อ่านละคร อาญารัก ตอนที่ 17 วันที่ 9 พ.ค. 56


อ่านละคร อาญารัก ตอนที่ 17 วันที่ 9 พ.ค. 56

“เขาน่าจะแค่เชิญตัวไปสอบปากคำ ไม่ทำอะไรอย่างที่หนูติ๋วกลัวหรอกจ้ะ” เรียมปลอบ
“ชั้นชักสงสัยเสียแล้ว ว่าเรื่องมันไม่ปกติ มันมีเงื่อนงำ เนียนมันกำลังโดนปรักปรำใส่ร้ายให้กลายเป็นแพะรับบาป”

“ทำไมแม่ถึงต้องรับกรรมที่คนอื่นนำมาให้ หนูโง่จริงๆ ไม่ควรพูดออกไปเลย ว่านั่นคือรองเท้าของที่หนูให้แม่ใส่ไป นี่หนูทำร้ายแม่ตัวเองแท้ๆ” เนื้อทองครวญ
“แหม ..ก็ไอ้ตาเทิดศักดิ์กับพ่อแดงน้อยนั่นแหละ มันตัวการ มันพูดจาวกวนจะเอาความผิดให้ได้ มาเหยียบเรือนชั้นอีกเมื่อไหร่ จะแพ่นกบาลให้แยก”

“คุณเรียมขา ถ้าแม่ต้องเข้าตะราง จะมีใครช่วยแม่ได้ไหมคะ”
“รอให้แม่หนูมาก่อน ให้เขาสอบสวนกันก่อน ว่าแม่หนูไปไหนอยู่ไหนในเวลาที่ช้อยมันตาย ถ้าแม่เขายืนยันได้ไม่มีปัญหาหรอก”
เรียมจับมือโอบบ่าเนื้อทองไว้ ทานตะวันเดินเข้ามาพอดี


“ความจริงชั้นใจอ่อนกับแม่แกแล้วนะยัยติ๋ว ตั้งใจว่าจะไม่โกรธไม่ด่าไม่ติฉินอีกแล้ว แต่ดูแม่แกทำสิ ฆ่าคนตาย ชั้นใจอ่อนไม่ลงย่ะ”
“หนูอี๊ด ปากพล่อย คนล้มอย่าข้ามสิ รู้ได้ยังไงมีใครตัดสินว่าเขาผิดแล้วรึ” ทองจันทร์เอ็ด
“คนจะผิดหรือไม่ ไม่ได้อยู่ที่เราตัดสินกันเอง ศาลสถิตยุติธรรมมีอยู่ อย่าเพิ่งพูดเองเออเองสิหนูอี๊ด” เรียมบอก
“แต่บ้านเราต้องเสียหายเพราะยัยเนียนมาตลอดเวลายี่สิบกว่าปี นี่ก็เข้าวัยกลางคน ยังไม่วายก่อเหตุอีก จะให้หนูยืนนิ่งไม่ไหวติงเป็นเสาไฟฟ้าที่บางกอกหรือคะ เชิญปลอบกันต่อไปเถิดค่ะ หนูไม่เอาด้วยดอก”
“ไม่ต้องเอาดอกย่ะ ชีวิตแกรอดมาถึงวันนี้ เพราะมีใครช่วยแกยะ ไม่ใช่เนียนมันดอกรึ อกตัญญูตั้งแต่หัวเท่ากำปั้น ยันหัวเท่าลูกมะพร้าว” ทองจันทร์เหลืออด ด่าให้
“คุณย่าจะมาลำเลิกบุญคุณหนูแทนมันทำไมกัน แม่สนบอกแล้วเชียวว่ามันต้องเผอเรอทิ้งหลักฐานไว้ ผิดไปซะเมื่อไหร่”
“ย่ะ แม่สนของหล่อนดีเลิศประเสริฐสม ฉลาดแกมโกง โยงคนดีให้กลายเป็นคนเลวได้เก่งกาจนักแล เป็นหมอดูแม่นๆ ให้มันทายอนาคตตนเองบ้างสิว่า จะคดจะงอไปทางนรกหรือสวรรค์”

ทานตะวันเดินหนีลงเรือนไป ทองจันทร์กับเรียมส่ายหน้าเอือมระอา ขณะที่เนื้อทองยังคงร้องไห้ต่อไป
ทางด้านสนกำลังจีบปากจีบคออย่างย่ามใจ ใส่ความเนียนให้แดงน้อยกับเทิดศักดิ์ฟังอยู่บนเรือนเล็ก

“แม่ก็แปลกใจนะว่าเนียนมานั่งซุ่มทำอะไรตอนใกล้รุ่ง”
“เอ..แล้วคุณแม่เล่าครับ ลงมาดูอะไรตอนใกล้รุ่ง”
“ก็แม่ แม่ นอนไม่หลับ ลุกมานั่งที่หน้าต่าง แลเห็นคนนั่งชะเง้อรอใครที่ท่าน้ำเหมือนเมื่อยี่สิบกว่าปีที่แล้วเปี๊ยบ”
“คุณแม่สนก็เลยลงไปดูหรือครับ” แดงน้อยซัก
“ใช่จ้ะ แดงน้อยเดาเก่งแท้ๆ แม่ลงมาดู ที่แท้ก็เนียนนี่เอง”
“น้าเนียนบอกคุณแม่ว่ามานั่งรอใครครับ”
“มันไม่บอก มันไม่พูด ไม่ยอมเอ่ยอะไรทั้งสิ้น”
“คุณแม่สนเห็นแม่เนียนใส่รองเท้าคู่ที่ว่านี่ไหมครับ”
“แหม แม่ไม่ทันดูดอกจ้ะ แม่ก็เอาแต่เกรงว่ามันจะมาแอบรอเสือหนัก” สนบอก
“อ้อ ใช่แล้ว ผมนึกออกแล้ว คุณแม่ก็เลยเข้าใจว่าเสือหนักมาจริงๆ แล้วหนีขึ้นเรือนไปนอนตัวสั่น เอ๊ะ คุณแม่ไม่เห็นคุณพ่อดอกหรือครับ”
“คุณพ่อ นี่เอาอะไรมาพูด คุณพ่อมาเกี่ยวอะไรด้วย” สนงง เพราะไม่รู้เรื่องนี้
“ไม่มีอะไรครับ ผมพบคุณพ่อกำลังจะออกไปราชการที่บางกอกครับ”
“ไปกันเถิดเทิดศักดิ์ ไปดักรอน้าเนียน ว่าแกจะกลับมาเมื่อไหร่แล้วค่อยรอสอบปากคำ ผมลานะครับ คุณแม่”
แดงน้อยลา ลุกเดินออกไป เทิดศักดิ์เดินตาม สนมองตาม เกิดปัญหาใหม่
“พี่ขุนมาทำอะไรที่ท่าน้ำ โอย นี่มันอะไรกันอีก เอ๊ะ หรือพี่ขุนนัดเจออีเนียนเอ๊ะ แต่ถ้าพี่ขุนเจออีเนียนสิยิ่งดี พี่ขุนจะได้มาเป็นพยานว่าอีเนียนกลับมาฆ่าอีช้อยจริงๆ”
สนคิดวนเวียนไปมา เกิดปัญหากับตัวเองอีก
“อีเนียนมันไปสามชุก มันจะกลับมาอีกทำไมตอนใกล้รุ่งหรือว่ามันนัดเสือหนักจะมาฆ่าเราจริงๆ โอ๊ย..อีเนียนเอาแกไว้ไม่ได้แล้ว”
เสียงแมวดังเข้ามา “คุณสนเจ้าขา”
ตามด้วยเสียงกบ “คุณท่านให้หาเจ้าค่ะ”
“ว๊าย...อีแก่มันกำลังจะต้อนให้เราไม่มีทาง อีแก่ ไม่มีวัน อีแก่อย่างแกน่ะรึ เฟี๊ยวตายคาตีนอีสน”
สนหงุดหงิดแต่ก็เก็บไปคิดอีกแล้ว

แดงน้อยกับเทิดศักดิ์หลบมาคุยกันเอง สองคนหนักใจไม่สบายใจลำบากใจ
“กันลำบากใจ ไม่สบายใจ หนักใจเป็นที่สุด กันไม่เชื่อว่าน้าเนียนจะฆ่ายัยช้อย”
“กันก้อไม่เชื่อ แต่หลักฐานมันมัดน้าเนียนทุกประตู น้าเนียนกับยัยช้อยเป็นคู่อริกัน แม้น้าเนียนไม่เคยแสดงออก แต่แกโดนยัยช้อยคุกคามมากๆ ศาลท่านอาจเชื่อได้ว่านี่คือสาหตุจูงใจให้น้าเนียนลงมือฆ่ายัยช้อย”
“แต่กันก็มั่นใจว่า คู่อริยัยช้อยไม่มีแค่น้าเนียนดอก” เทิดศักดิ์ว่า
“งั้นใครรึ” แดงน้อยนิ่วหน้า
“แม่กัน” เทิดศักดิ์บอก
แดงน้อยไม่เชื่อ “พูดบ้าๆ คุณแม่มาได้ยินเข้าท่านเสียใจตาย”
“ก็เรื่องมันชวนให้คิดนี่นา แกคิดดูสิ แม่กันขากะเผลก ถามก็ไม่บอกทำทีให้คนเข้าใจว่าหมามันกัดเอา บ้านนี้มีหมาที่ไหน คุณแม่มีพิรุธมากแต่ไม่มีหลักฐาน คุณแม่น่ะเกลียดและริษยาน้าเนียน ตลอดเวลา มาตั้งแต่กันจำความได้ ที่คุณแม่บอกว่าเจอน้าเนียน น่ะ โกหกหรือเปล่าก็ยังไม่รู้”
“รอถามน้าเนียนดีกว่าว่าแกกลับมาหรือเปล่า ถ้ากลับมา มาทำอะไร”
“ไม่ว่าจะแม่กันหรือน้าเนียนผิด เรื่องนี้ขมขื่นบาดหัวใจกันทั้งนั้น เฮ้อ...” เทิดศักดิ์ถอนใจเฮือกใหญ่
“เอาเถิดน่า ทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุด เพราะเราคือข้าของหลวง ข้าของแผ่นดิน ย่อมทำทุกอย่างตามกฎระเบียบเพื่อความสงบสุขของบ้านเมืองและคนส่วนใหญ่ อย่าเอาเรื่องส่วนตัวมาปะปน”
สองคนได้แต่พยายามทำใจ
“กันเข้าใจ แต่มีอีกเรื่อง ที่เราต้องทำ คืออย่าเพิ่งให้นายแช่มรู้ว่ายัยช้อยตาย”
“จริงสิ ถ้านายแช่มรู้ เขาคงจะแค้นใจมากแล้วปรักปรำคนโน้นคนนี้ รูปคดีเราจะเสียได้”
“เก็บมันเอาไว้เป็นพยานปากสุดท้าย” เทิดศักดิ์ว่า

สองหนุ่มพยักหน้าให้กัน
ในเวลาต่อมา สนทนอึดอัดเถียงสู้ทองจันทร์ ทั้งที่ในใจอยากฆ่าให้ตายนัก แค่คำแรกสนก็ตะลึงกับคำถามยิงตรงของทองจันทร์

“แม่สนฆ่าปิดปากนังช้อย”
“ต๊าย ๆๆๆ ตาย คุณแม่แก่แล้วทำไมใจร้ายนัก มาใส่ความสน สนเสียหายมากนะคะ”
“แก่อย่างชั้นใส่ความเท็จ ใส่แต่ความจริง แม่สนทำเนียนมันเสียหาย มาตลอดชีวิตที่มาอยู่ที่นี่ แม่สนคิดบ้างสักนิดไหม”
“ก็สนบอกขอโทษไปแล้ว ว่าสนฟังความจากนางช้อย สนหูเบา สนยอมรับผิด แต่นี่จู่ๆ คุณแม่มาโยนบาปใหญ่ใส่สนหาว่าฆ่านังช้อยมันมันมากเกินไปแล้วนะคะ”
“มันน้อยเกินไปถ้าแม่สนทำเช่นนั้นจริง และชั้นก็เชื่อว่าแม่สนทำจริง ทำมาตลอด แม่สนทำตัวเป็นนายว่า นังช้อยทำตัวเป็นขี้ข้าพลอยเสมอมา แม่สนแสนฉลาดปานนี้ ถ้าอีช้อยมันแนะนำอะไรผิดๆ คิดเองไม่เป็นรึ ว่าไม่ควรเชื่อไม่ควรทำตาม แม่สนกับอีช้อยร่วมมือกัน บั่นทอนชีวิตของเนียนกับยัยติ๋ว”
“คุณแม่เลิกกล่าวหาสนเถิดค่ะ หลักฐานมันเห็นอยู่โทนโท่ว่านั่นมันคือรองเท้าของเนียน และสนก็เจอเนียนจริงๆ ที่ท่าน้ำ มันมารอเสือหนักสนเลยต้องเผ่นหนีเพราะกลัว”
“กลัวประสาไหนไม่ทราบ เผ่นหนีเอารองเท้าเนียนมันไปสร้างหลักฐานเท็จ”
“เนียนมันฆ่านังช้อยเสร็จมันตกใจหนีไปโดยลืมรองเท้าไว้ต่างหากค่ะ”
“เอ้า..แม่สนปากแข็ง ใจดำใจแคบ ตีหน้าเก่ง แต่ไม่ว่าแม่สนจะพูดว่ากระไรก็ตามที จะสะอาดบริสุทธิ์อย่างไรก็แล้วแต่ แม่สนก็เสกสรรปั้นเรื่องขึ้นมาทั้งนั้น”
“สนสาบานค่ะ ว่าสนไม่ได้ฆ่านังช้อย ไปสาบานให้ครบเจ็ดวัดก็ได้นะคะ เนี่ยสนก็ยืนยันกับเทิดศักดิ์และแดงน้อยไปแล้วค่ะ ว่าสนพบเนียนที่ท่าน้ำ”
ทองจันทร์มองหน้าสนท่าทีอ่อนใจ สนปากแข็งแน่นอนไม่มีวันยอมสารภาพ
“แม่สนฉวยโอกาสใส่ไฟมัน ถ้าเช่นนั้นแม่สนจงพูดเสียใหม่ว่า ไม่ได้พบเนียน ที่ศาลาท่าน้ำ”
“ต๊าย คุณแม่ให้สนกลับคำปลิ้นปล้อนตลบตะแลง”
“ชั้นขอร้อง”
“สนทำไม่ได้ดอกค่ะ”
“ถ้าแม่สนทำไม่ได้ ชั้นทำได้เอง”
“คุณแม่จะทำอะไรคะ”
“จะเรียกเทิดศักดิ์มาบอกว่า เทิดศักดิ์ไม่ใช่ลูกพ่อเทพ ซึ่งก็แปลว่า เทิดศักดิ์คือลูกชู้ แม่สนมีชู้ ชั้นน่ะฉงนตั้งแต่แม่สนท้องสิบสองเดือนแล้ว หล่อนไปท้องกับใครมารึ”
“คุณแม่ นี่คุณแม่ไม่สงสารเทิดศักดิ์หรือคะ”
“สงสารสิ แต่ถ้าตาเทิดศักดิ์ไม่ใช่หลานชั้น ชั้นก็มีสิทธิ์ที่จะบอกพ่อเทพว่ามันไม่ใช่...”

สนตะลึงอึ้งพูดอะไรไม่ออก คุณนายทองจันทร์ยิ้มออกมาอย่างเป็นต่อ เห็นหนทางรำไรที่จะช่วยเนียน โดยไม่สังหรณ์ใจว่าความตายกำลังจะมาเยือนเรือนชีวิต!
ด้านเนื้อทองยังคงโศกเศร้าเสียใจ และหวาดกลัวเรื่องเนียนจะโดนจับไปคุมขัง แดงน้อยเห็นให้นึกสงสารจึงเดินเข้ามาปลอบ

“น้องติ๋วครับความจริงพี่กับเทิดศักดิ์ไม่เชื่อดอกว่าน้าเนียนฆ่ายัยช้อย”
“เชื่ออย่างไรก็ไร้ประโยชน์ค่ะ เพราะหลักฐานมัดแม่เนียนแน่นหนามากทำไมคะ ทำไมแม่ถึงต้องโดนทำร้ายมาตลอดเวลา เพราะว่าหนูกับแม่ยากจนต่ำต้อยถึงพบเจอแต่ความขมขื่น ทั้งที่เราแม่ลูกพยายามทำดีอดทนไม่ปริปากบ่น เรื่องครั้งนี้ หนูใจจะขาดแล้วค่ะ พี่แดงน้อย”
ด้วยความที่จริงๆ แล้ว แดงน้อยหลงรักเนื้อทองหมดใจ ทนฟังไม่ได้จึงกอดเนื้อทองเอาไว้ลูบหัวปลอบโยน
“ความจริงก็คือความจริง และพี่กับเทิดศักดิ์ต้องพยายามพิสูจน์ออกมาให้ได้ ว่าน้าเนียนไม่ผิด”
เนื้อทองสะอื้นไห้ซบกับอกแดงน้อย จังหวะนี้ทานตะวันปราดมากระชากเนื้อทองออก แล้วตบหน้าสุดแรงเกิดเพราะหึงหวง
“งามหน้า นักนะ แม่ว่าที่พี่สะใภ้ของชั้น ลับหลังพี่เทิดศักดิ์มาออดอ้อนพี่แดงน้อย ตกลงระหว่างแกกับแม่แก ใครกันแน่ที่อยากได้พี่แดงน้อยหรือว่าแข่งกันใครดีใครได้”
เนื้อทองตกตะลึงกับคำพูดของทานตะวัน
“คุณหนูอี๊ด กำลังใส่ร้ายชั้นกับแม่อย่างรุนแรงแสนสาหัสมากนะคะ”
“ดูช้างให้ดูหาง ดูนางให้ดูแม่ แกก็สำส่อนเหมือนกับแม่แกนั่นแหละเมื่อก่อนเป็นลูกชู้ มาตอนนี้เป็นลูกฆาตกร”
แดงน้อยตวาดเพราะสุดทนฟัง “หยุดนะ คุณทานตะวัน นี่หรือคือคำพูดของผู้ดีมีแต่เชือดเฉือนหัวใจคนอื่นให้ชอกช้ำ ผมกับน้องติ๋วบริสุทธิ์ใจต่อกันผมกับเทิดศักดิ์ไว้ใจกันและกัน เราสองคนไม่มีวัน เผาเรือนเพื่อน”
ทานตะวันยิ่งโมโห “พี่แดงน้อยตวาดหนู เพราะต้องการปกป้องมัน”
“มันคนนี้ที่คุณทานตะวันจิกกดหัวเรียกเธอนี่แหละ คือคนที่เทิดศักดิ์รักคือคนที่ผมรัก รักโดยไม่หวังสิ่งใดตอบแทน แล้วคุณทานตะวันเล่ามีใครสักคนไหมที่คิดกับคุณเช่นนี้ น้องติ๋วครับ ที่นี่ไม่ปลอดภัยสำหรับน้องติ๋ว ขึ้นเรือนไปหาคุณย่านะครับ พี่จะไปส่ง”
แดงน้อยประคองเนื้อทองที่ร้องไห้เดินจากไป ทานตะวันมองตามตาขวางสุดแสนอิจฉา
“อีติ๋ว อีลูกนังฆาตกร ขอให้แม่แกติดตะราง โดนประหารชีวิต โทษฐานฆ่าคนตาย”

ทานตะวันมองตามอย่างเคียดแค้นชิงชังเนื้อทอง หึงหวงแดงน้อย โกรธจนพาลน้ำตาไหล

เวลานั้นภายในห้องโถงบ้านท่านเจ้าพระยา ที่บางกอก ท่านเจ้าพระยาตบบ่าขุนภักดี
“ชีวิตการงานรุ่งโรจน์ ลูกเต้าก็ได้ดิบได้ดี เป็นตัวแทนพ่อเทพในเมืองสุพรรณ ยินดีด้วยนะพ่อเทพ”
“กระผมมีวันนี้เพราะท่านเมตตาอบรมสั่งสอน ขอรับ กราบขอบพระคุณท่านขอรับ”
“เรื่องการงานดีแล้ว เรื่องครอบครัวเล่า ได้ยินว่ามีเมียสามตามตำรารึ”
“ขอรับ คือ เอ้อ…”
“ผู้ชายเราก็แบบนี้แหละ มียศถาทรัพย์สินเงินทองมากขึ้น ก็มีเมียมากตามไปด้วย ว่าแต่เมียทั้งสามนี่ปกครองกันได้ดีไม่มีริษยาตบตีกันรึ”
“เอ้อ ก็มีบ้างประมาณว่าลิ้นกับฟันน่ะขอรับ”
“เรื่องนี้ก็อยากจะสั่งสอนด้วย ผู้หญิงน่ะเวลาร้ายก็ร้ายเกินชายอย่างเราๆ จงดูแลเมียทั้งสามให้เท่าเทียมกัน ใครมาก่อนถือว่าเป็นพี่ใหญ่ใครมาทีหลังให้เคารพคนมาก่อน คนมาก่อนก็เมตตาปราณีคนมาหลัง”
“รับทราบและจะนำไปปฎิบัติขอรับ”
“ยังไงละก็จดจำเรื่องที่ชั้นเคยกระทำผิดพลาดต่อพ่อเทพสมัยนั้นให้ดี ชั้นหูเบาไปตีเอาพ่อเทพ หลงเคืองมาเป็นสิบๆปี ที่ไหนได้ แม่ตัวดีมาคายบาปก่อนตาย ว่าแม่เองที่หลงรักพ่อเทพ อย่าเชียวนะ อย่าหูเบาเด็ดขาด”
ท่านขุนหน้าเสียไปนิดหนึ่ง แล้วสารภาพออกมา
“กระผม ได้ทำผิดมหันต์ไปยิ่งกว่านั้นมากมายขอรับ กระผมหูเบาวู่วาม นำความทุกข์มาสู่ผู้หญิงที่ผมรักสุดหัวใจ รักที่สุดอย่างที่ไม่คิดว่าจะรักใครได้ขนาดเธอคนนั้น ผมทำร้ายเธอมายี่สิบกว่าปี เพราะเข้าใจเธอผิด”
“พุทโธ่ แม่เรียมเอ๊ย”
“ไม่ใช่เรียมดอกขอรับ แต่เป็นภรรยาคนที่สามของกระผม ตอนนี้กระผมตาสว่างแล้วขอรับ กลับไปนี่ก็จะรับขวัญเธอขอรับ”
“ดีมาก ชีวิตคนเรานั้นมันสั้นนักหนา ใครร้ายมาก็ใช่ว่าจะต้องร้ายตอบเสมอไป เพราะใจเรานั่นแหละจะทุกข์ทนเสียเอง สวรรค์อยู่ในอก นรกอยู่ในใจ มิใช่บนท้องฟ้าหรือใต้ดินดอก พ่อเทพ”
“กระผมซาบซึ้งข้อนี้ดีขอรับ เพราะนรกอยู่ในใจของกระผมมานานเหลือเกิน กระผมกำลังปลดเปลื้องนรกออกจากอกและผลักไปให้พ้นตนเองพ้นบ้านขอรับ”
ขุนภักดีก้มลงกราบท่านพระยา ซึ่งท่านพระยาเอามือลูบหัวให้พร
“หวังว่าคงได้ยินข่าวดีของครอบครัวพ่อเทพก่อนชั้นตายนะ”
“ขอรับ อีกสองวันเสร็จราชการ กระผมกลับบ้านที่สุพรรณกระผมจะกระทำการให้เกิดข่าวดีดังที่ท่านแนะนำขอรับ”
ขุนภักดีก้มลงกราบอีกครั้ง

ด้านถมมาจอดเรือที่ท่าแถวตลาด
“ถึงแล้วครับ คุณเนียน”
“ขอบใจมาก จำไว้ขอร้องด้วยนะ ว่าอย่าได้เอ่ยถึงชั้นหรือท่านขุนไม่ว่าเรื่องใดๆ ก็ตาม ไม่ว่าใครจะถามอย่างไรก็ตาม ยืนกระต่ายขาเดียวเท่านั้น”
“ครับ”
เนียนลงจากเรือ ถมขับเรือออกไป

ฝ่ายทานตะวันมาโวยวายระบายอารมณ์กับสนเรื่องแดงน้อยกอดเนื้อทอง สนฟังแต่ไม่สนใจอีกแล้วเพราะจดจ่ออยู่แต่เรื่องเนียนเจอข้อหาฆ่าช้อยแน่ ส่วนเรื่องเนื้อทองกับแดงน้อยสนก็ยิ่งดีใจ ด้วยเนื้อทองจะได้ไม่ต้องมายุ่งกับเทิดศักดิ์อีก
“แม่สนฟังเรื่องความสำส่อนของมันสองแม่ลูกแล้ว แม่สนต้องรีบฟ้องพี่เทิดศักดิ์ให้ตัดรอนนังติ๋วมันนะคะ” ทานตะวันใส่อารมณ์สุดๆ
“วุ๊ย แม่สนไม่สนใจมันแล้วคะ มันจะไปสำส่อนกับใครยังไง ประเดี๋ยวมันก็ไปสำส่อนในนรกหมกไหม้หลังความตายในไม่ช้านี้ค่ะ”
“แม่สนขา พี่แดงน้อยบอกหนูหน้าตาเฉยว่ารักนังติ๋วมันนะคะ”
“ช่างเขาปะไรคะ รักก็รักสิคะ จะว่าไปแดงน้อยก็ใช่ว่าลูกชาติลูกตระกูลก็คู่ควรกับนังติ๋วแล้ว ไม่คู่ควรกับหนูอี๊ดดอก”
ทานตะวันชะงัก รู้สึกแปร่งหู “อ้าวแม่สนคะ อย่าลืมสิคะ ว่าหนูรักพี่แดงน้อย”
“หารักใหม่เถิดค่ะ ดีจะตายที่แดงน้อยรักมัน มันจะได้ไม่มารักเทิดศักดิ์ของแม่สน” สนเริ่มรำคาญมากขึ้น
“เอ๊ะแม่สน ทำไมพูดจาเรรวนอย่างนี้คะ นี่แม่สนคิดจะไม่ใยดีต่อความรู้สึกหงุดหงิดของหนูแล้วหรือคะ”
“แม่สนกำลังสนใจใยดีในความรู้สึกหงุดหงิดของตัวเองอยู่คะ หนูอี๊ดขาฟังนะคะว่าแม่สนเบื่อการเอาแต่ใจตัว จู้จี้จุกจิกเซ้าซี้ น่ารำคาญใจ รู้จักคำว่ารำคาญไหมคะ”
ทานตะวันโมโห “เอ๊ะยัยสน นี่จะขัดใจกันรึ”
“อ้าวยัยอี๊ด อีเด็กบ้า พูดภาษาคนไม่เคยรู้เรื่อง ต่อไปนี้จะไปตอแยใครที่ไหนก็ไป รำคาญใจแกมานานกว่ายี่สิบปีแล้ว อย่ามายุ่งกับชั้น”
ทานตะวันของขึ้น “นังสน”
“นังอี๊ด แกจะเอายังไงกับชั้น ทนแกไม่ไหวแล้ว ลูกเต้าก็ไม่ใช่”
“ชั้นจะไปฟ้องคุณพ่อ”
“เชิญแกขี่ม้าสามศอกไปบอกพ่อบอกย่าบอกแม่แกเลย จะได้บอกบ้างว่า แกสาระแนมาร้องไห้ข่มขู่ให้ชั้นรังแกนังเนียนกับนังติ๋ว อยากให้ชั้นฆ่าพวกมันให้ตายด้วยซ้ำ เอาสิมาแลกกัน อีเด็กเมื่อวานซืน”
ทานตะวันตกใจ กรีดร้องออกมา แล้ววิ่งลงจากเรือนสนไป
“สาธุ กำจัดอีนังลิ้นไรไต่ตอมมายี่สิบกว่าปีสำเร็จแล้ว”

สนก่นด่า แล้วถอนใจอย่างโล่งอก
ฟากเนียนเดินเลือกซื้อของใช้จำเป็นในร้านค้ามาจนถึงร้านขายรองเท้า แล้วหยุดยืนมอง

“รองเท้าสีดำของหนูติ๋ว ที่ให้เราเอามาใส่แล้วหายไป”
รองเท้าคู่นั้นเหมือนกันกับคู่ที่เนียนเอาของเนื้อทองมาใส่ เนียนยิ้มเดินไปจับรองเท้าดู
“เหมือนกันเปี๊ยบ หนูติ๋ว ซื้อมาจากร้านนี่เอง” เนียนหันเรียกคนขาย “คนขายจ๊ะรองเท้าคู่นี้ราคาเท่าไหร่จ๊ะ”
คนขายเดินมาหาเนียนยิ้มแย้ม
หมู่เติมกำลังเดินตรวจตราในตลาด เห็นเนียนกำลังซื้อรองเท้าชะงัก
“แม่เนียน มาซื้อรองเท้า เหมือนคู่ที่หมวดเทิดศักดิ์กับนายอำเภอ พบในที่เกิดเหตุฆ่ายัยช้อยเปี๊ยบ มีพิรุธ”
หมู่เติมตื่นเต้นมาก เนียนจ่ายเงิน ถือถุงรองเท้าเดินไปอีกทาง

เทิดศักดิ์กับแดงน้อย นั่งปรึกษากันที่ท่าน้ำเรื่องคดีทั้งหลาย
“แดงน้อย แกคิดว่าน้าเนียนจะกลับมาหรือเปล่า”
“กันว่าน้าเนียนต้องกลับมา ถ้าน้าเนียนไม่ได้ทำผิด แกต้องกลับมา”
“ถ้าน้าเนียนไม่กลับมา แสดงว่าแกหนี มีพิรุธ”
เสียงเครื่องเรือยนต์ดังแว่วมา สองคนลุกชะเง้อคอมองไป
“น้าเนียนมาแล้ว”
แต่กลายเป็นเรือถมที่ขับมาตามลำพัง
“นายถม”
ถมจอดเรือ มองสองคนที่ยืนเหมือนรออะไรสักอย่างแปลกใจ ถมยกมือไหว้สองคน
“สวัสดีขอรับ คุณเทิดศักดิ์นายอำเภอ”
“นายถมไปไหนมา”
“ไปเอ้อ...ไปธุระให้ท่านขุนขอรับ”
“ธุระที่ไหน” แดงน้อยซัก จากนั้นสองหนุ่มก็ผลัดกันถาม ถมตอบไม่เต็มคำนัก
“เอ้อ เอ้อ…”
“ชั้นได้ยินกบกับแมวบอกว่า คุณพ่อให้นายถมไปส่งน้าเนียนที่สามชุก”
“เอ้อ ขอรับ”

อ่านละคร อาญารัก ตอนที่ 17 วันที่ 9 พ.ค. 56

ละครเรื่อง อาญารัก บทประพันธ์ : จำลักษณ์
ละครเรื่อง อาญารัก บทโทรทัศน์ : วรพันธ์ รวี
ละครเรื่อง อาญารัก กำกับการแสดง : จรูญ ธรรมศิลป์
ละครเรื่อง อาญารัก แนว ดราม่า
ละครเรื่อง อาญารัก ผลิต : บริษัทดีด้าวิดีโอ โปรดักชั่น จำกัด
ละครเรื่อง อาญารัก ควบคุมการผลิต : สยม สังวริบุตร
ละครเรื่อง อาญารัก ออกอากาศทุกวันจันทร์ และวันอังคาร เวลา 20.25 น. ทาง ช่อง 7 สีทีวีเพื่อคุณ
ที่มา manager