คุณชายเลี้ยงหมู คุณหนูเลี้ยงแกะ ตอนที่ 8 วันที่ 2 พ.ค. 56


อ่านละคร คุณชายเลี้ยงหมู คุณหนูเลี้ยงแกะ ตอนที่ 8 วันที่ 2 พ.ค. 56

ตำรวจนอกเครื่องแบบทั้งสอง พาภูวนัยกับไผ่ไปที่เซฟเฮาส์แห่งหนึ่ง ขณะทั้งสองกำลังสังเกตสภาพรอบตัวอย่างระแวดระวังนั่นเอง ก็มีเสียงทักขึ้น

“หมวดภูวนัย”

ภูวนัยหันขวับไป เขามองอึ้งพยายามจะทำความเคารพ “สวัสดีครับ” ไผ่ตกใจเลยยกมือไหว้สวัสดีด้วย

“หมวดรู้จักผมเหรอ” ชายคนนั้นถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน

“ท่านคือพลตำรวจเอกอภิวัฒน์ ผู้บัญชาการสอบสวนกลางครับ ในอดีตท่านเป็นผู้การจังหวัดมาหลายจังหวัด ผลงานที่โดดเด่นของท่านคือการปราบปรามผู้มีอิทธิพล” ภูวนัยพูดอย่างรู้จริง


“ไม่เสียแรงที่ผมเลือกคุณ” อภิวัฒน์พูดอย่างพอใจ เห็นสายตาภูวนัยเต็มไปด้วยคำถาม อภิวัฒน์บอกว่า “เรื่องนี้เราคงต้องคุยกันยาว”

ooooooo

ภูวนัยเข้าไปนั่งคุยกับอภิวัฒน์ในห้องทำงานของเขา อภิวัฒน์ขอโทษทำให้เขาเข้าใจลูกน้องตนผิด ซึ่งภูวนัยไม่ติดใจแล้วเพราะใจจดจ่อกับเรื่องที่อภิวัฒน์บอกว่า “ไม่เสียแรงที่ผมเลือกคุณ” ถามว่าเรื่องอะไรหรือ

อภิวัฒน์ไม่ตอบ แต่ลุกเดินไปดูเครื่องแบบตำรวจที่แขวนกับผนัง ข้างๆมีโล่รางวัลต่างๆมากมาย แล้วจึงเอ่ย...

“แต่ก่อน ประชาชนพูดถึงเราว่า ตำรวจจับโจร เดี๋ยวนี้หมวดรู้ไหมว่าประชาชนเขาพูดถึงเรายังไง เขาบอกว่า เราน่ะเลี้ยงโจร หมวดรู้สึกยังไง”

“แล้วท่านถามผมทำไมครับ”

“เพราะเพื่อนรักที่สุดของหมวดก็เป็นหนึ่งในสิ่งที่ผมพูดไม่ใช่เหรอ” เห็นภูวนัยนิ่งไป อภิวัฒน์พูดต่ออย่างครุ่นคิดว่า

“ทุกองค์กรย่อมมีคนดีและไม่ดี แต่องค์กรของเรา ขึ้นชื่อว่าเป็นผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ ย่อมหมายความว่า ตำรวจต้องเป็นคนดี เพราะไม่อย่างนั้นแล้ว ประชาชนจะพึ่งใคร”

อภิวัฒน์เดินมาดูป้ายชื่อของตัวเองที่ตั้งอยู่บนโต๊ะ พลิกอีกด้านให้ภูวนัยดู

“ผมได้รับมอบหมายจากเบื้องบน...ให้จัดตั้งองค์กรพิเศษขึ้นมาเพื่อจัดการกับตำรวจไม่ดีพวกนั้น”

“ถ้าถึงขนาดที่ท่านต้องตั้งองค์กรพิเศษขึ้นมา แสดงว่า ตำรวจไม่ดีพวกนั้นคงมีอยู่ไม่น้อย”

“นอกจากไม่น้อยแล้ว...ยศและตำแหน่งก็ไม่น้อยเหมือนกัน แล้วคุณคิดว่าที่หมวดชาติกล้ายิงคุณอย่างนี้ เขาจะกล้าทำโดยไม่มีแบ็กหรือไง วศินเป็นแบ็กให้หมวดชาติกล้า หรือจะพูดอีกอย่างก็คือ หมวดชาติกล้าทำงานให้กับวศิน” เห็นภูวนัยอึ้ง อภิวัฒน์บอกอีกว่า “แม้กระทั่งผู้กำกับมารุตที่คุณทำงานให้ก็เป็นหนึ่งในนั้น”

“อะไรนะครับ!” ภูวนัยแทบช็อก

“ที่จริงแล้ว ผมขอตัวคุณมาทำงานให้ผมตั้งนานแล้ว แต่มารุตเขาเห็นว่าคุณหน่วยก้านใช้ได้ ก็เลยใช้คุณไปต่อกรกับวศิน เพราะทั้งสองคนนี้เขามีผลประโยชน์ทับซ้อนกันอยู่”

ภูวนัยถามว่าแล้วทำไมไม่แจ้งคณะกรรมการ อภิวัฒน์ย้อนถามว่า

“แล้วหมวดรู้หรือว่าคณะกรรมการที่มีอยู่ไม่ใช่คนของพวกนั้น? นอกจากพวกนั้นจะสร้างอำนาจในองค์กรตำรวจแล้ว พวกมันยังแผ่อิทธิพลไปยังสื่อ ตอนที่พวกนั้นสร้างข่าวใส่ร้ายหมวดว่าเป็นสายให้พวกค้ายา ผมเองก็พยายามล้างมลทินให้หมวด ผมส่งข้อมูลตำรวจไม่ดีพวกนี้ให้กับสื่อต่างๆไม่ว่าจะทีวีหรือหนังสือพิมพ์ แล้วเกิดอะไรขึ้นรู้ไหม...ไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย!”

“แล้วท่านได้ข้อมูลพวกนั้นมายังไงครับ”

“จากคนที่หมวดคิดไม่ถึงก็แล้วกัน แต่ตอนนี้ผมยังบอกไม่ได้ว่าเขาเป็นใคร และที่สำคัญ ถึงเราจะมีข้อมูลพวกนั้น แต่ถ้าเราไม่มีหลักฐาน เราก็ทำอะไรไม่ได้” พูดแล้วประสานสายตาภูวนัยพูดอย่างจริงจัง “ผมอยากให้หมวดทำงานนี้”

ภูวนัยนิ่งไป เมื่อรู้ความจริงที่ร้ายแรงและซับซ้อนนี้...

ooooooo

พายัพโมโหลูกน้องที่ไปเอาตัวไผ่มาไม่ได้ กำลังจะเก็บคนที่ทำงานให้ตนไม่สำเร็จ ก็ได้ยินลูกน้องคนนั้นบอกว่าตนจับไผ่ได้แล้วจริงๆถ้าไม่มีตำรวจนั่นมาช่วย ตนเอาตัวมาให้ได้แล้ว

พอรู้ว่ามีตำรวจมาช่วยไผ่ไว้ พายัพให้ชาติกล้าสืบว่าตำรวจพวกนั้นเป็นใคร จนเมื่อนัดพบกันที่ดาดฟ้าตึกร้าง จึงรู้ว่าเป็นตำรวจจากกองปราบ พายัพถามว่ากองปราบมาเกี่ยวอะไรด้วย แล้วแน่ใจหรือว่าภูวนัยไม่มีพรรคพวกที่ไหนอีก

“แกก็รู้ว่าวงการนี้ไม่มีอะไรที่มันแน่นอน แต่เท่าที่ฉันอยู่กับมันมา ฉันคิดว่าไม่มี” ชาติกล้ายืนยัน พายัพถามอีกว่าจะให้ตนจัดการให้ไหม “ไม่ต้อง แกยุ่งเรื่องที่แกต้องทำเถอะ ฉันจัดการได้”

ก่อนชาติกล้าจะกลับ เขาหันมาย้ำกับพายัพว่า “พักนี้เราเจอกันบ่อยเกินไป ถ้าไม่จำเป็นก็อย่าติดต่อมา”

“คงไม่ได้ว่ะ...ถ้าขืนฉันหายไปเลย เดี๋ยวแกจะลืมว่าตัวแกเป็นสีดำ ไม่ใช่สีกากี!”

ชาติกล้ามองหน้าไม่ตอบโต้อะไร ขณะเขาเดินจากไปนั้น พายัพหรี่ตามองตามอย่างเป็นต่อ...ร้ายกาจ!

ooooooo

อภิวัฒน์บอกภูวนัยในวันที่นั่งคุยกันว่า พวกนั้นคงตามหาเขาแทบพลิกแผ่นดินแล้ว จึงมอบปืนไว้ให้ดูแลตัวเอง

วันนี้...ภูวนัยกำปืนกระบอกนั้นแน่น มองปืนคำรามในคอ “ไอ้ชาติ!”

แม้บาดแผลจะยังไม่หายดี แต่ภูวนัยก็ไปที่คอนโดชาติกล้า ขึ้นไปจนถึงห้องพัก เจอแม่บ้านทำความสะอาดอยู่แถวนั้นบอกว่าชาติกล้าเพิ่งออกไปเมื่อครู่นี้เอง ภูวนัยรีบย้อนกลับไปที่ลิฟต์ แต่ไม่ทันประตูลิฟต์ปิดเสียก่อนเขาจึงวิ่งลงทางบันไดหนีไฟ ดักรอจนเห็นชาติกล้าขับรถออกไป ภูวนัยหาทางตามไปทันที

ชาติกล้าไปไหว้โกศกระดูกพ่อเขาซึ่งเป็นตำรวจ เขามองรูปพ่อ พูดเหมือนระบายความคับแค้นให้ฟังว่า

“ถ้าพ่อยังอยู่ ผมอยากจะถามพ่อสักคำ ว่าการเป็นตำรวจดีมันให้อะไรกับพ่อ...แม้แต่วันนี้...วันที่พ่อตายเพื่อคนอื่น ก็ไม่มีใครจำได้...” ชาติกล้าหยิบธูปมาจุด ก่อนปักลงกระถางเขาพูดกับรูปพ่ออีกว่า “ผมรู้ว่าผมเป็นตำรวจที่ไม่ดี แต่ผมมีเงินทอง มีทุกอย่างที่ผมต้องการ”

“แต่แกไม่มีเกียรติของตำรวจ!” เสียงภูวนัยแทรกเข้ามา ชาติกล้าผงะหันเห็นภูวนัยถือปืนเดินเข้าหาพลางถาม “ชาติ! แกมาเป็นตำรวจเพราะอย่างนี้เหรอ...ฉันเคยคิดว่าแกเป็นเพื่อนรักที่จะไม่ทรยศหักหลังฉัน แต่แกกลับเลือกเงินสกปรกพวกนั้น มากกว่าความเป็นเพื่อน มากกว่าความถูกต้อง”

“แล้วฉันผิดตรงไหน...ใครๆ เขาก็ทำกัน แกต่างหากไอ้ภู ฉันเคยบอกให้แกหลับตาข้างนึง ทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นบ้าง แต่แกกลับทำตัวขวางทาง ขวางโลก แกคิดว่าฉันไม่เสียใจรึไงที่ยิงแก ภู...เรามาร่วมมือกันอีกครั้งเถอะ แกก็รู้ว่าถ้าเราจับมือกัน ก็ไม่มีใครที่จะหยุดเราได้”

“แม้กระทั่งท่านวศินด้วยเหรอ...ส่งปืนมา” ภูวนัยสั่ง ชาติกล้าเอาปืนวางแล้วเตะไปทางภูวนัย ถามว่าเริ่มหูตาสว่างแล้วใช่ไหม แล้วเขายังรู้อะไรอีก ภูวนัยพูดอย่างแค้นใจว่า “ทุกคนหลอกใช้ฉัน...แม้แต่ผู้กำกับ”

“ถ้าอย่างนั้นแกก็คงจะรู้เรื่องเหมือนฝันแล้วสิ”

ภูวนัยชะงักกึก ชาติกล้าถามว่าไม่รู้หรือว่าเหมือนฝันเกี่ยวข้องกับพวกค้ายาเสพติด ภูวนัยตะโกนไปอย่างรับไม่ได้ว่า “โกหก!” ชาติกล้ายิ้มเย้ยถามว่า

“ฉันจะโกหกแกทำไม แกจำวันที่แกโดนยิงได้ไหม แกเข้าใจมาตลอดว่าแกคือเป้าหมาย แต่แกไม่รู้หรอกว่าเป้าหมายจริงๆ ก็คือเหมือนฝันต่างหาก”

ภูวนัยยืนช็อก ชาติกล้าฉวยโอกาสนั้นคว้ากระถางธูปปาใส่เขาแล้ววิ่งหนีไป ภูวนัยไล่ตามจนชาติกล้าไปจนมุมที่ริมนํ้า จึงหันมาหว่านล้อมกระทั่งถามว่า ไม่คิดหรือว่าคราวก่อนที่เขารอดเพราะตนต้องการให้รอด แต่นาทีนี้ภูวนัยไม่เชื่อแล้ว เผชิญหน้าชาติกล้าจ่อปืนพร้อมยิง

ระหว่างนั้น ชาติกล้าเห็นสายตรวจที่ข้างหลังภูวนัยก็ท้าให้ยิงจะได้เชื่อสิ่งที่ตนพูด พลางเดินเอาอกไปจ่อปืน

“วางปืนลงเดี๋ยวนี้” เสียงสายตรวจสั่งเดินเอาปืนจ่อเข้ามา พริบตานั้น ชาติกล้าปัดปืนภูวนัยออกและต่อยท้องภูวนัยที่บาดเจ็บอยู่จนทรุด แล้วตะโกนบอกสายตรวจว่า

“ผมเป็นหัวหน้าหน่วย ป.ป.ส.ผู้ชายคนนั้นเป็นคนร้ายหลบหนี”

ภูวนัยกัดฟันลุกขึ้นไปหยิบปืนแล้ววิ่งหนีไป สายตรวจวิ่งตาม ในขณะที่ชาติกล้าฟึดฟัดเจ็บใจที่เกือบเสียท่าภูวนัย

ooooooo

ที่บ้านเช่าของไผ่ ลำไยหิ้วกระเป๋าเสื้อผ้าออกจากบ้าน พอดีไผ่กลับมาเจอ ถามแม่ว่าใจคอจะทิ้งตนไปหรือ อ้อนวอนแม่อย่าทิ้งตนไปเลยเพราะตอนนี้ตนไม่รู้จะให้ใครช่วยจริงๆ

ลำไยถามไผ่ว่าชอบภูวนัยหรือ เตือนว่า “แกกับเขาน่ะ รักกันไม่ได้หรอก เขาเป็นตำรวจ แล้วแกล่ะเป็นอะไร”

“พอได้แล้วแม่ ฉันบอกว่าฉันไม่ได้ชอบก็ไม่ได้ชอบสิ” พลางไผ่เปิดประตูออกไปเพราะไม่รู้ว่าภูวนัยหายไปไหน เดินไปเจอภูวนัยกำลังเดินกลับมา ถามว่าไปไหนมาเขาบอกว่าไปเดินเล่นแถวนี้ ไผ่มองๆบ่นอย่างหมั่นไส้ “รู้งี้ไม่ห่วงเลย ไปฉันซื้อกับข้าวมาให้ที่บ้านแล้ว”

ระหว่างเดินกลับบ้าน ไผ่กำชับว่า ถ้าแม่ถามว่าเมื่อวานเรารอดจากมือพวกนั้นมาได้ยังไงก็ให้บอกว่า “นายมีพลังวิเศษแล้วกัน” พูดแล้วไม่มีเสียงตอบ พอหันมองจึงเห็นว่าภูวนัยหมดสติลงไปนอนกองกับพื้นแล้ว

เมื่อช่วยกันพาภูวนัยกลับมาที่บ้านเช่า ได้ยินเขาเพ้อ “ไอ้ชาติ!” ลำไยถามว่าเขาพูดอะไร

“แม่รู้ไหมว่า คุณภูเขาโดนเพื่อนที่เขารักที่สุดหักหลัง...แล้วคนที่ทำให้เขาต้องเป็นอย่างนี้ก็คือเพื่อนของเขาเอง”

ไผ่ดูแลภูวนัยด้วยความเป็นห่วง ในขณะที่ลำไยก็ดูไผ่อย่างเชื่อสายตาตัวเองว่า ไผ่ชอบภูวนัย

เมื่อภูวนัยรู้สึกตัวขึ้นมา เขาถามว่าตนมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร ไผ่ถามว่าเขาไปไหนมา ภูวนัยพูดคำเดิมว่า ไปเดินเล่นมา ไผ่ไม่เชื่อถามประชดว่าเดินเล่นประสาอะไรแผลถึงได้ปริอย่างนี้ คาดคั้นว่า “นายไปหาเพื่อนนายมาใช่ไหม”

“ใช่! มันทำผมขนาดนี้ แล้วคุณคิดจะให้ผมอยู่เฉยๆ ไม่ทำอะไรเลยรึไง”

“ฉันเพิ่งรู้ว่านายอยากตาย ทีหลังฉันจะได้ไม่ต้องช่วยนายไว้อีก” ไผ่พูดประชดแล้วลุกไปงอนๆ

ภูวนัยได้แต่แน่นิ่ง ทั้งเซ็ง ทั้งเครียด

ooooooo

ชาติกล้าไปหาวศินที่บ้านถามว่าต้องการพบห้าเสือเรื่องอะไร วศินบอกว่าตนจะไปลงทุนอะไรนิดๆ หน่อยๆ แถวประเทศเพื่อนบ้าน ให้ไปบอกพวกห้าเสือว่าเดือนนี้ตนขอเพิ่มอีกยี่สิบเปอร์เซ็นต์

แม้ชาติกล้าจะอึดอัดใจที่เพิ่งเรียกเพิ่มไปเมื่อต้นปี แต่เมื่อวศินตวาดว่าเขาเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาพูดได้คำเดียวเท่านั้น ชาติกล้าจึงรับคำ “ครับ” วศินถามว่าได้ข่าวว่าไปเจอเพื่อนเก่ามาหรือ ชาติกล้ารับว่าใช่ แต่ท่านไม่ต้องห่วงตนจัดการเองได้

“ตอนนี้มันเหมือนเสือลำบากที่หายเข้าไปในป่า ถ้าลื้ออยากฆ่ามัน ลื้อก็ต้องทำให้มันโผล่หางออกมา”

ดังนั้น วันต่อมา ชาติกล้าจึงไปที่ฟาร์มสุข ยื่นกระดาษแผ่นหนึ่งให้ม่านหมอกกับพรรษา ทั้งสองรับไปอ่านแล้วอึ้ง

“อายัดทรัพย์!!!” พรรษาหน้าซีดเผือด

“ครับ...ฟาร์มนี้และทรัพย์สินทั้งหมดที่อยู่ในฟาร์ม ผลตรวจสอบแล้วคือชื่อของภู...ตามกฎหมายแล้ว ผมจะต้องอายัดทรัพย์ทุกอย่างที่เป็นของภูวนัย” ม่านหมอกครางออกมาว่าทำไมต้องทำถึงขนาดนี้ด้วย ชาติกล้าพูดอย่างเห็นใจว่า“หมอก...น้าขอโทษ แต่น้าต้องทำตามกฎหมาย”

อภิวัฒน์นำข่าวนี้ไปบอกภูวนัยที่บ้านเช่า ไผ่ถามว่าทำไมต้องทำกันถึงขนาดนี้ อภิวัฒน์บอกว่าเพราะเขาต้องการให้ภูวนัยกลับไปที่บ้าน ภูวนัยลุกพรวดเดินออกไปทันที ไผ่ตามมาถามว่า “นายจะไปไหน”

“ในเมื่อมันอยากเจอผม ผมก็จะไปเจอมัน!”

“ตอนนี้หมวดชาติกล้าคงวางกำลังไว้ที่ฟาร์มของหมวดแล้ว ขืนหมวดกลับไป คงรู้นะว่าหมวดอาจจะไม่โชคดีรอดมาได้เหมือนครั้งก่อน” อภิวัฒน์เตือนสติ ไผ่พญาก็ขอให้เขาใจเย็นๆ เพราะไปตอนนี้ก็เท่ากับไปตายเท่านั้น

“โธ่เว้ย!” ภูวนัยสบถออกมา กำหมัดแน่น แค้นใจที่ทำอะไรไม่ได้เลย

ooooooo

ทุกคนที่ฟาร์มสุขกำลังทุกข์หนักเพราะชาติกล้ายื่นขาดให้ทุกคนออกจากฟาร์ม ไปภายในวันพรุ่งนี้ คิดหนักว่าจะไปอยู่ไหน เผ่าพงศ์ไปค้นเงินที่เก็บไว้ในลิ้นชักปรากฏว่าหายหมดแล้วพร้อมกับขิงและกระดังงาก็หายเข้ากลีบเมฆไปทั้งคู่

เสกสรรฉวยโอกาสนี้จะชิงพรรษาจากเผ่าพงศ์ไปอยู่กับตนและพรรณรายเองก็ต้องการเกี่ยวภูวนัยไว้ ทั้งสองจึงให้คนไปรับทุกคนจากฟาร์มสุขมาอยู่ที่รีสอร์ต

เสกสรรจัดห้องให้คนอื่นๆไปอยู่ต่างหาก ส่วนพรรษาให้มาอยู่ห้องเดียวกับตน หมายตัดหน้าเผ่าพงศ์ให้หายแค้น

แม้พรรณรายจะรับม่านเมฆกับม่านหมอกมาอยู่ที่รีสอร์ต แต่ก็วางมาดข่ม ปรามทั้งสองว่า ถ้าภูวนัยไม่ขอร้องก็อย่าหวังว่าจะได้มาเหยียบที่นี่

“คุณได้คุยกับอาภูหรอ” ม่านเมฆถาม พรรณรายพยักหน้าเชิดๆ ม่านเมฆถามอีกว่า “แล้วตอนนี้เขาอยู่ไหน”

“ฉันอยากบอกนะ แต่ว่า...มันเป็นความลับของฉันกับภู...พักให้สบายนะ” พูดแล้วเดินเชิิดออกไป

ooooooo

อ่านละคร คุณชายเลี้ยงหมู คุณหนูเลี้ยงแกะ ตอนที่ 8 วันที่ 2 พ.ค. 56

คุณชายเลี้ยงหมู คุณหนูเลี้ยงแกะโดย บทประพันธ์ เล่าเต็ง
คุณชายเลี้ยงหมู คุณหนูเลี้ยงแกะ บทละคร โดย อภิวัฒน์ เล่าสกุล
คุณชายเลี้ยงหมู คุณหนูเลี้ยงแกะผลิตโดย : บริษัท กำกับการดี จำกัด
คุณชายเลี้ยงหมู คุณหนูเลี้ยงแกะนำแสดงโดย : ศิวัฒน์ โชติชัยชรินทร์ - ไปรยา สวนดอกไม้
ติดตามชมคุณชายเลี้ยงหมู คุณหนูเลี้ยงแกะได้ทางช่อง 7 สีทีวีเพื่อคุณ
ที่มา ไทยรัฐ