คุณชายเลี้ยงหมู คุณหนูเลี้ยงแกะ ตอนที่ 11 วันที่ 14 พ.ค. 56


อ่านละคร คุณชายเลี้ยงหมู คุณหนูเลี้ยงแกะ ตอนที่ 11 วันที่ 14 พ.ค. 56

“จงดี ใจที่ทำดี” ม่านเมฆตอบอย่างชัดถ้อยชัดคำ พอทุกคนมองงงๆ จึงอธิบายว่า “เมฆเคยแข่งฟุตบอลที่โรงเรียนแล้วแพ้ เพราะพวกนั้นโกงเมฆ แต่อาภูบอกกับเมฆว่า ให้เมฆจำการแพ้ครั้งนี้ไว้ เพราะมีค่ามากกว่าชัยชนะที่ได้มาด้วยการโกง”

ทุกคนยิ้มกับเรื่องดีๆที่ม่านเมฆเล่าให้ฟัง ภูวนัยที่แอบฟังอยู่ยิ้มปลื้มแล้วรีบเข็นรถออกจากห้อง ส่วนปลายฟ้าก็ลากโต๊ะอาหารเข้ามาปะเหลาะม่านเมฆว่าทานข้าวกันดีกว่า จะได้มีพลังในการทำดีแบบอาภูบอกไง

ทันทีที่เห็นการ์ดการ์ตูนวางอยู่ในชามข้าว

ม่านเมฆมองหาถามอย่างตื่นเต้น

“อาภู! อาภูมาด้วยใช่ไหมครู นี่ไง...อาภูบอกให้เมฆพอใจที่ทำดี แล้วอาภูก็ให้การ์ดการ์ตูนเรื่องนี้กับเมฆ”


ปลายฟ้าได้ยินก็รีบผละออกจากห้องไปดูทันที วิ่งตามไปจนทันพนักงานเข็นรถส่งอาหาร ปลายฟ้าร้องเรียก

“ภู...”

พนักงานส่งอาหารหันมา กลายเป็นภูวนัย ทั้งคู่สบตากันนิ่งงัน ปลายฟ้าถามว่าจะบอกได้หรือยังว่าเกิดอะไรขึ้น ภูวนัยบอกว่าเรื่องมันซับซ้อนเกินกว่าที่เธอจะเข้าใจ ปลายฟ้าตัดพ้อว่าทำไมเขาไม่ทำตามกฎหมาย ตามความถูกต้อง

“เราทำอย่างนั้นไม่ได้ ฟ้า...เราไม่ได้ทำอะไรผิด ที่เราบอกว่าเราต่อสู้ตามกฎหมายไม่ได้ เพราะคนที่ใช้กฎหมายนั่นแหละ คือคนที่ทำให้เราต้องเป็นแบบนี้”

“หมายความว่าไงภู...ภูหมายถึงใคร??” ปลายฟ้า จ้องหน้าถาม ภูวนัยได้แต่นิ่งเพราะเป็นสิ่งที่เขาไม่อาจบอกเธอได้

ooooooo
ที่เคาน์เตอร์โรงพยาบาล ชาติกล้ามาถามห้องพักของม่านเมฆ พอรู้ห้องเขาตรงดิ่งไปทันทีด้วยความมั่นใจว่าจะต้องเจอภูวนัยที่นั่น

เวลาเดียวกัน ม่านเมฆก็ดิ้นรนจะไปตามหาอาภูให้ได้ จนไผ่พญาต้องรับปากว่าจะช่วยตามหาอาภูให้เจอ แล้วพามาหาม่านเมฆทันที ม่านเมฆจึงสงบลงและไผ่ก็รีบออกไป พอพ้นห้องก็บ่นอย่างหงุดหงิด
“บอกให้รออยู่ที่รถดีๆ ไม่รู้เรื่องรึไง!” บ่นแล้วกดโทรศัพท์หาเขา

ภูวนัยอยู่กับปลายฟ้า เขาเล่าเรื่องที่ตัวเองถูกชาติกล้าเล่นงานให้ฟัง ทำให้ปลายฟ้ายิ่งรับไม่ได้ พอดีได้รับโทรศัพท์ของไผ่ ทำให้ปลายฟ้ารู้ว่าภูวนัยอยู่กับไผ่เลยแอบหึงขึ้นมา

เผ่าพงศ์จะออกไปช่วยไผ่ตามหาภูวนัย เจอชาติกล้าพอดี ชาติกล้าบอกว่าตนได้ข่าวม่านเมฆไม่สบายเลยมาเยี่ยม ม่านเมฆเห็นชาติกล้ามาก็ขอร้องให้ช่วยตามหาอาภูให้ตนด้วย พลางเอาการ์ดการ์ตูนที่ภูวนัยเขียนอวยพรม่านเมฆด้วยลายมือที่หลังการ์ดให้ดู ทำให้ชาติกล้ายิ่งมั่นใจว่าภูวนัยต้องอยู่แถวนี้แน่ๆ

ไผ่จะกลับมาบอกม่านเมฆว่าตามหาภูวนัยไม่เจอ ก็ต้องตกใจผงะเมื่อเห็นชาติกล้าออกจากห้องเดินดุ่มไปอีกทางหนึ่ง ไผ่เครียดจัดไม่รู้จะแก้ปัญหาอย่างไรดี ตัดสินใจย้อนกลับไปที่ห้องปลายฟ้าเพื่อจะบอกภูวนัย เป็นจังหวะที่ภูวนัยบอกปลายฟ้าว่าตนต้องรีบไปแล้ว ปลายฟ้าขอกอดทีหนึ่ง ไผ่มาเห็นพอดีแม้จะเกิดอารมณ์วูบวาบขึ้นมาแต่ก็ระงับไว้บอกภูวนัยว่า

“นี่...หมวดชาติกล้ามาที่นี่!”

ภูวนัยให้ปลายฟ้าช่วยหาทางพาพวกตนออกไป ซึ่งก็เป็นเวลาที่ชาติกล้าฉุกคิดได้ว่าภูวนัยอาจจะอยู่กับปลายฟ้าจึงเดินลิ่วไปที่ห้องเธอ ปรากฏว่าไม่พบใครเลย จึงออกเดินหาไปตามทางเดินในโรงพยาบาล

ชาติกล้าเดินมาจนถึงห้องดับจิต เจอปลายฟ้าเข็นเตียงมีผ้าคลุมร่างออกมา ชาติกล้าปราดเข้าไปถามว่าศพใคร ชักปืนออกมาจ่อกระชากผ้าคลุมออกดู ปรากฏว่าเป็นศพคนอื่น ชาติกล้าเปลี่ยนท่าทีเป็นแข็งกร้าวถามปลายฟ้าว่าภูวนัยอยู่ที่ไหน

ที่แท้ภูวนัยกับไผ่นอนอยู่ใต้ศพเพราะเป็นเตียงสองชั้น ปลายฟ้าเกือบพาทั้งสองหนีไปได้แล้ว แต่บังเอิญขิงกับกระดังงาโทร.เข้ามือถือของไผ่ ทำให้ชาติกล้าจับได้ แต่ภูวนัยชิงเป็นฝ่ายกระทำกระชากขาชาติกล้าจนหงายตึง ปืนตกไปอยู่ข้างเท้าปลายฟ้า เธอรีบหยิบไปถือไว้

ภูวนัยผลักรถเข็นศพขวางทางชาติกล้าแล้วพาไผ่วิ่งหนีไป ชาติกล้าหันไปขอปืนคืนจากปลายฟ้า เธอไม่ให้เขาจึงตัดสินใจไล่ตามภูวนัยกับไผ่ไปทั้งที่ไม่มีปืน

วิ่งไล่ตามไปจนถึงลานจอดรถ ชาติกล้าตะโกนให้ภูวนัยยอมมอบตัวเสีย เมื่อภูวนัยเงียบก็เอาเรื่องพ่อเรื่องหลานที่กำลังไม่สบายมาบั่นทอนจิตใจ ภูวนัยตัดสินใจส่งกุญแจรถให้ไผ่เร่งให้รีบหนีไป ไผ่ถามว่า “แล้วนายล่ะ”

“ผมหนีมาพอแล้ว!” ภูวนัยตอบอย่างเด็ดเดี่ยวจนไผ่ต้องวิ่งออกไป ชาติกล้าเห็นไผ่ก็จะไล่ตามแต่ภูวนัย ปรากฏตัวออกมาเสียก่อน ชาติกล้าจึงหันมาเยาะเย้ย

“ออกมาจากรูแล้วเหรอ เป็นไงไอ้ชีวิตที่ต้องหลบๆ ซ่อนๆ ดีไหม”

“ฉันน่าจะถามแกมากกว่า เพราะไอ้การที่เป็นตำรวจ โดยหลบอยู่ใต้อิทธิพลของพวกมาเฟีย แล้วใช้กฎหมายในทางที่ผิด มันยิ่งกว่าการหลบอยู่ในรูเสียอีก”

“ไอ้ภู!” ชาติกล้าพุ่งหมัดใส่ทันที แต่ก็ถูกภูวนัยปัดป้องตอบโต้จนหน้าหงายไป

ภูวนัยตามซ้ำ ซัดหมัดแรกเขาประกาศว่า “หมัดนี้สำหรับที่แกทำกับฉัน!” ตามด้วยหมัดที่สองก็ประกาศว่า “หมัดนี้สำหรับตำรวจทุกคนที่ต้องเสียเกียรติเพราะแก!” แต่พอจะซัดหมัดที่สามก็ถูกชาติกล้ากำทรายซัดเข้าตาจนต้องถอยไป

“ไอ้ภู ฉันจะทำให้แกรู้ว่า ฉันนี่แหละกฎหมาย” ชาติกล้าตามไปจะเอาเหล็กแทงหน้าภูวนัย แต่พอเงื้อสุดแขนก็ถูกไผ่ขับรถพุ่งเข้าชน จนกระโดดหลบเกือบไม่ทัน

“ขึ้นรถเร็ว!” ไผ่ตะโกน พอภูวนัยกระโดดขึ้นรถ ไผ่ก็ตะบึงไปทันที ชาติกล้าวิ่งตามไม่ทัน ได้แต่กำหมัดซัดอากาศอย่างแค้นใจ

ชาติกล้ามาให้ปลายฟ้าทำแผลให้ แต่ก็ยังขู่ว่า เธอทำแบบนี้ตนจะจับก็ได้ แล้วใส่ไฟภูวนัยว่าเป็นคนที่พูด ได้ทุกอย่างเพื่อเอาตัวรอด

“พอได้แล้วชาติ! ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว ฟ้าว่าเรา ต่างคนต่างก็รู้ดีว่าใครกำลังทำอะไรอยู่” ปลายฟ้าตัดบทแล้วเดินออกจากห้องไป ชาติกล้าจึงเปลี่ยนเป็นเสียงอ่อน เรียกเธอไว้แล้วขอบใจที่ทำแผลให้ ถูกเธอสวนกลับทันทีว่า “ไม่ต้องขอบใจหรอก เพราะฟ้าทำไปตามจรรยาบรรณแพทย์”

ชาติกล้ายิ่งเจ็บปวดเจ็บใจที่ปลายฟ้าพูดกับตนอย่างห่างเหินไร้เยื่อใย

ooooooo

เมื่อไผ่กับภูวนัยกลับมาถึงเซฟเฮาส์ ภูวนัยบอกทั้งสามว่า

“ช่วงนี้ผมอยากให้ทุกคนอยู่แต่ในบ้าน ตอนนี้ไอ้ชาติมันคงต้องตามหาผมแบบพลิกแผ่นดิน” ไผ่ถามว่า ที่นี่ปลอดภัยแน่หรือ ภูวนัยบอกว่า “ตราบใดที่พวกมันไม่รู้ว่าเราอยู่ไหน”

ทั้งไผ่ กระดังงาและขิงต่างเครียดขึ้นมากับสถานการณ์ที่นับวันร้ายแรงและรัดตัวเข้ามาทุกที

จริงอย่างที่ภูวนัยคาด เพราะชาติกล้าสั่งจ่าวีระให้หาข้อมูลเส้นทางรถคันที่ไผ่พาภูวนัยหนี

จ่าวีระเอารูปถ่ายปึกหนึ่งมาให้ชาติกล้า รายงานว่า

“นี่คือภาพจากกล้องซีซีทีวี ที่อยู่ตามแยกไฟแดงครับ เราพบรถคันที่หัวหน้าให้ตรวจสอบ มุ่งหน้าจากพระรามสองมาลงทางด่วนที่ดินแดงแล้ววิ่งเส้นบางกะปิ แล้วภาพสุดท้ายที่เห็นคือแยกไฟแดงที่มีนบุรีครับ” มอบภาพให้แล้วถาม “หัวหน้ากำลังตามหาใครหรือครับ”

“เราเป็นตำรวจ เพราะฉะนั้นสิ่งที่เราตามหาก็ต้อง เป็นคนร้ายใช่ไหม” ชาติกล้าเล่นลิ้นปรามๆ

พอจ่าวีระยิ้มแหยๆ ออกไปแล้ว ชาติกล้าดูรูปที่ จ่าเอามาให้ คำรามอย่างเคียดแค้นชิงชัง

“ไอ้ภู!!”

ooooooo

เช้าวันนี้ ไผ่ยังนอนอุตุอยู่ ก็ถูกกระดังงามาเรียกบอกว่าตำรวจมาอยู่หน้าบ้าน ขิงกำลังออกไปคุยอยู่ ไผ่ตกใจออกมาเห็นภูวนัยกำลังแอบดูอยู่ เลยแอบดูบ้าง จำจ่าวีระกับราชัยได้ถามภูวนัยว่านั่นมันลูกน้องเขาไม่ใช่หรือ

ภูวนัยบอกว่าเมื่อก่อนใช่แต่ตอนนี้เป็นลูกน้องชาติกล้าแล้ว และชาติกล้าอาจรู้ด้วยว่าเราอยู่แถวนี้เลยให้ ลูกน้องมาค้น บอกไผ่ว่าไม่เป็นไร หลบให้ดีอย่าให้พวกนั้น เห็นก็พอ เพราะเขาเข้ามาไม่ได้ถ้าไม่มีหมายค้น
ขิงทำเป็นหัวหมอขอดูหมายค้น จ่าวีระเอาให้ดูแล้วรีบดึงกลับอย่างมีพิรุธ แม้ภูวนัยจะฉุกคิดว่าอาจเป็นหมายปลอม แต่ขิงก็พาพวกจ่าวีระเข้าบ้านมาแล้วทางเดียว ที่จะทำได้ตอนนี้คือหาที่ซ่อนอย่าให้พวกนั้นเห็นเป็นอันขาด เลยพากันเข้าไปแอบในตู้เสื้อผ้า อัดกันอยู่ในนั้นจนเกือบถูกจับได้ สองจ่าเดินมาถึงตู้ก็พอดีมีโทรศัพท์เข้ามือถือจ่าราชัย ทั้งคู่เลยชะงัก

พอจ่าราชัยรับสาย ท่าทีก็เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ พูดโทรศัพท์อย่างอ่อนน้อมสุดๆ

“สวัสดีครับ...ชื่ออะไรนะครับ อภิวัฒน์ไหน...ครับท่าน ครับ...ขอโทษด้วยครับ ผมไม่ทราบว่าเป็นบ้านท่าน ครับท่าน”

ไผ่กับภูวนัยที่แอบอยู่ในตู้พากันถอนใจโล่งอก ที่แท้ภูวนัยโทร.ไปบอกเบอร์โทรศัพท์ของสองจ่า ไม่นานอภิวัฒน์ก็โทร.มา เลยรอดตัวกันหวุดหวิด ส่วนสองจ่าบ่นกันอุบอิบขณะเดินออกจากเซฟเฮาส์ว่า...

“เกือบซวยแล้วไหมล่ะ เข้าบ้านไหนไม่เข้า”

“ใครว่าเกือบซวย...ซวยแน่ๆ แกคิดดู ว่าท่านอภิวัฒน์ ต้องโมโหแน่ๆ แล้วท่านก็ต้องหาให้ได้ว่าใครเป็นคนออกหมายค้น แล้วก็จะต้องรู้ว่าเราใช้หมายค้นปลอม!”

สองจ่ากลัวกันหัวหด วีระถามราชัยว่า “แกคิดว่าหัวหน้ากำลังหาใครวะถึงกับต้องใช้หมายค้นปลอมขนาดนี้” ถามแล้วสองจ่าก็มองหน้ากันแบบ...ต่างก็ไม่รู้เหมือนกัน

ทุกคนที่เซฟเฮาส์รอดตัวจากการถูกตรวจค้นแล้วก็พากันโล่งอก แต่ไม่ทันไรภูวนัยก็ได้รับโทรศัพท์จากอภิวัฒน์ โทร.มาถามว่าเรียบร้อยไหม

“เรียบร้อยแล้วครับ...เดี๋ยวนี้เหรอครับ” ภูวนัยทำหน้าแปลกใจ จนไผ่ถามว่ามีอะไรหรือเปล่า เขาบอกว่า

“ถึงเวลาปฏิบัติภารกิจต่อไปแล้ว!”

ทั้งไผ่พญา กระดังงา และขิง ที่เพิ่งจะโล่งอกไปหยกๆ ฟังภูวนัยแล้วก็กลายเป็นหายใจไม่ทั่วท้องกันทันที

ooooooo

เมื่อไปร่วมคุยแผนการกับอภิวัฒน์และสมสุข ภูวนัยถามว่าเป้าหมายต่อไปคือกำนันเต่ากับเสี่ยแคนหรือ

“เท่าที่รู้ กำนันเต่ากับเสี่ยแคนมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน ทำไมเราไม่ให้คนอื่นแตกกับกำนันเต่าล่ะครับ บางทีจะง่ายกว่า” ภูวนัยตั้งประเด็นถาม อภิวัฒน์จึงหยิบแผนที่มากางอธิบายว่า

“บริเวณจังหวัดปราจีนและสระแก้ว เป็นพื้นที่คาบ เกี่ยวระหว่างอิทธิพลของกำนันเต่ากับเสี่ยแคน เราจะใช้พื้นที่ตรงนี้ทำให้มันสองคนแตกกัน”

“โดยวิธีไหนครับ” ภูวนัยถาม

อภิวัฒน์ยิ้มอย่างมีแผนในใจอยู่แล้ว...

ooooooo

ก่อนวันประมูลบ่อขยะ กำนันเต่านัดกินข้าวกับ อบต.ยุทธ กำนันควงพิม เมียน้อยคนที่หกไปด้วย

กำนันเคยเรียกยุทธว่าพี่ แต่เมื่อยุทธได้เป็น อบต.ก็เปลี่ยนเป็นเรียกท่าน ยุทธพูดอย่างรู้กันว่า

“เรียกพี่เหมือนเดิมน่ะดีแล้วกำนัน...เราต่างก็รู้กันอยู่ว่าผมมีวันนี้ได้ก็เพราะกำนัน”

กำนันหันไปพยักหน้าให้ลูกน้องเอาของเข้ามามอบให้เป็นของขวัญวันขึ้นบ้านใหม่เป็นพระพุทธรูป มอบพลางอวยพรให้ได้มีเงินไหลมาเทมา อบต.รับกล่องไปดูอุทานอารมณ์ดีเมื่อเห็นเงินปึกใหญ่อยู่ใต้กล่อง

“โอ้โห...ศักดิ์สิทธิ์จริงๆ” ขณะเดียวกันพิมก็ตักพุงปลาให้ “พอแล้ว ตักให้กำนันเถอะ”

“ไม่เป็นไรพี่...ผมมันกระเพาะใหญ่ กินไอ้กับข้าวพวกนี้มันไม่ค่อยอยู่ท้องหรอก ต้องกินพวกอิฐหินดินทรายน่ะจะได้หนักท้องหน่อย”

“ถ้าอย่างนั้น พรุ่งนี้กำนันคงได้อิ่มท้องแน่ๆเพราะบริษัทของกำนันคงชนะการประมูลบ่อขยะเหมือนเดิม”

เวลาเดียวกัน ที่เซฟเฮาส์...อภิวัฒน์เขียนชื่อบริษัทต่างๆของกำนันเต่าบนกระดาน มีบริษัท ต.การสร้างจำกัด บริษัทยั่งยืนพัฒนา จำกัด และบริษัท T.A.O.เรียลเอสเตท จำกัด เขียนแล้วบอกภูวนัยกับสมสุขว่า

“บริษัททั้งหมดนี่ คือบริษัทของกำนันเต่าที่เข้าร่วมการประมูลบ่อขยะทั้งสิ้น” ภูวนัยถามว่าไม่มีบริษัทอื่นเลยหรือ สมสุขแทรกขึ้นทันทีว่า

“ทำไมจะไม่มี”

แล้วสมสุขก็เอาปากกาจากมืออภิวัฒน์ไปเขียน บริษัท แคน ดู อิท จำกัด ภูวนัยถามว่าบริษัทของใครหรือ อภิวัฒน์บอกว่าเป็นบริษัทของเสี่ยแคน สมสุขจึงชี้แจงต่อว่า

“คนในพื้นที่ต่างก็รู้ว่าไอ้บริษัทสามอันนี้ เป็นของกำนันเต่า เพื่อไม่ประเจิดประเจ้อกันเกินไป กำนันเต่าก็เลยให้เสี่ยแคนเข้ามาร่วมประมูลอีกบริษัท เพื่อให้ดูโปร่งใส แต่ที่จริงแล้วสองคนนี้ก็ตกลงกัน เพราะถึงคราวที่เสี่ยแคนต้องการกำนันเต่าก็จะส่งบริษัทเข้าร่วมประมูล แต่ก็ไม่มีผลหรอก เพราะต่างคนต่างก็รู้กันอยู่”

อภิวัฒน์บอกว่าที่เราทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นเรื่องนี้ เพราะจุดงานนี้เราต้องการทำให้กำนันกับเสี่ยแคนแตกคอกัน

วางแผนและมอบงานแล้ว อภิวัฒน์ถามภูวนัยว่าต้องการทีมในการปฏิบัติภารกิจพรุ่งนี้ไหม

“ไม่ต้องครับ...ผมเชื่อว่าพวกเขาทำได้” ภูวนัยตอบอย่างมั่นใจ

ooooooo

เมื่อถึงวันประมูล กำนันเต่าโทร.คุยกับเสี่ยแคนเตือนเรื่องงานประมูลวันนี้ เสี่ยแคนบอกว่ามาใกล้ถึงแล้ว กำนันจึงมอบกระเป๋าเอกสารการประมูลให้พิมเอาไป บอกว่าเสร็จงานเมื่อไรค่อยกลับมารับรางวัล

พิมถือกระเป๋าเอกสารนั่งรถบ่ายหน้าไปที่ประมูล ระหว่างทางถูกคนชุดดำ 4 คนมาดักทำร้ายลูกน้องกำนันเต่าสลบแล้วเอากระเป๋าเอกสารไป ส่วนตัวพิมเองถูกเอาผ้าผูกตาและเอาถุงคลุมหัวไว้

ที่แท้คนชุดดำทั้งสี่คือภูวนัย ขิง ไผ่พญา และกระดังงานั่นเอง

เมื่อได้เอกสารประมูลบ่อขยะแล้ว ภูวนัยเอาไปสแกนและเปลี่ยนตัวเลขการประมูลของเสี่ยแคนและกำนันเต่าสูงขึ้นเป็นร้อยล้านในรถตู้ เสร็จแล้วจึงพากันไปยังสถานที่ประมูล แต่ทั้งสี่ต้องชะงักเมื่อเห็นเสี่ยแคนนั่งอยู่ในที่ประมูลด้วยจึงต้องถอยออกมาวางแผนกันเสี่ยแคนออกไปก่อน เพราะถ้าเสี่ยแคนเห็นพวกตนต้องจำได้แน่

ทุกคนในงานประมูลเริ่มหงุดหงิดที่พิมไม่มาสักที เพียงอึดใจต่อมาเสี่ยแคนก็ได้รับโทรศัพท์จากโรงพยาบาลแจ้งว่าเคนลูกชายเขาที่นอนอยู่่โรงพยาบาลอาการหนักเป็นตายเท่ากัน เสี่ยแคนจึงรีบไปโรงพยาบาล บอกทุกคนว่า

“ผมต้องไปแล้ว ส่วนเรื่องนี้ ผมฝากซองไว้แล้วกัน ยังไงก็รู้ๆกันอยู่แล้ว” พูดเสร็จก็รีบไปทันที

ที่แท้ ภูวนัยให้ไผ่โทร.ไปหลอกเสี่ยแคน แล้วทั้งสี่ก็เข้าไปในห้องประมูล ภูวนัยยื่นซองก่อน แจ้งแก่เจ้าหน้าที่ว่า

“ผมเป็นตัวแทนจากบริษัท T.A.O.เรียลเอสเตทครับ นี่ซองของผม”

จากนั้นไผ่พญาก็ยื่นซองในนามบริษัท ยั่งยืนพัฒนาจำกัด ตามด้วยขิงยื่นในนาม ต.การสร้าง ทั้งสามยื่นซองแล้วไปยืนรวมกลุ่มกัน อบต.มองอย่างแปลกใจถามว่าพวกเขาเป็นคนของกำนันเต่าหรือ ภูวนัยตอบว่าใช่ อบต.ถามว่าแล้วคุณพิมล่ะ

“พอดีกำนันเต่าอยากให้การประมูลครั้งนี้ดูเป็นมืออาชีพ ก็เลยให้พวกเรามาแทน” ภูวนัยตอบ ยิ้มให้อย่างไร้พิรุธทำให้ อบต.เชื่อสนิทใจ

เมื่อยื่นซองกันครบทุกบริษัทแล้ว เจ้าหน้าที่ประกาศเปิดซอง หยิบซองแรกเป็นซองของบริษัท T.O.A.ประกาศราคาที่เสนอคือ หนึ่งร้อยสิบสามล้านบาท ทำเอาทุกคนมองขวับไปที่ภูวนัยที่เป็นคนมายื่นซอง อบต.ถามหน้าเครียดว่า

“อะไร...กำนันเต่าเสนอราคานี่จริงๆเหรอ”

“ผมไม่ทราบครับ ผมแค่ถือซองเข้ามาให้”

ซองต่อมาห้าสิบเจ็ดล้าน อีกซอง สามร้อยสิบสี่ล้าน และซองสุดท้ายเป็นของบริษัท แคน ดู อิท ของเสี่ยแคนที่ฝากซองไว้เสนอราคา สิบห้าล้านสี่แสนบาท เจ้าหน้าที่ประกาศว่า บริษัทที่จะได้รับการก่อสร้างบ่อขยะให้กับอำเภอโคกสูงครั้งนี้คือบริษัท แคน ดู อิท จำกัด

พอเจ้าหน้าที่ประกาศเสร็จ ภูวนัยแอบยิ้มที่ทุกอย่างสำเร็จตามแผน

กำนันเต่าให้พิมเอาซองไปยื่น ส่วนตัวเองคอยฟังข่าวอยู่ที่บ้านพร้อมกับสั่งผู้จัดการแถมรถสองคันให้ อบต.ยุทธ

ขณะนั้นเอง กำนันได้รับโทรศัพท์จาก อบต.พอรู้ว่าบริษัทตนประมูลไม่ได้เพราะบริษัทของเสี่ยแคนเสนอราคาต่ำกว่า กำนันเต่าแทบจะคลั่ง พอดีลูกน้องมารายงานว่าพิมกลับมาแล้ว กำนันรีบไปรับที่รถ ปรากฏว่าไม่เจอพิม แต่ได้ยินเสียงดิ้นขลุกขลักอยู่กระโปรงท้าย เปิดดูเจอพิมถูกมัดยัดไว้ท้ายรถ กำนันถามว่าใครทำเธอ

“ไอ้เสี่ยแคน!”

กำนันกำหมัดแน่นแค้นเป็นทวีคูณ!

ooooooo

คืนนี้เอง อภิวัฒน์มาดักรอพวกภูวนัยที่เซฟเฮาส์เพื่อชมเชยว่าทุกคนทำงานได้ดีมาก ไผ่ ขิง และกระดังงาพากันยิ้มแป้น มีแต่ภูวนัยที่หน้านิ่งขรึม อภิวัฒน์ถามว่าเป็นอะไรหรือ?

“ผมแค่รู้สึกว่างานยังไม่เสร็จครับ” ขิงตกใจถามว่าเราพลาดอะไรหรือ อภิวัฒน์ชี้แจงแทนว่า

“ไม่มีอะไรหรอก หมวดภูเขาแค่ยังไม่บรรลุเป้าหมายที่วางเอาไว้น่ะ” แล้วหันไปพูดกับภูวนัย “หมวด...ผมไม่ได้พูดให้หมวดรู้สึกดีนะ แต่ผมแค่อยากจะบอกว่า การทำความดีไม่มีวันเสร็จหรอก...ตอนนี้ เราคงต้องรอดูท่าที ว่าพวกนั้นจะเป็นยังไงหลังจากที่เราล้มงานประมูลของมันได้ ระหว่างนี้พวกเธอทุกคนพักกันก่อนแล้วกัน”

อ่านละคร คุณชายเลี้ยงหมู คุณหนูเลี้ยงแกะ ตอนที่ 11 วันที่ 14 พ.ค. 56

คุณชายเลี้ยงหมู คุณหนูเลี้ยงแกะโดย บทประพันธ์ เล่าเต็ง
คุณชายเลี้ยงหมู คุณหนูเลี้ยงแกะ บทละคร โดย อภิวัฒน์ เล่าสกุล
คุณชายเลี้ยงหมู คุณหนูเลี้ยงแกะผลิตโดย : บริษัท กำกับการดี จำกัด
คุณชายเลี้ยงหมู คุณหนูเลี้ยงแกะนำแสดงโดย : ศิวัฒน์ โชติชัยชรินทร์ - ไปรยา สวนดอกไม้
ติดตามชมคุณชายเลี้ยงหมู คุณหนูเลี้ยงแกะได้ทางช่อง 7 สีทีวีเพื่อคุณ
ที่มา ไทยรัฐ