อ่านละครเรื่อง เดือนประดับดาว ตอนที่ 4 วันที่ 10 ธ.ค.60
ด้านแพงกำลังหน้าเครียดที่ทางรีสอร์ตมีห้องพักเหลือแค่ห้องเดียว กันลองขอโทษที่ให้ลูกน้องจองไม่รู้ว่าระบบจองออนไลน์มันรวน กันลองแสดงความเป็นสุภาพบุรุษจะไปพักที่อื่น แต่แพงเห็นว่าดึกมากแล้วจึงยอมให้เขาพักห้องเดียวกัน เขาดีใจชวนสั่งอาหารมาทานที่ห้อง เพราะเห็นว่าแพงเหนื่อย พรุ่งนี้จะต้องออกเดินทางแต่เช้ากันอีกกันลองใช้โอกาสนี้ถามว่าแพงไปทำอะไรที่โรงแรมวรัชช์ ถึงใช้เบอร์โรงแรมโทร.หาตน แพงตอบว่าไปหาเพื่อนที่มาจากเมืองนอกและพักที่นั่น กันลองยังติดใจแต่มือถือดังขัดจังหวะเสียก่อน เขาขอตัวไปคุยงานสักครู่ แพงแอบเซ็ง
เพื่อนพยายามโทร.หาแพงแต่เธอไม่รับ จึงฝากข้อความไว้ว่า...แพง do your job อยู่รึไง เสร็จแล้วโทร.กลับด่วนด้วยล่ะ...พอวางสายก็บ่นพึม ใครกันสั่งให้ชาร์จแบตไว้รอตลอดเวลา
พลันเสียงรื่นจิตกลับเข้ามาในห้องนอน เพื่อนรีบทำทีหลับต่อ รื่นจิตถือกะละมังเล็กๆใส่น้ำเข้ามาเช็ดตัวให้ เพื่อนรับรู้ถึงสัมผัสอบอุ่น จึงแกล้งทำเป็นละเมอดึงมือเธอเข้ามากอดเพ้อขอบคุณ รื่นจิตมองอย่างประหลาดใจเพราะแพงไม่เคยทำอะไรแบบนี้มาก่อน
หลังจากอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้ว แพงและกันลองออกมานั่งดูดาวที่ระเบียงห้อง กันลองสารภาพออกมาว่า ความจริงเขาตั้งใจจองห้องพักห้องเดียว ยังไว้ใจเขาอยู่ไหม แพงเหล่มองอย่างรู้ทัน เขาใจเสียรีบบอกว่าพรุ่งนี้จะย้าย แพงพยักพเยิดไม่คิดห้าม กันลองอ้อนเอนตัวลงหนุนตัก
“โธ่ตอนเด็กๆพี่ยังนอนหน้าเตียงแพงบ่อยไป นี่จะไล่ไปนอนอีกห้องได้ลงคอเหรอคะ”
“ก็ตอนเด็กกับตอนนี้มันไม่เหมือนกันแล้วนี่คะ”
“ไม่เหมือนกันยังไงคะ พะลองก็คนเดิม พะแพงก็คนเดิม ความรู้สึกพะลองก็เหมือนเดิม หรือว่าความรู้สึกแพงไม่เหมือนเดิมคะ” กันลองกุมมือแพงรอคำตอบ
แพงมองหน้าเขาแล้วเลี่ยงตอบว่า การกระทำสำคัญกว่าคำพูด กันลองเคลิ้มยื่นหน้าเข้ามาจะหอมแก้มแพง แล้วเปลี่ยนเป็นบีบแก้มเธอเล่น แพงเขินตีมือเขาแล้วชวนให้ดูดาว แต่เขากลับจ้องหน้าเธอพร้อมบอกว่า ดาวกี่ดวงก็สวยสู้เธอไม่ได้ แพงเถียงว่าไม่จริงเพราะดาวมีหลายดวง
“ดาวกี่ดวงก็เหมือนๆกันไปหมด แต่แพงมีแค่คนเดียวนี่คะ”
“แล้วถ้าแพงมีสองคนล่ะคะ” จู่ๆแพงก็นึกถึงเพื่อนขึ้นมา
กันลองนึกถึงเรื่องที่แพงเคยถาม จึงชี้ที่หัวใจและตอบว่า ถึงหน้าเหมือนกันแต่ข้างในยังไงก็ไม่เหมือน แพงแย็บเขาแน่ใจหรือว่าแยกออก เขายืนยันว่าใจเขาแยกออกแน่ แพงเป็นปลื้ม
เช้าวันใหม่ แพงลืมตาขึ้นมาเห็นหน้ากันลองจ้องมอง โดยที่เขานั่งให้เธออิง ก็เขินขยับตัวออก ถามเขาว่าเมื่อยไหม ชายหนุ่มบีบจมูกเธออย่างเอ็นดู บอกขำๆ ว่าปวดหลังเพราะใครบางคนตัวหนัก เธอผลักไหล่เขาแก้เขิน เขาแย็บถามว่าหลับสบายไหม หญิงสาวพยักหน้ารับ เขาเย้า
“เพราะพี่แน่ๆ”
“มั่ว...แพงเหนื่อยต่างหาก”
“แล้วหายเหนื่อยยังคะ” แพงพยักหน้า กันลองขยับเข้าใกล้ “ไม่จริงหรอก หายเหนื่อยอะไรใจจะเต้นแรงแบบนี้”
แพงหน้าแดงทำทีมองนาฬิกาว่าสายแล้วจะรีบไปอาบน้ำแต่งตัว กันลองหาว่าเธอชวนเขาไปอาบน้ำด้วย เธอตีแขนเขาเพียะ พอดีปิติโทร.เข้ามา กันลองรีบขอตัวคุยงาน แพงหน้าตึงเซ็งๆ พลันเห็นหนังสือพิมพ์ที่ทางรีสอร์ตมาวางให้ มีข่าวพาดหัว...คู่จิ้นชื่อดังแห่งยุค ร้องเพลงซบอกที่คาราโอเกะดังย่านไฮโซ...แพงหน้าเสียรีบคว้าหนังสือพิมพ์จะเอาเข้าห้องน้ำไปด้วย มือถือเธอดังขึ้น กันลองเห็นหน้าจอขึ้นชื่อเพื่อน จึงร้องถามแพงว่ามีเพื่อนโทร.เข้ามาจะรับไหม
แพงวิ่งหน้าตั้งมาคว้ามือถือเอาเข้าห้องน้ำไปพร้อมหนังสือพิมพ์ พอรู้ว่าแม่กลับบ้านแล้วก็เครียด เพื่อนบ่นอุบให้แพงรีบกลับเพราะรับมือไม่ไหวทั้งการแสดงและกลัวรื่นจิตจับได้...แพงกำลังเซ็งที่กันลองเอาแต่คุยงานตลอด จึงรับปากจะรีบกลับ พูดด้วยน้ำเสียงเศร้าลง
“เพื่อนหาทางเลี่ยงแม่หน่อยแล้วกัน แต่แม่คงไม่มายุ่งกับเรามากหรอก เพราะก่อนมา แพงเพิ่งทะเลาะกับแม่” เพื่อนจะช่วยง้อแม่ให้ แพงเสียงเข้ม “ไม่ต้อง เพื่อน อยู่เฉยๆนั่นแหละ แล้วขอร้องล่ะไม่ต้องไปไหนมาไหน กับวรัชช์ให้เป็นข่าวอีกนะ ที่เหลือเดี๋ยวแพงจัดการเอง”
แพงวางสายแล้วโทร.หาเจ๊ทวิตตี้ “เจ๊เหรอคะ เรื่องที่เจ๊เคยอยากให้แพงไปเข้าคอร์สน่ะค่ะ จำได้ไหม แพงเปลี่ยนใจแล้วค่ะ...โอเคพรุ่งนี้มารับแพงเลยนะคะ ขอบคุณมากค่ะเจ๊”
แพงอาบน้ำแต่งตัวเสร็จ กันลองยังคุยงานไม่จบ เธอยืนกอดอกรอ เขาหันมาเห็นรีบตัดบทวางสายแล้วบอกแพงว่าไม่เกินสิบนาที ไม่ทันไรมือถือเขาดังขึ้นอีก เธอยื่นมือไปตรงหน้าเขาทำนองรับฝาก เขายิ้มเจื่อนๆ ตัดสายแล้วส่งมือถือให้เธอก่อนจะเดินเข้าห้องน้ำไป
ooooooo
หลังจากเพื่อนวางสาย คิดทำอาหารเช้าให้รื่นจิตทานเผื่ออารมณ์จะดีขึ้น สำรวจวัตถุดิบในตู้เย็นว่าน่าจะทำต้มยำได้ แต่ด้วยไม่ค่อยรู้จักเครื่องแกงของไทยจึงหยิบผิด เอาเครื่องแกงเผ็ดมาทำ รื่นจิตลงมาได้กลิ่นฉุน เข้ามาลองชิมแล้วติงว่าใครเขาใช้พริกแกงทำต้มยำ เพื่อนหน้าเจื่อน
รื่นจิตคิดว่าละครเรื่องใหม่ของแพง เล่นเป็นเชฟถึงต้องฝึกทำอาหาร เพื่อนอ้อนว่าอยากทำให้แม่กินบ้าง แต่พอเห็นหน้ารื่นจิตงง ก็รีบกลบเกลื่อนว่าต้องหัดทำไว้บ้างกลัวขึ้นคาน
“แม่อยากให้ลูกอยู่บนคานมากกว่าไปยุ่งกับคนไม่น่าไว้ใจ”
เพื่อนพอจะเข้าใจแล้วว่ารื่นจิตไม่ชอบกันลอง จึงหาเรื่องอื่นคุย ถามทำไมกลับจากวัดเร็ว เบื่อหรืออย่างไร รื่นจิตทำหน้าดุใส่และบอกว่าที่ไปไม่ได้เรียกวัด เรียกว่าสถานปฏิบัติธรรม และยังต่อว่าเห็นแม่เป็นคนอย่างไร เพื่อนเหวอกลบเกลื่อนว่าล้อเล่นพยายามพูดเอาใจ
“กลับบ้านเร็วก็ดีนะคะ แม่จะได้ relax ซะบ้าง stress เกินระวังแก่ก่อนวัยนะคะ...”
กลับโดนเอ็ดมากขึ้น “พูดให้มันดีๆ ติดจากละครมาหรือไง แม่ไม่เคยสอนให้เราพูดไทยคำอังกฤษคำ อย่าหัดเป็นคนดัดจริต!”
“อะไรดัดๆนะคะ...” เพื่อนไม่เข้าใจความหมาย
รื่นจิตไม่ตอบหันไปสนใจงานบนโต๊ะ เพื่อน ยิ้มแหยๆหุบปากชันขาขึ้นมาวางบนโต๊ะโซฟา รื่นจิตเพ่งมอง เพื่อนยังไม่รู้ตัวกระดิกนิ้วยิกๆ แถมเรอออกมาเสียงดัง รื่นจิตสะดุ้งกำลังจะเอ็ด ก็พอดีมีเสียงเจ๊ทวิตตี้ดังขึ้น ตามด้วยตัวเธอเข้ามาย่อตัวสวัสดีตรงหน้า
“ทวิตมารับแพงค่ะคุณแม่ ทวิตทวิตมาบอกแล้วว่าทวิตจะมาเร็วนี้ดนึง คุณแม่ได้อ่านทวิตที่ทวิตทวิตไว้ ในทวิตเตอร์ใช่ไหมคะ” รื่นจิตกับเพื่อนทำหน้างง ทวิตตี้หันมาพูดกับเพื่อน “ลูกสาว! ทำหน้างงอะไรกันคะ ไปเร้วเดี๋ยวสาย”
รื่นจิตตั้งสติได้ท้วงว่าแพงยังป่วยถ้าออกไปทำงานจะทรุดกลับมาเหมือนเมื่อวาน เพื่อนกระเด้งตัวขึ้นกลัวความแตก เข้าจุ๊บแก้มรื่นจิตหนึ่งทีแล้วคว้ามือเจ๊ทวิตตี้ดึงออกไป รื่นจิตลูบแก้มป้อยๆก่อนจะอมยิ้มกับความรู้สึกที่เกิดขึ้น ลืมเรื่องโกรธลูกไปเสียสนิท
ระหว่างนั่งรถมา เพื่อนโดนเจ๊ทวิตตี้บ่นเรื่องข่าวเลสเบี้ยนกับจิตจีรัง แต่ก่อนมีแต่รีทวิตเป็นสิบล้านเรื่องคู่จิ้นพระเอกนางเอก มาตอนนี้กลับเป็นนางเอกกับนางอิจฉา เธอไม่ปลื้มเพราะจะทำให้แพงพลาดงานพรีเซ็นเตอร์แพ็กคู่กับวรัชช์...เพื่อนไม่ได้ตั้งใจฟังมัวส่งข้อความบอกแพงว่ากำลังไปถ่ายละครอีก แพงส่งข้อความกลับมาว่า
“ใครบอกว่าจะไปถ่ายละครล่ะ รับรองว่าเพื่อนต้องชอบแน่ๆ”
เจ๊ทวิตตี้เห็นแพงไม่สนใจที่ตัวเองพูดก็เอ็ดยกใหญ่ จนมาถึงโรงเรียนสอนทำอาหาร เพื่อนเงยหน้ามองตาโตสีหน้าเปลี่ยนเป็นยิ้มดีใจ...หลังจากนั้นเพื่อนสนุกกับการเรียนทำขนมจนเจ๊ทวิตตี้ทึ่ง ทำไมเกิดหัวไวขึ้นมา ทั้งที่แต่ก่อนเจียวไข่ยังไม่เป็น
ooooooo
ในขณะที่แพงกับกันลองกำลังเดินขึ้นดอย อินทนนท์ มือถือแพงสั่น จึงเปิดดูเห็นภาพเพื่อนกำลังทำอาหารถูกอัพขึ้นอินสตาแกรมของทวิตตี้ ตามด้วยคอมเมนต์มากมายจากแฟนคลับ
แพงชักหวั่นใจ กันลองเห็นแพงเช็กโทรศัพท์ตลอดก็แซว เธอสวนใครกันแน่ที่เล่นมือถือบ่อย กันลองไม่อยากเถียงชี้ชวนให้ชมวิว แพงเห็นวิวสวยงามแล้วอารมณ์ดีขึ้นทันตา
ด้านทวิตตี้ปลื้มปริ่มกับความสามารถของเพื่อนซึ่งเข้าใจว่าเป็นแพง จึงนัดมิ้งค์มาคุยเรื่องงานที่จะให้แพงเป็นพิธีกรรายการทำอาหาร
กันลองพาแพงขึ้นมาถึงยอดดอย มีทะเลหมอกปกคลุม แพงแปลกใจขึ้นมาทำไมไม่เห็นวิว กันลองมองซ้ายมองขวาราวหาใคร แล้วเขาก็วิ่งไปหาชาวเขาคนหนึ่งที่เดินมา
“พี่บุญสอนใช่ไหมครับ สวัสดีครับ ผมกันลองที่คุณปิติติดต่อไว้ให้น่ะครับ”
“อ้อ สวัสดีพ่อหนุ่ม เสียดายนะวันนี้ทะเลหมอกลง ลุงพาไปดูหญ้าฮี่ยุ่มไม่ได้หรอก ที่จริงลุงก็แจ้งพ่อหนุ่มปิติไปแล้วนะว่าอย่าเสียเวลามาอาทิตย์นี้”
กันลองแปลกใจ พอรู้ว่าเขาแจ้งไปเมื่อวานก็หงุดหงิดแยกไปโทรศัพท์หาปิติ แพงจึงซักถามบุญสอนว่าหญ้าฮี่ยุ่มมันสวยจนต้องจองเวลาขึ้นมาดูด้วยหรือ ชาวเขาโบกมือ
“โอ้ย แม่หนูหญ้ามันจะไปสวยอะไรได้ ที่หญ้าฮี่ยุ่มมันดังเนี่ยเพราะว่ามันมีสรรพคุณช่วยกระชับน้องหนูของสาวๆ...กระชับช่องคลอด ชาวบ้านสาวๆยันป้าๆเลยนิยมกินกัน แต่คนเมืองอย่างแม่หนูคงไม่ค่อยรู้จัก”
แพงฟังแล้วโมโหขึ้นมาทันที ที่กันลองมาที่นี่เรื่องงาน ไม่ใช่ตั้งใจมาเที่ยวด้วยกัน ทั้งที่ตนทิ้งงานเพื่อมาเที่ยวกับเขา พอกันลองเดินกลับมา เธอก็ต่อว่าไม่สนใจฟัง สิ่งที่เขาแก้ตัวว่าเป็นผลพลอยได้ และพาลประชดประชันใส่
ตกเย็น เพื่อนย่องกลับเข้าบ้าน เสียงรื่นจิตดังขึ้นด้านหลังว่าทำไมต้องทำลับๆล่อๆ เพื่อนสะดุ้งเห็นเธอนั่งทำงาน ท่าทางปวดเมื่อยคอ จึงเข้าไปช่วยบีบนวดอย่างห่วงใย รื่นจิตรู้สึกสบายขึ้นแล้วหยิบยานอนหลับมาจะกิน เพื่อนตีมือเพียะห้ามไม่ให้กิน ถ้านอนไม่หลับให้ใช้วิธีของตน
เพื่อนเปิดทีวีช่องสารคดี “แม่รอดูเสือล่าเหยื่อไปสามตัว รับรองหลับสนิทแน่ค่ะ แพงดูช่องนี้ประจำเวลานอนไม่หลับ”
รื่นจิตนั่งมองทีวีหน้านิ่ง มีแต่เพื่อนที่สะดุ้งเวลาเสือตะครุบเหยื่อ แล้วเพื่อนก็เอ่ยขึ้นว่า ที่ผ่านมาถ้าตนทำอะไรให้แม่ไม่พอใจ ตนขอโทษ รื่นจิตอมยิ้มรู้สึกดีที่ลูกใกล้ชิดมากขึ้น
ค่ำนั้น เพื่อนพยายามโทร.หาแพงแต่ไม่ติดจึงส่งข้อความว่าพรุ่งนี้มีถ่ายซ่อมอีก อยากให้แพงกลับมาเร็วๆ และอีกเรื่องคือตนคืนดีกับแม่แทนแพงแล้ว ถึงแม่จะฟอร์มจัดแต่ก็น่ารักดี
ในขณะเดียวกัน แพงกับกันลองประชดกันไปมาจนไม่มีความสุข พอเห็นเพื่อนโทร.เข้ามาแพงจึงตัดสายไปก่อน กันลองเห็นถามน้ำเสียงขุ่นเคืองว่า เพื่อนที่โทร.มาคือวรัชช์ใช่ไหม แพงรีบอธิบายว่าเพื่อนเป็นผู้หญิง ที่ส่งข้อความหาบ่อยๆเพราะมาจากเมืองนอก ไม่ค่อยรู้จักทางในเมืองไทย กันลองรู้สึกผิดพยายามง้อเอาใจแพงให้กลับมาอารมณ์ดี...
ค่ำคืนเดียวกัน ชลลดากับโรยบุญเห็นข่าวบันเทิงในทีวี เรื่องคู่จิ้นสะท้านวงการ เดินโอบกันออกมาจากร้านคาราโอเกะ ชลลดาแปลกใจสั่งโรยบุญให้ไปคอยดูว่าแพงอยู่ที่บ้านหรือเปล่า แต่กว่าจะสั่งกันเข้าใจ ต้องปวดหัวกับความหูตึงของสาวใช้สูงวัยผู้นี้
รุ่งเช้า เพื่อนลงมาเห็นรื่นจิตนั่งทำงาน ก็เป็นห่วงว่าจะปวดคออีก รื่นจิตบอกถึงลาพักร้อนก็จริงแต่ไม่อยากให้งานค้าง จึงทำไว้ก่อน พอไปทำงานจะได้ต่อเนื่อง เพื่อนเข้าใจแล้วว่าแพงเนี้ยบเหมือนใคร...เพื่อนชวนรื่นจิตออกกำลังด้วยการโหลด Burn 24 มาให้ แก้โรคออฟฟิศซินโดรมของเธอ
ooooooo
เพื่อนดีใจที่แพงโทร.มารีบวิ่งออกมาคุยหน้าบ้าน พอรู้ว่าแพงจะกลับก็แปลกใจรีบถามว่าทะเลาะกับกันลองหรือ แพงระบายความอัดอั้นว่าไม่เชิงทะเลาะ แต่ไม่พอใจที่เขาเอาแต่ทำงาน ที่พาตนมาไม่ใช่เพื่อเที่ยวด้วยกัน แต่เกี่ยวกับงาน
เพื่อนกระเซ้าให้สวีตหวานกันก่อนค่อยกลับ และบอกว่าตนกำลังมาทำงานแทน เหนื่อยมาก แต่แพงไม่ตอบอะไรกลับมา เพื่อนจึงย้ำให้กลับมาไวๆแล้ววางสาย พอจะเดินเข้าบ้าน เสียงโรยบุญเรียก แกพยายามต่อเก้าอี้ชะโงกหน้ามาเรียก
เพื่อนตกใจถามได้ยินตนพูดโทรศัพท์หรือไม่ โรยบุญกลับได้ยินว่าชวนกินหมูสับ แล้วถามวันนี้ไม่ไปถ่ายละครหรืออย่างไร เพื่อนโล่งใจบอกรอทวิตตี้มารับ ยิ่งคุยป้าก็ได้ยินเป็นอย่างอื่น ทำให้เพื่อนขำรู้สึกผ่อนคลายขึ้น จนรถทวิตตี้มารับ
โรยบุญเข้ามารายงานชลลดาว่าแพงอยู่บ้านไม่ได้ไปต่างจังหวัด ท่าทางแปลกๆดูไม่เหมือนเดิม ชลลดาไม่ได้สนใจเรื่องนั้น กลับโกรธกันลองว่าโกหก จริงๆแล้วไปกับสาวอื่น
ในกองถ่าย วรัชช์คอยเจ๊าะแจ๊ะเพื่อนด้วยคิดว่าเป็นแพง ในขณะที่จิตจีรังเริ่มหวั่นไหวกับข่าวแพงและเธอเป็นเลสเบี้ยนกัน พอเข้าฉากด้วยกัน เพื่อนเผลอหัวเราะออกมาเพราะบทต้องเอาลิปสติกเขียนหน้าจิตจีรัง พอผู้กำกับสั่งคัตจึงเอาผ้าเช็ดหน้ามาเช็ดให้ จิตจีรังใจสั่นหน้าแดง
“เจี๊ยกเป็นไข้รึเปล่า หน้าแดงเชียว” เพื่อนคิดว่าไม่สบาย เอาหน้าผากแนบหน้าผากวัดไข้
จิตจีรังยิ่งใจสั่นรัว คนในกองเห็นซุบซิบกันใหญ่ จ๋อมเรียกจิตจีรังไปล้างหน้าเตรียมเข้าฉากใหม่ เธอรีบผละออกจากเพื่อนอย่างเขินๆ
ช่วงพักกอง รถอาหารเกิดอุบัติเหตุกลางทางมาไม่ถึง ทีมงานแก้ปัญหาด้วยการจะออกไปสั่งข้าวปากซอย เพื่อนเห็นมีไข่หลายถาด จึงอาสาทำมื้อกลางวันให้คนในกอง ด้วยการเจียวไข่รสเลิศ แรกๆไม่มีใครกล้ากิน แต่พอได้ชิมต่างออกปากชมเปาะ จิตจีรังเห็นเพื่อนหน้ามัน เอาทิชชูซับให้ เพื่อนไม่ได้คิดเป็นอื่นตักไข่ป้อนเข้าปาก เธอยิ่งวูบวาบหวั่นไหว หน้าแดงไปถึงใบหู...
ด้านแพงเดินเล่นชมดอกไม้และสมุนไพรบนดอยอินทนนท์ ท่าทางอารมณ์ดีจนกันลองอดไม่ได้ที่จะเอากล้องมาบันทึกภาพเธอไว้ ไม่ทันไรชลลดาโทร.เข้ามาขัดจังหวะพูดเหน็บแนมว่าลากิจไปทำอะไรกันแน่ กันลองไม่รู้เรื่อง ยืนยันกับแม่ว่ามาทำงาน
“พอๆแม่เบื่อจะฟังคำแก้ตัวของแกแล้ว เอาเป็นว่ายาสูตรใหม่ใส่ผักหญ้าอะไรนั่นน่ะ ถ้ายังไม่ได้เรื่อง แม่จะสั่งระงับการผลิตทั้งหมด”
“คราวนี้ผมไม่กลับไปมือเปล่าแน่ครับท่านประธาน”
“ก็ดี พิสูจน์ตัวเองให้แม่เห็นสักทีว่าแกเหมาะสมจะเป็นผู้นำไก่ฟ้าพญาลอรุ่นต่อไป”
“แม่ครับ ผมขอย้ำอีกครั้งว่าผมไม่ได้อยากเป็นผู้นำตระกูล มากไปกว่าพิสูจน์ให้แม่เห็นว่าไม่มีอะไรที่ผมทำไม่ได้ และผมจะต้องทำได้ดีกว่าทุกคน” กันลองยืนยันด้วยความหงุดหงิด
พอเดินกลับมา แพงถามว่าถูกตามตัวกลับหรือ เขาปฏิเสธยิ้มแย้มว่าแม่โทร.มาอวยพรให้เที่ยวให้สนุก แพงถามขึ้นว่ามีอะไรจะให้ตนช่วย กันลองตัดสินใจพูดตามตรงโดยเกริ่นเรื่องที่ตนอยากเป็นนักออกแบบเครื่องบินก่อน แล้วว่าแพงก็รู้ แม่จะอนุญาตถ้าตนทำยอดขายทะลุเป้า แพงเชื่อว่าเขาทำได้ เหมือนเธอที่อยากเป็นนักเขียนเหมือนพ่อ กันลองแปลกใจ
“แพงพูดเหมือนกับว่าจะเลิกทำงานในวงการ ไม่เสียดายเหรอคะ”
“ความฝันของแพงมีสองอย่างค่ะ อย่างแรกคือดูแลแม่ แล้วแพงก็ทำมันได้แล้ว อีกอย่างก็คือการเป็นนักเขียน แต่ยังไม่มีโอกาสได้ทำสักที”
กันลองถือโอกาสกุมมือแพงขอให้ช่วยทำความฝันเขาให้เป็นจริง แพงตื่นเต้นคิดว่าจะบอกรัก แต่แล้วเขากลับบอกว่า ให้เธอช่วยเป็นพรีเซ็นเตอร์ไก่ฟ้าพญาลอ แพงผิดหวังสุดๆแววตาว่างเปล่า ชายหนุ่มใจเสียว่าพูดอะไรผิด เธอเอ่ยออกมาว่า
“สรุปว่านี่คือบิสซิเนสทริป สินะคะ” แพงเสียใจที่การเที่ยวครั้งนี้เป็นเรื่องธุรกิจ “พะลองน่าจะบอกแพงตั้งแต่แรกนะคะ แพงจะได้ชวนเจ๊ทวิตมาซะด้วยเลย เพราะยังไงแพงก็ตัดสินใจคนเดียวไม่ได้...แพงเหนื่อย เรากลับกันได้ไหมคะ” แพงดึงมือออกหันหลังเดินหนี
ในเวลานั้นเพื่อนกำลังรอเข้าซีนต่อไป ทวิตตี้บอกว่าเดี๋ยวมิ้งค์โปรดิวเซอร์ครัวคุณต้อยจะขอคุยรายละเอียดงานพิธีกร เพื่อนตื่นเต้นแต่ก็หวั่นใจไม่กล้าตัดสินใจแทนแพง แต่ช่วงที่คุย ทวิตตี้กลับคะยั้นคะยอให้รับงานนี้ และช่วยมิ้งค์พูดถึงข้อดีของงานนี้ เพื่อนจึงขอตั้งชื่อรายการเองว่า...คุกกิ้งฟอร์โฮป ระหว่างนั้นแพงโทร.เข้ามา เพื่อนไม่เห็นเพราะกำลังคุยงานอย่างออกรส
พอจะต้องเซ็นสัญญา เพื่อนลังเลแต่ทวิตตี้เร่งให้เซ็นเลย เธอจำต้องเซ็นชื่อแพงอาภรณ์ มิ้งค์ให้นามบัตรเพื่อนเผื่อมีอะไรจะได้ติดต่อกันโดยตรง...เสร็จงาน ทวิตตี้รีบจะไปส่งแพงเพราะมีงานอีเวนต์เด็กในสังกัดต่อ เพื่อนจึงขอลงในปั๊มน้ำมันกลางทาง อ้างต้องแวะซื้อผ้าอนามัยเปลี่ยน ไม่อยากให้เจ๊เสียเวลา เจ๊ห่วงแต่เพราะรีบจึงกำชับให้ระวังตัว
เพื่อนลงจากรถปิดประตูโครม ทวิตตี้สะดุ้งแปลกใจ ทำไมแพงแรงเยอะ...เพื่อนแอบมาซื้อซิมโทรศัพท์ใหม่ และซื้อขนมกับน้ำอัดลมกระป๋องมากมาย เห็นมีซีดีหนังก็เลือกซื้อไปสองสามเรื่อง พอจ่ายเงิน แคชเชียร์ร้านยื่นกระดาษขอลายเซ็น เพื่อนเห็นว่าเป็นรูปแพงจึงเซ็นให้
ด้านแพงกลับมาถึงรีสอร์ตก็แจ้งพนักงานเปิดห้องใหม่อีกห้อง กันลองเครียดที่แพงโกรธ พยายามตามเพื่ออธิบาย
ooooooo
อ่านละครเรื่อง เดือนประดับดาว ตอนที่ 4 วันที่ 10 ธ.ค.60
ละครเรื่อง เดือนประดับดาว บทประพันธ์โดย จันทร์ รีจรูญ แอนเดอร์สันละครเรื่อง เดือนประดับดาว บทโทรทัศน์โดย ระกาช่อนรูป
ละครเรื่อง เดือนประดับดาว กำกับการแสดงโดย มนัสนันท์ เลิศวงศ์สกุล
ละครเรื่อง เดือนประดับดาว ผลิตโดย บริษัท ดอร์เธอร์ โปรดักชั่น จำกัด
ละครเรื่อง เดือนประดับดาว ออกอากาศทุกวันพุธ-พฤหัสบดี เวลา 20.15 น.
ติดตามชม ละครเรื่อง เดือนประดับดาว ได้ทางไทยทีวีสีช่อง 3
ที่มา ไทยรัฐ