อ่านละคร อาญารัก ตอนที่ 19 วันที่ 16 พ.ค. 56


อ่านละคร อาญารัก ตอนที่ 19 วันที่ 16 พ.ค. 56

“เรียกตามนางกบนางแมว เรียกตามท่านขุน คุณนายเรียม คุณท่านขอรับ” เอกว่า
“ไปนะ ไสหัวไปจากร้านชั้น ไปๆๆๆ ชั้นไม่ไปกินอาหารร่วมวงกับลูกชาวบ้านหลานชาวนา”
ทานตะวันโมโหปาของใส่ เอกวิ่งหนีหลบออกไปแทบไม่ทัน ทานตะวันเจ็บใจลงนั่งแปะบนเก้าอี้ น้ำตาซึม
“นี่เรากลายเป็นนางหัวเดียวกระเทียมลีบไปแล้วหรือ เพราะสองแม่ลูกนั่น”

ทานตะวันสะอื้นไห้ออกมาไม่สำนึกว่าตัวเองผิด ยังคงเคียดแค้นและโทษคนอื่นต่อไป
ขุนภักดีนั่งคุยกับแดงน้อยอยู่ในห้องทำงานที่ศาลากลาง



“แดงน้อย พ่อขอบใจมากที่มาบอกความจริงกับพ่อเรื่องหนูติ๋ว พ่อกำลังจะหาทางบอก หนูติ๋วเรื่องนี้ด้วยตัวเอง น้าเนียนเขาแนะนำว่า ให้เรื่องวุ่นๆ ผ่านไปก่อน พ่อก็เห็นด้วยกับเขา”
“ผมดีใจกับน้าเนียนและน้องติ๋วด้วยครับ เอ้อ ผมมีเรื่องจะปรึกษาคุณพ่อเกี่ยวกับที่นาสิบไร่ที่เคยบอกไว้นั่น มันกลับกลายเป็นว่าน้าเนียนโอนให้ผมแท้ๆ แต่ผมไม่เคยทราบมาก่อน ผมไม่เข้าใจว่าทำไมน้าเนียนจึงโอนให้ผม”
“หรือว่า...” ขุนภักดีชักเอะใจ
เสียงเคาะห้องดังขึ้น
“ผมเองครับ คุณพ่อ”
ทำให้เแดงน้อยกับท่านขุนเลิกพูดกัน เทิดศักดิ์พาเนื้อทองเข้ามาพร้อมด้วยดอกไม้ธูปเทียนแพ
“หนูเอ้อ หนูติ๋ว นี่นี่..เอ้อ…”
“น้องติ๋วจะมากราบขอบพระคุณคุณพ่อที่กรุณาไปประกันตัวน้าเนียนให้ครับ” เทิดศักดิ์บอก
เนื้อทองวางของลงแล้วก้มลงกราบแทบเท้าท่านขุน
“หนูกราบขอบพระคุณท่านที่เมตตาแม่เนียนเจ้าค่ะ”
ท่านขุน น้ำตาซึมเอื้อมมือไปโดยอัตโนมัติวางบนหัวติ๋ว
“ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร ลุกขึ้นเถิด”
เนื้อทองเงยหน้ามองหน้าท่านขุน สองคนสบตากัน ขุนภักดีเหมือนมีแววตาเสียใจ ทานตะวันมองอย่างซึ้งใจ
ไม่เท่านั้นท่านขุนยื่นมือไปประคองเนื้อทองให้ลุกขึ้น แดงน้อยกับเทิดศักดิ์มองหน้ากันแปลกใจ
“พ..เอ้อ ชั้นยินดีทำในสิ่งที่ถูกต้อง เนียนไม่ผิด ชั้นต้องรีบช่วยเหลือ ต้องขอโทษ ที่กลับมาจากบางกอกช้าจนเขาโดนขัง”
สองหนุ่มมองหน้ากันอีก เนื้อทองตื้นตันทำอะไรไม่ถูกน้ำตาซึม ท่านขุนหยิบผ้าเช็ดหน้าส่งให้
“อย่าร้องไห้ อีกไม่นานบ้านเราจะเหลือแต่เสียงหัวเราะ”
“ขอบพระคุณมากเจ้าค่ะ”
ขุนภักดีอยากดึงลูกสาวมากอดใจแทบขาด แต่ยังไม่กล้าทำตอนนี้

ตกตอนค่ำสนนั่งซึมเซาอยู่คนเดียว ได้ยินเสียงจะเข้ฝีมือเรียมดังลอยตามลมมา สนยิ่งห่อเหี่ยว
“สนุกสนานกันเหลือเกิน ทำไมพี่ขุนไม่มาบอกเราด้วยตนเอง ทำไมพี่ขุนพูดจากับเราแปลกๆ ดูห่างเหิน หรือว่าพี่ขุนสิ้นรักเราแล้ว”
สนน้ำตาไหล เทิดศักดิ์ก้าวขึ้นเรือนมา
“คุณแม่ร้องไห้ มีอะไรหรือครับ”
“แม่ แม่ ไม่ได้มีอะไรดอกลูก แม่ แค่คิดถึงเรื่องราวเก่าๆ แม่ก็เลยเศร้าน่ะลูก”
“ทำไมคุณแม่ไม่ไปเรือนคุณย่าเล่าครับ คืนนี้เขามีการกินอาหารกันนะครับ”
“กินอาหาร รับขวัญอีเนียนรึ แม่กินกับมันไม่ลงดอก”
“คุณพ่อฝากบอกผมมาว่าอย่าลืมเตือนคุณแม่ ให้ไปกินอาหารด้วยกันพร้อมหน้าพร้อมตานะครับ”
“คุณพ่อบอกเช่นนั้นรึ ทำไมไม่มาบอกกับแม่ด้วยตัวเอง”
“โธ่ คุณแม่ครับ คุณพ่อน่ะงานยุ่งมากนะครับ”
“ยุ่งประกันตัวอีเนียน”
“เอ้อ...คุณแม่ก้าวข้ามไม่พ้นน้าเนียนมายี่สิบกว่าปีแล้วนะครับ คุณแม่ใส่ใจน้าเนียนมากเกินไปแล้ว แกก็แค่ผู้หญิงธรรมดาไม่มีพิษสง”
“พิษสงของมันก็คือ ทำเป็นธรรมดานี่แหละ เทิดศักดิ์ไปเถิด ถ้าแม่อยากไปแม่จะไปเอง เห่อกันเข้าไป มันฆ่าคนก็ยังช่วยกันหาว่ามันไม่ผิด”
“คุณแม่ครับ ผม แดงน้อย และคุณพ่อรู้ดีว่าน้าเนียนไม่ผิด แต่มีคนใส่ความแก น้าเนียนไม่ได้ฆ่ายัยช้อย คนที่ฆ่ายัยช้อย ฆ่านายถม นายสายและนายเสริม คือคนๆ เดียวกัน เรายังมีพยานคือนายแช่มที่พร้อมจะเปิดปาก อะไรที่มันรู้อีกหลายประการนะครับ”
สนสะดุ้งวาบ “นี่ สรุปกันแล้วรึ ว่าอีเนียนไม่ผิด”
“เกือบสรุปครับ”
“แม่อยากรู้ว่ามันมาพบใครที่ท่าน้ำ มันช่วยกันโกหกให้อีเนียนพ้นผิดหรือเปล่า”
“ไม่โกหกแน่ครับ”
“ใครรึที่มันมาพบ ขอร้องเถิด บอกแม่นะ”
“ผมบอกไม่ได้ เขาให้ปิดไว้เป็นความลับ”
“ไม่มีใครไว้เนื้อเชื่อใจแม่อีกแล้วใช่ไหม”
สนเดินหนีมีน้ำตาคลอๆ กลับเข้าห้องไป เทิดศักดิ์ได้แต่มองตามอย่างหนักใจ
“คุณแม่ต่างหาก ที่กำลังมีความทุกข์ ที่ไม่ยอมไว้เนื้อเชื่อใจบอกความจริงใครได้”

เทิดศักดิ์ถอนใจออกมาด้วยความกลัดกลุ้ม
บนเรือนคุณนายทองจันทร์ยามนี้ บรรยากาศแสนชื่นมื่น เรียมยังคงเล่นจะเข้ขณะที่ขุนภักดีนั่งยิ้มนิ่งฟังอย่างมีความสุข มีเนียนนั่งใกล้ๆ อยู่ที่พื้น

ส่วนเนื้อทองนั่งที่พื้นติดกับทองจันทร์ กบ และแมวยิ้มราวกับว่ามีความสุขมาก
ขุนภักดีก้มลงไปหาเนียน “เนียนจ๊ะ มานั่งข้างๆ พี่ บนเก้าอี้นี่เถิด”
“มิบังควรอย่างยิ่งค่ะ เนียนนั่งตรงนี้ก็ดีแล้วค่ะ เราสัญญากันแล้วนะคะพี่ขุน”
ท่านขุนงอน “แปลกจริง คนเขาจะยกย่องก็ไม่ยอม”
เนียนยิ้มขำ จะเข้จบไปเพลงหนึ่ง ทุกคนปรบมือให้เรียม
“แม่เรียมจ๊ะ แม่ขอฟังเพลงเขมรไทรโยก สักเพลงก่อนกินข้าวนะลูก”
“ค่ะ.. คุณแม่”
เรียมเริ่มเล่นเพลงเขมรไทรโยก
“หนูติ๋ว รู้ไหมย่าน่ะร้องเพลงเขมรไทรโยคเก่งเป็นที่หนึ่ง เลยแหละ บรรยายความตามไท้ เอ๋อ เอ่อ เอย สเด้จ..ยาตร…”
จังหวะนี้เทิดศักดิ์กับแดงน้อยเข้ามาพร้อมกัน ไหว้ผู้ใหญ่ทุกคน เรียมพยักหน้ารับ มือยังเล่นเพลงต่อ
“ทำไมคุณแม่สนไม่มา เทิดศักดิ์”
“กันเอาใจและเดาใจคุณแม่ไม่ถูก ว่าคุณแม่ต้องการอะไร คุณแม่เหมือนไม่สบายใจมากๆ กันกลุ้มจนนอนไม่หลับ แต่ทำฝืนยิ้มไปวันวัน ไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นกับกัน ในวันข้างหน้า”
“กันเห็นใจแกนะ ฟังเพลงเถิด คุณนายแม่เล่นจะเข้เก่งจริงๆ”
สองคนตั้งสติฟังจะเข้ต่อไป

สนเดินไปทางเรือนทองจันทร์ ในใจก็คิดไปด้วย
“อีเนียนได้ประกันตัวมาแล้ว อีแก่ทองจันทร์ มันคงไม่เอาความลับของเทิดศักดิ์ไปเปิดเผย แต่ถึงยังไงมันก็กำความลับอยู่ดี”
สนเดินเรื่อยเปื่อยมีเสียงเพลงเขมรไทรโยกดังแว่วมา สนรีรอ จะไปต่อหรือจะหยุด
“เดินหน้ามาแล้ว จะถอยหลังกลับไปทำไม ขี่หลังเสือแล้ว ก็นั่งไปจนกว่าเสือหรือเราจะตาย ตายเป็นตาย อีสน ไม่เกรงหน้าอินหน้าพรหมแล้ว”
สนตัดสินใจหันกลับเดินมุ่งหน้าไปเรือนทองจันทร์ทันที

เรียมเล่นจะเข้เขมรไทรโยกจบเพลง ทุกคนปรบมือ
“ฟังเพลงกันแล้ว มากินข้าวกัน วันนี้มีความสุขจริงๆ นะพ่อเทพ แม่เรียม เนียน เด็กๆ ด้วย อ้าว เดี๋ยว ครบกันหรือยังล่ะนี่”
“ขาดคุณสนกับคุณหนูอี๊ดค่ะ” เนียนบอก
สนเดินเข้ามาขณะที่ทุกคนกำลังจะล้อมวงนั่งกิน เรียมหันไปเห็น
“สนมาแล้ว มาสิจ้ะสน”
“แหม ช่างมีความสุขกันแท้ๆนะคะ คุณแม่ คุณพี่เรียม ฉลองที่เนียนรอดคุกรอดตะรางกันยกใหญ่”

ทุกคนเงียบกริบ ท่านขุนชักสีหน้าไม่พอใจ
ทองจันทร์ให้นึกโมโหที่ถูกสนทำลายบรรยากาศ สวนออกไปทันทีทันควัน

“ย่ะ พ่อเทพเขาชวนให้ทุกคนมีความสุขฉลองการได้ประกันตัวของเนียน แม่สนรู้ไหมยะ ว่าคดีนี้มีทีท่าว่าจะโอละพ่อ โอละแม่โอละหนอเนียนเอย ตาเทิดศักดิ์กับพ่อแดงน้อยจับคนร้ายผิดตัวย่ะ ไอ้อีคนร้ายนั่น มันลอยนวลไปได้ไม่นานดอกนะยะ”
สนสะดุ้งในใจนิดหนึ่ง ถึงพูดไม่ออก
“กบ แมว จานชามน้ำช้อนมาให้คุณสนสิ”
เทิดศักดิ์กะแดงน้อยรีบลุกมาหา จะพาสนไปนั่ง
“นั่งนี่ครับคุณแม่”
“นั่งนี่ก็ได้ครับ คุณแม่”
แต่สนก็ไม่นั่ง
“นั่งเถิดสน กินกันพร้อมหน้าพร้อมตา กันสักที พ่อแม่ลูกหลาน”
ตลอดเวลา สนปรายตามองเนียนที่พยายามไม่มองตอบ สนแค้นทองจันทร์มากขึ้นเรื่อยๆ
“ไม่ละค่ะ พี่ขุน สน มันก็แค่...” สนพูดไม่ทันจบคำ
ทองจันทร์สวนออกมาอีก “นกไร้ขน คนไร้เพื่อน เพราะดันมีคนร้ายมาฆ่านางช้อยคนสนิท มันน่ะเป็นได้ทั้งขนและเพื่อนของแม่สนแท้ๆ แม่สนจ๋า อย่าว่าคนแก่พล่ามนะยะ แม่สนยังพอมีเวลานะยะ หาเพื่อนใหม่เพื่อนแท้สักคน แม่สนมีอะไรปรึกษาปรับทุกข์กับเนียนได้นะยะ เขาเรียกว่า ปรึกษาปรับทุกข์หากัลยาณมิตรจ้ะ เนียนเขาไม่แล้งน้ำใจดอก จริงไหมเนียน”
เนียนยิ้มแห้งๆ ไม่กล้าโต้ตอบ
“ขอบคุณมากค่ะ ที่หวังดีกับสน สนน่ะเจอมาเยอะแล้ว ไอ้อีพวกที่หวังดี ประสงค์ร้ายนี่ มันจ้องทำลายสนอยู่เสมอ”
“คุณแม่” เทิดศักดิ์ไม่พอใจ
“สน จะมากไปแล้ว”
“ค่ะ สนน่ะไม่เคยพอดีดอกค่ะ สนพูดจาตรงไปตรงมา ไม่หน้าเนื้อใจเสือ ฉอเลาะ เอาหน้าไม่เป็น”
สนเดินออกจากห้องไป เทิดมองทุกคนหงอยมาก
“ผมขอโทษคุณย่าแทนคุณแม่ด้วยนะครับ”
“กินข้าว กันเถิด เอ๊ะ นี่ใครยังไม่มาอีกล่ะ” ทองจันทร์ว่า
“คุณหนูอี๊ด เจ้าค่ะ” เนื้อทองบอก
“กินกันไปก่อน เดี๋ยวก็มาเอง ให้ไอ้เอกไปรับแล้ว”
พูดจบขุนภักดีก็ลงมือกิน
“ต้มยำพุงปลาช่อนอร่อยแท้ๆ เนียนจ๋า”

เนื้อทอง เทิดศักดิ์ และแดงน้อยไม่รู้หน อึ้งปนงงกับคำพูดและท่าทีของท่านขุน ส่วนกบกะ แมวปิดปากหัวเราะคิกคัก
จังหวะที่ทานตะวันเดินขึ้นเรือน เจอเอากับสนเดินสวนลงมา ทานตะวันปราดไปหาสน กะหาพวกเต็มที่

“แม่สนจ๋า หนูมีเรื่อง เดือดเนื้อร้อนใจ ใคร่จะขอคำปรึกษาค่ะ”
“นี่ อย่ามาปรึกษาชั้น ชั้นมันก็แค่นางนกไร้ขน คนไร้เพื่อน เหมือนหล่อนนั่นแหละย่ะ แม่คุณหนูอี๊ด หล่อนเรียนผูกเอง ก็เรียนแก้เองให้เป็นสิยะ ชั้นไม่ใช่ขี้ข้า หรือนางขัดดอกเอาไว้ใช้ แก้ปัญหาย่ะ หล่อนอยากหาคนปรึกษาก็ไปหาอีเด็กติ๋วหรืออีเนียนมันสิยะ เผื่อจะได้กัลยาณมิตร สักคนสองคน อย่าตอแยชั้น ยัยเด็กบ้า”
ทานตะวันกรี๊ดใส่ “ว้าย อีผู้ใหญ่บ้า”
“ปัญญาแค่หางอึ่ง สมองเท่าไข่มด ความอดทนเกิดมาไม่เคยมี คอยดูเถิด พ่อ แม่ ย่าหล่อนเขาก็เห่อไปรักอีเด็กติ๋วกันหมด แกก็แค่นังหมาหัวเน่า” สนด่าว่าไม่ไว้หน้า
“อี สน” ทานตะวันโกรธจนตัวสั่น
“อีทานตะวัน”
สนเค้นคำด่าแล้วเดินหนีไป ทานตะวันสั่นไปหมดทั้งตัว
“แอร๊ย”

ทุกคนในวงอาหาร ได้ยินเสียงกรี๊ดของทานตะวัน
“เสียงเปรต” ทองจันทร์ว่า
“เสียงน้องอี๊ด น่ะครับ คุณย่า”
“ไปดูน้องสิ เทิดศักดิ์” เรียมบอก
ขุนภักดีห้ามไว้ “ไม่ต้อง ต้องปล่อยวางกับเด็กคนนี้เสียบ้าง ไม่อย่างนั้นไม่โตเสียที”
“คงมีใครขัดอกขัดใจเข้าให้นั่นแหละ ไม่ได้ดั่งใจทีไรกลายเป็นเปรตทุกที” ทองจันทร์บ่นว่า
“ในเมื่อทุกคนอยู่กันตรงนี้ แล้วจะมีใครไปขัดใจอีกคะ” เรียมแปลกใจ
ทุกคนต่างคิดไม่ออก กบกะแมวโพล่งขึ้นมา
“คุณนายสนเจ้าค่ะ”

ทุกคนมองหน้ากันอีก มีแต่เนียนกับเนื้อทองที่ก้มหน้างุด
หลังมื้อค่ำ สองแม่ลูกนอนกอดกันอยู่ในห้องนอน พูดคุยกันอย่างมีความสุข เนื้อทองหนุนตักเนียนยิ้มหน้าบาน

“แม่เนียนจ๋า ท่านขุนไม่รังเกียจเรา แล้วใช่ไหมจ๊ะ”
“คงเช่นนั้นแหละจ้ะ ลูกว่าดีไหมเล่าจ๊ะ”
“ดีมากๆ จ้ะ แต่หนูเกรงว่า ประเดี๋ยวท่านก็โกรธเราขึ้นมาอีก” เนื้อทองอดกังวลไม่ได้
“ท่านคงไม่โกรธแล้วจ้ะ”
“ท่านเชื่อแล้วหรือจ้ะว่าแม่ไม่มีชู้”
“คงอย่างนั้นแหละจ้ะ” เนียนกลัวลูกจะถามต่อเลยตัดบท “หนูติ๋วจ๋าเราสองคนมัวมาคุยกันนานมากไปแล้ว หนูรีบไปดูแลคุณท่านนะจ้ะ แม่ห่วงท่านมาก”
“จ้ะ หนูไปก่อนนะจ้ะ รักแม่เนียนนะจ๊ะ”
“รักลูกเหมือนกันจ้ะ”
เนื้อทองออกไป เนียนนั่งยิ้มกับตัวเองท่าทีมีความสุขล้น จังหวะนี้มีเสียงเรียกทางหน้าต่าง
“คุณเนียน คุณเนียน”
เนียนโผล่ไปมอง
“พี่เอก”

เอกบอกเนียนเบาๆ ป้องปากกลัวใครได้ยิน
“พี่กำลังจะไปรับยายอ่อนมาหาคุณนายเรียม โพล้งกับพี่แพร จะมาหาเนียนด้วย เงียบเหยียบไว้นะ”
เอกพูดจบวิ่งออกไป

ฟากสนนั่งเหม่อมองไปนอกหน้าต่าง เทิดศักดิ์เดินมาโอบไหล่แม่
“คุณแม่ครับ”
สนสะดุ้งร้อง “ว้าย”
“คุณแม่ตกใจอีกแล้ว”
“แม่กำลังคิดอะไรเพลินๆ นี่นา บ้านนั้นเขาเลิกสนุกสนานกันแล้วรึ”
“ครับ ผมกำลังจะไปอยู่เวร คุณแม่อยู่คนเดียว อย่าเที่ยวออกไปเดินเพ่นพ่านนะครับ”
“จ้ะ ขอบใจที่ห่วงใยแม่”
“ผมห่วงคุณแม่เสมอครับ ผมไปนะครับ”
เทิดศักดิ์จับมือแม่มาวางบนหัว แล้วออกไป สนมองเหม่อต่อไปที่นอกหน้าต่าง
“เออกูมันหมาหัวเน่า เอ๊ะ นั่นเสียงใครพายเรือมาจ๋อมแจ๋ม ใกล้ท่าน้ำทำทีหลบๆ ซ่อนๆ หรือจะเป็นไอ้หนัก แย่แล้ว”
สนปราดไปจะปิดหน้าต่างแล้วสนก็มองไป
“เอ๊ะ ไอ้เอก พาใครมา ผู้หญิงเสียด้วย”
สนลงเรือนไปทันที

ที่แท้เป็นยายอ่อนกับเอกกำลังย่องหลบซ้ายหลบขวา เดินหายไปทางด้านตึกใน สนแอบมองมาท่าทีตื่นเต้น
“อียายอ่อน กับไอ้เอก มันพากันไปไหนรึ แล้วไอ้เอกพามันมาทำไม”
สนแอบสะกดรอยตามไป

ด้านท่านขุนกับเรียมพยายามพูดจาดีๆกับทานตะวัน ที่ยังตะบึงตะบอนไม่หาย
“ทำไมหนูไม่มากินข้าวกับเราจ๊ะ หนูอี๊ด”
“เราไหนคะ เราที่หมายรวมถึงอีเด็กติ๋วกับยัยเนียน หนูร่วมโต๊ะอาหารกับพวกมันไม่ลงดอกค่ะ”
ขุนภักดีชักฉุน “คำก็มัน สองคำก็มัน คนเราเลือกเกิดไม่ได้ แต่เกิดมาแล้ว นี่สิ ใครกอบโกยความดีได้มากกว่า คนนั้นก็คือคนที่น่าคบหาสมาคมแม้กระทั่งร่วมกินอาหารด้วยกันได้ ที่พ่อเป็นใหญ่เป็นโตผู้คนนับหน้าถือตา ทั้งเมืองสุพรรณก็เพราะว่าพ่อไม่เคยรังเกียจใคร กินข้าวได้แม้กระทั่งกับชาวนา”
“มิน่าคุณพ่อถึงมีเมียเป็นชาวนา” ทานตะวันย้อนให้
ท่านขุนชักสีหน้า แต่ก็พยายามระงับอารมณ์อบรมลูกสาวนิสัยเสียต่อ
“ชาวนาคือกระดูกสันหลังของชาติ ถ้าพวกเขาไม่ทำนา หนูอี๊ดคงต้องไปแบ่งหญ้ากินกับควาย”
“คุณพ่อคุณแม่จะรุมตำหนิติเตียนหนูให้ชอกช้ำไปอีกมากเพียงไหนคะ วันนี้พิศมัยมันยกพวกลาออกจากร้านหนูไปหมดแล้วค่ะ”
สองผัวเมียตกใจ “หนูอี๊ด”
ทานตะวันร้องไห้สะอึกสะอื้นเหมือนเด็กๆ พอดีเอก มาลับๆ ล่อๆ เรียมจึงลุกบอกกับท่านขุน
“พี่เทพพูดกับลูกไปก่อนนะคะ เรียมจะแวะไปคุยธุระกับนายเอกสักครู่”

เรียมลุกเดินออกไป
ฟากยายอ่อนมานั่งรอเรียม โดยไม่รู้ว่าสนแอบมองตาขวางท่าทีเข่นเขี้ยว

“ไอ้เอกพาอีแก่นี่มันมารอใครกัน จะออกไปถามมันสักหน่อย”
สนขยับจะออกไป เอกพาเรียมเข้ามาก่อน ยายอ่อนไหว้ร้องทักเสียงดัง
“คุณนายเรียม เจ้าขาสวัสดีเจ้าค่ะ อิชั้นมาตามที่คุณนายสั่งเอาไว้แล้วเจ้าค่ะ”
สนชะงัก สีหน้าฉงน หลบมุมแอบมองต่อ
“อีเรียมนัดอียายอ่อนมาทำไม”
ยายอ่อนพูดคุยกับเรียม
“ตกลงว่าเนียนได้ประกันตัวไปแล้ว แต่ยายก็ยังต้องมาเป็นพยานอีกปากว่าเขาไปบ้านแพน รวมทั้งนายโพล้งกับนางแพรด้วย”

อ่านละคร อาญารัก ตอนที่ 19 วันที่ 16 พ.ค. 56

ละครเรื่อง อาญารัก บทประพันธ์ : จำลักษณ์
ละครเรื่อง อาญารัก บทโทรทัศน์ : วรพันธ์ รวี
ละครเรื่อง อาญารัก กำกับการแสดง : จรูญ ธรรมศิลป์
ละครเรื่อง อาญารัก แนว ดราม่า
ละครเรื่อง อาญารัก ผลิต : บริษัทดีด้าวิดีโอ โปรดักชั่น จำกัด
ละครเรื่อง อาญารัก ควบคุมการผลิต : สยม สังวริบุตร
ละครเรื่อง อาญารัก ออกอากาศทุกวันจันทร์ และวันอังคาร เวลา 20.25 น. ทาง ช่อง 7 สีทีวีเพื่อคุณ
ที่มา manager