อ่านละครเรื่อง เดือนประดับดาว ตอนที่ 3 วันที่ 7 ธ.ค.60
“คราวหน้าเพื่อนห้ามไปสับตัวแทนแพงโดยไม่ปรึกษากันแบบนี้อีกนะ”เพื่อนรับคำเป็นภาษาอังกฤษ แพงไม่ค่อยเข้าใจจึงเปลี่ยนเรื่อง อย่างไรเสียวันนี้ก็ต้องขอบคุณ เพื่อนยิ้มปลื้ม แล้วชื่นชมว่าเป็นแพงนี่ดี ทำอะไรผิดก็ไม่มีใครว่าสักคำ แพงส่ายหน้า
“เขาไม่ว่าไม่ได้แปลว่าไม่คิดอะไรสักหน่อย อยู่วงการนี้ผิดนิดนึง คนก็เอาไปพูดกันทั้งวงการ เราถึงต้องพยายามวางตัวให้ดีที่สุดไง”
เพื่อนฟังแล้วรู้สึกว่าอยู่ยากจริง...เวลาผ่านไปเกินครึ่งชั่วโมง สองสาวรีบปฏิบัติการณ์ ทำตามคำแนะนำในคู่มือ ให้นวดแก้มก่อนจะบ้วนน้ำลายลงในกรวยของแต่ละคน แล้วปิดฝาใส่ซองกรอกแบบฟอร์มส่งกลับไปยังสถาบัน โดยติ๊กช่องที่เขียนว่า Twin DNA Zygosity Test เพื่อนอาสาเอาไปส่งไปรษณีย์วันพรุ่งนี้ให้ แพงถามรู้หรือว่าอยู่ที่ไหน
“ก็ FedEx ในห้างใกล้ๆนี่ไง ไอเดินผ่านประจำ ขืนแพงอาภรณ์ไปส่งเอง มีหวังเป็นจุดสนใจแน่ จริงไหมล่ะ”
“ขอบคุณนะ เพื่อนเริ่มเข้าใจชีวิตเราแล้วใช่ไหมล่ะ...สี่ทุ่มกว่าแล้วเหรอเนี่ย แพงกลับก่อนนะเดี๋ยวแม่เป็นห่วง ไม่ได้บอกอะไรไว้ด้วย”
เพื่อนคว้ามือแพงไว้ ขอให้อยู่เป็นเพื่อนอีกสักคืน เหงา ไม่อยากนอนคนเดียว แพงเห็นหน้าเพื่อนก็ใจอ่อน หยิบมือถือมาส่งข้อความบอกแม่ว่า ออกกองต่างจังหวัดต้องนอนค้างกับทีมงานอีกคืน...เพื่อนเห็นแล้วดีใจ ในขณะที่รื่นจิตนอนหลับคางาน ไม่เห็นข้อความที่แพงส่งมา
คืนนั้นเพื่อนนั่งเล่นไอแพดและมองแพงล้างหน้าทาครีมเป็นระยะ ก่อนจะหันมาถามเรื่องครอบครัวของแพง แพงเล่าว่าพ่อเสียตอนอายุ 12 จึงอยู่กับแม่แค่สองคน
“เสียใจด้วยนะ ถ้าให้เราเดาเรื่อง พ่อแม่แพงคงมีลูกยากใช่ไหม เหมือนมัมกับแด๊ดเรา มีลูกช้าเลยไปขอเรามาเลี้ยง”
“เราก็...ไม่แน่ใจเหมือนกัน”
“แบบนี้แพงคงสนิทกับแม่มากเลยนะ”
“ไม่ค่อยสนิทนะ ที่จริงแม่แพงไม่สนิทกับใครนอกจากงาน งาน งาน แล้วก็งาน”
“แต่ยังไงแพงก็ยังเป็นลูกคนเดียว ไม่เหมือนไอที่มัมดันมีน้องที่เป็นลูกแท้ๆเกิดตามมาอีกคน ถึงมัมจะพยายามโชว์ว่ารักไอไม่น้อยไปกว่าน้อง แต่ไอก็ยังรู้สึกเหมือนเป็นส่วนเกินอยู่ดี...แพงเคยไปสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าไหม”
แพงชะงักหันมาตอบว่าเคย ล่าสุดไปทำบุญวันเกิดกับแฟนคลับ เด็กๆน่ารักดี แล้วย้อนถามมีอะไรหรือเปล่า ...เพื่อนรู้สึกหดหู่บอกไม่เคยคิดอยากกลับไปเหยียบที่นั่นอีกเลย ตนอยู่ที่นั่นจนถึง 5 ขวบ เฝ้ารอทุกวันว่าจะมีใครมารับ แล้วถามแพงเคยรู้สึกเหงาแทบตายบ้างไหม
แพงลุกขึ้นมานั่งข้างเพื่อนอย่างเห็นใจ “เราไม่รู้หรอกนะว่าเหงา เพราะไม่มีใครแบบเพื่อน กับเหงา... ทั้งที่มีใคร...แบบเรา...อย่างไหนมันแย่กว่ากัน เราว่า... ใครๆก็เคยทรมานเพราะความเหงากันทั้งนั้นแหละ”
เพื่อนกลั้นน้ำตา เน้นว่าอย่างน้อยตอนนี้เราก็ไม่เหงา จริงไหม แพงยิ้มให้อย่างอ่อนโยน
ooooooo
เช้าวันใหม่ แพงลุกขึ้นพับผ้าห่มจัดเตียงให้เรียบร้อย ต่างจากเพื่อนที่ลุกพรวดเข้าห้องน้ำ แต่งตัวลวกๆออกมา จะรีบไปส่งพัสดุ แพงเข้าขวางมองหน้าแล้วจับเพื่อนแต่งหน้าทำผมให้ดูดี ระหว่างทำก็ร่ายกลอนจากวรรณคดีลิลิตพระลอแบบที่โรยบุญชอบร่าย
เพื่อนไม่เข้าใจความหมายแต่รู้สึกว่าไพเราะน่าฟัง แพงเล่าว่า โรยบุญพี่เลี้ยงของกันลองชอบวรรณคดีไทยพอๆกับพ่อแก้วขวัญ ทั้งสองท่องให้ตนฟังบ่อยๆจนจำขึ้นใจ พูดแล้วให้คิดถึงพ่อ เพื่อนเองก็คิดถึงมัมกับแด๊ด แต่ย้ำหนักแน่นว่า
“ตอนนี้สำหรับไอ เรื่องแพงสำคัญที่สุด นี่...ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น เราคือกันและกันนะ” แววตาเพื่อนดูมุ่งมั่น ในขณะที่สายตาแพงเจือไปด้วยความกังวลเล็กๆ
ทางกันลองพยายามเคลียร์เวลาเพื่อทริปเที่ยวกับแพง เขายื่นจดหมายลาหยุดหนึ่งอาทิตย์กับชลลดา เธออ่านจดหมายแล้วบอกยิ้มๆว่าอนุมัติ ถือเป็นการปล่อยให้ไปหาแรงบันดาลใจ แต่แอบพึมพำเบาๆว่า เขาจะตามเล่ห์พวกดาราทันไหม ยิ่งทื่อๆเหมือนพ่ออยู่ด้วย
แพงกลับบ้านเห็นแม่นั่งทำงานอยู่ก็แปลกใจ
รื่นจิตบอกว่าที่ทำงานไม่มีประชุมจึงหอบงานมาทำที่บ้านเพราะเห็นลูกไม่ค่อยสบาย แพงปลื้มปริ่มอยากจะกอดแม่แต่เคอะเขินทำไม่ถูก
“ไม่สบายอยู่ก็อยู่ให้มันติดบ้านหน่อย ไม่ใช่ออกไปตะลอนนั่นตะลอนนี่” รื่นจิตติง
แพงแก้ตัวว่ากองนัดตนก็ต้องไป แล้วตัดสินใจเลียบเคียงถามแม่ว่า เคยไปสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าไหม รื่นจิตชะงักเล็กน้อย หันมาตอบและตำหนิเสียเลย
“เคยแต่ไปทำบุญ มีอะไร...เรื่องงานเรา แม่เข้าใจว่ามันไม่เป็นเวลา แต่ถ้าจำเป็นจริงๆก็น่าจะขับรถตัวเองไป ...ข้างบ้านน่ะ ห่างกันบ้างก็ได้ ไม่ใช่เด็กๆแล้ว เป็นผู้หญิงแถมยังมีคนรู้จักเยอะ ไปไหนมาไหนกับผู้ชายดึกๆ มีแต่จะเสีย คิดเรื่องพวกนี้ซะบ้าง”
“แม่พูดเรื่องอะไรคะ แพงไม่เคยทำอะไรเสียหาย แพงมั่นใจ” แพงเคืองระคนน้อยใจ
รื่นจิตคิดว่าแพงโกหกจึงมองด้วยสายตาผิดหวัง แพงน้อยใจลุกเดินหนีไปห้องหนังสือ เปิดลิ้นชักโต๊ะทำงานหาทะเบียนบ้านและสูติบัตร เห็นชื่อตนมีพ่อแก้วขวัญกับแม่รื่นจิตเป็นบิดามารดา รู้สึกโล่งอกแต่ฉงนใจ
ถ้าเพื่อนเป็นแฝดจริง ทำไมพ่อกับแม่ถึงเก็บตนไว้คนเดียว
ตกค่ำ โรยบุญช่วยกันลองเก็บเสื้อผ้าใส่กระเป๋า ถามเขาจะพาแพงไปเที่ยวไหน เขาบอกว่าจะขึ้นเหนือ อากาศน่าจะดี
“แล้วจะพาพะแพงไปเที่ยวไหนบ้างล่ะเจ้าคะ”
“ก็คงพาไปขึ้นดอย สูดอากาศดีๆแล้วก็ไหว้พระที่วัด”
“งานวัดหรือเจ้าคะ” โรยบุญตาโต
กันลองส่ายหน้า “เดี๋ยวนี้งานวัดหายาก แต่ถ้ามีก็ดีสิจ๊ะ เหมือนตอนเด็กๆ แพงชอบลากพะลองไปขึ้นชิงช้าสวรรค์”
โรยบุญปิดปากหัวเราะคิก กันลองไม่ได้เอะใจว่าป้าฟังผิดเพี้ยนอีกจนได้...
ooooooo
เย็นวันต่อมา รื่นจิตเดินอยู่ริมรั้วบ้าน เห็น โรยบุญยืนยิ้มแฉ่งข้างรั้ว ชูพวงมะม่วงฝากให้แพงเพราะเป็นของโปรดเธอ รื่นจิตไม่เต็มใจรับ บอกไม่เป็นไร โรยบุญโบกไม้โบกมือ
“อูย...รับไปเถอะเจ้าค่ะ เห็นหน้ากันมาเป็นสิบๆปีแล้ว ไม่ต้องเกรงใจนะเจ้าคะ” โรยบุญยัดใส่มือ รื่นจิตอ้าปากทำท่าจะส่งคืน “บอกแล้วไงว่าไม่ใช่คนอื่นคนไกล เดี๋ยวคุณพะลองก็พาหนูพะแพงไปขึ้นสวรรค์กันแล้ว”
รื่นจิตตกใจ “ขึ้นสวรรค์อะไรกันคะ”
โรยบุญรู้ว่าตัวเองพลั้งปากจะเดินหนี แต่รื่นจิตคว้าไหล่ไว้ ให้บอกว่าขึ้นสวรรค์ที่ไหน โรยบุญบ้าจี้ร้องลั่น ช่วยด้วยเจ้าค่าเอ๊ย ช่วยด้วย พยายามจะสลัดตัวออก จึงร้องดังขึ้นว่า ไฟไหม้ รื่นจิตตกใจสั่งให้โรยบุญหยุดร้อง ...หม่อนกับไหมวิ่งออกมาช่วย โรยบุญร้องโดยไม่ดูตาม้าตาเรือก่อน ทันใดมีน้ำสาดโครมมาที่หน้ารื่นจิต คนสวนถือถังถามว่าต้นเพลิงอยู่ไหน...แพงออกมาเห็นสภาพแม่ก็ตกใจ โรยบุญ หม่อน ไหมและคนสวนทำหน้าปูเลี่ยนๆ รื่นจิตดึงมือแพงเข้าบ้าน
แพงถูกรื่นจิตคาดคั้นให้บอกตามตรง ว่าสองคืนที่ผ่านมาไปค้างที่ไหน แพงย้ำว่าไปกองถ่าย แต่แม่ไม่เชื่อหาว่าไปอยู่กับกันลอง แล้วต่อว่าทำไมกลายเป็นคนโกหกไม่รักศักดิ์ศรี แพงแย้งว่าไม่จริง แต่รื่นจิตเสียงเขียวใส่ถ้าไม่จริงแล้วคนใช้จะเอามาพูดได้อย่างไร
แพงฉุนสวนกลับ “แล้วแม่ล่ะโกหกอะไรแพงอยู่รึเปล่า ในชีวิตนี้แม่ไม่เคยโกหกแพงเลยสักครั้งหรือคะ”
“ฉันไปโกหกอะไรเธอ?”
“ถ้าแม่ยังตอบคำถามไม่ได้ แพงก็จะไม่ตอบแม่เหมือนกันค่ะ” แพงเดินหนี
รื่นจิตเดินตามเอ็ดให้เลิกทำตัวเสียๆหายๆกับผู้ชายบ้านโน้น แพงหยุดเดินหันกลับมา รื่นจิตแทบชน แพงพูดด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ
“ถึงเราสองคนจะไม่ค่อยสนิทกันเหมือนแม่ลูกคู่อื่น แต่ตั้งแต่เมื่อไหร่คะที่แม่ไม่เชื่อใจแพง ไม่เชื่อในตัวลูกของแม่คนนี้!” แพงโกรธเดินออกไปจากบ้าน
รื่นจิตอ้าปากค้างพูดไม่ออก ได้แต่มองตามอย่างกลัดกลุ้ม...ในขณะที่เพื่อนกำลังเอาชุดบิกินีออกมาทาบตัว ยิ้มกรุ้มกริ่มที่จะได้เที่ยวกับกันลอง ทันใดเสียงเคาะประตูดังขึ้น เพื่อนรีบเก็บชุดใส่กระเป๋าดันกลับเข้าไปในตู้เสื้อผ้า แล้วมาเปิดประตู ต้องตกใจที่เห็นแพงยืนร้องไห้
“แพงเป็นอะไร! อย่าบอกนะว่าทะเลาะกับ...พะลอง ไอผิดเองแหละ ขอโทษนะ ไอไม่รู้จะปฏิเสธพะลองยังไง”
อ่านละครเรื่อง เดือนประดับดาว ตอนที่ 3 วันที่ 7 ธ.ค.60
ละครเรื่อง เดือนประดับดาว บทประพันธ์โดย จันทร์ รีจรูญ แอนเดอร์สันละครเรื่อง เดือนประดับดาว บทโทรทัศน์โดย ระกาช่อนรูป
ละครเรื่อง เดือนประดับดาว กำกับการแสดงโดย มนัสนันท์ เลิศวงศ์สกุล
ละครเรื่อง เดือนประดับดาว ผลิตโดย บริษัท ดอร์เธอร์ โปรดักชั่น จำกัด
ละครเรื่อง เดือนประดับดาว ออกอากาศทุกวันพุธ-พฤหัสบดี เวลา 20.15 น.
ติดตามชม ละครเรื่อง เดือนประดับดาว ได้ทางไทยทีวีสีช่อง 3
ที่มา ไทยรัฐ