อ่านละคร ไฟหวน ตอนที่ 1
เมื่อรถผ่านตลาด มัทนาให้นายสินแวะก่อนเธอจะซื้อผลไม้ฝากแม่ แต่ลงเดินไม่ทันถึงร้านก็เกิดเรื่องระทึกใจขึ้น หญิงสาวเจอชายคนหนึ่งได้รับบาดเจ็บ ด้วยความสงสารจึงอาสาพาเขาไปหาหมอโดยไม่รู้ว่าเขาคือคนร้ายที่ตำรวจกำลังตามจับ กระทั่งตำรวจวิ่งกรูมาแล้วคนร้ายยิงสกัดพร้อมกันนั้นก็จับเธอเป็นตัวประกัน นายสินจอดรถเสร็จเดินมาเห็นคุณหนูของตนตกอยู่ในอันตรายก็จะเข้าไปช่วย แต่คนร้ายยิงสวนจนเขาโดดหลบแทบไม่ทันมัทนาถูกจับเป็นตัวประกันอยู่พักใหญ่ก่อนที่ตำรวจจะสยบคนร้ายลงไปนอนหายใจรวยรินอยู่กับพื้น แทนที่มัทนาจะวิ่งหนี เธอกลับเข้าช่วยเหลือจะพาเขาไปหาหมอทั้งที่ตำรวจบอกว่านายคนนี้เพิ่งปล้นชาวบ้านมาเมื่อคืน
“อย่าลำบากเลยครับคุณหนู ให้เป็นธุระของตำรวจดีกว่า”
“ถึงเขาจะเป็นคนร้าย แต่เขาก็เป็นคนคนหนึ่งเหมือนกันนะนายสิน ชีวิตของเขาก็มีค่าไม่ต่างอะไรไปจากเรา”
ไอศูรย์เดินมาได้ยินคำพูดของเธอพอดี รู้สึกประทับใจอย่างบอกไม่ถูก เดินตรงเข้ามาแนะนำตัวว่าเป็นหมอขอดูอาการคนเจ็บ มัทนาไม่รู้จักเขามาก่อนแต่ก็ขอบคุณและรู้สึกประทับใจเขาเช่นกัน
คนร้ายถูกส่งตัวไปผ่าตัดที่โรงพยาบาลโดยหมอไอศูรย์ มัทนาขอบคุณเขาอีกครั้งที่ช่วยชีวิตเพื่อนมนุษย์ด้วยกันโดยไม่เกี่ยงงอนว่าเป็นคนดีหรือคนร้าย
“ผมเป็นหมอ ผมเลือกที่จะช่วยชีวิตคนโดยไม่เลือกว่าเขาเป็นใคร”
“คุณทำให้ฉันคิดถึงคำว่าเมตตาเป็นเครื่องค้ำจุนโลก”
“แต่คุณทำให้ผมคิดถึงคำว่า...งามนอก งามใน”
“คุณชมฉันเกินไปแล้วค่ะ”
“ผมไม่ได้ชม ผมพูดอย่างที่ผมคิด”
หนุ่มสาวสบตากันด้วยความรู้สึกดีๆ นายสินเห็นว่าค่ำแล้วเข้ามาแทรกชวนมัทนากลับ เกรงท่านนายพลกับคุณหญิงจะเป็นห่วง มัทนาจึงลาคุณหมอ และไม่ลืมบอกชื่อแซ่ของกันและกัน
กลับถึงบ้าน มัทนากำชับนายสินไม่ให้บอกใครเรื่องวันนี้ แต่ทำมาทำไปตัวเองถูกคุณหญิงมณีซักเพราะเห็นคราบเลือดที่เสื้อเลยต้องพูดความจริง คุณหญิงกับนายพลตกใจมากแต่พอรู้ว่าลูกสาวไม่ได้รับบาดเจ็บ ใดๆก็โล่งใจ แล้วให้ลูกไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า แม่มีเรื่อง จะคุยด้วย
ooooooo
ค่ำวันเดียวกัน ที่หอโคมแดงเกิดเรื่องระหอง ระแหงระหว่างโสเภณีรุ่นพี่กับรุ่นน้อง มุกอิจฉาบุปผาที่มีแขกแย่งตัวไม่เว้นวัน พอสองสาวเปิดศึกแขวะกันไปด่ากันมาแล้วผกาเข้าห้าม มุกก็หาว่าผกาเข้าข้างบุปผาเพราะเห็นว่ากำลังเป็นตัวเรียกแขก ทั้งที่ตนทำงานรับใช้ที่นี่มาตั้งนานแต่ไม่เคยเห็นความดี
“ก็เพราะเห็นน่ะสิ แม่จึงยังเลี้ยงหล่อนไว้จนทุกวันนี้ไง”
“แม่เห็นนังบุปผามันสาว มันสวย มันสดกว่าฉัน แม่ก็ยกย่องเชิดชูมัน แต่คอยดูเถอะ คนอย่างมันไม่มีวันเห็นใครดีไปกว่าตัวมันเองหรอก”
มุกทิ้งคำพูดชวนคิดแล้วเดินสะบัดหนี บุปผาเห็นผกานิ่งเงียบไปก็รีบเข้ามาพะเน้าพะนอเอาใจ
“แม่อย่าไปฟังพี่มุกนะ ถึงฉันจะเป็นผู้หญิงขายตัวแต่ฉันก็ไม่ใช่คนอกตัญญู ฉันมีวันนี้ได้ก็เพราะแม่ เพราะฉะนั้นถ้าวันไหนฉันเกิดได้ดิบได้ดีขึ้นมา ฉันจะไม่มีวันทิ้งแม่ ไม่เชื่อแม่คอยดู”
บุปผาเริ่มต้นตอบแทนบุญคุณผกาด้วยการมอบ น้ำหอมราคาแพงที่แขกประเคนมาให้จำนวนมาก โดยแบ่งบางส่วนให้เดือนกับสิรี แต่ไม่ยอมให้มุกกับพิกุลที่อยู่คนละฝ่าย มุกเจ็บใจและหมั่นไส้แอบไปบ้วนน้ำลายลงในถ้วยแกงของบุปผา แต่กลายเป็นว่าพิกุลมากินแทนเพราะความตะกละ...
ทางด้านหมอไอศูรย์ กลับถึงบ้านทราบจากคุณ หญิงแจ่มจันทร์มารดาว่ามีแขกมารอพบ และแขกคนนั้นก็ทำให้หมอหนุ่มประหลาดใจระคนตื่นเต้น
“เพชร! กลับเมืองไทยมาตั้งแต่เมื่อไหร่ครับเนี่ย”
“ผมเพิ่งกลับมาถึงเมื่อกลางวันนี้เองครับพี่ต้น แล้วไปไหว้ผู้ใหญ่มาทั่วเมืองก่อนจะไปรับยายพลอยกลับจากมหาวิทยาลัย แล้วก็มาแวะมาบอกข่าวว่าผมกลับมาแล้วที่นี่เป็นที่สุดท้ายครับ”
ไอศูรย์มองพลอยในชุดนิสิตที่ยืนอยู่ข้างเพชร สาวน้อยสบตาเพื่อนพี่ชายด้วยใจเต้นตึ๊กตั๊กหลงรักเขาแต่แรกเห็น ยิ่งได้ยินเขาชื่นชมว่าเก่งมากที่เข้าอักษรศาสตร์จุฬาได้ เธอยิ้มแก้มแทบปริและแอบมองเขาบ่อยครั้งขณะสนทนากับเพชร
ทางด้านมัทนา...หลังจากอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จเรียบร้อยแล้ว เธอเข้าไปหามารดาในห้องนอนเพราะก่อนหน้านี้ท่านบอกว่ามีเรื่องจะคุยด้วย คุณหญิงมณีลูบศีรษะลูกสาวอย่างรักใคร่พลางเกริ่นถึงความห่วงใยที่ลูกเติบใหญ่จนเข้ามหาวิทยาลัยได้เห็นโลกกว้างและเรียนรู้ชีวิตมากขึ้นเรื่อยๆ แล้วหนทางที่จะก้าวเดินไปข้างหน้านั้นย่อมมีทั้งสุขและทุกข์
ท่านนายพลอยู่ในห้องด้วย ชำเลืองมองอย่างนึกรู้ว่าคุณหญิงจะโยงเข้าเรื่องอะไร เขารู้สึกหนักใจไม่น้อย ไม่อยากเห็นลูกสาวถูกคลุมถุงชน แต่คงขัดเจตนารมณ์ภรรยาไม่ได้...ในที่สุดคุณหญิงก็เข้าประเด็นว่าอยากมั่นใจว่าคนที่จะอยู่เคียงข้างลูกในวันที่พ่อกับแม่ไม่อยู่ในโลกนี้แล้วเขาต้องเป็นคนดีจริงๆ
“แม่อยากให้หนูหมั้นกับลูกชายของเพื่อนแม่ แม่ให้คนไปสืบประวัติมาหมดแล้ว เขาเป็นคนดี ชาติตระกูลดี เรียนจบจากเมืองนอก และไม่มีเบื้องหลังในชีวิตอะไรให้น่ากังวล แม่คิดว่าเขาเหมาะสมกับลูกสาวคนเดียวของแม่มาก...หนูไม่ได้รักกับใครที่ไหนอยู่ใช่ไหมลูก”
มัทนาคิดค้านอยู่ในใจไม่อยากหมั้นกับใครตอนนี้ แต่เพราะความหัวอ่อนไม่เคยขัดใจแม่เลยสักครั้งทำให้สาวน้อยตอบเสียงแผ่วเมื่อถูกท่านถามย้ำว่าเธอไม่ได้รักชอบอยู่กับใครใช่ไหม
“ไม่มีค่ะคุณแม่”
“งั้นก็ดีแล้ว อาทิตย์นี้แม่จะได้นัดเพื่อนแม่ให้พาลูกชายมาเที่ยวที่บ้านเรา หนูจะได้ทำความรู้จักกับพี่เขาไว้”
“ค่ะคุณแม่” มัทนารับคำอย่างง่ายดาย แต่พอออกจากห้องมาก็หน้าเศร้าอยากจะร้องไห้ นึกถึงหมอไอศูรย์ผู้ชายที่รู้สึกประทับใจแต่แรกเห็น....
ขณะเดียวกันในห้อง นายพลเทพล้มตัวลงนอนบนเตียงด้วยสีหน้าหนักใจ เหลือบมองคุณหญิงมณีที่เพิ่ง กราบพระเสร็จอย่างเกรงใจก่อนจะถาม
“คุณหญิงคิดดีแล้วหรือ ผมเกรงว่ามันจะเป็นการบังคับฝืนใจลูก...ถ้าลูกไม่ชอบ”
“ดิฉันเชื่อว่า...ดิฉันคิดไม่ผิดหรอกค่ะ แล้วคนเป็นแม่ย่อมต้องเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้แก่ลูกกันทั้งนั้น โดยเฉพาะลูกคนเดียวอย่างยายมัท”
นายพลเทพลอบถอนใจและไม่พูดอะไรอีก คุณหญิงมณีพลิกตัวนอนหันหลังให้สามีคล้ายจะหลับ แต่จริงๆ แล้วยังลืมตาอยู่ คิดถึงอดีตที่ทำให้ตนเองเข้าใจว่าลูกของนายพลเทพมีมัทนาเพียงคนเดียวเมื่อสิบกว่าปีก่อนตอนที่คุณหญิงมณีตั้งท้อง...
ชไม เพื่อนของคุณหญิงซึ่งมีความสามารถเรื่องดูดวงได้ทำนายว่าลูกในท้องเป็นผู้หญิง และคุณหญิงจะมีลูกได้แค่คนเดียวเท่านั้น แต่คุณหญิงไม่เชื่อคิดว่าเป็นเพียงคำพูดไร้สาระ เพราะเธอกับสามีอายุยังไม่มากและสุขภาพแข็งแรงจึงไม่มีเหตุอะไรเลยที่จะต้องมีลูกคนเดียว
คุณหญิงมณีโกรธชไมถึงขนาดต่อว่ากันอย่างรุนแรงทั้งๆที่ทั้งคู่เป็นเพื่อนกันมานาน...แต่แล้วเรื่องราวดูเหมือนจะเป็นจริงดังคำทำนายของชไม เมื่อถึงกำหนดคลอดลูกคุณหญิงมณีปวดท้องทุรนทุรายอยู่หลายวัน จนกระทั่งในที่สุดก็คลอดลูกสาวออกมาแล้วเกิดอาการเลือดเป็นพิษ หมอบอกว่าเธอจะไม่สามารถมีลูกได้อีก ไม่เช่นนั้นจะมีอันตรายถึงแก่ชีวิต ทำให้คุณหญิงเสียใจมากและคิดถึงชไมขึ้นมาจับใจ
เมื่อร่างกายหายป่วยเป็นปกติแล้วคุณหญิงมณีจึงพาลูกไปขอโทษชไม...ชไมดูดวงให้ลูกสาวเพื่อน แล้วถึงกับตกใจเมื่อคำทำนายออกมาว่าหนูน้อยมัทนาจะต้องตายเพราะพี่น้องร่วมสายเลือด แต่มันจะเป็นไปได้อย่างไรในเมื่อคุณหญิงมณีไม่สามารถมีลูกได้อีกแล้ว และนายพลเทพก็ไม่ได้เป็นคนเจ้าชู้ด้วย
แต่เพื่อความมั่นใจ คุณหญิงมณีสั่งการสร้อยไปสืบจนรู้ว่านายพลเทพแอบมีสาวชาวบ้านชื่ออิ่มเป็นเมียน้อยและเธอกำลังท้องแก่ใกล้คลอด คุณหญิงโกรธแทบคลั่งก่อนจ้างวานสร้อยไปเผาบ้านอุ่นให้วอด อย่าให้มีใครรอดชีวิต โดยเฉพาะอุ่นกับลูกในท้อง
หลังจากมั่นใจว่าอุ่นตายทั้งกลมตามที่สร้อยกลับมารายงาน แต่ถึงกระนั้นคุณหญิงมณีก็ยังไม่วางใจเสียทีเดียว กังวลเรื่องคำทำนายของชไมที่ว่าจะมีพี่น้องร่วมสายเลือดมาฆ่ามัทนาในอนาคต เนื่องจากสามีของเธอยังหนุ่มแน่นสามารถมีลูกกับหญิงอื่นได้อีก เธอจึงสั่งสร้อยไปหาหมอยาฝีมือดีเพื่อซื้อยาที่ทำให้นายพลเทพกินแล้วเป็นหมันมาให้ จากนั้นก็วางยาสามีเรื่อยมาโดยโกหกว่าเป็นยาบำรุงจนเขาเป็นหมันสมใจ...
นับจากวันนั้นถึงวันนี้...คุณหญิงมณีเก็บงำเรื่องราวทั้งหมดเป็นความลับมาตลอด นอกจากตนเองและสร้อยก็ไม่มีใครล่วงรู้ ส่วนนายพลเทพก็ทราบเพียงว่าอุ่นกับลูกในท้องตายคากองไฟที่ไหม้บ้านวอดทั้งหลัง โดยไม่รู้เบื้องลึกเบื้องหลังอะไรเลย
ooooooo
ที่หอโคมแดง บุปผาแอบได้ยินมุกกับพิกุลคุยกันเรื่องที่เมื่อวานมุกแอบบ้วนน้ำลายใส่ถ้วยแกงหวังให้บุปผากิน แต่ไม่สำเร็จเพราะความตะกละของพิกุล...
บุปผาโกรธมากตรงเข้าด่าทอมุกจนบานปลายกลายเป็นลงมือลงไม้กันถึงขนาดมุกหัวแตกต้องไปทำแผลที่โรงพยาบาล โดยผกาบังคับให้บุปผาพามุกไปทั้งที่เธอไม่เต็มใจ พอได้เห็นหมอหนุ่มรูปหล่อบุปผาเกิดหลงรักเขาในบัดดล แต่เพราะตัวเองมีอาชีพน่ารังเกียจจึงยังไม่เผชิญหน้า หนีกลับออกมาก่อนที่หมอไอศูรย์จะเห็นเธอ
เช้าวันเดียวกัน มัทนานั่งรถไปมหาวิทยาลัยโดยมีบิดาขับให้ไม่ใช่นายสินเหมือนทุกวัน นายพลเทพพูดต่อหน้าภรรยาว่านายสินลาป่วย แต่ความจริงแล้วเขาต้องการคุยกับลูกสาวตามลำพังด้วยเรื่องที่คุณหญิงมณีจะคลุมถุงชน เมื่อเอ่ยถามลูกสาวกลับไม่มีความคิดเห็นใดๆ นอกจากบอกว่าตามใจคุณแม่
“ทั้งๆที่มัทยังไม่เคยเจอหน้าค่าตาลูกชายเพื่อนแม่เขาเลยสักครั้งน่ะเหรอ มัท...เรื่องคู่ครองพ่ออยากให้ลูกเลือกด้วยตัวเอง ไม่ใช่เพราะพ่อหรือแม่เป็นคนเลือกให้ เพราะผู้ชายคนนั้นมัทจะต้องอยู่กับเขาไปตลอดชีวิตนะลูก”
“มัททราบค่ะคุณพ่อ แต่มัทก็เชื่อว่าสิ่งที่คุณพ่อคุณแม่เลือกให้ลูกต้องเป็นสิ่งที่ดีที่สุดเสมอค่ะ”
นายพลเทพลอบถอนใจ ไม่อยากให้ลูกถูกคลุม ถุงชนแต่ก็ทำอะไรไม่ได้ ขณะที่มัทนาสีหน้าไม่สบายใจนักแต่พยายามไม่แสดงออก เพราะไม่ต้องการให้พ่อกลุ้มใจมากไปกว่านี้...
ฝ่ายนายสินที่ได้สิทธิ์หยุดงานหนึ่งวัน เขาถือโอกาสไปหอโคมแดงเพื่อขึ้นห้องกับดาวเด่นอย่างบุปผา แต่มาทีไรไม่เคยสมหวังเพราะหล่อนบ่ายเบี่ยงเลี่ยงหนีตลอด จนใครต่อใครพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าหล่อนเลือกขึ้นห้องแต่กับลูกท่านหลานเธอเท่านั้น กระจอกงอกง่อยเป็นแค่คนขับรถอย่างนายสินไม่มีทางที่หล่อนจะชายตาแล
ที่สำคัญเวลานี้บุปผาเกิดไปถูกตาต้องใจหมอไอศูรย์เข้าแล้ว แม้ผกาคอยเป่าหูว่าคนอาชีพอย่างเราไม่มีใครรักแล้วก็จริงใจเท่ากับคนอาชีพเดียวกัน บุปผาก็ไม่ฟัง และคราวนี้ถึงกับประกาศแน่แน่วว่าคนอย่างตนต้องไปได้ดี ต้องได้เป็นคุณผู้หญิงบ้านใหญ่ เป็นสะใภ้ลูกท่านหลานเธอ บางทีผัวของตนอาจจะเป็นหมอก็ได้
“บุปผาพูดอย่างนี้หมายความว่ายังไงลูก”
บุปผาไม่ตอบแต่ยิ้มพราย นัยน์ตาเป็นประกายวาววับ...แล้ววันถัดมาบุปผาก็ไปแอบดูไอศูรย์ที่โรงพยาบาล โดยแต่งตัวเรียบร้อยเป็นพิเศษเพราะไม่ต้องการให้หมอรู้ว่าเธอเป็นโสเภณี จากนั้นก็วางแผนเพื่อให้ได้ใกล้ชิดเขาถึงขนาดลงทุนทำร้ายตัวเองด้วยคมมีดจนมือเป็นแผลเหวอะหวะแล้วสำออยให้หมอรักษา
เผอิญหมอไอศูรย์กำลังจะออกเวร แต่พอเห็นคนเจ็บโอดโอยทำท่าจะเป็นลม หมอจึงรีบทำแผลให้แล้ววานพยาบาลไปบอกคนรถที่รออยู่ให้กลับไปบ้านก่อน และให้เรียนมารดาของตนด้วยว่าตนยังติดคนไข้อยู่คงจะไปตามนัดไม่ได้ บุปผาได้ยินก็ลอบยิ้มพอใจ แสร้งวิงเวียนเรียกร้องความสนใจพลางยกมือไหว้ขอบคุณคุณหมอ
“ไม่ต้องขอบคุณอะไรหรอกครับ มันเป็นหน้าที่ของหมออยู่แล้วที่จะต้องดูแลรักษาคนเจ็บอย่างดีที่สุด”
“แต่ถึงยังไงฉันก็คิดว่าคุณหมอมีพระคุณต่อฉันมาก และสักวันฉันจะต้องตอบแทนบุญคุณให้แก่หมออย่างแน่นอนค่ะ ฉันชื่อบุปผาค่ะ”
ไอศูรย์พยักหน้ารับรู้โดยไม่ทันสังเกตว่าคนไข้สาวจ้องเขาไม่วางตาด้วยความพึงพอใจ...ในเวลาเดียวกันนั้น คุณหญิงมณีกำลังพิถีพิถันแต่งตัวให้มัทนาเพราะอีกไม่ช้าจะมีคนสำคัญมาที่บ้าน ไม่กี่อึดใจหนุ่มเพชรเดินเข้ามา มัทนาถึงกับตะลึงงัน เข้าใจว่าเขาคือคนที่คุณหญิงแม่จะให้เธอหมั้นหมายด้วย!
ooooooo
อ่านละคร ไฟหวน ตอนที่ 2
เพชรมากับน้องสาวซึ่งเป็นเพื่อนสนิทของมัทนา ชายหนุ่มตั้งใจมากราบคุณหญิงมณีกับนายพลเทพหลังจากไปเรียนเมืองนอกหลายปี...คุณ หญิงมณีจับสังเกตสีหน้าท่าทีเพชรที่มองมัทนาอย่างไม่ชอบใจ แววตาเขาบ่งบอกว่าหลงใหลพึงพอใจ หญิงสาว แต่ด้วยมารยาทคุณหญิงจึงไม่พูดหรือแสดงออก ทั้งที่อยากจะบอกเต็มแก่ว่าลูกสาวตนมีผู้ชายที่เหมาะสมรออยู่แล้ว
ขณะ เดียวกันนั้นที่โรงพยาบาล ไอศูรย์กำชับบุปผาหลังจากเย็บแผลที่ฝ่ามือให้เธอแล้วว่าต้องกินยาแก้อักเสบ วันละสามเวลา และต้องทำความสะอาดแผลทุกวัน แรกๆควรมาทำที่โรงพยาบาล แต่พอแผลแห้งจะทำเองที่บ้านก็ได้ บุปผาจ้องหมอตาเป็นมัน รับปากรับคำและพนมมือไหว้กระชดกระช้อยอย่างมีจริต แต่หมอไม่ได้สนใจเธอสักนิด นอกจากเห็นว่าเป็นคนไข้
เมื่อกลับถึงหอ โคมแดง บุปผาอารมณ์ดีเป็นพิเศษ ซื้อขนมนมเนยมาฝากแม่ผกาและเพื่อนร่วมอาชีพ แต่มุกที่ไม่ลงรอยกันอยู่ไม่กินแถมยังแขวะหาเรื่อง เลยเกิดตบตีกันอุตลุดทำให้ผกาเหนื่อยหน่ายใจ จับบุปผาแยกไปที่ห้องแล้วซักถามที่มาที่ไปทำไมถึงถูกมีดบาดมือจนต้องเย็บแผล แต่คงไม่ใช่อุบัติเหตุแน่
“แม่รู้ทันฉันเสมอเลย ก็ฉันเคยบอกแม่แล้วนี่นะ ว่าผัวฉันในอนาคตน่ะเขาเป็นหมอ”
“เขาเป็นถึงหมอ แล้วเขาจะ...”
“มา เอาผู้หญิงหากินอย่างฉันเป็นเมียรึเปล่า...แม่จะพูดอย่างนี้ใช่ไหม” ผกาพยักหน้ายอมรับ บุปผาเชิดหน้าพูดอย่างมุ่งมั่นว่า “ฉันก็จะไม่ให้เขารู้สิว่าฉันเป็นผู้หญิงหากิน”
“แล้วบุปผาดูดีๆรึยังว่าเขามีลูกมีเมียแล้วหรือยัง”
“ฉันไม่รู้หรอกว่าเขามีลูกมีเมียแล้วหรือยัง แต่ถึงจะมีแล้วฉันก็ไม่สน มีได้ก็เลิกได้”
“บุปผา...ผู้ หญิงอาชีพอย่างเรานี่เกิดมาก็มีกรรมมากแล้วนะลูก ไม่งั้นเราคงไม่ต้องมามีอาชีพที่ผู้คนในสังคมเขารังเกียจเรากันอย่างนี้หรอก แม่ไม่อยากให้บุปผาทำบาปทำกรรมอะไรให้มากไปกว่านี้อีก แย่งผัวแย่งเมียคนอื่น มันบาปนะลูกนะ”
“ฉันไม่กลัวบาปหรอกจ้ะแม่ มัวแต่กลัวบาป ก็คงต้องขายตัวไปจนตาย ฉันบอกแม่แล้วไงจ๊ะ ว่าจะไม่ยอมขายตัวไปจนหมดสภาพอย่างพี่มุกพี่พิกุลหรอก คนอย่างอีบุปผามันจะต้องได้ดีกว่านี้”
บุปผามั่นใจในตัวเองอย่างยิ่ง ในขณะที่ผกามีสีหน้ากังวลว่าสิ่งที่บุปผาพูดจะเป็นได้แค่เรื่องเพ้อฝัน
ooooooo
ที่แท้ หมอไอศูรย์คือผู้ชายที่คุณหญิงมณีอยากได้เป็นลูกเขย และคุณหญิงแจ่มจันทร์แม่ของเขาก็ต้องการมัทนาเป็นสะใภ้ ผู้ใหญ่จึงตกลงกันเอาไว้แล้ว เพียงแต่รอหนุ่มสาวพบเจอและทำความรู้จักกันเท่านั้น
หารู้ไม่ว่าทั้ง คู่เคยเจอกันแล้วครั้งหนึ่ง และต่างฝ่ายก็ประทับใจกันแต่แรกเห็น แต่วันนี้ไอศูรย์ผิดนัดกับแม่ที่จะพาไปบ้านเพื่อนเพราะมีคนไข้ด่วน คุณหญิงแจ่มจันทร์จึงเลื่อนไปคราวหน้าโดยไม่ยอมเกริ่นอะไรให้ลูกรู้ ด้วยมั่นใจว่าเรื่องอะไรก็ตามที่เธอบอกให้ลูกทำ ลูกไม่เคยขัดคำสั่งเธอสักครั้ง
วันรุ่งขึ้น เพชรขับรถไปส่งพลอยที่มหาวิทยาลัยและเจอมัทนาตามที่ตั้งใจ เขาแสดงออกว่าชื่นชอบเธอด้วยการมอบหนังสือเล่มหนึ่งให้ ฝ่ายพลอยก็ช่วยเชียร์หลังจากพี่ชายกลับไปแล้ว สาธยายว่าเขาเห็นหน้ามัทนาครั้งเดียวก็หลงใหลได้ปลื้มหัวปักหัวปํา เขาไม่เคยเป็นอย่างนี้มาก่อน อยากให้เธอเปิดใจรับเขาหน่อย
มัทนาพูด ไม่ออก เสมองข้ามไปข้างหลังพลอย แล้วสีหน้าตื่นตะลึงขึ้นมาอย่างกะทันหันเมื่อเห็นหมอไอศูรย์เดินโปรยยิ้ม เข้ามา พลอยหันไปเห็นก็ตะลึงไปอีกคน
“พี่ต้น!” พลอยอุทานแล้วมองหน้าเพื่อนรักสลับกับชายหนุ่มที่ตัวเองปลื้มปริ่มอยู่ไปมา....
เมื่อทั้งสามคนได้นั่งคุยกันสักครู่ พลอยเปรยว่าไม่น่าเชื่อว่าโลกจะกลมขนาดนี้ และถามคุณหมอว่ามาทำอะไรที่นี่
“พี่ก็แค่ผ่านๆมา แล้วบังเอิญเห็นน้องพลอยกับคุณมัทนาพอดี ก็เลยเข้ามาทักน่ะ”
“แหม...โลก กลมๆของเราสามคนนี่ยังเต็มไปด้วยความบังเอิญอีกนะคะ บังเอิญยายมัทรู้จักกับพี่ต้น บังเอิญพี่ต้นรู้จักกับพลอย แถมพลอยบังเอิญเป็นเพื่อนสนิทกับยายมัทอีก ต้องเอาเรื่องนี้กลับไปเล่าให้พี่เพชรฟังสักหน่อยแล้ว”
พลอยพูดจบก็เห็นมัทนากับไอศูรย์มองตากัน...เธอลอบถอนใจด้วยความกังวล รู้สึกทะแม่งๆกับความสัมพันธ์ของทั้งคู่
ooooooo
บุปผา มาทำแผลและตั้งใจมาเจอหมอไอศูรย์ที่โรงพยาบาลแต่คลาดกันนิดเดียว จึงฝากกระเช้าผลไม้ไว้กับพยาบาลแล้วเดินหน้าตูมออกมาเจอนายสินอย่างไม่คาด คิด
สินดีใจมากรีบลงจากรถมาทักบุปผา พอเห็นเธอมีผ้าพันแผลที่มือก็สอบถามด้วยความเป็นห่วง บุปผากลับตอบอย่างไม่แยแสความรู้สึกเขาเลยสักนิด
“ถ้าไม่เป็นอะไรแล้วจะต้องพันผ้าพันแผลไว้ อย่างนี้เรอะ ถามอะไรโง่ๆ”
สินหน้าเจื่อนไปนิดแล้วรีบเอาใจสาวสวยต่อ “แล้วนี่บุปผาจะไปไหนจ๊ะ ให้ฉันไปส่งนะ ฉันมีรถมาด้วย”
บุปผาเหลือบมองรถด้วยท่าทีพอใจ เพราะหรูหราไม่ใช่เล่น
“ฉันเพิ่งไปส่งคุณหนูที่มหาวิทยาลัยมาน่ะ เย็นๆ ถึงค่อยไปรับ บุปผาจะไปไหน ให้ฉันไปส่งนะ”
สิน ยิ้มประจบเอาใจบุปผาเต็มที่ ปรากฏว่าบุปผายิ้มหวานตอบเพราะเห็นแก่ประโยชน์ ยอมให้เขาไปส่งถึงหอโคมแดง แต่พอลงจากรถปุ๊บก็เดินหนีอย่างเย็นชา อย่าว่าแต่รับปากยอมขึ้นห้องตามที่นายสินขอ แม้แต่เอ่ยคำขอบคุณที่เขามาส่งก็ไม่มีหลุดออกจากปากหล่อน!
ทางด้าน พลอยที่เริ่มสงสัยความสัมพันธ์ของมัทนากับไอศูรย์ แต่พอจะซักถามมัทนาก็ชิงบอกเสียก่อนว่าแม่ของตนกำลังจะให้หมั้นกับลูกชาย เพื่อน ฝ่ายเพชรที่หลงรักมัทนาเต็มเปาก็ตั้งใจไปปรึกษาไอศูรย์ว่าจะทำอย่างไรดี แต่รายนั้นถึงกับพูดไม่ออกเมื่อได้ยินชื่อมัทนา เทพบริบาล เพราะเธอคือสาวน้อยที่เขาพึงพอใจอยู่เช่นกัน
ตกเย็นไอศูรย์กลับเข้า บ้านทราบจากมารดาว่าจะให้เขาหมั้นกับลูกสาวเพื่อนที่ชื่อมัทนา เทพบริบาล ชายหนุ่ม ดีใจอย่างบอกไม่ถูก แต่ก็แอบหนักใจไม่น้อยเหมือนกัน เพราะเพชรเพิ่งมาบอกเมื่อเช้าว่ารักชอบมัทนาอยู่ ส่วนเพชรก็เพิ่งรู้จากพลอยว่ามัทนากำลังจะหมั้นกับผู้ชายที่แม่หาให้ เขาร้อนใจหนักกว่าเดิมตั้งใจมาหารือไอศูรย์ แต่กลายเป็นว่าต้องโมโหโกรธาเมื่อรู้ว่าผู้ชายคนนั้นคือไอศูรย์นั่นเอง
เพชรลุกพรวดจ้องหน้าไอศูรย์อย่างแค้นเคืองสุดขีด ไอศูรย์พยายามใช้น้ำเย็นเข้าลูบ
“เพชร...ฟังพี่ก่อน พี่ก็เพิ่งรู้เหมือนกันว่าแม่พี่จะให้พี่หมั้นกับคุณมัทนา”
“แต่พี่ต้นก็รู้ว่าผมชอบน้องมัทนาอยู่ ถ้าพี่ต้นไม่ได้ชอบอยู่กับน้องมัทนา พี่ต้นก็ควรจะปฏิเสธการหมั้นสิครับ”
ไอศูรย์นิ่งอึ้ง เพชรรู้แล้วว่าอาการนิ่งของเขาคือการยอมรับว่าชอบมัทนาเหมือนกัน
“เพชร...ถึงจะเกิดเรื่องนี้ขึ้น แต่เราสองคนก็ยังจะเป็นพี่น้องกันได้อยู่ใช่ไหม”
เพชร ไม่ตอบ เดินหน้าบึ้งออกไปเลย ไอศูรย์ถอนใจด้วยความกลัดกลุ้ม...ต่อมาเมื่อพลอยพอรู้เรื่องนี้จากพี่ชายก็ รู้สึกเคืองมัทนาไม่น้อย ไปต่อว่าเธอถึงบ้าน แต่พอฟังคำอธิบายของเพื่อนที่ไม่รู้มาก่อนว่าผู้ชายที่แม่หาให้คือหมอ ไอศูรย์ พลอยก็สงบลงได้บ้าง...
ooooooo
บุปผากำลังหลับสบายใน ห้องส่วนตัว เสียงเคาะประตูตามด้วยเสียงเรียกของผกาทำให้หล่อนหงุดหงิดรำคาญ พอรู้ว่าศักดิ์ชัยมาและต้องการขึ้นห้องกับเธอก็ยิ่งอารมณ์เสีย ฝากผกาไปบอกเขาทีว่าวันนี้เธอไม่รับแขก
ผกาทำท่าหนักใจ บุปผาจะกลับเข้าห้อง แต่ยังไม่ทันก้าวขาศักดิ์ชัยก็พรวดพราดขึ้นมากระชากแขนเธอไว้
“บุปผา...คุณปฏิเสธผมหลายครั้งแล้วนะ ทำไม ผมมีอะไรน่ารังเกียจนักเหรอ”
“ปล่อยฉันนะคุณศักดิ์ชัย”
“ไม่ปล่อย! วันนี้คุณต้องขึ้นห้องกับผม”
บุปผา ไม่เล่นด้วยสะบัดตัวออก ศักดิ์ชัยยิ่งเคือง ยื้อยุดเธอไปมา ที่สุดก็โดนเธอผลักเซเสียหลักหงายหลังกลิ้งตกบันไดท่ามกลางเสียงร้องวี้ด ว้ายของสาวน้อยสาวใหญ่ในหอโคมแดง
ศักดิ์ชัยนอนแน่นิ่งไม่ได้สติอยู่เชิงบันได มุกวิ่งมาเห็นพูดโพล่งด้วยความตกใจสุดขีด
“นังบุปผา แกผลักคุณศักดิ์ชัยตกบันไดเหรอ พ่อเขามาเอาเรื่องแกตายแน่!”
บุปผาหน้าซีดหน้าเสีย แล้วกุลีกุจอช่วยพวกผกาพาศักดิ์ชัยไปส่งโรงพยาบาล แต่พอนึกอะไรได้ก็กระซิบถามผกาว่าทำไมต้องเอาเขามาที่นี่ด้วย
“ก็ ที่นี่เป็นโรงพยาบาลที่ดีที่สุด หมอเก่งที่สุดน่ะสิ บุปผาเอ๊ย...คุณศักดิ์ชัยเขาเป็นถึงลูกพ่อค้าใหญ่ พลัดตกบันไดลงไปขนาดนั้นไม่คอหักตายคาบ้านเราก็บุญถมไปแล้ว ยังไงๆเราก็ต้องพาเขามาหาหมอที่เก่งที่สุด”
บุปผาหน้าไม่ดีหันมองรอบทิศ เห็นหมอไอศูรย์กำลังถูกตามตัวเข้าไปในห้องฉุกเฉิน ก็รีบหลบหลังผกาทันที
“เป็นอะไรไปบุปผา”
“ฉันกลับไปรอฟังผลที่บ้านได้ไหมแม่”
“ไม่ ได้ เราน่ะเป็นตัวต้นเหตุก็ควรจะอยู่รอดูอาการคุณศักดิ์ชัยเขาที่นี่ เดี๋ยวพ่อคุณศักดิ์ชัยเขาก็คงจะมา บุปผาจะหลบหน้าพ่อเขาไม่ได้หรอกนะ เดี๋ยวจะกลายเป็นเรื่องใหญ่ไปกว่าเดิม”
“ฉันไม่ได้จะหลบหน้าพ่อคุณศักดิ์ชัยสักหน่อย”
“แล้ว จะหลบหน้าใคร” พูดไปแล้วชักเอะใจ เปลี่ยนเป็นโน้มหน้ามากระซิบถามบุปผา “อย่าบอกนะว่าหมอที่บุปผาเคยพูดถึงให้แม่ฟัง เขาทำงานอยู่ที่นี่น่ะ”
“ไม่ใช่ แค่ทำงานที่นี่ เขาเป็นเจ้าของโรงพยาบาลนี้เลยละแม่ แล้วถ้าเขารู้ว่าฉันเป็นผู้หญิงหากิน เขาก็จะไม่เอาฉันน่ะสิ แม่ให้ฉันกลับบ้านนะ แล้วเรื่องคุณศักดิ์ชัยจะเอายังไงค่อยว่ากัน”
ผกา นิ่งคิดไปครู่หนึ่งก่อนจะพยักหน้ารับอย่างจำใจ เห็นแก่อนาคตของบุปผา...เมื่อกลับมาถึงหอโคมแดงคนเดียว บุปผาก็ถูกมุกเพ่งเล็งจับผิดอีกว่า
“ทำไมกลับมาก่อนคนเดียว นี่อย่าบอกนะว่าคุณศักดิ์ชัยตายแล้วน่ะ”
“บ้า! เขายังไม่ตายย่ะ หมอกำลังรักษาอยู่”
“แล้วนี่หล่อนกลับมาบ้านทำไม แล้วคนอื่นๆล่ะ”
บุปผาไม่สนใจจะตอบคำถาม เดินตรงไปใช้โทรศัพท์ หมุนฉับๆโทร.หาใครบางคน
ooooooo
ผ่านไปพักใหญ่...ผกา เดือน และสิรีพากันกลับมา บุปผาถลาเข้าไปถามผกาอย่างร้อนใจว่าศักดิ์ชัยเป็นยังไงบ้าง
“พ้นขีดอันตรายแล้ว”
บุปผา โล่งอก แต่ไม่ทันไรก็หน้าซีดเป็นไก่ต้ม รวมทั้งคนอื่นๆก็พลอยตกอกตกใจไปด้วยเพราะพงษ์ศักดิ์พ่อของศักดิ์ชัยพรวดพราด เข้ามาพร้อมลูกน้อง โวยวายถามหาคนที่ผลักลูกชายตกบันได จะเอาตัวไปส่งตำรวจ
แต่ ก่อนที่บุปผาจะถูกรวบตัว กำพลก้าวเข้ามาแทรกกลาง “ใจเย็นๆสิครับเจ้าสัว เรื่องที่เกิดขึ้นน่ะมันเป็นอุบัติเหตุ บุปผาไม่ได้ตั้งใจสักหน่อย”
“ลื้อเป็นใครวะ มาสาระแนเรื่องของคนอื่น รู้ไหมอั๊วเป็นใคร”
“ผม รู้ว่าเจ้าสัวเป็นใคร และผมก็เชื่อว่าเจ้าสัวก็รู้จักพ่อผมดีเหมือนกัน” กำพลแนะนำชื่อเสียงเรียงนามบิดาซึ่งเป็นนายทหาร และย้ำว่าเรื่องที่เกิดขึ้นเราคงตกลงกันได้อย่างเงียบๆ
พงษ์ศักดิ์ ท่าทีเกรงบารมีบิดากำพล เม้มปากแน่นอย่างเจ็บใจ ในขณะที่บุปผายิ้มอย่างผู้มีชัย...หลังจากเคลียร์กันเรียบร้อย พงษ์ศักดิ์พาลูกน้องกลับไปแล้ว บุปผาสำนึกบุญคุณกราบแทบอกกำพลด้วยท่าทีกระชด กระช้อย
“บุปผาต้องกราบขอบคุณคุณกำพลมากนะคะที่ มาช่วยบุปผา นี่ถ้าไม่ได้คุณกำพล บุปผาคงต้องแย่แน่ๆ”
มุกยืนซุบซิบกับผองเพื่อนอยู่อีกมุม จ้องบุปผาอย่างชิงชัง แน่ใจแล้วว่าที่แท้บุปผาโทร.หากำพลนี่เอง
“ฉัน ว่าบุปผามันเก่งนะที่คิดได้ว่าต้องโทร.หาคุณกำพลน่ะ เพราะพ่อค้าคนไหนๆก็ต้องกลัวต้องเกรงใจพวกทหารทั้งนั้นแหละ คุณกำพลเขาเป็นลูกนายทหารใหญ่” พิกุลพูดซื่อๆ แต่มันทำให้มุกอารมณ์เสียแหวใส่เสียงเขียว
“เออ! ไม่ต้องพูดแล้ว”
อ่านละคร ไฟหวน ตอนที่ 1-2 วันที่ 18 พ.ค. 56
ละครเรื่อง ไฟหวน บทประพันธ์โดย ฐา-นวดี สถิตยุทธการละครเรื่อง ไฟหวน บทโทรทัศน์โดย ฐา-นวดี สถิตยุทธการ
ละครเรื่อง ไฟหวน กำกับการแสดงโดย มารุต สาโรวาท
ละครเรื่อง ไฟหวน ผลิตโดย บริษัท มาสเคอเรด จำกัด โดย มารุต สาโรวาท
ละครเรื่อง ไฟหวน เป็นละครแนว ดราม่าเข้มข้น
ละครเรื่อง ไฟหวน ออกอากาศทุกวันศุกร์ - เสาร์ - อาทิตย์ เวลา 20.25 น. ทางช่อง 7 สี
ที่มา ไทยรัฐ