อ่านละครเรื่อง เดือนประดับดาว ตอนที่ 8 วันที่ 21 ธ.ค.60

อ่านละครเรื่อง เดือนประดับดาว ตอนที่ 8 วันที่ 21 ธ.ค.60

“ป้า...ป้าจ๋า...เฮียมะ...พานุกนิกไปแนะนำกับแม่แพงหน่อยสิ เผื่อว่า...”

มธุรสเขกหัวหลานชายไม่ต้องมาอ้อน ขืนพาไปคงโดนเอาปืนไล่ยิง เพราะคิดจะเคลมลูกเขา วรัชช์ยืนยันว่าไม่เคยทำผู้หญิงถ้าเขาไม่ยอม ตนเป็นลูกผู้ชายพอ...มธุรสสั่งให้ปลุกแพงจะพากลับบ้าน แต่พอวรัชช์เข้าไปปลุกก็โดนเธอละเมอ ทั้งกัดทั้งฟาดมือใส่จนถอยหนี มธุรสจึงเข้าไปปลุกเองก็โดนเตะพลั่กเข้าให้ ตัดสินใจนอนเฝ้าแพงบนเตียง ให้วรัชช์นอนข้างเตียง นนท์ถือโอกาสลากลับ

มธุรสหันขวับมาใส่ “แกก็เหมือนกัน เห็นเนิร์ดๆนึกว่าจะพาไอ้นุกนิกมันไปดี ที่ไหนได้ให้ท้ายมันอีก”



นนท์หน้าเหยรีบวิ่งจู๊ดออกไป วรัชช์เถียงแทน ทีป้ามาแว้นสาวดึกๆตนยังไม่เคยบ่น มธุรสบิดหูเขาแล้วบอกว่า แค่ฆ่าเวลารอเขาที่ไม่โผล่หัวกลับบ้านเป็นเดือน วรัชช์โอดโอย

ooooooo

รุ่งเช้ากันลองตื่นมาหยิบมือถือดู แปลกใจที่แพงยังไม่อ่านข้อความของตน ขณะเดียวกันเพื่อนนอนดิ้นยืดขาลงไปเตะวรัชช์ เขางัวเงียตื่นขึ้นมา มองนาฬิกาว่าเจ็ดโมง ก็นึกได้ว่าวันนี้มีงานจึงรีบปลุกแพง เธองัวเงียเอาหมอนปิดหน้า วรัชช์ย้ำว่าเดี๋ยวโดนผู้จัดการกองเฉ่ง

เพื่อนกระเด้งขึ้นปัดหมอนออกไป มธุรสเพิ่งตื่นเพราะเสียงเอะอะ รับหมอนที่กระเด็นมาพอดี เพื่อนรีบยกมือไหว้ขอโทษแล้วถาม ป้าเป็นใคร...มธุรสแปลกใจที่แพงไม่รู้จักตน วรัชช์ย้ำอย่าลืมพานุกนิกไปแนะนำ

นี่เป็นสัญญาของลูกผู้ชาย เพื่อนหัวเราะคิกที่เขาเรียกตัวเองว่านุกนิก

ชลลดาเข้าครัวมาเห็นกันลองกำลังทำแซนด์วิช โรยบุญช่วยอยู่ข้างๆคอยบอกว่าแพงชอบทานอะไรบ้าง ชลลดาหมั่นไส้แทนที่ผู้หญิงจะเป็นฝ่ายทำให้ กันลองย้อนว่า ตนเห็นพ่อทำให้แม่ตลอด ผู้เป็นแม่ค้อนขวับ เขาจึงป้อนแซนด์วิชใส่ปากแม่ เธอเคี้ยวแล้วรู้สึกว่าอร่อยแต่วางฟอร์ม

“ยังห่างชั้นพ่อแกเยอะ...”

ในขณะที่รื่นจิตพบว่าแพงไม่ได้กลับบ้านทั้งคืน และเห็นมือถือโฮปที่ใช้โทร.ออกต่างประเทศวางอยู่ก็แปลกใจ...พอเดินออกมาจะขึ้นรถ กันลองเข้ามาฝากกล่องแซนด์วิชให้แพง รื่นจิตจึงถามว่าแพงไปถ่ายงานต่างจังหวัดไม่รู้หรือ เขาทำหน้าเก้อนิดๆแล้วยกแซนด์วิชนั้นให้เธอ รื่นจิตไม่รับแต่ก็ขอบใจเขา ทำให้กันลองพอจะยิ้มออก

ด้านวรัชช์ขี่เวสป้าพาแพงไปกอง เพื่อนถามเขาว่าป้าคนนั้นเป็นใครทำไมมานอนในห้อง เขาจึงบอกว่าเป็นป้าของเขาและเป็นเพื่อนสนิทแม่เธอ ไม่เคยเจอกันหรือ เพื่อนทำเนียนถึงว่าคุ้นหน้า แล้ววรัชช์ก็แวะร้านโชห่วยข้างทางเพื่อซื้อเสื้อผ้าเปลี่ยน

ระหว่างนั้นกันลองโทร.เข้ามา เพื่อนรับสายแล้วอ้างว่าเมื่อคืนเหนื่อยเลยหลับเร็ว เช้าก็รีบออกมากอง พอกันลองถามว่ามีถ่ายต่างจังหวัดหรือ เธอก็รับสมอ้างไปตามนั้น วรัชช์ส่งสัญญาณให้รีบ เธอจึงขอวางสายก่อน

พอมาถึงกอง วรัชช์เปลี่ยนเสื้อข้างรถ เพื่อนรีบวิ่งไปหาห้องน้ำเปลี่ยน จิตจีรังเห็นการกระทำของทั้งสอง ก็กระเง้ากระงอดน้ำตาคลอ...พอเข้าฉาก จิตจีรังก็พูดนอกบทให้แพงดูแลพระเอกในเรื่องดีๆ ถึงตนจะต้องเป็นผู้เสียสละ แต่ก็อิ่มใจที่คนที่ตนรักทั้งคู่รักกัน...เพื่อนทำหน้างงเพราะไม่มีในบท ไม่รู้จะตอบอย่างไร ผู้กำกับและผู้ช่วยเกาหัวแกรกๆด้วยความงงเช่นกัน

ตกเย็นรถตู้มาส่งเพื่อนที่บ้าน ไม่ทันจะเข้าบ้านต้องสะดุ้ง เมื่อกันลองโผล่มากอดข้างหลัง

“คิดถึงจัง เราไม่ได้คุยกันตั้งแต่เมื่อคืนแล้วนะ ทำไมตั้งแต่เราเป็นแฟนกัน พะลองถึงรู้สึกเหมือนเราห่างกันมากขึ้นยังไงไม่รู้”

เพื่อนหาคำแก้ตัว “พะลองคิดมากไปแล้วค่ะ ช่วงนี้แพงมีถ่ายละครเกือบทุกวันแค่นั้นเอง พรุ่งนี้แพงมีเข้าคอร์สบำรุงผิวอย่างเดียว หลังจากนั้นเราแอบไปดูหนังกันไหมคะ”

พอกันลองถามไม่กลัวเป็นข่าวหรือ เพื่อนจึงบอกจะไปดูที่ห้องเขาตอนดึกๆแทน ชายหนุ่มดีใจให้สัญญาว่าถ้าใครผิดคำพูด ต้องบอกรักอีกคนทุกวัน เพื่อนยิ้มหวานบอกถึงไม่ผิดคำพูดก็จะบอกแล้วชะงักทำตาโต เหมือนเห็นแม่ยืนอยู่ กันลองรีบหลบ เพื่อนวิ่งจู๊ดเข้าบ้าน

“เดี๋ยวนี้ลูกล่อลูกชนเยอะขึ้นนะเรา” กันลองไม่เห็นใคร เข่นเขี้ยวอย่างเอ็นดู

ooooooo

เย็นวันนั้นวรัชช์กลับบ้าน มธุรสบ่นว่าเขาไม่กลับบ้านนานๆ สักวันตนเป็นลมชักขึ้นมาจะทำอย่างไร เขาโบ้ยว่าอย่างเฮียมะแกร่งยิ่งกว่าคูโบต้า แล้วมธุรสนึกได้ว่าทำไมแพงจำตนไม่ได้

“ก็ล่าสุดป้าเจอเขามันเมื่อไหร่ล่ะครับ ยังแต่งหญิงอยู่ไหม”

มธุรสเบิร์ดกะโหลกหลานแล้วนึก “ตอนนั้นหนูแพงยังใส่ชุดมอปลายอยู่เลยมั้ง”

วรัชช์ว่านั่นเกือบสิบปีใครจะจำได้ ตอนนี้กลายเป็นเฮียมะหล่อเฟี้ยวไปแล้ว มธุรสเลิกติดใจหันมาถามหลานว่ากิ๊กกับแพงหรือ วรัชช์พูดอย่างจริงจังว่าชอบคนนี้มาก เธอจึงให้เขาเผื่อใจไว้บ้าง เพราะแพงมีเพื่อนข้างบ้านที่สนิทสนมกันมาแต่เด็ก เขายักไหล่จะมาสู้พระเอกได้อย่างไร

“สู้ได้ไม่ได้ไม่รู้ บ้านเขามีโรงงานยาสตรีสืบทอดกันมาเกือบ 50 ปี ไม่ธรรมดาเลย กิจการของเขาเป็นพันล้าน ขนาดฉันยังกินเลย”

“ป้าเนี่ยนะกินยาสตรี! ทำไม...บำรุงนมเหรอ”

มธุรสเขกหัวหลานอีกโป๊ก บอกที่กินเพื่อบำรุงเลือดลม ให้หน้าตึงไม่เหี่ยวเร็ว วรัชช์ขำแต่ยังยืนยันว่าจริงจังกับแพง มธุรสถามถึงจิตจีรัง เขารีบบอกว่าไม่เคยจริงจังด้วย

มธุรสถือโอกาสชวนวรัชช์ไปทำบุญให้พ่อเขาพรุ่งนี้ ชายหนุ่มหน้าตึงทันทีเพราะยังไม่ให้อภัยพ่อที่ทำให้แม่ขมขื่นจนตาย มธุรสบอกว่าพ่อของเขารักเขาถึงยกเป็นลูกออกหน้าออกตา

“ผมไม่ต้องการและผมจะไม่มีวันให้อภัย ป้าจำไม่ได้เหรอครับ น้องสาวป้าต้องทนเป็นที่สองมากี่ปี เพราะเอาแต่เชื่อลมปากผู้ชายคนนั้นตั้งแต่วันแรกที่เจอกัน”

“แล้วแกต่างจากพ่อแกนักหรือ ผู้หญิงกี่คนต่อกี่คนที่แกหลอกเขาน่ะ อย่าคิดว่าฉันไม่รู้”

“เรามีแต่ได้ทั้งสองฝ่าย พวกเขาเต็มใจทั้งนั้น”

“แล้วแกรู้ได้ยังไงว่าแม่แกไม่เต็มใจ ห๊ะ! เลิกสร้างนรกในใจตัวเองสักทีเหอะนุกนิก ป้ารักแกนะเว้ย โอเค้...”

วรัชช์เสียใจออกมาสงบสติอารมณ์แล้วกดโทรศัพท์หาแพงโดยไม่รู้ตัว แต่สายไม่ว่าง เพราะเธอคุยกับกันลองอยู่ ...วรัชช์ออกไปเที่ยวกับแตงโม พอกลับมาที่โรงแรม คิดจะเขียนไดอารี่อย่างที่แพงบอก พอเริ่มต้นเขียนได้หน่อยก็วางปากกา เอารูปถ่ายคู่ตนกับแพงที่สาวใช้ฝากมาขอลายเซ็นแพง เสียบคั่นหน้าไดอารี่ไว้

ด้านแพงพอวางสายกันลองก็เห็นมิสคอลจากวรัชช์ เธอตัดใจไม่โทร.กลับ รื่นจิตเห็นแพงนั่งดูทีวีเพลินๆ จึงถามถึงมือถือทำไมมีแต่เบอร์ต่างประเทศ เพื่อนรีบปิดทีวีแล้วบอกแม่ว่า เป็นมือถือเข้าฉาก ตนเผลอเอาติดกลับมา วันนี้โดนที่กองบ่นอุบที่ลืมเอาไป

เพื่อนตัดสินใจยกเลิกเบอร์โทร.เครื่องที่ใช้โทร.ต่างประเทศเพราะกลัวรื่นจิตจับได้ แล้วได้เห็นผ้าพันคอที่รื่นจิตซื้อให้ เธอดีใจมากนับเป็นของจากแม่ชิ้นแรก

รุ่งเช้าเพื่อนคล้องผ้าพันคอลงมาให้รื่นจิตเห็น เธอแอบยิ้มนิดๆ เพื่อนขอไปกินข้าวบ้านกันลอง เขาลงมือทำอาหารเช้าให้ ชลลดาลงมาเห็นลูกชายเอาใจสาวก็หมั่นไส้ เพื่อนชวนให้ทานด้วยกัน เธอปัดว่าเช้าๆทานแต่เอสเปรสโซ่กับครัวซองต์เท่านั้น แล้วสั่งสาวใช้ว่าขอความเข้มเลเวลหนึ่ง ผ่านไปพักใหญ่ สาวใช้ยกข้าวเหนียวนึ่งกล้วยมาวางให้ ชลลดาโวย

“ฉันบอกแล้วว่าให้หล่อนทำ ไปให้ป้าแกทำทำไม”

“ป้าแกไม่ยอม บอกว่าข้าวเหนียวนึ่งไส้กล้วยของโปรดคุณผู้หญิงตั้งแต่สาวๆค่ะ”

กันลองแกล้งตักมาป้อนแพงชิ้นหนึ่ง พอดีรถตู้ทวิตตี้มารอรับ เพื่อนจึงขอตัว กันลองให้เธอดูแลตัวเองดีๆ เพื่อนรับคำว่า...ค่ะคุณแฟน...ชลลดาหูผึ่งเผลอตักข้าวเหนียวเข้าปากเคี้ยวตุ้ยๆ กันลองหันมาเห็นแซวแม่ ไหนว่าท้องรับได้แต่เอสเปรสโซ่กับครัวซองต์ เธอค้อนขวับ

ooooooo

เพื่อนมาทำทรีตเมนต์หน้าที่ร้านของน้อยหน่า จึงปรึกษาเรื่องแผลที่เอว น้อยหน่าบอกต้องรอให้แผลแห้งก่อนแล้วค่อยมาทำเลเซอร์ลบรอยแผลเป็น... เพื่อนขอปรึกษาอีกเรื่อง

“ถ้ามีผู้ชายสองคนมาชอบเรา คนนึงสุภาพเป็นผู้ใหญ่ อยู่ด้วยแล้วรู้สึกเหมือนกับเราเป็นเจ้าหญิงเลย กับอีกคนกวนประสาท กัดกับเราตลอดแต่อยู่ด้วยแล้วสนุก เป็นตัวของตัวเอง น้อยหน่าจะเลือกใคร”

“เลือกไม่ถูกหรอก ต้องให้พรหมลิขิตตัดสิน”

เพื่อนไม่เข้าใจ น้อยหน่าบอกใหม่ว่า เดสทินี่ เพื่อนร้องอ๋อแต่ก็อยากรู้ว่า มันกำหนดให้เราคู่กับคนสองคนได้ไหม น้อยหน่าร้องโน...เพราะเนื้อคู่มีได้แค่คนเดียว เพื่อนถามอีกว่ามีวิธีเช็กเนื้อคู่แบบเร่งด่วนไหม เพื่อนสาวประเภทสองตบอกกระซิบข้างหูเพื่อน เพื่อนยิ่งงง ถามว่าพรหมจารีแปลว่าอะไร หน้าตาเหมือนพรหมลิขิตไหม น้อยหน่าหน้าเฝื่อนรู้สึกว่าแพงแปลกไป

อ่านละครเรื่อง เดือนประดับดาว ตอนที่ 8 วันที่ 21 ธ.ค.60

ละครเรื่อง เดือนประดับดาว บทประพันธ์โดย จันทร์ รีจรูญ แอนเดอร์สัน
ละครเรื่อง เดือนประดับดาว บทโทรทัศน์โดย ระกาช่อนรูป
ละครเรื่อง เดือนประดับดาว กำกับการแสดงโดย มนัสนันท์ เลิศวงศ์สกุล
ละครเรื่อง เดือนประดับดาว ผลิตโดย บริษัท ดอร์เธอร์ โปรดักชั่น จำกัด
ละครเรื่อง เดือนประดับดาว ออกอากาศทุกวันพุธ-พฤหัสบดี เวลา 20.15 น.
ติดตามชม ละครเรื่อง เดือนประดับดาว ได้ทางไทยทีวีสีช่อง 3
ที่มา ไทยรัฐ