อ่านละครเรื่อง ระเริงไฟ ตอนที่ 9 วันที่ 21 ธ.ค.60

อ่านละครเรื่อง ระเริงไฟ ตอนที่ 9 วันที่ 21 ธ.ค.60

ชาคริตไม่บอกความจริงทั้งหมดว่ายังมีเรื่องดิลกต้องชำระแค้นและสะสาง เฉไฉเปลี่ยนเรื่องให้เธอเล่าเรื่องตัวเองที่สวิตฯ ญาดาได้แต่ลอบถอนใจ ก่อนจะพูดถึงวันเวลาเหงาๆที่ซูริกว่าเต็มไปด้วยตารางงานซ้ำซาก

“แล้วทำไมคุณต้องไปทำงานที่โน่นนานขนาดนั้น”

“ถ้าฉันไม่ไป...นายไตรจะไม่มีวันโต ทุกคนจะคอยฟังฉันคนเดียว คุณพ่อฝากความหวังที่ฉัน...หวังว่าจะบริหารงานให้ แต่สุดท้ายคุณพ่อก็ตั้งใจยกบริษัทให้นายไตรที่เป็นลูกชายอยู่ดี ฉันยินดีคอยเป็นแรงผลักดันให้น้องทุกคนนะคะ...แม้น้องๆจะไม่ต้องการฉันแล้วก็ตาม”

สายตาเห็นอกเห็นใจของชาคริตทำให้ญาดาประหม่า เสถามยิ้มๆ



“ยังไม่ง่วงอีก เรื่องฉันน่าเบื่อจะตาย”

“เรื่องของคุณไม่เคยน่าเบื่อสำหรับผม”

ชาคริตพูดจากใจจริง ญาดาเขินจนต้องหลบตาและเปลี่ยนเรื่องดื้อๆ

“ที่นี่เงียบจังนะคะ...เงียบจนทำให้ฉันนึกถึงที่สวิตฯ ...ถึงจะเป็นประเทศปลอดภัยที่สุด แต่ผู้คนก็ต่างคนต่างอยู่ พอตกค่ำ...มองออกไปจะมืดและเงียบ...เงียบจนได้ยินเสียงเต้นของหัวใจตัวเอง”

ความเงียบทำให้ชาคริตผล็อยหลับ แต่เพียงครู่เดียวเสียงปืนจากอดีตที่ตามหลอกหลอนเขาทุกค่ำคืนก็ทำให้สะดุ้งตื่น ญาดาเห็นเขานอนไม่หลับเลยลุกไปหาหนังสือในห้องเพื่ออ่านให้ฟัง ชาคริตปลื้มใจมาก...ลืมสนิทว่าเธอจะไปค้นหาหนังสือจากตู้ในห้องนอนที่เขาเก็บบางสิ่งบางอย่างไว้!

ooooooo

ชาคริตตามไปห้ามแต่ไม่ทันแล้ว ญาดาเปิดตู้เจอเป้ใบเก่า...เป้ที่บรรจุความทรงจำเมื่อยี่สิบปีก่อนไว้

เรื่องราวในอดีตถูกเล่าจากปากชาคริตว่าเขาต้องแบกเป้ใบนี้ออกจากบ้านของพ่อที่ถูกจับและถูกฟ้องล้มละลาย เขากลายเป็นเด็กไม่มีบ้าน ในกระเป๋ามีแค่ชุดไม่กี่ชุด ขนมไม่กี่ห่อ เหรียญสองบาทค่ารถจากเพ็ญขวัญและหนังสือการ์ตูน...ของขวัญจากพ่อ ญาดาเห็นท่าเขาก็สงสาร ปลอบเสียงอ่อน

“คุณคริต...อดีตที่ไม่น่าจดจำก็ทิ้งมันไปเถอะ เพราะสุดท้ายคุณก็ได้มีชีวิตดีแล้ว...ถึงแม้...”

“ถึงแม้จะต้องนอนหลับตาไม่ลงทุกคืน คุณรู้ไหม ...หนังสือที่พ่อให้ฉบับแปลเป็นไทยชื่อว่าอะไร”

พูดพลางยกมือแตะหน้าปกหนังสือ “เธออยากมีพ่ออย่างฉันไหม...ไม่เลย...ผมไม่อยากมีพ่อขี้ขลาด ยอมให้คนอื่นเอาเปรียบ ผมไม่อยากมีพ่อที่ทิ้งผมให้สู้อยู่คนเดียว พ่อที่ทำให้ชีวิตผมหายไปยี่สิบปี!”

ชาคริตเขวี้ยงเป้ทิ้งด้วยแรงอารมณ์ ทำให้จดหมายปึกใหญ่ที่เขาเคยส่งถึงพ่อร่วงลงมา ญาดาหยิบมาดูแล้วถึงกับตาโต ชาคริตต้องยอมบอกความจริงบางส่วนว่าคนที่เธอเจอในคุกเมื่อวันก่อนคือพ่อของเขา

“คุณบอกว่าพ่อคุณชดใช้กรรมไปแล้ว ฉันก็นึกว่าท่าน...”

“ติดคุกยี่สิบปี...ไม่ถือว่าชดใช้กรรมเหรอ”

“แล้ววันที่คุณพาฉันไปเยี่ยมท่าน...ทำไมคุณไม่บอก”

“ผมยังไม่พร้อม...ผมรอ...รอจนกว่าพ่อจะรับผมเป็นลูกอีกครั้ง ตั้งแต่ผมอยู่กับคุณป๋า พ่อไม่ยอมติดต่อกับผม ไม่ว่าจดหมายหรือพัสดุถูกตีกลับหมด”

“ท่านห่วงคุณ”

“ท่านเกลียดผมต่างหาก ท่านหวังว่าผมจะยอมก้มหัวชดใช้กรรมเหมือนท่าน...แต่นั่นไม่ใช่ผม...ผมเกลียดพ่อ”

“คุณรักท่านมากต่างหาก คุณถึงได้เจ็บปวดแบบนี้ สักวันที่คุณเปลี่ยนเป็นคนใหม่...พ่อคุณจะยอมรับคุณเอง”

“ท่านไม่มีวันเชื่อ ท่านเห็นผมเป็นตัวอะไรสักตัว

ที่มีแต่ความเลวทรามต่ำช้า”

“แต่ฉันเชื่อคุณค่ะ ฉันเชื่อคุณเต็มหัวใจ...ไม่ว่ายังไง...ฉันเชื่อใจคุณ”

ญาดาโอบกอดเขา บรรจงเช็ดน้ำตาให้อย่างอ่อนโยนและจูบแก้มเพื่อปลอบประโลมสามีที่เปิดใจอดีตช้ำๆเป็นครั้งแรก ชาคริตสะเทือนใจมาก ดึงตัวภรรยามากอดแน่นก่อนจะจูบหลอมละลายใจและกายให้เป็นหนึ่งเดียว

ooooooo

ค่ำคืนแสนหวานผ่านไปแล้ว ทัศนะกับเขมิกาจูงมือออกจากบ้านพักของชาวบ้านด้วยใบหน้าเขินๆเพราะถูกแซวและเข้าใจผิดตั้งแต่เมื่อวานว่าเป็นคู่รักข้าวใหม่ปลามัน

เขมิกามีความสุขมากที่ความสัมพันธ์กับทัศนะก้าวหน้าอีกขั้น จนแทบไม่อยากกลับบ้าน

“เขมหลงรักบรรยากาศที่นี่แล้วล่ะสิ คุณนะสัญญานะคะว่าเราจะมาด้วยกันที่นี่อีก”

“เราสัญญาเฉพาะเรื่องสำคัญๆดีไหม ไม่งั้นคำสัญญาจะไม่มีความศักดิ์สิทธิ์”

“แล้วเรื่องไหนล่ะคะที่สำคัญ งั้นสัญญากับเขมว่าเราสองคนจะไม่มีความลับต่อกัน”

ทัศนะอึ้งเพราะมีชนักเรื่องชาคริตที่เขารู้ตั้งแต่ต้น เขมิกาเห็นเขาเงียบก็กระเง้ากระงอด จนทัศนะต้องรับปากเลี่ยงๆจะพูดความจริงหากเธอถาม คุณหนูคนสวยเลยยิ้มได้ พร้อมสารภาพอายๆว่าเขาเป็นจูบแรกของเธอ

ท่าทางโลกเป็นสีชมพูเหมือนคนตกในห้วงรักของเขมิกาทำให้ทัศนะลอบถอนใจหนักหน่วง ก่อนดึงเธอมากอดแน่นด้วยความสงสารที่เธอช่างไม่รู้เรื่องรู้ราวว่าเขายังมีด้านมืดและความลับปิดบังไว้...

เช้าวันเดียวกันที่บ้านพักกลางป่า...ชาคริตนอนมองภรรยาทางพฤตินัยหมาดๆด้วยแววตาหวานหยด ญาดารู้สึกตัวแล้วเขินจะลุกไปเข้าห้องน้ำ แต่ก็ถูกดึงตัวมากอดรั้งไว้

“ผมไม่เคยนอนหลับสนิทอย่างนี้มาก่อนเลย...รู้อย่างนี้...”

“อย่าพูดออกมาเชียวนะ!”

“บอกแล้วว่าผมปล้ำผู้หญิงไม่เป็น”

พูดจบก็ยิ้มอย่างมีความสุขจนญาดาอดถามเหตุผลไม่ได้

“ไม่อยากจะคุย...ผมพูดอะไรไว้ เป็นอย่างที่ผมพูดทุกอย่าง ในที่สุด...ในที่สุด!”

“ในที่สุดอะไร”

“ในที่สุดคุณวิ่งเข้ามาในอ้อมกอดผมเอง ตอนนี้คุณเป็นมิสซิสหว่องโดยสมบูรณ์แล้วนะ”

“เมื่อคืนฉันเมาไวน์ไม่รู้เรื่อง เกิดอะไรขึ้นบ้างก็ไม่รู้ ตอนนี้มึนมากเลย”

ญาดาแกล้งเฉไฉด้วยความเขิน ก่อนจะลุกหนีแต่ถูกเขาดึงเสื้อไว้และพยายามจะถอดออก หญิงสาวหน้าแดงก่ำกับการหยอกของเขา วิ่งหนีไปนอกห้องแต่ก็ถูกเขาจับตัวไว้ได้

ระหว่างที่ยื้อยุด...สองสามีภรรยาต้องผละจากกันแทบไม่ทันเมื่อจู่ๆบ้านพักกลางเขาที่ไม่มีแม้แต่สัญญาณมือถือก็ได้ต้อนรับแขก...ทัศนะกับเขมิกานั่นเอง!

ooooooo

ชาคริตบอกทุกคนว่าพาญาดามาฮันนีมูน ไม่ได้พามาทำร้ายหรือฆ่าทิ้งอย่างที่ทุกคนกลัว เขมิกาทำหน้าเหมือนไม่เชื่อ แต่เขาไม่สนใจและหันไปคุยกับทัศนะที่ตามมาถูก

“แกเปลี่ยนอาชีพเป็นนักสืบตั้งแต่เมื่อไหร่วะ”

“ใครจะไปรู้ว่าเรื่องจะตาลปัตรไปได้”

“รู้แล้วก็กลับไปได้แล้ว”

“แกจะอยู่ที่นี่ไปได้นานแค่ไหน”

“นานเท่าที่ฉันต้องการ”

“แกรักคุณดาเข้าแล้วล่ะสิ”

“แกไม่ต้องยุ่งเรื่องฉัน”

“แล้วยังจะคิดแก้แค้นคุณดิลกอีกเหรอ...รักลูกแต่แค้นพ่อ”

“ฉันจัดการได้...ดาต้องเข้าใจ”

ญาดากับเขมิกาไม่ได้ยินบทสนทนาของสองหนุ่ม ง่วนกับการเตรียมอาหารเช้าสำหรับสี่คน เขมิกาเห็นภาพพี่สาวเป็นแม่บ้านแม่เรือนครั้งแรกในรอบหลายปี อดไม่ได้จะทักยิ้มๆ

“พี่ดาดูมีความสุขจัง”

“เป็นครั้งแรกที่ชีวิตพี่นิ่ง...สงบ...แล้วก็...”

“ได้อยู่กับคนที่พี่ดารัก”

คำพูดของน้องสาวทำให้ญาดาหน้าแดง ก่อนยอมรับง่ายๆ “พี่ไม่รู้ว่าความรู้สึกตอนนี้เรียกว่าอะไร รู้แต่ว่าเป็นห่วงเขา อยากให้เขามีความสุข พี่ตั้งใจไว้ว่าจะช่วยเขาหลุดพ้นจากพวกอิทธิพลมืดให้ได้”

“แต่เขมยังไม่ไว้ใจนายชาคริต”

“เรื่องที่ผ่านมาเป็นเพราะคุณคริตถูกคุณป๋าสั่ง แต่มันจบแล้วล่ะ ต่อไปเราเริ่มต้นกันใหม่...”

บรรยากาศบนบ้านพักกลางเขาเต็มไปด้วยความสุขแสนหวาน ต่างจากสถานการณ์ของดิลกลิบลับที่ต้องแอบทำเรื่องตั้งบริษัทแชร์ลูกโซ่ใหม่ โดยเรียกใช้พรรคพวกเดิมๆเพื่อหลอกเงินชาวบ้าน

ไม่ต่างจากสถานะของกสิณที่เป็นบุคคลล้มละลายเพราะห้องทดลองที่สวิตฯถูกปิด ปาริฉัตรกับกมลพรรณกลายเป็นขอนไม้ท่อนสุดท้ายที่ลอยมาให้เกาะ แม้จะไม่อยากแต่งงานกับปลิงสาวอย่างปาริฉัตรแต่เขาไม่มีทางเลือกต้องหางานใหม่ เอาตัวรอดและรักษาภาพลักษณ์ไฮโซหนุ่มคนดัง

ooooooo

อ่านละครเรื่อง ระเริงไฟ ตอนที่ 9 วันที่ 21 ธ.ค.60

ละครเรื่อง ระเริงไฟ บทประพันธ์โดย โสภี พรรณราย
ละครเรื่อง ระเริงไฟ บทโทรทัศน์โดย พิมพ์ธนา และ เอกชยา
ละครเรื่อง ระเริงไฟ กำกับการแสดงโดย กฤษฎา เตชะนิโลบล
ละครเรื่อง ระเริงไฟ ผลิตโดย บริษัท ชิติเช่น เคน จำกัด
ละครเรื่อง ระเริงไฟ ออกอากาศทุกวันจันทร์-อังคาร เวลา 20.15 น. ทางไทยทีวีสีช่อง 3
ที่มา ไทยรัฐ