อ่านละครเรื่อง เดือนประดับดาว ตอนที่ 7 วันที่ 17 ธ.ค.60

อ่านละครเรื่อง เดือนประดับดาว ตอนที่ 7 วันที่ 17 ธ.ค.60

ของเยี่ยมจากแฟนคลับหลั่งไหลเข้ามาวางในห้องคนไข้ เพื่อนเห็นการ์ดที่ห้อยเป็นชื่อ วัชราภรณ์ก็แปลกใจ แต่มีการ์ดใบหนึ่งมาจากวรัชช์ บอกว่าเขารอตนอยู่...รื่นจิตทำโจ๊กมาให้เพราะเห็นว่าพักหลังลูกชอบกิน จำได้ว่าแพงชอบต้นหอมและปอกมะม่วงที่โรยบุญฝากมา เพื่อนน้ำตาปริ่มกับความห่วงใยของทุกคน

รื่นจิตถามถึงโฮปมีญาติมาดูแลแล้วหรือ เพื่อนรับว่าใช่ ตนติดต่อไปเอง พอดีตำรวจเอาทรัพย์สินมาคืน บอกว่าไม่ทราบอันไหนเป็นของใครจึงใส่ซองรวมกันมา แล้วสอบปากคำว่าตอนเกิดเหตุทั้งสองทะเลาะกันหรือไม่ เพื่อนรีบบอกว่าไม่ได้ทะเลาะกัน เราสองคนเป็นเพื่อนกัน คืนนั้นฝนตกถนนลื่น มีมอเตอร์ไซค์ตัดหน้า ทำให้เกิดอุบัติเหตุ ตำรวจจะกลับไปตรวจสอบ



พอตำรวจไปแล้ว เพื่อนหยิบสร้อยข้อมือในซองขึ้นมาดู รื่นจิตเห็นบอกว่านี่เป็นสร้อยข้อมือที่แพงรักมากเพราะเป็นของขวัญจากพ่อ สวมติดข้อมือไม่เคยถอด เพื่อนจึงสวมสร้อยนั้นด้วยความรู้สึกว่ากำลังได้ครอบครัวกลับคืนมา

ooooooo

เฟยหลันอยู่ในชุดเชฟเพื่อไปทำงาน เห็นคลิปในยูทูบ วรัชช์พูดในรายการๆหนึ่ง...ผมรอคุณอยู่ เราทุกๆคนรอแพงอยู่ ผมขอให้ทุกคนในที่นี้เป็นกำลังใจให้แพงด้วยนะครับ ผมเชื่อว่าแพงจะต้องได้ยินเสียงและรับรู้ถึงกำลังใจจากทุกคนอย่างแน่นอนครับ...

เฟยหลันร้อนใจไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น รีบโทร.หาโฮปหรือเพื่อน แต่ติดต่อไม่ได้ จึงค้นข่าวของแพง...ด้านวรัชช์เสร็จจากอัดรายการก็มุ่งหน้ามาเยี่ยมแพงที่โรงพยาบาล แม้มีสาวทรงโตพยายามชวนไปดื่มเขาก็ไม่สนใจ แต่พอเห็นกระเป๋าเสื้อผ้าของโฮปก็นึกได้ รีบโทร.หาแต่ติดต่อไม่ได้ เริ่มเอะใจหวังว่าคงไม่เกิดอะไรขึ้นกับเธออีกคน

ข่าวแพงฟื้นทำให้กันลองยืนยันกับชลลดาว่า ไม่ต้องห่วงเรื่องแคมเปญโฆษณาอีก แพงหายดีแล้วตนจะรีบคุยคอนเซปต์กับเธอ ชลลดาแย็บ

“จัดการได้ดี เริ่มสนุกกับงานแล้วสิ เห็นไหมว่ากุมบังเหียนธุรกิจครอบครัวมันก็ไม่ได้ย่ำแย่อะไร”

“แต่ถ้าเลือกได้ผมอยากจับดินสอร่างภาพมากกว่า”

“เรื่องนั้นไว้เพิ่มยอดขายได้อย่างที่บอกแล้วค่อยมาคุย” ชลลดาตัดบท

กันลองขอให้ชลลดายกเลิกที่จะเซ็นสัญญากับเอเจนซี แต่เธอกลับบอกว่าไม่ เพราะยังไม่มีหลักประกันอะไรว่างานที่เขาทำจะออกมาดี ถ้าไม่ดีตนพร้อมจะมอบให้คนที่ทำดีกว่า กันลองสะอึกยืนยันว่าแม่จะเสียเงินเปล่าถ้าไม่ยกเลิก ชลลดามองลูกชายอย่างชั่งใจ

บ่ายวันนั้นขณะที่เพื่อนนอนตะแคงอ่านหนังสืออยู่บนเตียงคนไข้ มีมือใหญ่มาปิดตา เพื่อนยิ้มคิดว่าเป็นกันลอง แต่พอหันมาเห็นวรัชช์ก็ชะงักหุบยิ้ม วรัชช์รู้สึกน้อยใจยื่นกล่องของขวัญมาตรงหน้า เธอรับไว้อย่างไม่ค่อยเต็มใจ พอเปิดดูเป็นกระจกคว่ำหน้าอยู่ พลิกขึ้นส่องจะเห็นตัวหนังสือว่า...ว้าย! ผีหลอก!...เพื่อนกลั้นขำแทบไม่อยู่ วรัชช์ยื่นหน้ามาใกล้

“ผมแค่จะบอกคุณว่าให้ทำหน้าสดใส ยิ้มแย้มเข้าไว้ ไม่งั้นจะโทรมเป็นผีเอานะ ยิ้มแบบนี้นี่ ผมทำให้ดู” วรัชช์ดึงแก้มตัวเองให้ยิ้มตลกๆ เพื่อนไม่สนใจ เขานึกได้เอ่ย “เออ โฮปได้บอกคุณไว้ไหมว่าเขาจะไปไหน ผมโทร.ไปเขาก็ปิดมือถือตลอดเลย ผมไม่ได้ห่วงอะไรเขานักหรอก แต่เขาเป็นลูกค้าที่โรงแรม แล้วอยู่ๆก็หายไป กระเป๋าก็ทิ้งไว้ที่ผม คุณว่ามันไม่แปลกเหรอ”

เพื่อนตัดบทบ่นปวดหัวอยากพัก ชายหนุ่มขอนั่งเป็นเพื่อน หญิงสาวจนใจที่จะไล่ จึงนอนหลับตาลง วรัชช์นั่งมองหน้าเธออมยิ้ม

รื่นจิตกำลังเดินมาที่ห้องพักคนไข้ มธุรสโทร.เข้ามาบอกว่าเพิ่งกลับจากเกาะหลีเป๊ะ เลยเพิ่งรู้ข่าวแพง เดี๋ยวเคลียร์งานเสร็จจะตามมาเยี่ยม...ด้านวรัชช์รู้ว่าแพงนอนไม่หลับก็ชวนคุยเรื่องโฮป แล้วกลัวเธอจะหึงเขากับโฮป จึงรีบออกตัวว่า โฮปเป็นเพื่อนที่ดีคนหนึ่ง คุยด้วยแล้วสบายใจ ยั่วโมโหแล้วสนุก ไม่อยากเสียมิตรที่ดี เป็นห่วงว่าจะโดนใครฉุดไปทำมิดีมิร้าย

“ก็สมควรแล้วที่เขาจะไม่บอกคุณว่าไปไหน”

“แฮ่! หึงล่ะสิ...อย่างน้อยผมก็ยังดีกว่าคนบางคนที่ปล่อยให้คุณรอเก้อนะ”

เพื่อนมองหน้าบอก ถ้าไม่รู้จักกันลองดี อย่าทำเป็นพูด วรัชช์สวนถ้าไม่รู้จักศัตรูให้ดีตนก็แย่ ทันใดรื่นจิตเปิดประตูเข้ามา วรัชช์ชะงักรีบยกมือไหว้ ออกตัวว่าเอาของมาเยี่ยมแพง รื่นจิตเห็นกระจกของเยี่ยมแล้วสะดุ้ง เดินเลี่ยงไปเทน้ำเต้าหู้ใส่แก้วให้แพง วรัชช์เริ่มอึดอัดจึงลากลับ

เพื่อนกดเปิดทีวีและดื่มน้ำเต้าหู้ไปด้วย เห็นข่าวหมอกับทวิตตี้นั่งโต๊ะแถลงข่าวอาการแพงว่าไม่มีอะไรรุนแรงนอกจากอาการฟกช้ำจากการกระแทก ทวิตตี้ยืนยันว่าแพงจะกลับไปถ่ายละครรักนี้มีตบได้ตามกำหนด ...สีหน้าเพื่อนดูอึดอัด รื่นจิตเห็นจึงบอกแพงว่าถ้าไม่ไหวก็ให้ถอนตัว เพื่อนนิ่งไม่ตอบ รื่นจิตถอนใจพูดใหม่

“เอาเถอะ แม่เข้าใจ แม่รู้ว่าหนูมีความรับผิดชอบสูงเหมือนแม่นั่นแหละ อืม...ไม่รู้ว่าหนูโฮป ป่านนี้เป็นยังไงบ้าง”

เพื่อนบอกว่าพยาบาลบอกว่าญาติเขาติดต่อมาแล้ว รื่นจิตถามว่าสนิทกันมากหรือ เพื่อนพยักหน้ารับ แววตาสับสนเป็นกังวลอย่างมาก

ด้านกันลองพยายามจัดการงานที่เกี่ยวพันกับแพงไม่ให้พลาดสักงาน และหมั่นโทร.ถามอาการแพงกับทวิตตี้วันละหลายรอบ ทวิตตี้คุยโทรศัพท์กับกันลองขณะเดินเข้ามาในห้องคนไข้ บอกเขายังมาเยี่ยมทันถึงสี่ทุ่ม รื่นจิตได้ยินถามกันลองโทร.มาอีกหรือ

“สามเวลาหลังอาหารค่ะ ห๊วงห่วงน้องแพง แต่ไม่มีเวลา เพราะมัวแต่ตามยื้อตามแก้ไม่ให้อุบัติเหตุน้องแพงกระทบกับเรื่องงาน เลขาผู้ใหญ่เขามากระซิบทวิตว่า ถึงขนาดไปยกมือไหว้ผู้ใหญ่ช่องมาเลยนะคะ เลอค่าจริงๆผู้ชายคนนี้”

รื่นจิตพยักหน้ารับรู้ในขณะที่เพื่อนนอนน้ำตารื้นด้วยรู้สึกผิด

ooooooo

ค่ำนั้น กันลองถือถุงขนมที่แพงชอบมาเยี่ยม รื่นจิตเลี่ยงออกมาเพื่อเปิดโอกาสให้ทั้งสองได้คุยกัน เพื่อนกลับรู้สึกเกร็ง ยิ่งกันลองหยอกเย้าเพราะเข้าใจว่าเป็นแพงก็ยิ่งอึดอัด

เพื่อนเห็นหน้าตาเขาอิดโรยเหมือนไม่ได้นอนมาหลายวัน จึงถามอย่างห่วงใยว่าเหนื่อยมากไหม เขาอ้างว่าอากาศร้อนเลยเหนื่อยง่าย เพื่อนให้เขาดื่มน้ำมากๆ แล้วให้เขาหยิบน้ำในตู้เย็นมาดื่ม เขาจึงถามว่าเธอจะดื่มด้วยไหม เพื่อนขอเป็นน้ำอัดลม กันลองแปลกใจเพราะปกติแพงจะไม่ดื่ม เพื่อนแก้ตัวว่าอากาศร้อน อยากดื่มอะไรซ่าๆ แต่พอได้ดื่มแล้วน้ำตาก็ไหลออกมา

กันลองตกใจว่าแพงเป็นอะไรเข้ามาลูบหัวปลอบ เพื่อนขอบคุณเขาที่ต้องมาเหนื่อยเพราะตน ชายหนุ่มเช็ดน้ำตาให้และบอกว่า ตนเต็มใจจะดูแล แค่แพงปลอดภัยตนก็หายเหนื่อย เพื่อนซึ้งใจซุกหน้ากับอ้อมอกเขา รู้สึกอบอุ่นและปลอดภัย

รื่นจิตมาแวะเยี่ยมแพงซึ่งเข้าใจว่าเป็นโฮป เห็นใบหน้ามีผ้าพันแผล มีสายระโยงระยางก็สะเทือนใจอย่างบอกไม่ถูก...พอกลับเข้ามาในห้องเห็นกันลองฟุบหลับกุมมือแพงอยู่ข้างเตียง จึงเขียนโน้ตแปะไว้ที่หัวเตียง เห็นกระป๋องน้ำอัดลมก็แปลกใจ แต่ก็รวบแฟ้มงานเดินออกจากห้อง

วรัชช์กลับมาที่โรงแรม ให้พนักงานเอาข้อมูลประวัติโฮป วิลเลี่ยมมาให้ แต่ปรากฏว่าเธอเช็กอินในนามเฟยหลันทั้งสองครั้งที่เข้ามาพัก วรัชช์ตำหนิทีหลังให้เช็กอินใหม่ตามไอดีการ์ด แล้วขอเบอร์เฟยหลันมาแทน เขารีบโทร.หาเธอ ขณะนั้นเฟยหลันกำลังวุ่นกับลูกค้าเต็มร้าน จึงพูดเป็นภาษาจีนว่ากำลังยุ่งอยู่ไม่ว่างคุย วรัชช์งงรีบวางสาย

ooooooo

รุ่งเช้าเพื่อนตื่นขึ้นมาเห็นกันลองกุมมือฟุบหลับอยู่ข้างเตียงก็ซึ้งใจเผลอจะเอามือไปลูบผมเขาแต่ก็ชักกลับ มองไปเห็นโน้ตของรื่นจิตว่า พรุ่งนี้น้าจะไปทำบุญ ฝากน้องด้วยบ่ายๆกลับ

เพื่อนค่อยๆดึงมือออก กันลองรู้สึกตัวพอเห็นเพื่อนมองก็ยิ้มให้ แล้วถามหารื่นจิต เพื่อนชี้ไปที่โน้ต ไม่ทันไรหมอกับพยาบาลเข้ามา เขารีบลุกหลีกทางให้ หมอตรวจอาการแล้วบอกว่า วันนี้กลับบ้านได้ เพื่อนดีใจพยักหน้าอยากกลับ กันลองขอไปเคลียร์ค่ารักษา เพื่อนยิ่งซาบซึ้งใจ

ด้านรื่นจิตไปทำบุญเลี้ยงอาหารเด็กกำพร้ากับมธุรส...กันลองรอจ่ายเงินก็โทร.บอกทวิตตี้ว่าหมอให้แพงกลับบ้านได้ ช่วยบอกรื่นจิตให้ด้วย ระหว่างนั้นเพื่อนมาดูอาการแพงที่ห้องปลอดเชื้อ สั่งพยาบาลว่าถ้ามีอะไรให้โทร.แจ้งตนทันที

กันลองให้แพงแวะทานข้าวที่บ้านเขาก่อน เพื่อนเริ่มประหม่าเห็นบ้านเขาใหญ่โตมาก เขาให้เธอไปรอที่ห้องนั่งเล่น เพื่อนเงอะงะไม่รู้ว่าห้องนั่งเล่นอยู่ไหน กันลองเดินแยกไปหาโรยบุญ...เพื่อนยังมีผ้าพันแผลที่มือเดินมาเจอเปียโนจึงนั่งลงกดตัวโน้ตเล่น จู่ๆกันลองลงนั่งเบียดข้างๆ แล้วกดโน้ตเพลงที่เคยเล่นกันตอนเด็กพยักหน้าให้เธอเล่นด้วย เพื่อนทำทีชูมือว่ายังเจ็บอยู่

กันลองจึงเอื้อมมือเหมือนโอบเพื่อนไว้ เล่นเปียโนด้วยมือทั้งสองข้าง เพื่อนเกร็งตัวเขินแต่ก็รู้สึกอบอุ่นอย่างบอกไม่ถูก...พอเล่นจบกันลองบอกว่าไม่เพราะเท่าที่เล่นด้วยกันสองคน เพื่อนทำท่าจะลุกหนีความอึดอัดแต่กันลองดึงไว้ เขาลูบแก้มเธออย่างอ่อนโยนแล้วกล่าว

“เป็นแฟนกับพะลองนะคะ” กันลองสบตาหวานซึ้ง “แพงคะ อุบัติเหตุคราวนี้มันทำให้พะลองไม่อยากรออีกต่อไปแล้ว พะลองอยากดูแลแพงให้มากกว่านี้ มากเท่าที่พี่คิดอยากจะทำในฐานะคนรักกัน” เพื่อนจะค้าน กันลองขัด “แพงยังไม่มั่นใจอะไรในตัวพะลองอีกคะ”

เพื่อนสับสนและหวั่นใจ กลัวแพงเสียโอกาส ยิ่งเขารบเร้าหนักขึ้นจึงพยักหน้ารับ กันลองดึงเธอมากอดด้วยความดีใจ กุมมือเธอขึ้นมาจูบแล้วเห็นว่าไม่มีแหวน แต่คิดว่าคงหายไปตอนอุบัติเหตุ เขาบอกไม่เป็นไรจะหาวงอื่นมาให้ใหม่ เพื่อนอยากจะร้องไห้กับความรู้สึกสับสนนี้

บ่ายวันนั้นมธุรสถือกระเช้ามาเยี่ยมแพง จึงรู้ว่าแพงกลับบ้านไปแล้ว กำลังยืนสับสน เห็นเจ้าหน้าที่เข็นเตียงคนไข้ออกมาจากลิฟต์ แม้จะมีผ้าพันแผลที่ศีรษะมีสายระโยงระยางแต่มีเค้าแพง ก็รีบถามพยาบาลว่านั่นใช่แพงอาภรณ์หรือเปล่า พยาบาลตอบว่าไม่ใช่ เป็นคนที่ประสบอุบัติเหตุกับแพง

มธุรสเดินตามรถเข็นไปจนถึงห้องไอซียู เจ้าหน้าที่กันไม่ให้เข้า รื่นจิตตามมาบอกว่าแพงอยู่ห้องพิเศษ พยาบาลเห็นรื่นจิตก็รีบบอกว่าแพงเช็กเอาต์ไปแล้วตั้งแต่ตอนสาย

“รื่น เธอเห็นรึเปล่าว่าน้องหนูที่เพิ่งเข้าไปในไอซียู หน้าเหมือนหนูแพงเลยนะ”

รื่นจิตไม่ได้สนใจฟัง กำลังโกรธที่กันลองพาแพงกลับไปไม่บอกกล่าว จึงขอแยกกับมธุรสกลับบ้านก่อน...

พอมาถึงบ้านก็ต่อว่าแพงกลับบ้านไม่คิดจะบอกแม่สักคำ ไม่ทันที่เพื่อนจะอธิบาย กันลองมากดกริ่งหน้าบ้าน รื่นจิตเดินรี่ออกไปทันที กันลองยกมือไหว้รื่นจิต

“ของของแพงน่ะครับ พอดีเมื่อกี้ผมลืมเอาลงจากรถ...” รื่นจิตไม่รับของ ใส่เขาเต็มที่

“การที่น้าเริ่มไว้ใจให้คุณใช้เวลากับลูกสาวน้า ไม่ได้หมายความว่าคุณมีสิทธิ์เข้ามาดูแลหรือจัดการค่าใช้จ่ายอะไรในบ้านน้าได้ตามใจชอบแบบนี้ ครอบครัวน้า น้าดูแลเองได้ ไม่ต้องลำบากใคร รู้ไหมว่าน้าเป็นห่วงแค่ไหนตอนที่ไปโรงพยาบาลแล้วไม่เจอแพง”

กันลองชี้แจงว่าไม่มีเบอร์รื่นจิต จึงโทร.ไปให้ทวิตตี้บอกต่อ แล้วขอโทษที่ก้าวก่าย ตนแค่อยากดูแลแพงบ้าง รื่นจิตบอกไม่ใช่หน้าที่เขา เพื่อนตามออกมา บอกให้เขากลับบ้านไปก่อน

เพื่อนเข้าบ้านถามรื่นจิตทำไมต้องโกรธขนาดนี้ รื่นจิตไม่พอใจที่กันลองเข้ามาก้าวก่ายเรื่องในครอบครัว เพื่อนหน่ายใจเดินหนีขึ้นห้อง ก็พอดีมธุรส โทร.เข้าเบอร์บ้าน ถามว่ามือถือแบตหมดหรือถึงติดต่อไม่ได้ รื่นจิตหยิบมือถือออกมาดู รู้สึกผิดที่มือถือตัวเองแบตหมดจริงๆ

เพื่อนเข้ามาในห้องแพง มองรูปถ่ายครอบครัวแพงอย่างเศร้าๆ เอาไดอารี่แพงมาอ่าน...

ooooooo

การอ่านไดอารี่ทำให้เพื่อนเข้าใจชีวิตในแต่ละวันของแพง แล้วมาสะดุดที่บันทึกหน้าสุดท้ายถึงกับน้ำตาร่วงสะเทือนใจอย่างมาก

“เพื่อน...แพงขอโทษนะที่โกหกเพื่อนไปว่าเราไม่ได้มีสายเลือดเดียวกัน เราอาจจะทะเลาะและมีเรื่องที่ไม่เข้าใจกันบ้าง แต่แพงอยากจะบอกว่า ที่ผ่านมาแพงไม่เคยเกลียดเพื่อนเลย เพื่อนเป็นทั้งพี่ทั้งน้องแล้วก็เป็นเพื่อนคนเดียวที่แพงเชื่อมั่นและไว้ใจกว่าใครๆ แพงรักเพื่อนมากนะ ดีใจที่เราทั้งคู่ได้เป็นพี่น้องกัน...”

สองสัปดาห์ผ่านไป เพื่อนแสดงละครแทนแพงได้ไม่ดี ทวิตตี้แก้ตัวแทนว่าที่ยังไม่เข้าที่เข้าทางเพราะยังสะเทือนใจจากอุบัติเหตุ...ด้านกันลองโดนชลลดาเอาเรื่องที่แพงฟอร์มตกมาอ้างว่าจะส่งผลต่อสินค้า แต่เขายืนกรานว่าแพงต้องทำได้ดี ชลลดาอ่อนใจ

ทางด้านละครมีการโปรโมตเรื่องรักนี้มีตบที่วรัชช์เล่นคู่กับแพง และมีจิตจีรังเป็นนางอิจฉา เป็นเรื่องราวของนักกีฬาวอลเลย์บอลสาวกับผู้ช่วยโค้ชที่คอยช่วยเหลือจนเกิดเป็นความรัก

ระหว่างถ่ายทำเพื่อนแสดงไม่ได้ ลืมบทบ้าง ผิดคิวบ้าง วรัชช์โดนลูกหลงไปหลายครั้งแต่เขาก็คอยช่วยเหลือเธอเต็มที่ และแอบหยอดมุกนอกบทกับเธอบ่อยๆตามประสาคนเจ้าชู้

เพื่อนกลับบ้านด้วยท่าทางอ่อนเพลีย รื่นจิตบอกว่าทางโรงพยาบาลแจ้งว่าอาการโฮปทรุดลง แต่ไม่ต้องห่วง ตนแวะไปดูให้แล้ว เพื่อนตกใจรีบถามว่าแม่เห็นหน้าไหม เธอส่ายหน้าบอกเจอแต่หมอ หมอบอกว่าอาการยังทรงอยู่ รื่นจิตอยากรู้ว่าสนิทกันนานแล้วหรือไม่เคยเห็นพูดถึง

เพื่อนสวน “ปกติเราก็ไม่ค่อยได้คุยกันอยู่แล้วนี่คะ ...ช่างเถอะ เดี๋ยวแพงโทร.บอกที่โรงพยาบาลเองว่าถ้าติดต่อญาติเขาไม่ได้ให้โทร.หาแพงคนเดียว จะได้ไม่ต้องรบกวนแม่อีก”

รื่นจิตสะเทือนใจแต่พยายามอ่อนข้อเข้าหา “เรื่องของแพงแม่ไม่เคยคิดว่าเป็นการรบกวน อย่าทำเหมือนกับแม่ไม่ได้พยายามเพื่อแพงหน่อยเลย พักนี้แพงเป็นอะไรดูเครียดจัง เรื่องงานหรือลูก ปล่อยวางบ้างเถอะ อะไรที่มันมากไป มันก็ไม่ดีเสมอไปหรอกนะ เหนื่อยก็พัก คนที่แบ่งเวลาไม่ได้ต่างหากคือคนที่ล้มเหลว ตั้งแต่เกิดเรื่องครั้งนี้ แม่ก็รู้แล้วว่างานไม่ใช่ทุกอย่าง ลูกต่างหากที่สำคัญกับแม่ที่สุด”

เพื่อนหยั่งเชิง “แล้วถ้าวันนึงมีคนมาบอกแม่ว่า แม่ยังมีลูกอยู่อีกคน แม่จะให้ความสำคัญกับเขาเหมือนอย่างที่ให้กับแพงหรือเปล่าคะ”

“แพงลองใจอะไรแม่เหรอ สำหรับแม่แล้ว แพงเป็นลูกคนเดียวของแม่ ไม่มีใครจะสำคัญไปกว่าแพงหรอก”

เพื่อนผิดหวังเสียใจอย่างบอกไม่ถูก ขอตัวกลับขึ้นห้อง รื่นจิตมองตามอย่างไม่สบายใจ...บ่ายวันนั้น เพื่อนนั่งซ้อมบทอยู่ริมสระน้ำ กันลองปีนข้ามรั้วมาช่วยต่อบท แต่แล้วเขาก็นอกบทส่งมุกจีบ เพื่อนต้องพยายามหักห้ามใจไม่ให้เคลิ้ม...คืนนั้นเพื่อนจดบันทึกไดอารี่ของแพงว่า

“แพงเป็นคนมีความรับผิดชอบเรื่องงานสูงมากเหมือนแม่”

รุ่งเช้า เพื่อนมาดูอาการแพงที่โรงพยาบาล หมอบอกว่าแพงไม่ถึงโคม่าแต่ยังต้องอยู่ไอซียู และต้องคอยขยับข้อทุกข้อไม่ให้ยึดแข็ง เพื่อนกุมมือแพงน้ำตาไหลริน

ooooooo

วันต่อมา เพื่อนยังแสดงได้ไม่ดีและจำบทไม่ค่อยได้ จิตจีรังแปลกใจว่าแพงเป็นอะไร เพื่อนอ้างว่าแกนสมองซีกซ้ายได้รับความกระทบกระเทือน หมอบอกว่าอาจเป็นโรคดิสเล็กเซีย จิตจีรังได้ยินว่าโรคติสต์แตก

“ไม่ใช่ๆ มันคือโรคการอ่านหนังสือบกพร่องชนิดอ่อนๆน่ะ”

“แต่ฉันว่าบางทีปัญหามันอาจจะลี้ลับกว่ารอยบุที่สมองเธอก็ได้นะ” จิตจีรังจ้องหน้า

สุดท้ายจิตจีรังพาเพื่อนมาหาหมอดู เพื่อหาทางแก้ เพื่อนลังเลไม่อยากเชื่อเรื่องพวกนี้...แต่พอหมอดูพูดขึ้นว่าช่วงนี้การทำงานติดขัด เพราะต้องทำงานที่ตัวเองไม่คุ้นเหมือนเอางานของคนอื่นมาทำ สวมบทบาทเป็นคนอื่น...เพื่อนสะดุ้ง จิตจีรังร้องวี้ดว้ายดูได้ตรงเผง แต่พอหมอดูพูดต่อ

“อดทนหน่อย ต้องรับผิดชอบมากกว่าคนอื่น เหนื่อยช่วงแรกแต่ผ่านไปจะดีเอง เรื่องความรักเป็นคนมีเสน่ห์นะ มีแต่คนอยากเข้ามาหา อีกสักพักอะไรๆ จะชัดเจนขึ้น หมอเห็นคุณกำลังส่องกระจก เหมือนผูกพันอยู่กับเงาของตัวเองหรือใครซักคนที่หน้าเหมือนคุณมาก เขากำลังป่วยหนัก คุณดูแลเขาเต็มที่ และเก็บซ่อนเขาไว้ คุณมีพี่น้องไหมหรือมีฝาแฝดรึเปล่า”

เพื่อนสบตาหมอดูอย่างหวั่นใจ จิตจีรังแทรกตอบแทนว่าไม่มี แพงเป็นลูกคนเดียว แล้วว่าหมอมั่ว พาเพื่อนกลับออกมา แถมว่าให้กลับไปท่องบทให้แม่นๆ อย่าทำคนอื่นเสียเวลาดีกว่า เพื่อนเคืองแกล้งโทร.หาวรัชช์ให้มาช่วยต่อบทเพราะไม่อยากทำให้ใครเสียเวลา จิตจีรังแทบกรี๊ด

วันต่อมาเป็นการถ่ายฉากเล่นวอลเลย์บอล เพื่อนทำไม่ได้อีก วรัชช์ออกโรงแก้ต่างให้ว่าตัวเองทำให้เธอเสียสมาธิ ผู้กำกับสั่งพัก เพื่อนจะเดินออกจากสนามสะดุดลูกบอลล้ม วรัชช์ถลาเข้าประคอง เสื้อเธอถลกขึ้นมา ทวิตตี้กลัวมีภาพหลุด รีบแทรกเข้าดึงแพงออกมา ปากก็บ่นว่าเมื่อไหร่ลูกสาวจะท็อปฟอร์มเหมือนเดิมเสียที วรัชช์แปลกใจที่อุบัติเหตุทำให้แพงโก๊ะขึ้นได้

อ่านละครเรื่อง เดือนประดับดาว ตอนที่ 7 วันที่ 17 ธ.ค.60

ละครเรื่อง เดือนประดับดาว บทประพันธ์โดย จันทร์ รีจรูญ แอนเดอร์สัน
ละครเรื่อง เดือนประดับดาว บทโทรทัศน์โดย ระกาช่อนรูป
ละครเรื่อง เดือนประดับดาว กำกับการแสดงโดย มนัสนันท์ เลิศวงศ์สกุล
ละครเรื่อง เดือนประดับดาว ผลิตโดย บริษัท ดอร์เธอร์ โปรดักชั่น จำกัด
ละครเรื่อง เดือนประดับดาว ออกอากาศทุกวันพุธ-พฤหัสบดี เวลา 20.15 น.
ติดตามชม ละครเรื่อง เดือนประดับดาว ได้ทางไทยทีวีสีช่อง 3
ที่มา ไทยรัฐ