อ่านละคร อาญารัก ตอนที่ 22/2 วันที่ 24 พ.ค. 56
เทิดศักดิ์หันไปมองหาแม่ แต่ไม่เห็น สนหายไปแล้ว เทิดศักดิ์ยืนนิ่ง“สองคนนี่กลับไปเรียนคุณพ่อว่า ชั้นกำลังจะตามไป”
เทิดศักดิ์ผลุนผลันขึ้นเรือนไปทันที กบกะแมวหันกลับไปทางเรือนทองจันทร์
สนมองหน้าลูก เทิดศักดิ์มองหน้าแม่
“คุณแม่ไปไหนมาครับ”
“ลงไปนั่งที่ท่าน้ำมาน่ะ”
“ไม่กลัวผีแล้วหรือครับ”
“เลิกกลัวแล้ว ผีก็แค่ เรื่องเล่าสู่กันฟัง”
“ทำไมขาคุณแม่เขยกครับ”
“แม่เดินผิดท่าเลยล้ม แล้วขาแพลงน่ะ”
เทิดศักดิ์ฉวยมือสนมาดู “มือคุณแม่เปื้อนเลือด”
“เอ้อ...เลือด ปลาที่แม่ทำกับข้าวน่ะลูก” สนแถไปเรื่อย
“คุณแม่ไม่ได้ยินที่กบกับแมวบอกว่าคุณย่าโดนฆ่าตายหรือครับ”
“ถ้าเช่นนั้น เรารีบไปกันครับ”
เทิดศักดิ์ไม่สนใจว่าแม่จะตอบว่ากระไร ดึงแขนแม่ลงเรือนไปทันที
บนเรือนทองจันทร์เต็มไปด้วยความเศร้าโศก
เนียนนั่งร้องไห้มีลูกสาวฝาแฝดประกบซ้ายขวา คอยกอดปลอบ ขุนภักดีนั่งสงบตาแดงก่ำน้ำตาตกใน มีเรียมนั่งร้องไห้เงียบๆ ข้างๆ จับมือท่านขุนไว้ปลอบประโลม กบและแมวนั่งร้องไห้กระซิกๆ
เทิดศักดิ์ แดงน้อย และหมู่เติมกำลังตรวจสถานที่เกิดเหตุและหาหลักฐานเพิ่มเติม สีหน้าเคร่งเครียดมาก
ศพของทองจันทร์มีผ้าแพรคลุมร่างไว้ สนนั่งอยู่ตามลำพัง นั่งนิ่งใจเย็นมากๆ ตลอดเวลาเทิดศักดิ์มักปรายตาหันมามองทางแม่บ่อยๆ
สักครู่หนึ่งเทิดศักดิ์เดินไปกระซิบบางอย่างกับขุนภักดี
ครู่ต่อมาขุนภักดีตามเทิดศักดิ์ออกมาตรงมุมหนึ่งหน้าเรือนแล้วจึงสอบถาม
“เทิดศักดิ์มีอะไรสำคัญจะพูดกับพ่อรึ”
“ครับ คุณแม่ทราบว่าคุณย่ากำความลับเรื่องผมเอาไว้”
“เราไม่ควรพูดเรื่องนี้กันในคืนนี้”
“เราต้องพูดเรื่องนี้กันในคืนนี้ เพราะเรื่องที่เกิดขึ้น ทุกคนต้องตายเพราะกำความลับของผม ผมจะไม่ยอมให้ใครตายอีกไม่ได้”
ท่านขุนอึ้ง “ทำไมเทิดศักดิ์จึงคิดว่าคุณย่ากำความลับของลูกไว้”
“คุณย่าเคยแย้มพรายกับผม ท่านหงุดหงิดมากใส่ทั้งผมและคุณแม่ หลายครั้ง เพราะท่านโกรธอะไรคุณแม่บางอย่าง”
“คุณย่าไม่เคยบอกพ่อ ว่าท่านกำความลับของเทิดศักดิ์ไว้”
“แต่ผมมั่นใจว่าคุณพ่อทราบแล้ว แม้คุณย่าไม่ได้บอก วันนี้ทุกคนรู้เรื่องราวของตนเองหมดสิ้น ยกเว้นผม”
“เพราะลูกไม่มีความลับ”
เทิดศักดิ์ลงนั่งคุกเข่าตรงหน้าท่านขุน แล้วก้มลงกราบ
“คุณพ่ออย่าทรมานผมมากกว่านี้อีกเลยครับ ทุกวันนี้ผมกินไม่ได้นอนไม่หลับ ผมรู้ว่ามีบางอย่างที่ผมไม่รู้ และอาจน่ากลัวมากขึ้นไปเรื่อยๆ คุณพ่อรักผม สงสารผมบ้างไหมครับ”
“รักมากที่สุด ไม่ได้รักน้อยไปกว่าลูกคนไหนๆ เลย”
“โปรดบอกผม บอกผมสิครับ” เทิดศักดิ์ขอร้อง
ท่านขุน เอามือมาวางบนหัวเทิดศักดิ์ “เทิดศักดิ์ไม่ใช่ลูกของพ่อ”
เทิดศักดิ์สะดุ้งทั้งตัว เงยหน้ามองขุนภักดี
“นี่แหละครับ ที่ผมต้องรู้”
“ถึงอย่างไรพ่อก็ยังรักลูกเสมอ ไม่มีอะไรมาเปลี่ยนใจพ่อได้”
“พ่อผมคือใคร”
“เสือหนัก” ขุนภักดีบอก
เทิดศักดิ์สะดุ้งอีกตลบ น้ำตาเริ่มไหลริน
“ทำไม ทำไม...มิน่า เขาถึงไม่ฆ่าผม แถมช่วยเหลือผม”
“เสือหนักคือพี่ชายของน้าเนียน เทิดศักดิ์คือลูกผู้พี่ของแดงน้อย หนูอี๊ด หนูติ๋ว”
เทิดศักดิ์ยืนนิ่ง
“คุณแม่ทราบเรื่องนี้มาตลอด เพราะคุณแม่พูดแดกดันน้าเนียนตลอดเวลา”
“พ่อไม่อยากบอกเรื่องนี้กับลูกตอนนี้ เพราะว่าความจริง บางครั้งมันช่างเจ็บปวด”
“แต่ก็ยังดีกว่าที่ไม่รู้ความจริง ผมรู้ตอนไหนมันก็เจ็บปวดเท่ากันครับ”
“พ่อเสียใจนะ ที่เทิดศักดิ์ต้องตามจับพ่อตัวเองทั้งที่รู้ความจริงแล้ว”
“ครับ ความจริงของผม มันเจ็บปวดมากเกินกว่าที่ใครคิด ทั้งเจ็บปวดทั้งโหดร้าย เหลือเกินครับ”
“ลูกจะไปไหน”
“ไปจับคนร้าย ฆ่าคุณย่าและทุกคนครับท่านขุน”
เทิดศักดิ์เปลี่ยนสรรพนามที่เคยเรียกขาน
พอได้ฟังขุนภักดีใจหายวับ ปราดไปหาเทิดศักดิ์ ดึงบ่ามาโอบไว้ส่ายหน้าห้าม
“ถ้ายังรักยังเคารพพ่อคนนี้ โปรดอย่าทำร้ายจิตใจของพ่อ ด้วยการเรียกพ่อว่าท่านขุน ทุกอย่างของเราเหมือนเดิม ไม่มีสิ่งใดมาขวางกั้นไม่ให้พ่อหยุดรักหยุดเมตตาลูก นอกเสียจากว่าลูกไม่รักพ่อคนนี้แล้ว”
เทิดศักดิ์ก้มลงกราบแทบเท้าขุนภักดี
“เช่นเดียวกันครับ ไม่มีสิ่งใดมาขวางกั้นไม่ให้ผมรักเคารพเทิดทูนคุณพ่อได้ เพียงแค่ผมละอายแก่ใจ กระดากใจครับ”
ขุนภักดีดึงตัวเทิดศักดิ์ขึ้นมายื่นสองมือออกไปหา
“สองมือของพ่อเคยโอบอุ้มลูกไว้ตั้งแต่วันที่ลูกเกิด สองมือของพ่อที่พร้อมจะตายแทนลูกตั้งแต่วันนั้น มันยังมั่นคงในหัวใจของพ่อจนถึงบัดนี้ เทิดศักดิ์พ่อรักลูกนะ”
เทิดศักดิ์โผเข้าสู่อ้อมกอดของท่านขุน น้ำตาไหลรินอาบแก้ม ขุนภักดีน้ำตาซึม
สักครู่หนึ่ง เทิดศักดิ์ผละออกมาหันตัวเดินจากไป ท่านขุนมองตามถอนใจสงสารลูกมาก
ดวงอาทิตย์เริ่มสาดแสงสีทองยามอรุณรุ่ง เทิดศักดิ์เดินตรงมาที่เรือนสน เดินขึ้นเรือนในสภาพน้ำตายังไหลอาบสองแก้ม
สนนั่งนิ่งบนเรือน ใจเต้นไม่เป็นส่ำ เห็นเทิดศักดิ์เดินน้ำตาไหลกลับมา
“ลูกยังร้องไห้เสียใจที่คุณย่าตายอยู่อีกรึ”
“ผมเสียใจเรื่องคุณย่านั่นก็ใช่ แต่ผมมีเรื่องเสียใจและเจ็บปวดมากที่สุดในชีวิตอีกเรื่องครับ”
สนฉงน “เรื่องอะไรรึ”
“ผมไม่ใช่ลูกคุณพ่อ”
สนตกตะลึงตาโต
“นึกแล้ว ว่าอีแก่นั่นมันต้องบอกลูก”
“อย่าประณามคุณย่า คุณย่าไม่เคยบอกอะไรผม แต่ความตายของทุกคนจนกระทั่งมาถึงคุณย่า บอกผมให้ผมปะติดปะต่อว่า ทำไมทุกคนจึงต้องตาย”
“ลูกพูดอะไร”
“คุณแม่รู้ว่าผมพูดอะไร ทุกคนตายเพราะกำความลับของผมเอาไว้”
“เหลวไหลนะลูก”
“คนที่เดือดร้อนที่สุด ที่กลัวความลับของผมจะรั่วไหลคือคนที่ฆ่าทุกคน” เทิดศักดิ์บอก
“ไม่จริง ไม่จริง เทิดศักดิ์คือลูกของคุณพ่อ พ่อของลูกคือท่านขุนภักดีภูบาล ข้าหลวงเมืองสุพรรณ”
“ผมจะไม่ตู่เอาใครที่ไม่ใช่พ่อมาเป็นพ่อของผม และคุณพ่อเพิ่งบอกผมว่าผมไม่ใช่ลูกของท่าน”
สนโกรธจัด “ไอ้คนอัปรีย์มันกล้าดีอย่างไรมาพูดเช่นนั้น”
“คนกล้าพูดความจริง ไม่ใช่คนอัปรีย์ แต่คนอัปรีย์คือคนที่กล้าฆ่าคนอย่างอำมหิตผิดมนุษย์”
“มันเกลียดแม่ มันสิ้นรักแม่ มันเลยใส่ร้ายแม่”
“ไม่มีใครใส่ร้ายคุณแม่ ว่าผมเป็นลูกเสือหนักดอกครับ”
สนตกใจขึ้นเสียง “เทิดศักดิ์”
“พ่อผมคือเสือหนัก คุณแม่กลัวใครจะรู้เรื่องนี้”
สนลุกพรวด เทิดก้มลงกราบสน แล้วลุกพรวดเช่นกัน
“ผมกราบเท้าขอโทษคุณแม่ แต่ผมต้องทำ เพราะคุณแม่ฆ่าทุกคน”
เทิดดึงกุญแจมือมาสวมฉับที่สองข้อมือของสนทันที สนตะลึงแล้วกรีดร้องดังไปทั่วทั้งบริเวณบ้าน
ได้ยินหมด
“ปล่อยแม่ ปล่อยนะ ปล่อย”
เทิดศักดิ์ยืนมองแม่กลิ้งเกลือกลงกับพื้น น้ำตาลูกผู้ชายไหลนองหน้า
เวลาค่อนรุ่ง ทุกคนต่างสวมใส่ชุดไว้ทุกข์ นั่งเศร้าโศกอยู่บนเรือนทองจันทร์
จังหวะนั้นเองก็ได้ยินเสียงกรีดร้องของสนดังแหวกความเงียบสงัดมา ทุกคนเหลียวมองหน้ากัน มีท่านขุนเท่านั้นที่ทราบว่าน่าจะเกิดอะไรขึ้น
“เสียงสน” เรียมบอก
“เป็นอะไรไปรึ หรือว่าตัวเวรตัวกรรมมันตามมาตะครุบตัวได้” ทานตะวันว่า
“พี่ขุนไปดูสิคะ” เนียนบอก
“พี่ไปแน่ แต่ทุกคนไม่ต้องตามไป รอกันอยู่ที่นี่”
เอกพรวดมาทำท่าจะพูด ขุนภักดียกมือห้ามส่ายหน้า
“ท่านขุนขอรับ คือว่า…”
“ไม่ต้องพูด แกไปบอกทุกคนว่าให้อยู่กับที่ของตนเอง ใครมีงานอะไรให้ทำไปตามปกติ ไม่ว่าจะได้ยินสิ่งใด ห้ามเสนอหน้ามาให้ข้าเห็น” ขุนภักดีสั่ง
“ขอรับ”
“ส่งคนไปตามนายอำเภอแดงน้อยให้มาที่นี่”
“แล้วตำรวจ” เอกถาม
“ไม่ต้อง”
เอกพรวดออกไป กบกะแมว สวนมาละล่ำละลัก
“คุณนายเรียมเจ้าขา…”
“คุณนายเนียนเจ้าขา…”
“เงียบ ทุกคนรออยู่ที่นี่ อย่าไปเรือนโน้น อาจมีอันตราย” ขุนภักดีสั่งเข้ม
“ค่ะ” พวกผู้หญิงทุกคนรับคำ
จากนั้นท่านขุนเดินดุ่มๆ ลงเรือนไป ทุกคนมองตามใจคอไม่สู้ดี
ขณะเดียวกัน มีเรือลำหนึ่งพายมาช้าๆ ตามลำคลอง เห็นเป็นเสน่ห์กำลังพายเรือ มีอีกคนที่นั่งหันหลังใส่หมวก
แต่งตัวสะอาดสะอ้าน มาดดูดีมาก เมื่อเงยหน้าขึ้นจึงเห็นว่าเป็นหนักนั่นเอง แต่มาในแบบของสิน หนักใส่หมวกหลุบหน้าไว้
“ปากคำของชั้นที่บอกให้แกเขียนเอาไว้ แกเก็บเรียบร้อยแล้วรึ” หนักถาม
“เรียบร้อยแล้วจ้ะ พี่หนัก เอ แต่ทำไมพี่ไม่เก็บไว้ยื่นให้ท่านขุนเอง”
หนักยิ้มเศร้าๆ “ชั้นไม่มีโอกาสได้ยื่นดอก จึงมอบให้แกนั่นแหละยื่น”
“พี่หนักไปที่นั่นไม่กลัวรึ ว่าจะโดนจับ”
“ข้าไปเพื่อให้เขาจับ ข้าไปเพราะชื่อเสียงและศักดิ์ศรีของคนที่จับข้า”
เสน่ห์ตกใจ “พี่หนัก”
“ทำความดี สักครั้งในบั้นปลายของชีวิต ทำเพื่อชื่อเสียงเกียรติยศของคนที่ข้ารักสุดหัวใจหลายคน ข้ายินดีมอบให้ ไม่เสียดายชีวิต”
เสน่ห์พยักหน้ารับเศร้าๆ เรือแล่นไปต่อตามลำคลองมุ่งหน้าไปบ้านภักดีภูบาล
ทางด้านสนร้องไห้คร่ำครวญจะเป็นจะตาย ถูกเทิดศักดิ์จับใส่กุญแจมือแล้ว เทิดศักดิ์เองก็ร้องไห้เช่นกัน ร้องเหมือนเด็กๆ กอดแม่เอาไว้
“ปล่อยแม่นะ แกมาจับแม่ใส่กุญแจมือทำไม ไอ้ลูกทรพี ไอ้ลูกอกตัญญู”
“ยกโทษให้ผมเถิดครับคุณแม่ ผมจำใจต้องทำ ผมเจ็บปวดที่สุดแต่ผมก็จำใจต้องทำ”
“แม่ไม่ได้ทำอะไรสักหน่อย”
“คุณแม่ฆ่าคนตายมายี่สิบกว่าปีแล้ว ฆ่ามาตั้งแต่ผมยังไม่เกิด สุดท้ายเมื่อคืน คุณแม่ฆ่าร่มโพธิ์ร่มไทรของคนทั้งบ้าน คุณแม่ทำให้คุณพ่อและพวกผมหัวใจสลาย”
“แกใส่ร้ายแม่ตัวเอง แกมันเลว แกไม่มีหลักฐานอะไรจะมากล่าวหาชั้น”
“ผมมีแน่นอนครับ ผมจะพาคุณแม่ไปโรงพัก”
“กูไม่ไป ไอ้สารเลว มึงกล้าจับแม่ตัวเอง มึงมันไม่ใช่คน”
จังหวะนี้ขุนภักดีเดินเข้ามา หน้าเครียดเคร่ง ตรงเข้ามาตบหน้าสนโดยแรง จนร่างสนเซถลา
“คนที่ไม่ใช่คนคือแก นางสน อีงูเห่า กูไม่น่าเอามึงมาเลี้ยงดูเลย กูหลงผิดเลี้ยงงูเห่าเอาไว้ในบ้านมายี่สิบกว่าปี มึงทำลายครอบครัวกูป่นปี้ มึงทำลายพระประจำชีวิตกู แม่กูทำอะไรให้มึง มึงอาศัยร่มไม้ชายคาแม่กูอยู่แท้ๆ มึงยังฆ่าท่านได้ลงคอ”
“ใส่ร้ายกันทั้งนั้น ทุกคนรุมใส่ร้ายกันทั้งนั้น” สนมองตาขวาง
“ผมเป็นลูกคุณแม่ เลือดเนื้อเชื้อไขคุณแม่ ผมไม่มีวันใส่ร้ายคุณแม่ ผมมีแต่จะปกป้อง แต่สิ่งที่คุณแม่ทำ มันเกินกว่าอำนาจหน้าที่ของผมที่จะปกป้อง”
“ปล่อยแม่ ปล่อยกูไป ปล่อยให้กูหนีไป ไอ้ลูกชั่ว”
“หยุดแก้ตัว แล้วไปโรงพัก”
สนวิ่งมาทั้งกุญแจมือ มาเกาะขาขุนภักดีเอาไว้แน่น
“ทูนหัวของเมีย สิ้นรักเมียแล้วใช่ไหม จึงได้ปล่อยให้เมียเผชิญชะตากรรมเลวร้าย มากมายปานนี้”
“กูอภัยให้มึงมานานมากเกินพอแล้ว หมดเวลาอภัยให้มึงอีกต่อไป”
“คุณแม่ครับ ไปโรงพักกับผมนะครับ”
ขุนภักดีส่ายหน้าห้าม
“อย่าไปเด็ดขาด ขืนไปนางคนใจร้ายคนนี้มันจะประจานลูกจนเสียหายลูกอยู่บนเรือนนี่ พ่อจะเอาตัวมันลงไปพูดข้างล่างเอง”
เทิดศักดิ์จำใจหยุดอยู่บนเรือน สนจะอยู่บนเรือนกับลูก แต่ถูกท่านขุนฉุดกระชากลงบันไดไป
เทิดศักดิ์ชะงักหันมามอง แล้วตัดใจหันกลับทั้งน้ำตา
ขณะเดียวกัน เรือของหนักแล่นผ่านมาถึงท่าน้ำ หนักลอบมองเข้าไปในบ้านภักดีภูบาลแล้วออกอาการตกใจ
“เอ๊ะ”
หนักเขม้นมอง แลเห็นว่า มีผ้าดำผูกเอาไว้ที่บริเวณด้านหน้าของศาลาอย่างสวยงาม หนักกับเสน่ห์ตกใจมาก รู้ว่าเป็นการไว้ทุกข์คนสำคัญในบ้าน
“ที่นี่มีคนตาย คนสำคัญเสียด้วย” หนักว่า
เสน่ห์ใจหล่นวูบ อุทานออกมา “คุณนายทองจันทร์”
“อีสนฆ่าคุณนายทองจันทร์ นี่กูทำให้ท่านตายเพราะใช้มึงมาพบท่านกูทำเวรทำกรรมอีกแล้วรึ พายเลยไปก่อน กูจะหาทางขึ้นฝั่ง ไปจัดการอีสน”
เสน่ห์พายเรือต่อไป
ส่วนสนมองจ้องตาท่านขุนแบบบ้าดีเดือดแล้ว ขุนภักดีมองสะท้อนใจ จ้องกันพักหนึ่ง ต่างคนต่างคิด
“อนิจจา กูเอางูเห่ามาแอบอกไว้ได้อย่างไร” ขุนภักดีคิด
“กูไม่กลัวมึงดอก” สนคิด
ท่านขุนส่ายหน้าเสียใจ
“มึงจะเอาอย่างไรกับกูไอ้ขุนภักดีภูบาล มึงอยากให้กูสารภาพมากใช่ไหมจะบอกให้นะ ว่ากูฆ่าหมดทุกคนจริงๆ ศพสุดท้ายคือแม่ของมึง อีแก่นั่นมันเกลียดกู มันจ้องจะเอากูเข้าตะราง ฆ่าใครไม่สาแก่ใจเท่าฆ่าแม่ของมึง”
ท่านขุนบันดาลโทสะ ตบหน้าสนอีกฉาด
“ตบทำไม ยิงกู แทงกู ตบกู จับกูโยนน้ำวางยาพิษกูสิ กูทำเพื่อลูกกู กูทำเพื่อเทิดศักดิ์”
“ดีมากที่แกทำเพื่อลูก แต่สิ่งที่แกทำมันไม่สำเร็จ ถ้าแกอยากให้สำเร็จแกต้องเสียสละเพื่อเทิดศักดิ์”
“อย่างไรรึ”
“ฆ่าตัวตายเสียเถิด”
สนตะลึง ส่ายหน้า
“ไม่” สนหัวเราะคิกคัก “จับกูไปโรงพัก กูจะไปประจานมึงทั้งโคตรให้ขายหน้าคนทั้งเมืองสุพรรณ”
“สน...เห็นแก่เทิดศักดิ์เถิดนะ” ขุนภักดีพยายามเกลี้ยกล่อม
อ่านละคร อาญารัก ตอนที่ 22/2 วันที่ 24 พ.ค. 56
ละครเรื่อง อาญารัก บทประพันธ์ : จำลักษณ์ละครเรื่อง อาญารัก บทโทรทัศน์ : วรพันธ์ รวี
ละครเรื่อง อาญารัก กำกับการแสดง : จรูญ ธรรมศิลป์
ละครเรื่อง อาญารัก แนว ดราม่า
ละครเรื่อง อาญารัก ผลิต : บริษัทดีด้าวิดีโอ โปรดักชั่น จำกัด
ละครเรื่อง อาญารัก ควบคุมการผลิต : สยม สังวริบุตร
ละครเรื่อง อาญารัก ออกอากาศทุกวันจันทร์ และวันอังคาร เวลา 20.25 น. ทาง ช่อง 7 สีทีวีเพื่อคุณ
ที่มา manage