อ่านละคร ไฟหวน ตอนที่ 4 วันที่ 24 พ.ค. 56
ถึงเวลาอาหารเย็น บรรดาคนรับใช้ล้อมวงกินข้าว บุปผาแจกจ่ายไข่ตุ๋นให้คนละถ้วย โดยเจาะจงเอาถ้วยที่ตัวเองใช้แปรงสีฟันลงไปกวนวางตรงหน้าสร้อย แล้วก็ลอบยิ้มสะใจที่เห็นสร้อยตักไข่ตุ๋นกินอย่างเอร็ดอร่อยทุกคนเจริญอาหาร ไม่มีใครสังเกตเห็นความจงใจของบุปผานอกจากแสง เขาจับตามองเธอแต่แรกด้วยความสงสัย แล้วรอจนกระทั่งบุปผากินเสร็จเดินกลับห้องพักถึงตามมาคว้าแขนเธอไว้
“บอกมานะ ว่าแกเอาอะไรใส่ลงไปในถ้วยไข่ตุ๋นแม่ฉัน”
บุปผาตกใจแต่รีบกลบเกลื่อนเสียงแหลม “จะบ้าเหรอพี่แสง ฉันจะเอาอะไรใส่ลงไป ไข่ตุ๋นมันก็เหมือนๆกันหมดทุกถ้วยนั่นแหละ”
“อยากบอกก็ไปบอกเลย พี่แสงไม่มีหลักฐานอะไรจะมาปรักปรำฉันได้หรอก”
“พูดอย่างนี้แสดงว่าเธอใส่อะไรลงไปในนั้นให้แม่ฉันกินจริงๆใช่ไหม” แสงบิดข้อมือบุปผาอย่างแรง
บุปผาพยายามดึงมือออกแต่สู้แรงแสงไม่ได้ ทันใด นั้นสินโผล่พรวดเข้ามากระโดดถีบแสงล้มลง บุปผาได้ทีฟ้องสินว่าแสงลวนลามตน สินโมโหสุดขีดพุ่งเข้าใส่หมายอัดแสงเต็มๆเท้า แต่สร้อยวิ่งเข้ามาขวางไว้เสียก่อน
“หยุด! พอที! ไอ้แสง แกเลิกยุ่งกับนังบุปผามันสักทีได้มั้ย แล้วไอ้สิน...แกพานังบุปผากลับห้องไปทีไป๊ แล้วอย่าให้ฉันรู้นะว่าพวกแกมีเรื่องแบบนี้กันอีก ไม่งั้นไม่ใครก็ใครต้องได้ระเห็จออกจากบ้านเทพบริบาลนี่แน่”
สินไม่พอใจแต่ไม่พูดอะไร พาบุปผาออกไปทางหนึ่ง แสงก็ฮึดฮัดออกไปอีกทาง สร้อยถอนใจอย่างกลัดกลุ้มแล้วตามไปคาดคั้นลูกชายว่าลวนลามบุปผาจริงหรือเปล่า
“เปล่านะ ฉันไม่ได้ทำอะไรมัน”
“แล้วทะเลาะกันเรื่องอะไร”
“ก็ฉันสงสัยว่า...ฮึ่ย! พูดไปก็เท่านั้นแหละแม่ ไม่มีหลักฐานอะไรสักอย่าง แต่ฉันว่านังบุปผานี่มันไม่ได้ใสซื่อบริสุทธิ์อย่างที่มันแสร้งทำตัวหรอกนะแม่”
สร้อยนิ่งไป คิดอย่างเดียวกัน แต่ไม่มีหลักฐานอะไรพิสูจน์เลยตัดบท
“เอาเถอะๆ มันจะเป็นคนแบบไหนแน่สักวันเราก็คงได้รู้ แต่ฉันขอเตือนแกก่อนนะไอ้แสง อยู่ห่างๆนังบุปผาเอาไว้ แกก็รู้ว่าไอ้สินมันหวงน้องสาวมันยังกับอะไรดี เพราะฉะนั้นแกก็อย่าไปยุ่งกับมัน ไม่งั้นสักวันแกจะต้องเดือดร้อนเพราะมัน เข้าใจมั้ย”
แสงพยักหน้ารับทั้งที่ในใจยังขุ่นมัว ขณะที่สร้อยก็ไม่ชอบบุปผามากขึ้นทุกที...มีแต่สินคนเดียวที่ทั้งรักทั้งหลงบุปผา อยากรู้ว่าแสงลวนลามเธอจริงใช่ไหม?
“ก็ใช่น่ะสิพี่สิน ถามอย่างนี้ไม่เชื่อฉันรึไง”
“เชื่อสิจ๊ะ พี่ก็เห็นอยู่ว่าไอ้แสงมันชอบมองบุปผาไม่วางตาเลย พี่ไม่สบายใจเลยรู้ไหม พี่กลัวว่าสักวันบุปผาจะเสียท่ามัน”
“คนอย่างฉันไม่เสียทีใครง่ายๆหรอก”
“บุปผาจ๋า...พี่พาบุปผาเข้ามาอยู่ที่นี่ก็หลายวันแล้ว บุปผาจะไม่ให้รางวัลพี่หน่อยเหรอ”
สินออดอ้อนเข้ากอดรัด...บุปผารังเกียจแต่ไม่ บ่ายเบี่ยง รู้ว่าถ้าเล่นตัวทุกครั้งเขาจะโกรธ ซึ่งไม่เป็นผลดีกับเธอแน่
“ชื่นใจจริงบุปผา รู้ไหมว่ายิ่งได้เข้ามาอยู่ในบ้านเดียวกันอย่างนี้แต่แตะต้องไม่ได้มันทรมานใจพี่ขนาดไหน”
สินเสียงกระเส่าด้วยแรงเสน่หา ซุกไซ้ซอกคอบุปผาอย่างคลั่งไคล้ใหลหลง
ooooooo
เช้าวันถัดมา นายพลเทพไม่ยอมให้สินขับรถ ไปส่งที่กระทรวงเหมือนทุกวัน เพราะเมื่อคืนเขาได้รับ การติดต่อจากดำเกิงลูกน้องคนสนิทว่ามีธุระสำคัญ จะคุยด้วย
ทั้งคู่นัดพบกันหลังกรมทหาร ท่าทางนายพลเทพร้อนใจไม่น้อย ถามดำเกิงว่ามีข่าวอะไรรีบบอกมา
“ที่ท่านให้ผมเป็นธุระเรื่องขายที่ดินที่เคยเป็นบ้านของคุณอุ่น ผมก็เลยได้พบกับชาวบ้านแถวนั้น เขาเล่าให้ผมฟังว่าคืนที่เกิดไฟไหม้นั้นมีคนเห็นคุณอิ่มพี่สาวคุณ อุ่นวิ่งอุ้มเด็กทารกคนหนึ่งออกจากบ้านแล้วก็หายตัวไป ตั้งแต่นั้น ผมจึงคิดว่าเด็กทารกที่คุณอิ่มอุ้มหายไปคืนนั้นน่าจะเป็นลูกของท่านครับ”
“ก็ไหนว่าแม่อุ่นตายพร้อมลูกในท้องอย่างไรเล่า”
“แต่ตอนที่พบศพคุณอุ่นหลังจากไฟมอดแล้วนั่น สภาพศพไหม้เกรียมจนไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่ามีลูกอยู่ในท้องหรือไม่นี่ครับท่าน”
“หมายความว่า...ลูกฉันที่เกิดกับแม่อุ่นอาจจะมีชีวิตอยู่ใช่ไหมดำเกิง”
“ก็ถ้าเราสามารถหาตัวคุณอิ่มพบ เราก็คงจะได้รู้ ความจริงกันละครับ แต่มันอาจจะไม่ง่ายเพราะเรื่องมันผ่านมานานเกือบ 20 ปีแล้วนะครับท่าน”
“ถึงจะไม่ง่าย แต่ฉันก็จะต้องรู้ให้ได้ว่าลูกฉันยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ จะต้องเสียเงินอีกเท่าไหร่ก็เสียไปแต่ต้องสืบให้ได้ว่าแม่อิ่มไปอยู่ที่ไหน และเด็กที่แม่อิ่มอุ้มหายไปในคืนนั้นใช่ลูกฉันหรือไม่”
ดำเกิงรับคำแต่โดยดี นายพลเทพสีหน้าตื่นเต้นและมีความหวังกับข้อมูลใหม่เป็นอย่างยิ่ง...
เย็นนั้น บุปผาเตรียมตัวไปโรงพยาบาลตามที่มัทนามอบหมายหน้าที่ให้ไปแทนเธอเนื่องจากคุณหญิงมณีไม่อนุญาตหลังทราบว่าเมื่อวานมัทนาถูกคนไข้ของไอศูรย์บีบคอ สร้อยกำชับบุปผาให้แต่งตัวสะอาดสะอ้านเรียบร้อย อย่าให้หมอไอศูรย์ดูถูกคนบ้านเราได้ เสร็จแล้วให้นายสินรอรับกลับมาบ้าน
บุปผารับปากดิบดีแต่พอลับหลังสร้อยก็พูดกับสินอีกอย่างว่า “ส่งบุปผาแล้วพี่สินกลับบ้านไปได้เลยนะ”
“อ้าว...แล้วบุปผาจะกลับบ้านยังไงล่ะจ๊ะ”
“ฉันหาทางกลับบ้านได้เองแหละน่า แต่พี่สร้อยสั่งให้ฉันบอกพี่สินว่าส่งฉันเสร็จแล้วให้พี่กลับบ้านเลย เพราะวันนี้ท่านนายพลจะกลับดึก พี่สร้อยอยากให้พี่สินกลับไปช่วยเฝ้าบ้านน่ะ”
“เอางั้นเหรอ ก็ได้ๆ ถ้าบุปผาเสร็จแล้วกลับบ้านทันทีเลยนะจ๊ะ อย่าเถลไถลไปที่ไหนล่ะ”
“รู้แล้วล่ะน่า” บุปผาปั้นยิ้มให้เขาก่อนลงจากรถเดินเข้าโรงพยาบาล แอบดูจนแน่ใจว่าสินกลับไปแน่แล้วหยิบเครื่องสำอางที่แอบพกมาแต่งหน้าบางๆพอให้มีสีสันสดใสก่อนเดินเข้าไปพบหมอไอศูรย์
หลังจากทักทายกันเล็กน้อย หมอไอศูรย์ก็พาบุปผาไปทางห้องพักป้ารุ่ง
“หมอปรีชาก็แปลกใจนะ ทำไมเมื่อวานป้ารุ่งถึงได้ลุกขึ้นทำร้ายน้องมัทอย่างนั้น ทั้งที่ระยะหลังมานี่ป้ารุ่งอาการดีขึ้นมากแล้ว แม้จะยังจำอะไรไม่ได้ แต่ก็ไม่อาละ– วาดเหมือนแต่ก่อน”
“แล้ววันนี้จะให้บุปผาทำอะไรบ้างคะ”
“ค่อยๆคุยกับป้ารุ่ง พี่หมอปรีชาอยากให้บุปผาพยายามถามชื่อแก ถ้าแกเริ่มจำชื่อตัวเองได้ บางทีเราอาจ จะสามารถตามหาญาติแกได้บ้าง”
บุปผาพยักหน้ารับแล้วยิ้มหวานให้หมอหนุ่มรูปหล่อ ไอศูรย์ไม่ได้สนใจเธอนักจะก้าวเดินต่อไป แต่ทันใดอิ่มหรือป้ารุ่งก็วิ่งพรวดเข้ามากอดบุปผาแน่น ร่ำร้องเรียกลูกไม่หยุดปาก ทำเอาบุปผางุนงง ไอศูรย์เองก็แปลกใจ
“วันนี้ป้ารุ่งฟุ้งไปใหญ่เลยนะคะ” บุปผาหันไปพูดกับหมอไอศูรย์ แล้วสร้างภาพว่ารักและสงสารป้ารุ่ง ด้วย การกอดตอบแกอย่างแนบแน่น...
ด้านสินเมื่อกลับถึงบ้านเทพบริบาลก็ถูกสร้อย ซักไซ้ว่าทำไมกลับเร็วนัก แล้วบุปผาล่ะ?
“อยู่ที่โรงพยาบาลน่ะสิพี่สร้อย ก็บุปผาบอกว่าพอฉันส่งเสร็จก็ให้กลับมาเลย ให้มาช่วยเฝ้าบ้านไม่ใช่เหรอ”
สร้อยชะงักเพราะตนไม่ได้พูดแบบนี้สักนิด แต่ก็ไม่แย้งอะไรนายสิน ได้แต่พยักหน้าหงึกหงักรับรู้
ooooooo
เมื่อได้เวลากลับบ้าน บุปผาบอกไอศูรย์ว่านายสินกลับไปก่อนแล้ว อีกสามชั่วโมงถึงจะกลับมารับเธอที่นี่ ไอศูรย์เห็นว่านานเกินรอจึงอาสาขับรถไปส่งเธอด้วยตัวเอง
บุปผายิ้มสมใจที่แผนของตนสำเร็จ นั่งชูคอหน้าระรื่นในรถหมอรูปหล่อ แต่ถ้าจะให้เขาตรงไปส่งบ้านเลยก็น่าเสียดายโอกาส เลยแกล้งวิงเวียนเป็นลมจนคุณหมอต้องจอดรถซักถามด้วยความเป็นห่วง ระหว่างนี้เองเพชรนั่งรถผ่านมาเห็น เกิดเข้าใจผิดอย่างแรงว่าไอศูรย์กำลังพลอดรักกับผู้หญิง...แล้วออกรถไปด้วยสีหน้าเคร่งเครียดโดยไม่แวะทักทาย
แผนของบุปผาสำเร็จลุล่วง เธอสำออยจนหมอ ไอศูรย์หลงกลนึกว่าเธอเป็นลมเพราะหิวข้าว
“วันนี้บุปผาทำงานวุ่นๆทั้งวัน แล้วก็รีบมาที่โรง พยาบาล เลยยังไม่ได้กินอะไรเลย”
“งั้นเอาอย่างนี้ ไหนๆวันนี้ก็กลับเร็วแล้ว ฉันจะพาเธอไปหาอะไรทานก่อนกลับบ้านเพื่อเป็นการขอบคุณที่เธอมาช่วยงานที่โรงพยาบาลด้วยดีไหม”
บุปผาพยักหน้า ยิ้มร่าทันที...
โพล้เพล้ใกล้ค่ำ คุณหญิงมณีเคลิ้มหลับและฝันร้ายว่ามีผู้หญิงคนหนึ่งมาหาบอกว่าเป็นลูกสาวของนายพลเทพ แล้วหล่อนก็ปรี่ไปใช้มีดแทงมัทนาจนเลือดเปรอะทั้งตัว...
คุณหญิงมณีกรีดร้องสุดเสียง ผุดลุกขึ้นนั่งหายใจหอบด้วยสีหน้าตื่นตระหนกสุดขีด สร้อยทำงานอยู่แถวนั้นได้ยินเสียงวิ่งหน้าตาตื่นเข้ามาถามนายของตนว่าเป็นอะไร คุณหญิงเหลียวซ้ายแลขวารู้ตัวว่าฝันไปก็ถอนใจยาวอย่างโล่งอก
“ฉันฝันร้ายน่ะสร้อย ฝันว่าจู่ๆก็มีคนมาหา มาบอก ว่าเป็นลูกสาวอีกคนของท่านนายพล แล้วก็พุ่งเข้าทำร้ายยายมัท...โอ๊ย ภาพมันยังติดตาฉันอยู่เลย”
“สร้อยว่าคุณหญิงคงกังวลกับเรื่องที่คุณชไมบอกว่าคุณหนูกำลังดวงร้าวจนเก็บเอามาฝันร้ายน่ะค่ะ คุณหญิงอย่าลืมสิคะว่าท่านนายพลไม่มีทางจะมีลูกที่ไหนได้อีกแล้ว”
คุณหญิงมณีพยักหน้ารับอย่างเห็นด้วย สีหน้าผ่อน คลายลง...
เวลาเดียวกันนั้น บุปผาอิ่มเอมใจที่ได้อยู่กับไอศูรย์สองต่อสองที่ร้านอาหาร เธอกินข้าวคำสุดท้ายเสร็จก็พนม มือไหว้จานข้าวท่าทางเรียบร้อย พยายามสร้างภาพว่าตัวเองเป็นคนดีในสายตาเขา
“บุปผาต้องขอบคุณคุณหมออีกครั้งนะคะ ถ้าไม่ได้คุณหมอ เด็กบ้านนอกอย่างบุปผาก็คงจะไม่มีโอกาสได้ทานอาหารดีๆอย่างนี้”
“ฉันสิต้องขอบคุณเธอที่อุตส่าห์ไปช่วยงานที่ โรงพยาบาล ทั้งๆที่ป้ารุ่งก็ไม่ใช่ญาติของเธอ เธอเป็นคน จิตใจดีจริงๆ”
บุปผาแสร้งยิ้มเอียงอาย แต่แล้วชะงักด้วยความ ตกใจเมื่อเหลือบเห็นกำพลกับมุกกำลังเดินเข้ามาในร้าน
“บุปผาขอไปเข้าห้องน้ำสักครู่นะคะหมอ”
เธอลุกพรวดออกไปโดยที่ไอศูรย์ไม่ได้สงสัยอะไรเลย แต่กำพลกับมุกเห็นหลังเธอไวๆ รีบก้าวตามไปหมาย มั่นปั้นมือว่าวันนี้ต้องจับตัวบุปผาให้ได้
บุปผาเห็นท่าไม่ดีหลบไปทางหลังร้านซึ่งเป็น ห้องครัว แล้วพอจวนตัวก็ผลักหม้อต้มน้ำที่กำลังเดือดจัดบนเตาหล่นลงพื้น น้ำหกกระจายโดนขากำพลกับมุกจน เต้นเร่าๆร้องเอะอะโวยวาย พนักงานร้านตกใจวิ่งเข้ามาดู บุปผาซึ่งซ่อนตัวอยู่ฉวยจังหวะที่ทุกคนกำลังโกลาหลหลบออกจากครัวไปอย่างรวดเร็ว แล้วเร่งไอศูรย์ให้รีบกลับอ้างว่ากลัวพี่ชายจะเป็นห่วง
เมื่อรถจอดสนิทหน้าบ้านเทพบริบาล บุปผาพนมมือไหว้ขอบคุณไอศูรย์อีกครั้งและหวังว่าจะได้ยินคำพูดหวาน หูให้ชื่นใจบ้าง
“ไม่เป็นไร ฉันจะได้แวะมาหาน้องมัทด้วยน่ะ”
บุปผาหน้าเจื่อน นึกโมโหที่ไอศูรย์ไม่สนใจตนเลย เอาแต่คิดถึงมัทนาตลอด เธอมองตามเขาเดินขึ้นตึกไปด้วยสีหน้าบึ้งตึง พลันก็สะดุ้งเฮือกเมื่อสร้อยปรี่มาคว้าแขนเธอหมับ
“ทำไมแกถึงให้นายสินมันกลับมาบ้านก่อน ไม่ให้มันรอรับแกกลับ”
“ฉันไม่ได้ให้พี่สินกลับก่อนนะจ๊ะ แต่พี่สินบอกว่าเป็นห่วงบ้าน แล้วก็ขี้เกียจนั่งรออยู่ที่โรงพยาบาลด้วยเลยขอกลับก่อน แล้วให้ฉันกลับเองน่ะจ้ะ”
สร้อยหรี่ตามองอย่างจับผิด แต่บุปผายืนยันขันแข็งก็เลยต้องปล่อยไป แล้วรีบขึ้นเรือนคอยรับใช้คุณหญิงมณีกับมัทนาที่คุยอยู่กับไอศูรย์
“วันนี้อาการป้ารุ่งดีขึ้นไหมคะพี่ต้น”
“จู่ๆวันนี้ป้ารุ่งแกก็เรียกบุปผาว่าลูก แล้วก็บอกว่าตัวเองชื่ออุ่น”
“อ้าว...ไหนทีแรกป้ารุ่งเรียกบุปผาว่าอุ่น ทำไม ตอนนี้มาเรียกตัวเองว่าอุ่นเสียอย่างนั้นล่ะคะพี่ต้น”
“พี่หมอปรีชาบอกว่า...ความจำแกคงสับสนมากน่ะ”
“โถ...น่าสงสารจังนะคะพี่ต้น”
สร้อยคันปากอยากรู้ว่าบุปผาช่วยอะไรได้บ้างไหม สอบถามไอศูรย์ด้วยท่าทีเกรงใจ ซึ่งหมอหนุ่มตอบอย่างสุภาพว่า
“มากครับ ตอนนี้บุปผาเป็นคนเดียวที่ป้ารุ่งยอมพูดด้วย พี่หมอปรีชาเชื่อว่าบุปผาอาจจะหน้าเหมือนหรือมีบุคลิกเหมือนคนที่ป้ารุ่งเคยรู้จักน่ะครับ”
คุณหญิงมณีกับสร้อยพยักหน้าอย่างเข้าใจ ไอศูรย์หันไปสบตามัทนาและยิ้มให้กันหวานชื่น โดยทุกคนไม่รู้เลยว่าบุปผาแอบมองมานัยน์ตาลุกวาวด้วยความริษยามัทนา
ooooooo
ที่หอโคมแดง ทุกคนรุมดูมุกที่กลับมาในสภาพขาพองแดงเพราะโดนน้ำร้อนกระเด็นใส่ หลายคนบอกว่าต้องเป็นแผลเป็นแน่ มุกไม่ค่อยสนใจนัก บอกเล่าเรื่องที่เห็นบุปผา มั่นใจว่าต้องใช่มันแน่
“แล้วมันมากับใครล่ะ” เดือนซัก
“ไม่รู้ ไม่ทันเห็น แต่คุณกำพลเขาก็เห็นเหมือนฉันแหละ เราสองคนถึงได้วิ่งตามมันไปที่หลังร้าน แล้วก็เลยโดนน้ำเดือดหกใส่มายังงี้ไงล่ะ”
“ว้า...เลยไม่รู้เลยว่านังบุปผามันไปอยู่ที่ไหนกับใคร”
มุกหันมองผกาที่นิ่งเงียบตลอด ถามดักคอว่า “แม่รู้ใช่ไหมว่านังบุปผามันออกไปอยู่ที่ไหนกับใคร”
“มันไปดีแล้ว พวกเราก็อย่าไปสนใจมันเลยน่า” ผกาตัดบทแล้วลุกหนี มุกยิ่งมั่นใจว่าผกาต้องรู้แน่นอนว่าบุปผาไปอยู่ที่ไหน...
ด้านเพชรที่เข้าใจไอศูรย์ผิด เขามาดักรอหน้าบ้านตั้งแต่เย็นและกว่าจะเจอตัวก็ค่ำมืด เพชรไม่พูดพล่ามพุ่งเข้าชกหน้าไอศูรย์แล้วต่อว่าอย่างฉุนเฉียว
“ผมไม่นึกเลยนะว่าพี่ต้นเป็นคนอย่างนี้ กำลังจะหมั้นกับน้องมัทอยู่แท้ๆ แต่กลับพาผู้หญิงอื่นไปจอดรถทำบัดสีอยู่ริมถนน ไม่อายผีสางเทวดาเลย ทุเรศที่สุด”
“เพชรพูดอะไรพี่ไม่เข้าใจ”
“พี่ต้นไม่ต้องมาทำตีหน้าซื่อทำเป็นไม่เข้าใจ ผมเห็นมากับตาของผมเองเลยว่าพี่ต้นทำอะไร ผมผิดหวังในตัวพี่ต้นที่สุด”
ยิ่งพูดก็ยิ่งอารมณ์เดือด เพชรจะซัดไอศูรย์อีก เลยเกิดแลกหมัดกันครู่หนึ่งก่อนที่ไอศูรย์จะเพลี่ยงพล้ำถูกเพชรชกจนล้มคว่ำ แล้วชี้หน้าประกาศกร้าว
“ผู้หญิงดีๆอย่างน้องมัทไม่สมควรจะเป็นคู่ครองของผู้ชายเจ้าชู้อย่างพี่ต้น ตราบใดที่น้องมัทกับพี่ต้นยังไม่ได้หมั้นกัน ผมนี่แหละจะแย่งน้องมัทมาจากพี่ต้นให้ได้ ไม่เชื่อคอยดู”
พูดจบเพชรผลุนผลันจากไป ทิ้งไอศูรย์งงเป็นไก่ตาแตกอยู่ตรงนั้น...แล้วเพชรก็พูดจริงทำจริง เขาอาสาขับรถไปส่งพลอยที่บ้านเทพบริบาลในวันรุ่งขึ้น และอยู่พูดคุยกับมัทนาอย่างสนิทสนม แถมปากหวานจีบเธอซึ่งหน้า ทำเอาพลอยเหวอไม่คิดว่าพี่ชายจะกล้าขนาดนี้
บุปผาถูกแม่ครัวใช้ให้ยกขนมขึ้นไปให้มัทนากับเพื่อนบนตึก เมื่อเธอเห็นเพชรก็ตกใจสุดขีดทำแก้วน้ำหลุดมือตกแตกกระจาย กลัวเขาจำได้รีบก้มหน้างุดเก็บเศษแก้ว เพชรเมียงมองอย่างคลับคล้ายคลับคลา ทักถามเหมือนเคยเจอกันมาก่อน
“ไม่ค่ะ เราไม่เคยเจอกันหรอกค่ะ คุณคงจำผิดเสียแล้วล่ะค่ะ บุปผาเพิ่งมาจากบ้านนอกได้ไม่กี่วันนี้เอง”
“จริงค่ะพี่เพชร บุปผาเพิ่งมาจากต่างจังหวัด มา อยู่บ้านนี้ไม่กี่วันเองค่ะ”
“งั้นพี่คงจำผิดไป”
“บุปผาจ๊ะ นี่พี่เพชร เป็นพี่ชายของคุณพลอย เพื่อน สนิทฉันเองจ้ะ”
มัทนาแนะนำเสียงใส บุปผารับคำเบาๆ แล้วขอตัวกลับออกมาด้วยความหวาดหวั่น กลัวว่าสักวันเพชรจะจำได้ว่าเคยนอนกับเธอที่หอโคมแดง
ในเวลาเดียวกัน กำพลหมกมุ่นครุ่นคิดเรื่องที่เห็นบุปผาเมื่อวานแต่จับตัวไม่ได้ แถมยังเจ็บตัวโดนน้ำร้อนลวกขาจนวันนี้ต้องอยู่โยงกับบ้าน พ่อเห็นลูกชายอยู่ติดบ้านก็สงสัย ถามว่าไม่ออกไปไหนเหรอ
“คงไม่หรอกครับพ่อ ยังเจ็บขาที่โดนน้ำร้อนลวกเมื่อวานไม่หายเลยครับ”
“ไปทำท่าไหนมาฮึ ถึงได้โดนน้ำร้อนลวกเอาได้น่ะ”
“อุบัติเหตุนิดหน่อยน่ะครับพ่อ”
“ไม่ใช่ไปเล่นพิสดารกับผู้หญิงที่ไหนใช่มั้ย มีคนมาเล่าให้พ่อฟังว่าแกน่ะชอบไปคลุกอยู่ที่หอโคมแดง บ่อยๆเบาๆลงหน่อยเถอะวะ ประเดี๋ยวไปติดโรคพรรค์อย่างว่ามา ผู้หญิงดีๆเขาจะไม่เอาแก พ่อยังอยากได้ลูกสาว คนดีๆเป็นสะใภ้นะ ไม่ใช่ผู้หญิงหอโคมแดง”
“ครับพ่อ” กำพลรับคำเสียงอ่อย...นึกถึงพลอยน้องสาวเพื่อนรักขึ้นมาทันที
ooooooo
เช้าวันนี้ นายพลเทพชวนมัทนาใส่บาตรแล้วกรวดน้ำอุทิศส่วนกุศลให้อุ่นกับลูกที่เขาเข้าใจมาตลอดว่าตายทั้งคู่ในกองไฟ...สร้อยจำได้ว่าวันนี้คือวันที่ตัวเองวางเพลิงบ้านอุ่น และเห็นท่านนายพลทำเช่นนี้มาหลายปีแล้ว จึงมั่นใจว่าท่านต้องใส่บาตรให้อุ่นกับลูกแน่
มัทนาได้รับพระองค์เล็กๆจากพระสงฆ์ที่มารับ บาตร เธอนำมาส่งต่อแก่บุปผาฝากไปให้ป้ารุ่ง เผื่อคุณพระ คุณเจ้าจะช่วยบันดาลให้ความจำแกกลับคืนมา ครั้งนี้ บุปผาเลยได้หน้าจากไอศูรย์ไปเต็มๆ
“เธอเป็นคนดีจริงๆบุปผา อุตส่าห์หาพระมาให้ ป้ารุ่ง”
“ก็แค่ของเล็กๆน้อยๆเท่าที่บุปผาจะพอหามาให้ได้น่ะค่ะ”
“งั้นเธอเอาให้ป้ารุ่งด้วยตัวเองเลยสิ”
บุปผารับคำแล้วหันไปหาป้ารุ่ง พูดจาอ่อนหวาน ก่อนสวมสร้อยพระห้อยคอให้แก จังหวะนี้พยาบาลเข้ามา บอกไอศูรย์ว่ามีคนไข้ด่วน หมอจึงผละออกไป บุปผาชักสีหน้าผิดหวัง พอโดนป้ารุ่งสะกิดชวนคุยก็ระบายอารมณ์ใส่เสียงเขียว หงุดหงิดเจ็บใจที่ตัวเองแค่ได้หน้าแต่ไม่ได้ใจหมอไอศูรย์
นายสินจอดรถหน้าโรงพยาบาล เห็นบุปผาเดินกระฟัดกระเฟียดกลับมาก็แปลกใจ ถามว่าเป็นอะไร หรือว่าป้ารุ่งก่อเรื่องอีก
“เปล่า” บุปผาสะบัดเสียงใส่
“แล้วบุปผาอารมณ์เสียเรื่องอะไรมา...ขี้หงุดหงิด อย่างนี้ท้องรึเปล่า ถ้าบุปผาท้องจริงๆก็ดีน่ะสิ ฉันจะได้บอกความจริงกับทุกคนเสียทีว่าบุปผาน่ะเป็นเมียฉัน ไม่ใช่น้อง”
“ถ้าพี่สินบอกคนอื่นว่าฉันเป็นอะไรกับพี่...พี่กับฉัน...เราขาดกัน!”
สินอึ้งไปทันที บุปผาปรับท่าทีอ่อนลง กลัวอาละวาดใส่เขามากเกินไปแล้วตนจะเดือดร้อน “ฉันก็แค่หงุดหงิดนิดหน่อยเพราะเหนื่อยน่ะ พี่สินก็น่าจะรู้ อยู่กับคนบ้ามันไม่ใช่เรื่องง่าย”
“งั้นพี่ไปบอกคุณหญิงให้เอาไหมว่าบุปผาขอเลิกมาช่วยงานที่โรงพยาบาลนี่”
“อย่านะ พี่ก็รู้ว่าฉันเป็นคนเพิ่งมาอยู่ใหม่ ขืนเรื่องมากเจ้านายเหม็นขี้หน้าขึ้นมาฉันจะลำบาก”
สินคล้อยตามเหตุผลของบุปผา ออกรถมุ่งหน้ากลับบ้านโดยไม่ติดใจสงสัยอะไรเลย
ooooooo
สายวันนี้ นายพลเทพไปพบดำเกิงหลังกรมทหาร ถามอย่างร้อนรนว่า “หาตัวแม่อิ่มพบแล้วรึดำเกิง”
“ยังครับ...ผมให้คนออกสืบข่าวไปทั่วแต่ยังไม่พบตัวเลยครับ แต่มีข่าวว่ามีผู้หญิงรูปร่างหน้าตาและอายุ ใกล้เคียงกับคุณอิ่มเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลที่ใกล้บ้านคุณอุ่นที่สุดในคืนที่เกิดไฟไหม้นั้น”
“แล้วเด็กล่ะ”
“ยังไม่ทราบครับ คงต้องไปขอข้อมูลจากโรงพยาบาลนั่นก่อน”
“ก็ไปขอมาสิ”
“แต่ข้อมูลการรักษาคนไข้เป็นความลับทางการ แพทย์นะครับท่าน ถ้าเดินเข้าไปขอมาเฉยๆเขาคงไม่ให้แน่”
“โรงพยาบาลอะไรบอกชื่อมา ถ้านายพลเทพ เทพบริบาล เป็นคนขอ หน้าไหนมันจะกล้าไม่ให้ข้อมูลก็ให้มันรู้ไป” นายพลเทพสีหน้าขึงขัง มุ่งมั่นมาก...
หลังได้ข้อมูลที่ต้องการจากดำเกิงแล้ว นายพลเทพกลับเข้าบ้านด้วยท่าทีปกติ ไม่ต้องการให้คนในบ้านระแคะระคายเรื่องที่เขาตามหาลูกอีกคน เวลานั้นคุณหญิงมณีไม่อยู่ ไปพบคุณหญิงแจ่มจันทร์ที่บ้านเพื่อนัดหมายเรื่องที่ชไมให้พาไอศูรย์กับมัทนามาสะเดาะเคราะห์ เมื่อเพชรมาขออนุญาตพามัทนาไปดูละครการกุศลเย็นนี้ นายพลเทพจึงอนุญาตเพราะเห็นว่าไม่ได้ไปกันสองต่อสอง แต่มีน้องสาวของเพชรไปด้วย
คุณหญิงมณีกลับมารู้เห็นตอนเพชรมารับมัทนาพอดี อีกทั้งไอศูรย์ก็เพิ่งมาถึง คุณหญิงไม่พอใจลากลูกสาวมาคุยกันส่วนตัว ตำหนิว่าทำน่าเกลียด ลูกกำลังจะหมั้นกับไอศูรย์แต่ออกไปเที่ยวกับคนอื่น
“มัทก็ไม่ได้อยากไปหรอกค่ะ แต่พอดีตอนที่พี่เพชรมาชวน คุณพ่อก็อยู่ด้วย คุณพ่อเลยบอกให้ไป อย่า ให้พี่เพชรมาชวนเก้อ เดี๋ยวจะเสียมารยาทน่ะค่ะ”
คุณหญิงฟังแล้วนิ่งไป ไม่ว่าอะไรลูกสาวอีก แต่ไปเอาเรื่องกับสามีแทน
“ทำไมคุณทำอย่างนี้คะ ทำไมคุณถึงอนุญาตให้ลูกมัทไปดูละครการกุศลกับพ่อเพชร คุณก็รู้ว่าลูกเรากำลังจะหมั้นกับลูกชายของคุณหญิงแจ่มจันทร์อยู่แล้ว มันไม่งามเลย”
“ก็ผมเห็นว่าพ่อเพชรเขามาขออนุญาตอย่างเป็นเรื่องเป็นราว ยายพลอยน้องสาวเขาก็ไปด้วย แล้วไปดูละครการกุศลนะคุณ ไม่ได้ไปเที่ยวกันลำพังสองคนเสียที่ไหน ผมก็เลยอนุญาตให้ลูกไปน่ะสิ”
“แต่ถ้าคุณหญิงแจ่มจันทร์รู้คงไม่พอใจ”
“ผมขอโทษนะที่ไม่ทันคิดอะไรให้รอบคอบ”
“เอาเถอะค่ะ อนุญาตไปแล้วก็แล้วไปเถอะค่ะ อย่าให้มีครั้งที่สองก็แล้วกันนะคะ”
ใช่แต่คุณหญิงมณีที่ไม่พอใจ ไอศูรย์เองก็ไม่ชอบใจที่ว่าที่คู่หมั้นออกไปเที่ยวกับชายอื่นต่อหน้าต่อตา แต่คนที่ดี๊ด๊าเริงร่าก็คือบุปผา ดีใจที่เห็นคู่รักผิดใจกันในวันนี้ ฝ่ายสาวพลอยไม่รู้มาก่อนว่าพี่ชายจะพามัทนามาดูละคร พลอยมากับกำพล พอเห็นมัทนามากับเพชรก็ดึงตัวเธอมาต่อว่าเป็นการใหญ่
“ยายมัท...เธอกำลังจะหมั้นกับพี่ต้นอยู่แล้ว แล้วทำไมเธอถึงออกมาเที่ยวกับพี่เพชรอย่างนี้ เธอไม่ได้รักพี่ต้นจริงๆใช่ไหม ฉันผิดหวังในตัวเธอจริงๆ”
“พลอย...ฟังฉันก่อน ก็พี่เพชร...”
พลอยไม่ฟังให้จบ ใจร้อนตบหน้ามัทนาด้วยความโกรธแล้วกรีดเสียงตำหนิ “ถ้าพี่เพชรไปชวนเธอ แล้วเธอปฏิเสธ พี่เพชรก็คงจะไม่สามารถลากตัวเธอมาจนถึงโรงละครนี่ได้หรอก เรื่องแบบนี้มันตบมือข้างเดียวไม่ดังหรอกนะยายมัท ฉันผิดหวังในตัวเธอจริงๆ”
พูดจบพลอยเดินหนีทันที มัทนามองตามหน้าเศร้า แล้วเข้าไปนั่งดูละครด้วยกันอย่างไม่มีความสุข พลอยหมางเมินไม่มองมัทนาที่อยากจะง้อเพื่อนเต็มแก่...
ooooooo
คืนเดียวกัน บุปผาเห็นว่าปลอดคนจึงย่องเข้าไปใช้โทรศัพท์บนเรือนใหญ่โทร.หาผกา โดยไม่รู้ว่าสินจับตามองตลอดเวลา และได้ยินคำพูดของเธอทั้งหมด โดยเฉพาะประโยคที่ว่าเข้ามาอยู่ในบ้านเทพบริบาลเพื่อใกล้ชิดหมอไอศูรย์ที่เธอหลงรักแต่แรกเห็น
สินทนไม่ไหวเข้ามากระชากบุปผาออกจากเรือนอย่างไม่ปรานีปราศรัย แล้วตัดพ้อต่อว่าด้วยความเสียใจ
“บุปผาไม่ได้รักฉัน ไม่ได้คิดจะเข้ามาทำงานในบ้านนี่เพื่อเก็บเงินแล้วเริ่มต้นชีวิตใหม่กับฉันใช่มั้ย แต่ความจริงบุปผาหลอกใช้ฉันให้พาเข้ามาอยู่ที่บ้านนี้เพราะบุปผาคิดจะหาทางใกล้ชิดคุณหมอไอศูรย์ต่างหาก”
“พี่สินพูดอะไร ฉันไม่รู้เรื่อง ไม่เข้าใจ”
“บุปผาไม่ต้องมาทำเป็นโง่ไม่รู้เรื่อง บุปผาน่ะเป็นคนฉลาดจะตาย คนที่โง่น่ะคือฉันต่างหากล่ะ โง่จนถูกผู้หญิงหลอกใช้ แล้วไอ้คนโง่คนนี้แหละจะไปบอกความจริงกับทุกคนว่าแท้ที่จริงแล้วบุปผาไม่ใช่น้องสาวฉัน แต่เป็นเมีย” ว่าแล้วสินพุ่งไปที่เรือนคนใช้ บุปผาวิ่งตามและฉวยไม้ข้างทางฟาดต้นคอเขาสุดแรง
ร่างสินทรุดฮวบแน่นิ่งแต่ยังมีลมหายใจ บุปผาคิดกำจัดเขาเพื่อเก็บงำความลับของตัวเองต่อไปด้วยการคว้าก้อนหินจะทุบซ้ำที่หัว แต่แสงอยู่อีกทางเห็นเงาตะคุ่มๆส่งเสียงขึ้นมาเสียก่อน
“เฮ้ย! อะไรกันน่ะ”
บุปผาตกใจโยนก้อนหินทิ้งทันที แล้วเปลี่ยนท่าทีเป็นคนดีร้องขอความช่วยเหลือ
“ช่วยด้วย พี่สินหกล้มหัวฟาดพื้นแล้วแน่นิ่งไปเลยจ้ะ”
แสงรีบวิ่งเข้ามาดูก่อนจะตะโกนเรียกคนอื่นมาช่วยกัน บุปผาเฝ้าดูทุกคนชุลมุนวุ่นวายด้วยความกังวล ไม่ต้องการให้นายสินฟื้นขึ้นมา แต่ท่าทางจะผิดหวังเพราะสินถูกส่งตัวไปโรงพยาบาลโดยมีคุณหญิงมณีนำทีม และไอศูรย์ก็ถูกตามตัวมากลางดึกเพื่อรักษาเขาให้ดีที่สุด
บุปผาอยากให้สินตายแต่ต้องแสร้งร่ำไห้ปานจะขาดใจ ฟูมฟายเป็นห่วงพี่ชายเหลือเกิน ทุกคนเชื่อหมด ยกเว้นแสงที่จับตาดูเธออย่างติดใจสงสัย ไม่เชื่อคำพูดบุปผาที่บอกคุณหญิงมณีว่าสินหกล้มหัวฟาดพื้น แล้วแสงก็ดึงสร้อยออกจากกลุ่มไปคุยกันสองคน
“แม่ไม่สงสัยบ้างเลยเหรอว่าทำไมพี่สินถึงจะหกล้มหัวฟาดพื้น จนไม่รู้สึกตัวขนาดนี้ได้”
“แล้วเอ็งสงสัยอะไร”
“ฉันก็ไม่รู้นะ แต่ก่อนที่ฉันจะไปเจอ ฉันได้ยินเสียงคนทะเลาะกัน แต่จับความไม่ได้ แล้วพอฉันวิ่งเข้าไปดู ฉันก็เห็นนังบุปผามันทำท่าแปลกๆ”
“แปลกยังไง”
“ฉันก็เห็นไม่ถนัดตาหรอกนะ เพราะตรงนั้นมันมืด เป็นไปได้ไหมว่าพี่สินไม่ได้หกล้มเอง”
“เอ็งคิดว่านังบุปผามันผลักไอ้สินเหรอ”
“แม่ว่ามันเป็นไปได้ไหมล่ะ ว่าไอ้สองคนพี่น้องนี่อาจจะทะเลาะกันจนเรื่องมันเลยเถิด”
“แม่ไม่รู้ แต่เราคงจะได้รู้แน่ ตอนที่ไอ้สินมันฟื้นขึ้นมานั่นแหละ” สร้อยตัดบทแล้วเหลือบมองไปทางบุปผาที่ยังคงร่ำไห้คร่ำครวญเป็นห่วงนายสิน...
ผ่านไปพักใหญ่ ไอศูรย์ออกจากห้องฉุกเฉิน บุปผาพุ่งไปหาก่อนใคร อยากรู้ว่าพี่ชายของตนเป็นยังไงบ้าง
“ตอนนี้นายสินยังไม่รู้สึกตัวเลยยังบอกอะไรมากไม่ได้ คงต้องรอให้ฟื้นเสียก่อนน่ะบุปผา ฉันว่าบุปผากับทุกคนกลับบ้านไปก่อนก็ได้นะ เพราะตอนนี้ก็ยังทำอะไรไม่ได้ ไว้มาเยี่ยมกันใหม่ตอนเช้าจะดีกว่านะครับ”
“ขอบใจพ่อต้นมากนะ ป้าฝากนายสินด้วยก็แล้ว กัน...ไปทุกคน กลับกันเถอะ”
“แต่บุปผาอยากรออยู่ที่นี่ ถ้าพี่สินฟื้นขึ้นมาเมื่อไหร่จะได้เห็นบุปผาเป็นคนแรกน่ะค่ะคุณหญิง”
“กลับเถอะบุปผา กว่านายสินจะฟื้นก็คงจะเป็นพรุ่งนี้น่ะ อยู่ไปก็ทรมานตัวเองเปล่าๆ”
ไอศูรย์เอ่ยปากด้วยความหวังดี แต่บุปผายังอิดออดไม่อยากกลับ สร้อยเลยพูดโพล่งขึ้นมาอย่างไม่ชอบใจนัก “คุณหมอบอกให้กลับก็กลับเถอะน่า แล้วพรุ่งนี้แกค่อยมาใหม่”
บุปผาจำใจกลับไปพร้อมคนอื่น ทั้งที่ไม่สบายใจ กลัวความลับแตกถ้านายสินฟื้นก่อนที่ตัวเองจะกลับมาโรงพยาบาลอีกครั้ง...
อ่านละคร ไฟหวน ตอนที่ 4 วันที่ 24 พ.ค. 56
ละครเรื่อง ไฟหวน บทประพันธ์โดย ฐา-นวดี สถิตยุทธการละครเรื่อง ไฟหวน บทโทรทัศน์โดย ฐา-นวดี สถิตยุทธการ
ละครเรื่อง ไฟหวน กำกับการแสดงโดย มารุต สาโรวาท
ละครเรื่อง ไฟหวน ผลิตโดย บริษัท มาสเคอเรด จำกัด โดย มารุต สาโรวาท
ละครเรื่อง ไฟหวน เป็นละครแนว ดราม่าเข้มข้น
ละครเรื่อง ไฟหวน ออกอากาศทุกวันศุกร์ - เสาร์ - อาทิตย์ เวลา 20.25 น. ทางช่อง 7 สี
ที่มา ไทยรัฐ