ กันลองไม่ตอบแต่ดึงมือเธอมาดูอย่างห่วงใย เพื่อนโน้มหน้ามากระซิบว่าตนไม่เป็นอะไร

คอสตูมเอาชุดสวยให้เพื่อนใส่ เพื่อนขอไม่ใส่รองเท้าส้นสูงที่เตรียมไว้ให้ ขอใส่ผ้าใบให้ดูกระฉับกระเฉงแทน พอชลลดาเห็นก็ติงว่าเวลาฟิตติ้งต้องใส่ให้ครบเซต เพื่อนอธิบายว่า

“แพงคิดว่า เจ็ทชิคเป็นโปรดักส์ใหม่ น่าจะเข้ากับผู้หญิงยุคใหม่ที่มีความสปอร์ตมากขึ้น ไม่จำเป็นต้องใส่ส้นสูงก็สวยเท่ไปอีกแบบค่ะ”

กันลองเห็นด้วยกับแพง ปิติยกนิ้วชื่นชม ชลลดาไม่พอใจที่ลูกขัดใจทุกเรื่อง กันลองต้องขอร้องว่าโปรเจกต์นี้ขอตนเป็นคนตัดสินใจทุกเรื่อง ชลลดาเห็นมือแพงเจ็บก็เหวี่ยงใส่ไม่รู้จักดูแลตัวเอง ใกล้จะถึงวันถ่ายจริงอยู่แล้ว เพื่อนไม่อยากต่อปากต่อคำ กันลองสงสารแพงจึงยกมือไหว้แม่และบอกว่าจะไปส่งแพง เพื่อนไหว้ตามแล้วเดินไปกับกันลอง ชลลดายืนโกรธทำอะไรไม่ได้

ชลลดาหงุดหงิดกลับมาถึงบ้าน เห็นรื่นจิตกำลังคุยอะไรกับโรยบุญ ในมือใจมีเข่งใส่ใบไม้แห้ง ก็รี่เข้ามาถามว่ามีเรื่องอะไรกัน รื่นจิตพยายามอธิบายกับโรยบุญ แต่เธอก็ฟังเพี้ยนและรายงานชลลดาว่า รื่นจิตจะวานคนสวนเรายกไหดองเค็มขิงไปให้สักใบ รื่นจิตรีบแย้ง

“ไม่ใช่นะคะ ดิฉันจะรบกวนให้คนสวนคุณเล็มกิ่งไม้ที่มันเกยข้ามไปบ้านฉันออกต่างหากค่ะ เพราะใบไม้มันร่วง ทำให้สวนบ้านฉันสกปรกมาก หวังว่าคงเกรงใจกันบ้างนะคะ ไปใจ กลับบ้าน เศษใบไม้ของเขาก็ทิ้งไว้ให้เขานี่แหละ” ใจวางเข่งใบไม้ลงแล้วเดินตามรื่นจิต

โรยบุญรีบเรียกไว้ “คุณรื่นอย่าเพิ่งไปเจ้าค่ะ...คุณผู้หญิงขออิฉันกับคุณรื่นยลรูปหนูแพงที่ถ่ายมาวันนี้หน่อยสิเจ้าคะ”

ชลลดายิ้มหยันยื่นรูปถ่ายฟิตติ้งให้ดู โรยบุญเห็นอกแพงตู้มขึ้นก็ร้องว่าเป็นปอดบวมหรือ

“โอ๊ย ปอดบวมอะไรยะแม่โรย ของปลอมทั้งนั้น เสริมขนาดนี้คงนึกว่าจะยั่วพ่อพะลองของแม่โรยขึ้นล่ะมั้ง” ชลลดาหัวเราะ

รื่นจิตโกรธกำมือเดินเข้าหา โรยบุญตกใจรีบเข้าแทรกกลาง “พวกคุณๆทะเลาะกันก็อย่าเอาเด็กเป็นชนวนสิเจ้าคะ ไม่งั้นต่อไปถ้าคุณพะลองกับหนูแพงเขาเป็นทองแผ่นเดียวกันแล้วจะลำบาก” รื่นจิตให้หยุดพูดเพ้อเจ้อ โรยบุญร้อง “อูย...ไม่เพ้อเจ้อนะเจ้าคะ สาบานต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เมื่อคืนอิฉันเห็นอยู่กับตาว่าหนูแพงกับคุณพะลองเขาหายกันไปทำอะไรก็ไม่รู้อยู่บนโน้น”

โรยบุญชี้ไปบนห้องกันลอง ชลลดายิ้มหยัน รื่นจิตนึกถึงสภาพลูกเมื่อคืนที่บอกว่าซ้อมบทริมสระก็ยิ่งโกรธ ชลลดาตอกย้ำเข้าอีก

“ถึงว่าสิ วันนี้ตาลองถึงได้เดินตามหนูแพงเป็นเงาตามตัว ตากล้องมองนิดมองหน่อยก็ของขึ้น ที่แท้ก็...” รื่นจิตคว้าตะกร้าใบไม้แห้งเทใส่ชลลดาร้องลั่น

“นี่มันอะไรกันยะหล่อน”

“เงาตามตัวไงคะ กรรมน่ะมันเป็นเหมือนเงาตามตัว ทำอะไรไว้ก็ต้องรับผิดชอบ ปลูกต้นไม้ใหญ่จนแตกกิ่งข้ามรั้วมาบ้านคนอื่น ก็ต้องรู้จักเก็บเศษใบไม้กลับไปด้วยสิคะ จะมาทำตัวข้ามหัวคนอื่นตลอดเวลาแบบนี้ ดิฉันว่ามันไม่ถูกต้อง” พูดจบรื่นจิตกลับเข้าบ้าน

โรยบุญตกใจช่วยปัดเศษใบไม้ออกจากตัวคุณหญิงของตน

ooooooo

เพื่อนนั่งมาในรถกันลอง ดูรูปที่ถ่ายวันนี้แล้วเพื่อนติงว่าไม่น่าใส่แจ็กเกต แต่กันลองไม่ต้องการให้ดูโป๊ จึงบอกว่าตนเป็นเจ้าของสินค้า สิ่งที่ตนเลือกเหมาะสมแล้ว เพื่อนหาว่าเขาเห็นตนเป็นสินค้า กันลองจอดรถหน้าบ้านแพงพอดี หันมาอธิบาย

“ไม่ใช่อย่างนั้นค่ะ พี่แค่อยากให้เราแยกเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัว และเคารพการตัดสินใจของพี่ งานนี้เป็นงานของไก่ฟ้าพญาลอ ไม่ใช่ของพี่คนเดียว แต่เป็นของแม่พี่และคนทั้งบริษัท พวกเขาให้อำนาจพี่ตัดสินใจ แพงก็ต้องเชื่อใจพี่ด้วยสิ แพงก็รู้ว่าอะไรที่ไม่ดี พี่ไม่ให้แพงทำอยู่แล้ว” เพื่อนพยักหน้าแต่ยังหน้ามุ่ย กันลองให้เธอเข้าบ้านแล้วอย่าลืมทายาที่มือ

เพื่อนลงจากรถแล้วเดินมาฝั่งคนขับ เคาะกระจกให้เขาเปิด ยื่นแก้มไปให้หอม กันลองนิ่ง เธอจึงหอมแก้มเขาแทน แล้วทั้งสองต้องตกใจเมื่อเห็นรื่นจิตยืนมองอยู่ กันลองรีบลงจากรถมาสวัสดี แต่รื่นจิตไม่รับไหว้ เพื่อนรู้ว่า บรรยากาศไม่ดีให้เขากลับไปก่อน แล้วเดินตามแม่เข้าบ้าน

รื่นจิตต่อว่าที่กลับไปรับงานพรีเซ็นเตอร์แล้วไม่บอก เพื่อนอธิบายว่ามันดูไม่มืออาชีพที่ตนไปบอกเลิกสัญญาทั้งที่เซ็นไปแล้ว จึงแสดงความรับผิดชอบ

รื่นจิตต่อว่าที่ถึงเนื้อถึงตัวกับกันลองเกินไป เพื่อนแก้ตัวไม่ออก ได้แต่สบตาอึ้งๆ

“มันเกิดอะไรขึ้นกับลูกสาวแม่กันแน่ หนูเคยบอกแม่ไม่ใช่หรือว่าแพงอาภรณ์รักเกียรติของตัวเองยิ่งกว่าอะไร”

เพื่อนน้อยใจประชดกลับไปว่า “งั้นแม่ก็คิดซะว่า หนูไม่ใช่แพงอาภรณ์ละกันค่ะ”

รื่นจิตเหวอมองแพงเดินสะบัดขึ้นข้างบน เธอก้มหน้าเสียใจแล้วเหลือบเห็นกันลองมายืนอยู่ก็ตกใจ กันลองพยายามอธิบายอย่างอ่อนโยนไม่ให้โกรธแพง

“แพงไม่ได้อยากจะขัดคำสั่งคุณน้าเรื่องพรีเซ็นเตอร์แต่เป็นเพราะผมเอง ถ้าผมทำแคมเปญโฆษณาใหม่นี่ไม่สำเร็จ คุณแม่ก็จะไม่ยอมให้ผมทำตามความฝัน

ที่อยากเป็นนักออกแบบเครื่องบิน แพงเลยช่วยผม ถ้าจะโกรธก็โกรธผมคนเดียวเถอะครับ...แล้วอีกอย่างหนึ่ง ผมกับแพงเราสองคนไม่มีอะไรเกินเลยกัน แพงรักเกียรติของตัวเองพอๆกับผมที่รักเกียรติของเธอ ผมให้สัญญาว่าตราบใดที่เราสองคนยังไม่ได้แต่งงานกัน ผมจะไม่ทำลายเกียรติของแพงเด็ดขาด”

รื่นจิตรู้สึกสบายใจขึ้น จึงมาขอโทษแพงที่พูดรุนแรง เพื่อนกลับโผกอดและบอกว่าตนดีใจที่แม่เป็นห่วง พอรื่นจิตเห็นมือแพงเจ็บก็รีบถามว่าโดนแฟนคลับโรคจิตทำร้ายหรือ เพื่อนงง เธอบุ้ยใบ้ไปที่ตุ๊กตาวูดู แล้วถามใครเป็นเจ้าของ เพื่อนอ้างว่าเป็นพร็อพในละครที่ทีมงานให้ รื่นจิตไม่อยากให้เอาไว้ใกล้ตัว มันเป็นลางไม่ดี เพื่อนจึงเก็บตุ๊กตาตัวนั้นเข้าตู้

ooooooo

เช้าวันใหม่ เพื่อนมาเยี่ยมแพงที่โรงพยาบาล เรียนรู้การดูแลคนไข้จากพยาบาล และนั่งคุยกับร่างแพงที่นอนนิ่ง ระหว่างนั้นมีข้อความเข้ามาหลายที พอเปิดดูมีทั้งของกันลองและวรัชช์ เพื่อนรู้สึก
เหนื่อยใจ บ่นกับร่างแพงว่าตนเริ่มเหนื่อยแล้ว เหนื่อยที่ต้องฟังสมองมากกว่าหัวใจ

หลังจากนั้นเพื่อนมาแวะดูบ้านที่นายหน้าหาให้ รู้สึกพอใจ...ด้านวรัชช์ตัดสินใจแน่วแน่จะบอกเลิกสาวชื่อผลไม้ทุกคน ด้วยการซื้อแหวนให้เป็นของขวัญ แต่แล้วเขาก็โดนสาวชื่อผลไม้ทั้ง 9 คนตบจนหน้าบวมแดงไปข้างหนึ่ง มีเพียงแตงโมที่ไม่ยอมเลิกรา

ทุกเช้าเพื่อนจะได้รับข้อความทักทายจากวรัชช์...วันนี้กันลองโทร.มายกเลิกนัดเพราะติดงาน เพื่อนบ่นพึมพำ...ทำไมแฟนแพงไม่ค่อยสนใจแพงเท่าใครบางคนเลย

เพื่อนจึงลงมาทำซุปให้รื่นจิตกิน รื่นจิตถามขึ้นว่า วรัชช์ชอบลูกหรือ เห็นพาดหัวข่าวว่าวัชราภรณ์มีเฮ อินกันนอกบท มีภาพทั้งสองจูบกัน เพื่อนเห็นว่าเป็นภาพในละคร จึงถามแม่สนใจหนังสือพวกนี้ด้วยหรือ รื่นจิตบอกว่ามธุรสเอามาให้ดู

“ทำไมแม่ไม่เห็นเคยบอกหนูเลยคะว่าป้ามธุรสเป็นป้าของวรัชช์”

“ยังไงหนูก็รู้เรื่องจากวรัชช์เองแล้วนี่” รื่นจิตมองอย่างจับผิด แล้วเตือนว่าอย่าทำตัวเป็นนางวันทอง และยังย้ำว่าไปถ่ายโฆษณาไก่ฟ้าวันไหนแม่จะไปด้วย

เพื่อนรับคำแต่ก็งงกับคำว่านางวันทอง จึงโทร.หาจิตจีรัง ทำทีชวนไปนวดหน้าจะออกค่าใช้จ่ายให้

จิตจีรังรับปากทันทีและให้มารับที่โรงแรมวรัชช์...พอดีวรัชช์เดินหน้าบวมเข้ามา จิตจีรังเห็นแล้วขำ ออกตัว

วันนี้ไม่ว่างคุยด้วย ต้องไปกับแพง วรัชช์ได้ยินขอไปรับขากลับเพราะอยากเจอแพง หญิงสาวพยักหน้าอย่างเซ็ง

วรัชช์แวะซื้อดอกกุหลาบข้างทางโดยไม่รู้ว่าแตงโมสะกดรอยตาม ในขณะที่เพื่อนนอนนวดหน้าอยู่กับจิตจีรัง ก็เลียบเคียงถามทั้งจิตจีรังและน้อยหน่าว่านางวันทองเป็นใคร ทั้งสองตกใจถามว่าถูกใครด่ามา เพื่อนบอกว่าแม่ สองสาวหน้าเหวอ

“อย่าบอกนะว่าเธอกล้านอกใจวรัชช์” จิตจีรังถาม ไม่ทันที่เพื่อนจะตอบน้อยหน่าแทรก “แล้วเอาคุณกันลองไปไว้ที่ไหน”

“โอ๊ย...แล้วมันเกี่ยวอะไรกับนางวันทอง” เพื่อนเริ่มหงุดหงิด

แตงโมโผล่มาตอบแทน “ก็เธอไงล่ะ นังสองใจ! มีผู้ชายอีกคนอยู่แล้วยังคิดจะเป็นชู้กับวรัชช์อีกเหรอ บอกไว้ก่อนเลยนะว่าฉันกับเขาเราหมั้นกันแล้ว” แตงโมโชว์แหวนที่วรัชช์ให้ เพื่อนกับจิตจีรังตกใจเล็กน้อย “ทำไม นึกว่าเป็นดาราดังแล้วจะเฟิร์สกับใครก็ได้รึไง อย่างเธอนี่ไม่ใช่แค่วันทองสองใจล่ะมั้ง...กากีชัดๆ”

เพื่อนยิ่งงงถามว่ากากีคือใคร แตงโมหาว่ากวนพูดใส่หน้าว่า มีผัวนับไม่ถ้วน น้อยหน่าโกรธแทนแพง ไล่แตงโมออกจากร้าน เพื่อนให้กลับไปถามวรัชช์ว่าใครมายุ่งกับใครกันแน่ แตงโมร้องกรี๊ดพุ่งเข้าตบหน้าแพง เพื่อนโกรธผลักแตงโมล้มหงายแล้วขึ้นคร่อมกะชกเต็มที่ วรัชช์มาถึงจับมือเพื่อนไว้ แตงโมทำทีร้องไห้ว่าโดนรุม เขาดึงเธอมาบอกย้ำว่าเราเลิกกัน แตงโมเสียใจถอดแหวนปาใส่หน้าเขาก่อนจะกลับไป เพื่อนโกรธวรัชช์เดินข้ามดอกไม้เขาออกจากร้าน

จิตจีรังฟูมฟายใส่วรัชช์ก่อนจะตามแพงออกไป “ทำฉันเสียใจคนเดียวไม่พอ แกยังทำให้คนที่ฉันรักเสียใจอีก แกมันแย่ที่สุด”

น้อยหน่าได้ยินแล้วงง ถามวรัชช์ว่าจิตจีรังชอบแพงหรือ เขาสวนกลับว่า ตนต่างหากที่ชอบแพง น้อยหน่าหน้าเจื่อน บ่นอุบ ถ้าไม่หล่อไม่อภัยนะเนี่ย...

เพื่อนเสียใจที่โดนว่าเป็นนางวันทอง เป็นกากี จึงตัดสินใจแน่วแน่ไม่ทำให้แพงเสียชื่อ ตั้งใจไปหากันลองที่ทำงาน นั่งรอเขาประชุมในห้องทำงานจนผล็อยหลับ

กันลองดีใจที่แพงมาหา เพื่อนตื่นมาเห็นเขาก็โผกอด พยายามทำตัวให้ดูเหมือนแฟนกัน ชลลดาเข้ามาเจอเริ่มหมั่นไส้

“หนูแพงจ๊ะ เอาเวลาไปถนอมผิวหน้าก่อนดีไหมจ๊ะ อีกสองวันจะถ่ายโฆษณาแล้วนะ ไม่น่าเสียเวลามาที่นี่นะ”

“แต่แพงไม่เคยคิดว่าการมาพบพะลองเป็นเรื่องเสียเวลาค่ะ” เพื่อนตอบไม่เกรงกลัว

พอดีมือถือดังขึ้น เพื่อนมองหน้าจอชื่อวรัชช์ก็ตัดสาย ไม่ทันไรโทร.เข้ามาอีก ชลลดาเคืองแทนลูกชายบอกให้รับเสียก่อนอาจมีเรื่องด่วน เพื่อนไม่สนใจหันไปกอดแขนกันลองอ้อนว่าคงต้องเปลี่ยนเบอร์โทร.กลัวเขาหึง ชลลดาตาวาวไม่พอใจ กันลองมีท่าทีอึดอัด

ooooooo

วันถ่ายงานโฆษณาไก่ฟ้าพญาลอ รื่นจิตที่ท่าทางเก้กังนั่งดูแพงหลังมอนิเตอร์ เพื่อนฟังผู้กำกับบรีฟงาน ชลลดาเดินเข้ามาเห็นรื่นจิตก็มองเหยียดๆ ทีมงานไม่รู้ว่ารื่นจิตเป็นแม่ของแพง ก็เรียกป้าๆขยับให้ท่านประธานนั่ง รื่นจิตหน้าตึงที่โดนเรียกป้า ชลลดาแอบขำ

กันลองดูจะห่วงใยแพงมาก คอยจัดเสื้อผ้าให้เข้าที่เข้าทาง แพงก็เกาะแขนเขาแจ รื่นจิตมองอย่างไม่ค่อยพอใจ ชลลดาแกล้งเปรยลอยๆ

“ตากันเขาเป็นสุภาพบุรุษดีค่ะ แต่...โบราณเขาว่า ดูนางให้ดูแม่...”

รื่นจิตโกรธลุกพรวดเตะสายมอนิเตอร์หลุด จอดับ ทีมงานชะงักรีบต่อไฟเพื่อทำงาน...ในฉากเพื่อนต้องชูขวดยาแบบกระฉับกระเฉงแล้วพูดว่า สดใส มั่นใจ ด้วยเจ็ทชิค...พอดีกันลองเดินไปคุยโทรศัพท์ ชลลดาถือโอกาสเปลี่ยนบทพูดใหม่ ให้จบด้วยสโลแกนเดิมคือ ไก่งามเพราะขน คนงามเพราะไก่...เพื่อนไม่พูดยึดบทเป็นหลัก ชลลดาโกรธบอกตนเป็นประธานสั่ง

“ขอโทษนะคะ รบกวนให้เกียรติกันนิดนึงค่ะ ทีมงานกับแพงทำงานตามสิ่งที่ทางคุณสรุปกันมาทุกอย่าง แต่ถ้ามาเปลี่ยนกันหน้างานหมดทุกอย่างแบบนี้ จะเรียกว่ามืออาชีพเหรอคะ”

“นี่เธอ! กล้าพูดกับผู้ใหญ่แบบนี้เหรอ แพงอาภรณ์ ใครสั่งใครสอนให้เธอโตมาเป็นเด็กแบบนี้” ชลลดาปรี๊ดแตก

รื่นจิตทนไม่ไหวออกโรงตอบโต้ “ฉันสอนให้ลูกฉันเคารพผู้ใหญ่ที่น่าเคารพค่ะ”

ทั้งสตูเงียบกริบ ทุกคนหน้าตาตื่นตระหนก กันลองเดินกลับเข้ามาแปลกใจ ปิติกระซิบเล่า ชลลดาประกาศกร้าวไม่ให้คนนอกเข้ามายุ่มย่ามการทำงานของไก่ฟ้า กันลองรีบเข้ามาขอโทษรื่นจิตแล้วหันมาพูดให้ทุกคนได้ยิน

“เราจะทำงานกันตามแผนเดิมทุกอย่าง โอเคนะครับ เชิญครับท่านประธาน” กันลองผายมือเชิญแม่ตัวเองไปที่ทางออกสตูดิโอ

ชลลดาสะดุ้งไม่คิดว่าลูกจะหักหน้า คนทั้งสตูกลั้นหายใจลุ้น รื่นจิตพอใจในความเด็ดขาดของกันลอง เพื่อนรู้สึกไม่สบายใจ...ออกมานอกสตู กันลองพยายามอธิบายด้วยเหตุผลขอให้แม่เลิกอคติ เมื่อมอบงานนี้ให้ตน ก็ขอให้ตนเป็นคนตัดสินใจทุกอย่าง เขายืนยันว่า ไก่ฟ้าก็เป็นชีวิตของตนเหมือนกัน ถ้าผลงานออกมาไม่ดี ตนจะไม่ขัดใจอะไรแม่อีกเลย เธอฝืนใจยอม

ข้างในสตู ทีมงานเอาเครื่องดื่มมาเสิร์ฟรื่นจิต เธอดื่มแล้วรู้สึกว่าอร่อยจึงดื่มไปหลายแก้ว เพื่อนเข้ามาหาหยิบดื่มไปอึกก็รู้ว่าเป็นยาสูตรใหม่ของไก่ฟ้า ไม่ทันจะบอกแม่ ทีมงานตามไปถ่ายต่อ ชลลดากลับเข้ามาในสตู เห็นรื่นจิตดื่มยาสูตรใหม่ก็แขวะ

“ไหนว่าหล่อนเกลียดยาไก่ฟ้านักหนา ดื่มเข้าไปกี่แก้วแล้วล่ะ”

พอรื่นจิตรู้ตัวก็หน้าเหวอลุกพรวดขึ้น ตัวเซไปโดนชลลดาน้ำกระฉอกใส่ ชลลดาร้องลั่นปัดแก้วน้ำสาดใส่รื่นจิตเต็มๆ เพื่อนตกใจจะมาพาแม่ไปล้างตัว แต่ติดที่ยังถ่ายทำ ชลลดาจึงพยุงรื่นจิตไปเอง กันลองกับเพื่อนมองกันยิ้มๆที่สองแม่ช่วยเหลือกัน

ถ่ายทำเสร็จชลลดากลับบ้านไปก่อน กันลองดีใจที่รื่นจิตยอมรับว่ายาสูตรใหม่ของตนทานง่าย จากนั้นกันลองกลับมาบ้าน ขอโทษชลลดากับทุกสิ่งที่ทำในวันนี้ แต่ขอยืนยันว่าเพื่อไก่ฟ้าพญาลอจริงๆ ชลลดาไม่โกรธเรื่องงาน แต่ยังไม่ยอมรับเรื่องคนข้างบ้าน

ในคืนนั้นขณะที่เพื่อนนั่งเล่นริมสระ เห็นเงาคนเดินมาก็คิดว่าเป็นกันลอง แต่พอหันมองเป็นวรัชช์ถือช่อดอกไม้มาขอโทษเรื่องแตงโมตบหน้าเธอที่ร้านน้อยหน่า เพื่อนยังโกรธจะเดินหนีเข้าบ้าน วรัชช์เข้าขวางหน้าทวงข้อตกลง

“นี่ผมกำลังจริงจังเรื่องของเราอยู่นะ คุณจำข้อตกลงของเราได้ไหม”

“ฉันไม่เคยตกลงอะไรกับคุณ”

“แพง ให้โอกาสผมนะ ได้โปรด ผมไม่เคยรู้สึกกับใครอย่างที่รู้สึกกับคุณ ผมคิดว่าผม...”

เพื่อนรีบปัดว่าตนมีแฟนแล้ว ชายหนุ่มสวนว่าไม่สน นับจากวินาทีนี้ ตนจะมีเธอคนเดียว เพื่อนใจอ่อนยวบเพราะรู้สึกชอบวรัชช์อยู่ไม่น้อย แต่เพื่อแพงจึงตัดใจเดินหนี วรัชช์เข้าสวมกอดข้างหลังแล้วคุกเข่าลงอ้อนวอนขอร้อง เธอรู้สึกว้าวุ่นใจไม่อาจตัดใจจากเขาได้

ooooooo

6 เดือนผ่านไป มีงานประกาศรางวัลซุปเปอร์ท็อปอวอร์ด...คู่ขวัญแห่งปีที่ได้รางวัลคือแพงกับวรัชช์ และแพงยังควบดารานำหญิงดาวรุ่งจากทุกสถาบัน ทั้งสองขึ้นรับรางวัลคู่กัน นักข่าวถ่ายรูปและสัมภาษณ์เกรียวกราว วรัชช์หน้าบานโอบเอวเพื่อนราวเป็นแฟนกัน

เพื่อนยังคงให้สัมภาษณ์ว่าตนกับวรัชช์เป็นเพียงเพื่อนร่วมงานที่ดีต่อกัน วรัชช์ยังคงหยอดมุกจีบตลอด ทวิตตี้เห็นความสนิทสนมของทั้งสอง จึงดึงแพงออกมาและเตือนว่า บอกใครๆว่าเป็นเพื่อนร่วมงานแต่ทำตาหวานใส่กัน ใครจะเชื่อ

ในงานเลี้ยงไพรเวทปาร์ตี้คืนนั้น จิตจีรังมีท่าทียอมรับนนท์เป็นแฟน ทั้งสองเอาอกเอาใจกันออกนอกหน้าจนวรัชช์หมั่นไส้ ทวิตตี้มักจะเห็นแววตาแพงที่มองวรัชช์ต่างไปจากก่อน จึงสะกิดเตือนว่าสปอนเซอร์ใหญ่มางานแล้ว

กันลองถือช่อดอกไม้มาแสดงความยินดีกับแพง และขอบคุณทุกคนที่ให้เกียรติมาร่วมงานที่จัดให้แพง ในฐานะแบรนด์แอมบาสเดอร์ไก่ฟ้าพญาลอ ที่ทำยอดขายพุ่งขึ้นอย่างเหลือเชื่อ กันลองจูงแพงออกไปเปิดฟลอร์เต้นรำ วรัชช์มองด้วยสายตาหงุดหงิด จิตจีรังเหน็บใครทำกรรมอะไรไว้ก็ต้องรับกรรม วรัชช์เซ็งจึงเดินออกจากงานมาโทร.หาสาวชื่อส้มโอ เผอิญเพื่อนเดินมาเข้าห้องน้ำ ได้ยินเขานัดหมาย ก็ฝืนยิ้มให้ วรัชช์ชะงัก

แต่พอเห็นแพงไม่สนใจตนก็เดินแยกไป

เลิกงาน กันลองจูงมือแพงเดินเล่น ทั้งสองคุยกันหัวเราะสนุกสนาน กันลองพูดถึงงานปาร์ตี้คราวก่อน แล้วถามถึงเพื่อนแพงที่ใส่ชุดมังกรเต้นอย่างเมามัน เพื่อนสะดุดนึกถึงแพงขึ้นมา บอกกันลองว่าไม่เจอเพื่อนคนนั้นนานแล้ว กันลองเห็นท่าทางแพงเหนื่อย จึงบอกเดี๋ยวนอนหลับไปในรถได้เลย เพื่อนรู้สึกถึงความอบอุ่นที่เขามีให้ กล่าวขอบคุณที่เขาดูแลตนมาตลอด

กลับถึงบ้าน เพื่อนเห็นรื่นจิตนั่งจิ้มไอแพดสีหน้าเคร่งเครียด จึงเข้าแอบดู เห็นกำลังแต่งภาพคู่แพงกับรื่นจิต มีข้อความแสดงความยินดีก็ปลื้มปริ่ม รื่นจิตบ่นไม่ทำแล้ว ไม่เซอร์ไพรส์

“ทำต่อนะคะ นะคะแม่ หนูจะเอาลงไอจี” เพื่อนกอดแขนอ้อน

รื่นจิตลูบหัว “แม่ดีใจกับหนูด้วยนะลูก แม่รู้ว่าหนูเหนื่อยมาตลอดสี่ปีที่เข้ามาในวงการ แต่ความพยายามของหนูไม่สูญเปล่าแล้วนะ”

เพื่อนแอบน้อยใจเพราะเป็นคำชมแพงไม่ใช่ตน... เพื่อนเข้าห้อง สไกป์คุยกับมัม มัมเห็นสีหน้าลูกเหนื่อยก็ปลอบใจ เพื่อนอยากเล่าความสำเร็จแต่ต้องเลี่ยงบาลีไปว่า ตนได้รางวัลจากการทำคัพเค้กในคลาส มัมแสดงความยินดี แล้วจะส่งค่าเทอมมาให้ เพื่อนปฏิเสธบอกว่าตนทำงานพิเศษเพียงพอค่าเรียน มัมเปลี่ยนมาขอออกค่าหอ เพื่อนก็อ้างว่าตนโตแล้วรับผิดชอบตัวเองได้

“ลูกมีบอยเฟรนด์แล้วล่ะสิ พักนี้เห็นลูกสาวมัมสวยขึ้นทุกวัน...ถ้ามีเรื่องอะไรก็เล่าให้มัมฟังได้นะ” มัมกล่าวด้วยน้ำเสียงน้อยใจ เพื่อนก็พูดอะไรไม่ออกอีก

ooooooo

รื่นจิตคุยกับมธุรสถึงความเปลี่ยนแปลงของแพงตั้งแต่หลังเกิดอุบัติเหตุ มธุรสเห็นด้วย เมื่อก่อนแพงชอบเขียนเรื่องสั้นมาให้ช่วยตรวจ เดี๋ยวนี้ไม่มี รื่นจิตว่าช่วงนี้ไม่เห็นแพงเขียนอะไร มธุรสนึกถึงเพื่อนของแพงที่ประสบอุบัติเหตุด้วยกัน รื่นจิตบอกว่าไม่ได้ยินแพงพูดถึง

“แปลกนะที่เฮียยังนึกถึงหนูคนนั้นบ่อยๆ คงเพราะติดตาว่าเขาหน้าเหมือนหนูแพงมั้ง”

รื่นจิตไม่ติดใจเพราะไม่เคยเห็นหน้ามาก่อน...วันนี้มีถ่ายรายการสามซิ่ง กันลองส่งแพงที่สตูดิโอ พอลงจากรถเพื่อนเห็นเขาโทรศัพท์หาใครบางคนท่าทางลุกลี้ลุกลน

ทีมงานพาเพื่อนกับวรัชช์มาถ่ายที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เพื่อนอยู่ท่ามกลางเด็กๆเหล่านั้น คิดถึงอดีตที่ตัวเองเคยนั่งรอคนมารับไปเลี้ยง จู่ๆก็ร้องไห้ออกมา วรัชช์ตกใจดึงเธอเข้ามากอดปลอบ ทวิตตี้เห็นยกมือถือขึ้นถ่ายรูปลงไอจี...ทวิตตี้ชื่นชมวรัชช์ให้เพื่อนฟัง เพื่อนว่าเจ้าชู้ขนาดนั้นตนไม่เล่นด้วย ทวิตตี้เหน็บว่ากันลองก็ดูสายตากรุ้มกริ่มไม่แพ้กัน เพื่อนแย้งว่ากันลองทำแบบนั้นกับแพงคนเดียว เจ๊ผู้จัดการจึงเตือนด้วยความหวังดี

“หลังๆมานี่ลุคเจ้าหญิงจอมไว้ตัวของหล่อนหายเข้าวังไปเลยนะยะ ยังไงก็หัดระวังไว้บ้างล่ะ ผู้ชายน่ะกว่าเราจะรู้ตัวอีกทีว่าเขาเจ้าชู้ก็ตอนที่โดนจับได้คาหนังคาเขาเท่านั้นแหละ...จำไว้เลยนะ ผู้ชายไม่เจ้าชู้ไม่ใช่ผู้ชาย”

เพื่อนว่าทวิตตี้เพ้อเจ้อ เจ๊เปลี่ยนมาชมว่าตอนที่แพงร้องไห้สงสารเด็กๆ เข้าใจเลยคงรู้สึกว่าทำไมพ่อแม่ถึงทิ้งลูกตัวเองได้ลงคอ เพื่อนพึมพำเบาๆ...เพราะอาจไม่มีหัวใจ...เย็นนี้เพื่อนให้ทวิตตี้ส่งที่บ้านญาติ ทวิตตี้คิดว่าแพงยังไม่ยอมขับรถเองเนื่องมาจากอุบัติเหตุที่ผ่านมา จึงบอกให้เป็นพรีเซ็นเตอร์สินค้าอีกสักตัว จะจ้างรถตู้ประจำตัวไว้ให้

เพื่อนมาที่บ้านเช่าซึ่งพาแพงมาพักฟื้น โดยมีพยาบาลคอยดูแล เอาดอกไม้ที่วรัชช์ให้มาฝาก รำพันถึงเรื่องราวในแต่ละวันที่เกิดขึ้น แล้วมโนว่าแพงฟื้นขึ้นมาตอบ จนกระทั่งฤดีพยาบาลพิเศษเข้ามาบอกว่าคนไข้อาการดีขึ้น ควรพาไปให้หมอเช็กร่างกายเพื่อทำกายภาพบำบัดไว้บ้าง

พอกลับบ้าน รื่นจิตเกิดถามถึงคนที่ประสบอุบัติเหตุด้วยกันเป็นอย่างไรบ้าง เพื่อนต้องโกหกว่าญาติเขารับไปรักษาตัวแล้ว ตนยุ่งๆไม่ได้ไปเยี่ยมเลย รื่นจิตพยักหน้า

พอเพื่อนขึ้นห้อง รื่นจิตเห็นรายการข่าวบันเทิงในทีวีเรื่องแพงกับวรัชช์...ชลลดาก็เห็นข่าวนี้ ไม่อยากเชื่อว่าเป็นรักโปรโมต กันลองกลับมาถึงจึงเรียกให้ดูและเหน็บว่าเขามีปัญหากับแพงอยู่ใช่ไหม ชายหนุ่มปฏิเสธและเชื่อว่าแพงกับวรัชช์แค่สนิทกันเพราะเล่นละครด้วยกันหลายเรื่องเท่านั้น ชลลดาหันมาบ่นกับโรยบุญ แต่เธอก็ฟังเพี้ยนไปอย่างอื่นจนชลลดาหน่ายใจ

ค่ำนั้น เพื่อนมาดักรอกันลองข้างรั้วบ้าน ตั้งใจจะแกล้งเขาแต่กลับได้ยินเขาคุยโทรศัพท์กับปิติสีหน้าเครียด “พรุ่งนี้คุณแพงมีงานช่วงบ่าย ผมคงต้องหลบไปช่วงนั้น คุณช่วยหาข้ออ้างกับแม่ให้ผมด้วยแล้วกันนะ...อืม ขอบคุณมาก”

เพื่อนชะงักนึกถึงคำพูดของทวิตตี้ที่บอกว่า กว่าเราจะรู้ตัวว่าผู้ชายเจ้าชู้ก็ตอนโดนจับได้ เพื่อนเริ่มหวั่นใจจะโทร.ปรึกษาวรัชช์แล้วเปลี่ยนใจโทร.หาจิตจีรังแทน...จิตจีรังงัวเงียรับสายพูดจาไม่รู้เรื่อง ทำให้เพื่อนเซ็ง ทันใดวรัชช์โทร.สวนเข้ามาชวนไปหาของกินรอบดึก

ด้วยความเครียด เพื่อนจึงยอมออกไปกับวรัชช์ในสภาพชุดนอนลายการ์ตูน วรัชช์ขี่เวสป้ามารับ แล้วเข้าไปซื้อของกินในร้านสะดวกซื้อมายืนกินข้างรถสบายๆ...เพื่อนปรึกษาวรัชช์ว่า เราจะรู้ได้อย่างไรว่ากำลังถูกหลอก เขาให้ถามตรงๆ เพื่อนแย้งว่าทำแบบนั้นเป็นการไม่ไว้ใจกัน วรัชช์หาเรื่องตลกๆมาเล่าให้คลายเครียด แล้ววกมาเรื่องให้เธอเปลี่ยนใจจากกันลองมาหาตน

ooooooo

รุ่งเช้ากันลองกำลังจะออกจากบ้าน เพื่อนดักรอขอไปด้วย เขาจึงพาเธอไปร้านคาเฟ่แมว เพื่อนบ่นว่าน่าจะเป็นสุนัข ตนชอบสุนัขมากกว่า กันลองแปลกใจเพราะแต่ก่อนเธอชอบแมว

เพื่อนหน้าเจื่อนแก้ตัวกระทบเขากรายๆ “ไปๆมาๆ แพงชอบหมามากกว่า เพราะน้องหมาซื่อสัตย์ รักเราคนเดียว”

อ่านละครเรื่อง เดือนประดับดาว ตอนที่ 8 วันที่ 23 ธ.ค.60

ละครเรื่อง เดือนประดับดาว บทประพันธ์โดย จันทร์ รีจรูญ แอนเดอร์สัน
ละครเรื่อง เดือนประดับดาว บทโทรทัศน์โดย ระกาช่อนรูป
ละครเรื่อง เดือนประดับดาว กำกับการแสดงโดย มนัสนันท์ เลิศวงศ์สกุล
ละครเรื่อง เดือนประดับดาว ผลิตโดย บริษัท ดอร์เธอร์ โปรดักชั่น จำกัด
ละครเรื่อง เดือนประดับดาว ออกอากาศทุกวันพุธ-พฤหัสบดี เวลา 20.15 น.
ติดตามชม ละครเรื่อง เดือนประดับดาว ได้ทางไทยทีวีสีช่อง 3
ที่มา ไทยรัฐ