คุณชายเลี้ยงหมู คุณหนูเลี้ยงแกะ ตอนที่ 9 วันที่ 6 พ.ค. 56


อ่านละคร คุณชายเลี้ยงหมู คุณหนูเลี้ยงแกะ ตอนที่ 9 วันที่ 6 พ.ค. 56

เมื่อวานที่อภิวัฒน์คุยกับภูวนัยและไผ่ไปรออยู่ข้างนอกนั้น ระหว่างคุยกัน อภิวัฒน์เดินมาที่กระดานหมากรุกพูดเหมือนอ่านใจวัดใจกันว่า

“ตอนนี้หมวดก็เหมือนเบี้ยตัวนึง ที่กำลังสู้กับคนที่มีพลังและอำนาจอย่างวศิน”

“ถึงสู้ไม่ได้...ผมก็จะสู้”

อภิวัฒน์วางเบี้ยตัวหนึ่งในกระดานหมากรุก แล้วเปลี่ยนมาเป็นผู้เล่นอีกคน จับเอาขุนเข้ามากินเบี้ยตัวนั้น พูดเปรียบเทียบว่า

“ยังไงก็ไม่มีทางที่จะสู้พวกมันได้อยู่แล้ว” ภูวนัยมองหน้าถามว่าท่านจะบอกอะไรตน “หมวด...ผมรู้ว่าตอนนี้หมวดเจอเรื่องหนักหนาสาหัสมาหลายเรื่อง แต่หมวดต้องตั้งสติแล้วรู้ว่าตอนนี้หมวดกำลังสู้อยู่กับใคร”


พูดแล้วอภิวัฒน์ก็เดินหมากอีกตัวที่เสมือนเป็นฝั่งของเบี้ยตัวเมื่อครู่นี้ แต่เขาหยิบม้าเข้ามาไปรุกตัวขุนฝั่งตรงข้ามถาม

“ทำไมเราไม่มาสู้ด้วยกันล่ะ?” แล้วอภิวัฒน์ก็หยิบขุนหลบม้าที่รุกมาเมื่อกี้ ก่อนหยิบเบี้ยที่เป็นตัวแทนภูวนัยกินขุนทันที สรุปเกมจากกระดานหมากรุกว่า “ถ้าหมวดอยากจะโค่นพวกมัน...หมวดต้องรู้ว่า เกมนี้ต้องเล่นยังไง!!”

ภูวนัยมองกระดานหมากรุก คิดตามคำพูดของอภิวัฒน์...เขาเครียดไปอย่างคิดหนัก

ooooooo

ไผ่พญาตรงลิ่วไปที่เซฟเฮาส์ของอภิวัฒน์ เจอตัวพอดี ไผ่รีบยกมือไหว้ถามว่าหมวดภูมาที่นี่หรือเปล่า

“หมวดภู?...ไม่นี่” อภิวัฒน์ทำหน้าแปลกใจ เห็นไผ่ทำหน้าผิดหวัง เลยถาม “เขาหายตัวไปเหรอ”

“เอ่อ...ตอนเช้าฉันลงมาก็ไม่เห็นเขาแล้ว...ก็เลยคิดว่าเขาอาจจะมาที่นี่...แต่ก็...ไม่เป็นไรค่ะ บางทีเขาอาจจะไปซื้อโจ๊กอยู่แถวบ้านก็ได้ สวัสดีค่ะ” ไผ่ลากลับไปอย่างผิดหวัง

อภิวัฒน์มองตามไผ่แล้วเดินกลับเข้าห้องทำงาน เห็นภูวนัยยืนอยู่ ถามเขาว่า “แน่ใจนะที่ตัดสินใจแบบนี้”

“ครับ...ผมไม่อยากให้ใครเดือดร้อนเพราะผมอีก”

“ผมดีใจที่หมวดตัดสินใจมาช่วยงานผม...” ภูวนัยถามว่าท่านจะให้ทำอะไร “ใจเย็นหมวด...ก่อนที่เราจะเริ่มงาน ผมอยากให้หมวดเจอใครบางคนก่อน”

ภูวนัยฟังแล้วอยากรู้ว่าอภิวัฒน์จะให้เขาไปพบใคร? เขาเดินตามอภิวัฒน์ลึกเข้าไปในเซฟเฮาส์ ผ่านตำรวจนอกเครื่องแบบหลายคน จนมาถึงห้องหนึ่งเป็นประตูเหล็กค่อนข้างแน่นหนา เมื่ออภิวัฒน์ให้สัญญาณตำรวจนอกเครื่องแบบที่เฝ้าประตูอยู่ ตำรวจจึงเปิดประตูให้ อภิวัฒน์หันมองภูวนัยอีกครั้งก่อนเดินนำเข้าไป

ในห้องนั้นมีชายคนหนึ่งนั่งหันหลังให้อยู่ ภูวนัยมองอย่างสงสัยว่าเป็นใคร แต่พอชายคนนั้นหันมา ภูวนัยถึงกับผงะ เพราะนั่นคือเสี่ยสมสุขนั่นเอง!

ภูวนัยคิดว่าเสี่ยสมสุขตายไปแล้ว แต่ที่แท้อภิวัฒน์เป็นคนไปช่วยเอาออกจากโรงพยาบาล และเวลานี้ เขาต้องการให้ภูวนัยทำงานกับเสี่ยสมสุข

“ถ้าท่านบอกผมก่อนว่าเป็นมัน ผมจะไม่มาที่นี่อย่างเด็ดขาด” ภูวนัยพูดอย่างทำใจไม่ได้

“ผมรู้ว่าหมวดกับสมสุขต่างมีอดีตกันมาก่อน แต่จำไม่ได้หรือไง หมวดบอกว่ายอมทำทุกอย่างเพื่อที่จะจัดการคนที่ทำกับหมวด”

“ถ้าทำงานกับโจร เรายังมีเกียรติพอจะเรียกตัวเองว่าเป็นตำรวจได้หรือครับท่าน”

“หมวดต้องแยกให้ออก ระหว่างเกียรติกับการทำงาน หลายครั้งที่เราจับพวกโจรไม่ได้เพราะอะไร เพราะเรามัวคิดอย่างตำรวจไง แต่ถ้าเราอยากจะจับโจร เราก็ต้องรู้ว่าโจรมันคิดยังไง”

“ท่านกำลังจะบอกว่า...”

“เราต้องใช้โจรจับโจร” เห็นภูวนัยนิ่งไป อภิวัฒน์พูดอย่างเข้าใจความรู้สึกของเขาว่า “ผมรู้ว่ามันฝืนความรู้สึกของหมวด แต่ถ้าหมวดต้องการกำจัดวศินกับชาติกล้าแล้วละก็...หมวดต้องใช้เขา”

ภูวนัยนิ่งไปอย่างจำต้องรับเหตุผลนั้น

ooooooo

ขณะที่ไผ่กำลังเคว้งคว้างอยู่นั้น บังเอิญไปเจอกระดังงาที่แต่งตัวเป็นพระอุมาเทวีถือสากกระเบือยืนอยู่ท้ายรถกระบะ โดยมีขิงร้องเชิญชวนชาวบ้านให้ทำบุญสะเดาะเคราะห์ผูกดวงกัน

ไผ่กำลังเข้าตาจนมืดแปดด้าน เลยแวะเข้าไปไหว้พระอุมาเทวีเอาชัยสักหน่อย กระดังงาเห็นไผ่ก็ดีใจหลุดจากลักษณ์พระอุมาเทวีร้องทักแล้วชวนกันคุย ครู่หนึ่งขิงหันมาเห็นก็ร้องทักอย่างดีใจแต่ปากเสียว่า

“เฮ้ย! โอ้โห...นึกว่าแกตายไปแล้วนะเนี่ย”

ไผ่ด่าคืนแล้วถามว่ามาทำอย่างนี้ได้ยังไง ขิงคุยโวว่าเล่นกับความศรัทธานี่แหละรุ่ง ไม่เห็นหรือว่าเดี๋ยวนี้หมอดูเขาร่ำรวยกันแค่ไหน พอไผ่ถามว่าแล้วเอาเงินที่ไหนไปออกรถกระบะ ทั้งสองก็สารภาพว่าเป็นเงินที่ขโมยมาจากฟาร์ม ไผ่ชี้หน้าว่า ที่แท้เงินของเผ่าพงศ์ที่หายไปก็เพราะสองคนนี้เอง

ขิงกับกระดังงาถูกจับได้ว่าขโมยเงินมาก็ตกใจวิ่งหนี ไผ่ไล่กวดจนจับได้ขณะทั้งสองมุดเข้าไปในสุ่มไก่ พอถูกจับได้ก็รีบขอโทษบอกว่าจำเป็นจริงๆ เพราะตอนนั้นต้องหนีแต่ไม่มีเงิน ตั้งใจไว้ว่าหาเงินได้เมื่อไรจะเอาไปคืน ที่ทำอยู่นี่เป็นแค่งานอดิเรกทำรองานที่พี่ชัยซึ่งเคยอยู่ด้วยกันที่ดิออร์แกนกำลังติดต่อมาให้

ไผ่ได้ยินว่าชัยกำลังหางานให้ก็อยากทำด้วย พอดีชัยโทร.มานัดให้ขิงกับกระดังงาไปพบ ไผ่ถามว่างานอะไรหรือ

“พี่เขาไม่ได้บอก แต่บอกว่าเงินดีมากเลยนะแก” กระดังงาคุยอวด ไผ่เลยขอตามไปด้วย

ooooooo

หลังจากภูวนัยตัดสินใจทำงานกับอภิวัฒน์แล้ว วันนี้จึงนัดคุยงานกันที่เซฟเฮาส์ ภูวนัยกับอภิวัฒน์นั่งรออยู่ที่โต๊ะกินข้าว ครู่หนึ่งสมสุขยกสเต็กมาสองจานบอกให้ทั้งสองช่วยชิมว่าเป็นยังไง

ภูวนัยเลื่อนจานออกไป เร่งให้เข้าเรื่องงานกันเลยดีกว่า สมสุขดึงจานสเต๊กไปบ่นเสียดายที่ภูวนัยไม่ลองชิมดู

“ท่านบอกว่าถ้าเราจะล้มวศิน ต้องใช้นาย หมาย ความว่าไง” ภูวนัยถาม สมสุขหยิบเกลือมาเหยาะใส่สเต๊กเหยาะไปเล่าไปว่า เพราะพวกตนคือกลุ่มห้าเสือเป็นคนส่งส่วยให้วศิน

“ผู้มีอิทธิพลทั้งห้าภาคในไทยน่ะเหรอ” ภูวนัยถาม

“ถูกต้อง ถ้าหมวดอยากกำจัดวศิน ก็ไม่มีอะไรมาก หมวดก็แค่ตัดท่อน้ำเลี้ยงที่ส่งให้มัน ก็เท่ากับว่ามันก็จะไม่มีเงินซื้อขายตำแหน่งอะไร เท่านี้มันก็เหมือนตายทั้งเป็นแล้ว” สมสุขเล่านิ่งๆ

อภิวัฒน์ชี้แจงเพิ่มเติมว่า เราจะล้มห้าเสือได้ไม่ใช่เรื่องง่าย ฉะนั้นต้องใช้เสี่ยสมสุข

“ถูกต้อง เพราะฉันเป็นหนึ่งในห้าคนนั้น” สมสุขโพล่งออกมาแล้วกระแทกขวดพริกไทยลงบนโต๊ะอย่างแรง พอรู้ตัวก็ขอโทษบอกว่า “พอนึกถึงเรื่องเก่าๆ มันก็เลยมีอารมณ์นิดหน่อย”

ภูวนัยยังไม่สบายใจ ถามอภิวัฒน์ว่าข้อมูลของห้าเสือเราก็มีอยู่แล้วไม่ใช่หรือ สมสุขโพล่งขึ้นทันทีว่าไม่มีใครรู้จักพวกห้าเสือดีไปกว่าตน ปากพูดมือก็ปรุงสเต๊กไปเรื่อย คุยโวว่า

“พวกตำรวจอาจจะมีข้อมูลว่าพวกนั้นทำเรื่องผิดกฎหมายอะไรบ้าง แต่พวกตำรวจคงไม่มีเส้นทางการลำเลียง หรือวิธีที่จะหลบหลีกการจับกุมของพวกตำรวจใช่ไหม”

“แล้วที่พวกเราจับแกได้บ่อยๆล่ะ” ภูวนัยแย้ง

“นั่นเพราะพวกเราอยากให้จับไง แหม...เราเข้าใจว่าพวกตำรวจมันก็ต้องสร้างผลงาน พวกเราก็แค่ขับรถเข้าไปในด่านที่ตั้งขึ้น แล้วก็ให้โดนจับ เพื่อให้คนอย่างวศินมันได้เลื่อนตำแหน่ง เพราะสุดท้าย ยาที่โดนจับ มันก็ส่งกลับมาที่พวกเราอยู่ดี”

ภูวนัยฉุนขึ้นมา ปรามสมสุขว่าเขากำลังดูถูกตำรวจ เลยถูกสวนมาว่า ตำรวจไม่ได้เป็นคนดีทุกคนแบบหมวดหรอก

“เอาล่ะ...ผมว่าเรารีบเข้าเรื่องห้าเสือกันได้แล้ว” อภิวัฒน์ตัดบท แล้วเอาแฟ้มภาพออกมาดึงรูปใบแรกให้สมสุข

“แม่เลี้ยงรัญญา” สมสุขรับภาพไปวาง แล้วปรุงสเต๊กต่ออย่างไม่มีทีท่าจะเสร็จสักที “เธอเป็นเมียคนที่ห้าของโกเหลียง แรกๆเธอก็แค่ช่วยโกเหลียงดูเรื่องหวยใต้ดิน แต่เดี๋ยวนี้ธุรกิจหลักคงเป็นเรื่องส่งเนื้อสดกับยา รู้ไหมทำไมแม่เลี้ยงรัญญาถึงได้เป็นหนึ่งในห้าเสือ”

เกริ่นเรียกความสนใจ แล้วสมสุขจึงเล่าต่อ แต่มือก็ยังปรุงสเต๊กไม่หยุด

“เพราะความกล้าได้กล้าเสียของเธอไง เรื่องความใจถึง บางทีฉันยังต้องหลบให้เธอ”

แล้วสมสุขก็เล่าถึงความกล้าได้กล้าเสียของเธอในการคุยกันครั้งหนึ่งที่ทางวศินเรียกค่าส่วยเพิ่มเป็นยี่สิบเปอร์เซ็นต์

“ยี่สิบเปอร์เซ็นต์หรือ ได้...สำหรับฉันไม่มีปัญหา ขอกันกินมากกว่านี้ หรือนายหัวว่าไง” แม่เลี้ยงรัญญาตกลงทันที

นายหัวคึกเสือจากภาคใต้โกรธมากถามเครียดว่า

“ยี่สิบเปอร์เซ็นต์! รู้ไหมว่ามันเพิ่มมาอีกเท่าไหร่ นึกอยากจะเพิ่มก็เพิ่ม ถามกันบ้างรึเปล่า”

เล่าถึงเหตุการณ์ตอนนั้นแล้ว สมสุขสรุปให้ฟังว่า “นายหัวคึก ไอ้นี่มันเห็นแก่เงิน อะไรที่เห็นแล้วว่ามันเสียเปรียบ หัวเด็ดตีนขาดยังไงมันก็ไม่ยอม เห็นจะมีก็แต่แม่เลี้ยงคนเดียวที่พอจะคุยกับมันได้” สมสุขให้เหตุผลว่า ที่พอคุยกันได้เพราะพื้นที่ทำกินไม่ทับซ้อนกัน

“แล้วพวกห้าเสือมีใครไม่ถูกกับใครหรือเปล่า” ภูวนัยหาข้อมูล

“ไม่ค่อยมีหรอก ต่างคนก็ทำมาหากิน พื้นที่ใครพื้นที่มัน แต่โบราณเขาว่าเสือสองตัวอยู่ถ้ำเดียวกันไม่ได้แล้วนี่มันตั้งห้าตัวนะหมวด มันก็ต้องมีบ้าง...สองคนนี่ไง กำนันเต่ากับเสี่ยแคน”

สมสุขเอารูปสองคนนั้นออกมาวางบนโต๊ะเล่าว่า กำนันเต่าคุมพื้นที่ทั้งหมดทางภาคตะวันออก เป็นคนอารมณ์ร้อน เอะอะก็จะฆ่าลูกเดียว เล่าถึงความไม่พอใจของกำนันเต่าเรื่องที่ทางวศินขอเพิ่มค่าส่วยอีกยี่สิบเปอร์เซ็นต์ว่า “มันรู้หรือเปล่าว่าคนอื่นเขาทำมาหากินมันลำบาก” ตอนนั้นเสี่ยแคนกล่อมว่า

“ใจเย็นสิกำนัน น้ำกำลังเชี่ยวก็อย่าเอาเรือไปขวาง ตอนนี้เราต้องทำตัวเป็นปลา แล้วไหลไปกับน้ำไม่ดีกว่าหรือ”

เล่าแล้วสมสุขสรุปว่า “ภายนอก อาจจะเห็นว่าเสี่ยแคนกับกำนันเต่าไม่มีอะไรกัน แต่ลึกๆแล้วสองคนนี้ก็ไม่ค่อยกินเส้นกันเท่าไหร่ เพราะเสี่ยแคนแกมีพื้นที่ทับซ้อนกับกำนันเต่าแถวๆปราจีน สระแก้ว”

สมสุขเพิ่งปรุงสเต๊กเสร็จ เอารูปเสี่ยแคนกับกำนันเต่าคืนให้อภิวัฒน์แล้วลงมือกินสเต๊กที่ปรุงเสียจนไม่เห็นเนื้อสเต๊ก อภิวัฒน์กับภูวนัยมองจานสเต๊กอย่างสยอง ในขณะที่สมสุขตัดกินหน้าตาเฉย

“ทั้งหมดทั้งปวง ที่พวกนั้นยังรวมกันอยู่ได้ก็เพราะเสือตัวสุดท้าย” อภิวัฒน์เกริ่นเพื่อให้สมสุขเล่าต่อ

พลางหยิบรูปพายัพออกมาวางบนโต๊ะ พอสมสุขเห็นรูปพายัพเท่านั้นก็หยิบจานสเต๊กกระแทกจนแตกเป็นสองเสี่ยง ด่าลั่น

“ไอ้นี่มันหมา ไม่ใช่เสือ! ไอ้หมาลอบกัด!!”

ภูวนัยมองสมสุขอย่างสงสัย อภิวัฒน์จึงเล่าให้ฟังว่า เพราะสมสุขคิดว่าพายัพเป็นคนบุกไปยิงเขาคืนนั้น

“ผมไม่ได้คิด! ต้องเป็นมันแน่นอน ถ้าไม่ใช่มันแล้วจะเป็นใคร หมวดเห็นสิ่งที่ผมกินไหม คนธรรมดาคงคิดว่าผมบ้า แต่เปล่า...ลิ้นของผมไม่รับรสอะไร แม้ว่าผมจะปรุงมันยังไง แต่ผมก็ไม่รู้ว่ารสมันเป็น เพราะอะไรรู้ไหม...เพราะกระสุนตัดเส้นประสาทการรับรสของผมไป!”

ทั้งภูวนัยและอภิวัฒน์นิ่งไปกับอารมณ์แค้นฝังหุ่นของสมสุข จนเขาพูดขึ้นอีกว่า

“หมวดจะจัดการพวกนั้นยังไงผมไม่รู้ แต่ไอ้พายัพ ผมขอเป็นคนจัดการเอง!”

สมสุขเล่าถึงการพบปะกันของห้าเสือที่ห้องวีไอพีโรงแรมหรูแห่งหนึ่ง วันนั้นพายัพกินเค้กอย่างเอร็ดอร่อยสบายอารมณ์ จนรัญญาถามขึ้นว่า

“จะไม่พูดอะไรหน่อยเหรอพายัพ”

“เค้กนี่อร่อยนะ” พายัพยังคงกินเค้กต่อ

“เฮ้ย! พายัพ ช่วยจริงจังหน่อยไม่ได้รึไง พวกเรากำลังคุยถึงรายได้ที่จะหายไปอีกยี่สิบเปอร์เซ็นต์นะ” นายหัวคึกฉุน

พายัพค่อยๆวางช้อน เช็ดปากอย่างใจเย็น พูดเนิบๆ “เท่าที่ผมฟัง คนที่ไม่เห็นด้วยก็จะมีนายหัวกับกำนัน ส่วนแม่เลี้ยงกับเสี่ยแคนไม่ขัดข้องกับการจ่ายยี่สิบเปอร์เซ็นต์ เพราะฉะนั้นก็คงเป็นผมที่จะเลือกว่าจะอยู่ข้างไหน” พูดทิ้งไว้เรียกความสนใจแล้วจึงบอก “ผมยอมจ่าย!” ถูกกำนันเต่าโวยทันทีว่าเขาอยู่ข้างวศินหรือ

“ผมไม่ได้อยู่ข้างไหน ผมอยู่ข้างที่มีผลกระทบกับพวกเราน้อยที่สุด แล้วที่จริงที่ผมนัดทุกคนมาวันนี้ไม่ใช่เพราะมาเพื่อขอความเห็น แต่ผมแค่เป็นตัวประสานมาบอกให้รู้เท่านั้น...เพราะไม่ว่าเราจะเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย ยังไงเราก็ต้องจ่าย”

ทุกคนนิ่งไป เพราะมันเป็นความจริงที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ พายัพพูดต่ออย่างไม่แยแสว่า

“หรือใครจะไม่จ่ายก็ได้ แต่ผมขอเตือนไว้ก่อนว่า เราไม่ใช่คนที่ตัวใหญ่ที่สุดในประเทศนี้” พูดแล้วก็ยิ้มกับทุกคน ชวนเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นว่า “ถ้าเข้าใจกันแล้ว ผมว่าเราสั่งอาหารกันดีไหม”

อีกสี่เสือต่างนิ่งไปอย่างต้องทำตามที่วศินเรียกมา

ooooooo

ไผ่พญา กระดังงา และขิง พากันไปพบชัยตามที่นัดไว้ ไปถึงจึงรู้ว่ามันเป็นสถานอาบอวบนวด!

ขิงไม่ยอมให้กระดังงาเข้าไป ไผ่เองก็ไม่อยากเข้าไป บ่นว่า “ถึงว่า ไอ้งานที่เงินดีๆ มันมีอยู่ไม่กี่อย่างหรอก” แล้วหันหลังจะกลับ บอกว่าจะไปหางานอื่น กระดังงาถามว่าจะไม่รอฟังข้อเสนอของชัยหน่อยหรือ

พอดีชัยออกมา เห็นไผ่มาด้วยก็ทักอย่างดีใจ “โห...รับรองว่าคราวนี้ลูกค้าตรึมแน่ๆ”

ไผ่บอกว่าตนแค่มาเป็นเพื่อนกระดังงาเท่านั้น ขิงก็รีบบอกว่าตนไม่ยอมให้เมียมาทำงานแบบนี้หรอก

“ทำไม...เป็นเด็กเสิร์ฟมันไม่ดีตรงไหนวะไอ้ขิง” ชัยชักฉุน “ฉันชวนไอ้งามาทำเด็กเสิร์ฟ ไม่ได้ให้มานั่งตู้เว้ย”

ขิงกับไผ่ได้ยินก็ค่อยใจชื้นขึ้น ระหว่างนั้น ชัยเหลือบเห็นบางอย่างข้างหลังพวกไผ่ บอกพวกไผ่ให้รีบหลบ พวกไผ่เหลียวมอง เห็นนายหัวคึกเดินอย่างยิ่งใหญ่เข้ามา มีแม่เลี้ยงรัญญาและเหล่าบอดี้การ์ดตามมาเป็นพรวน

พอนายหัวคึกกับแม่เลี้ยงเดินผ่านไป ไผ่ถามอย่างอยากรู้ว่านั่นพาเมียมาเที่ยวอย่างนี้ด้วยหรือ

“ปากเสียไอ้ไผ่ เมียเมออะไร นั่นนายหัวคึกเป็นเจ้าของที่นี่ แล้วผู้หญิงคือแม่เลี้ยงรัญญา เป็นเพื่อนนายหัวเว้ย ปากแกนี่พาตกงานตั้งแต่ยังไม่เริ่มซะแล้ว” ด่าแล้วถามว่าตกลงจะทำหรือไม่ทำ

“ทำ!” ทั้งสามตอบพร้อมกันราวกับนัดไว้

ชัยจึงพาทั้งสามไปข้างใน ชั่วนาทีเดียวภูวนัยก็เดินเข้ามาพร้อมกับสมสุข แต่เขาไม่เห็นพวกไผ่

“ถ้าหมวดคิดจะล้มไอ้พวกห้าเสือ ผมว่าต้องเริ่มที่นายหัวคึกก่อน” เสียงสมสุขบอกภูวนัยขณะเดินเข้าไป

ooooooo

สมสุขระบุเช่นนั้น เพราะวันก่อนขณะที่ภูวนัยกับอภิวัฒน์คุยกับเขาที่ห้อง เสริมสุขชี้จุดแข็งของ กลุ่มห้าเสือว่าอยู่ที่นายหัวคึกกับแม่เลี้ยงรัญญาที่มีธุรกิจร่วมกัน เพราะถ้าน้ำแข็งมีรอยร้าวเมื่อไร เรื่องทำให้แตกก็ไม่ยาก

ขณะนั้น อภิวัฒน์ถามว่าแผนของเขาคืออะไร สมสุขชี้จุดอ่อนของนายหัวคึกว่าเป็นคนเห็นแก่เงิน เราก็ต้องทำให้มันแตกกันเรื่องเงิน เพราะทั้งสองคนนี้ทำธุรกิจร่วมกันอยู่

“ธุรกิจอะไร” ภูวนัยสนใจจี๋

“ค้ามนุษย์!”

และวันนี้ ภูวนัยก็ได้มาเห็นแหล่งค้ามนุษย์ของทั้งสองแล้ว! ภูวนัยสะกดรอยทั้งสองที่กำลังขึ้นไปคุยธุรกิจกันที่ห้องวีไอพี

ส่วนไผ่พญา กระดังงา และขิง ที่ชัยพามาที่ห้องพักเตรียมตัวเข้าทำงาน ชัยบอกทั้งสามที่เปลี่ยนชุดแล้วว่า วันนี้นายหัวมา จะพาไปไหว้นายหัวก่อนเริ่มงาน แล้วเดินนำทั้งสามไปรายงานตัวกับนายหัวที่ห้องโถงกลาง

ระหว่างนั้นเอง ภูวนัยซึ่งดักซุ่มอยู่ เห็นทั้งสามก็ถึงกับผงะ เขายังเห็นนายหัวหยิบแบงก์พันให้ไผ่สามใบบอกว่า

“รับไป...แล้วตั้งใจทำงานล่ะ...ไปได้แล้ว”

ชัยนำทั้งสามเดินแยกไป ก็พอดีลูกน้องของนายหัวมารายงานว่าเคลียร์ห้องเรียบร้อยแล้ว นายหัวกับแม่เลี้ยงจึงแยกไปอีกทาง ภูวนัยละล้าละลังไม่รู้จะตามใครไปดี ในที่สุดตัดสินใจตามนายหัวกับแม่เลี้ยงไป

เมื่อรายงานตัวกับนายหัวแล้วถือว่าทั้งไผ่ กระดังงา และขิง เป็นพนักงานเสิร์ฟของอาบอบนวดเต็มตัวแล้ว ไม่นานชัยก็มาบอกไผ่ว่า

“เดี๋ยวเอาอาหารเครื่องดื่มไปให้นายหัวแกหน่อย ท่าทางนายหัวจะชอบแกว่ะ รีบๆล่ะ”

“ทำไมต้องเป็นฉันวะ” ไผ่ชักเสียว ขิงเลยอาสาไปแทน เผื่อจะได้ทิปจากนายหัวบ้าง ไผ่เลยรอดตัวไป

ooooooo

ภูวนัยตามไปจนถึงชั้นที่นายหัวกับแม่เลี้ยงเข้าห้องวีไอพีไป บริเวณนั้นมีลูกน้องนายหัวสองคนเฝ้าอยู่อย่างเข้มงวดห้ามใครผ่านเด็ดขาด ภูวนัยแอบไปจัดการทั้งสองแล้วลากตัวไปซ่อนหลังประตูหนีไฟ

พอดีขิงยกถาดเครื่องดื่มออกจากลิฟต์ ภูวนัยพรวดเข้าประชิดจับตัวไว้ทันที ขิงแทบช็อก ถามแทบไม่เป็นภาษา

“คุณภู! เอ่อ...คุณภูมาทำอะไรที่นี่ครับ”

“ผมต้องถามครูมากกว่า คนเป็นครูอย่างนายมาทำอะไรที่นี่”

ขิงกะล่อนเอาตัวรอดว่า หลังจากภูวนัยมีข่าวพัวพันเรื่องยาเสพติด ทางโรงเรียนต้นสังกัดของตนสองคนสงสัยว่าพวกตนจะมีส่วนร่วมด้วยเลยไล่ออก ส่วนเรื่องขโมยเงินของเผ่าพงศ์ไปนั้น ขิงถึงกับคุกเข่าสารภาพผิดว่า

“ผมขอโทษ...ผมผิดแล้ว ตอนนั้นผมสิ้นคิด ยกโทษให้ผมนะครับ”

ภูวนัยประคองขิงลุกขึ้น จังหวะนั้นเขาแอบติดเครื่องดักฟังไว้ใต้ถาดเครื่องดื่ม เขาทำเป็นปลอบใจขิงและให้อภัยบอกว่าเรื่องแล้วไปแล้วก็ให้แล้วกันไป ขิงดีใจมากรีบขอบคุณแล้วขออนุญาตเอาถาดเครื่องดื่มไปเสิร์ฟนายหัวในห้อง แต่เดินไปไม่กี่ก้าว นึกอะไรได้หันมาจะถามภูวนัยก็หายไปแล้ว ขิงจึงรีบเดินไปที่ห้องวีไอพี

ที่แท้ ภูวนัยหลบไปหลังบันไดหนีไฟ เปิดเครื่องดักฟัง เตรียมพร้อมทำงานแล้ว

ooooooo

ภายในห้องวีไอพี นายหัวกับแม่เลี้ยงวางใจว่าให้ลูกน้องเคลียร์อย่างละเอียดแล้วจึงเข้าไปคุยกันอย่างไร้กังวล

นายหัวยื่นกระเป๋าใบหนึ่งให้แม่เลี้ยงบอกว่านี่คือของลอตที่แล้ว แม่เลี้ยงรับไปเปิดดูเห็นเงินอัดแน่นอยู่ในกระเป๋าจึงส่งต่อให้ลูกน้องที่ยืนอยู่ข้างหลังสั่งให้เอาไปเก็บในรถแล้วรออยู่ข้างล่างเลย นายหัวเลยสั่งลูกน้องตัวเองให้ออกไปได้แล้ว มีอะไรจะเรียกเอง

อ่านละคร คุณชายเลี้ยงหมู คุณหนูเลี้ยงแกะ ตอนที่ 9 วันที่ 6 พ.ค. 56

คุณชายเลี้ยงหมู คุณหนูเลี้ยงแกะโดย บทประพันธ์ เล่าเต็ง
คุณชายเลี้ยงหมู คุณหนูเลี้ยงแกะ บทละคร โดย อภิวัฒน์ เล่าสกุล
คุณชายเลี้ยงหมู คุณหนูเลี้ยงแกะผลิตโดย : บริษัท กำกับการดี จำกัด
คุณชายเลี้ยงหมู คุณหนูเลี้ยงแกะนำแสดงโดย : ศิวัฒน์ โชติชัยชรินทร์ - ไปรยา สวนดอกไม้
ติดตามชมคุณชายเลี้ยงหมู คุณหนูเลี้ยงแกะได้ทางช่อง 7 สีทีวีเพื่อคุณ
ที่มา ไทยรัฐ