อ่านละคร ไฟหวน ตอนที่ 7 วันที่ 31 พ.ค. 56


อ่านละคร ไฟหวน ตอนที่ 7 วันที่ 31 พ.ค. 56

ค่ำแล้ว อิ่มฟื้นคืนสติหลังจากชาวบ้านย่านนั้นช่วยเหลือเยียวยา แต่เธอจำไม่ได้ว่าตัวเองเป็นอะไร ชาวบ้านคาดว่าเป็นลมแดด เพราะตอนไปเจอนั้นหมด สติอยู่กลางแจ้ง

“ว่าแต่แกไปยืนอยู่ตรงนั้นทำไมรึ”

“บ้าน...เคยมีบ้านอยู่ตรงนั้น”

“ฉันก็เพิ่งมาอยู่แถวนี้ แต่ก็เคยได้ยินว่าตรงนั้นน่ะเคยมีบ้านคนอยู่แต่ไฟไหม้ไปหมดแล้ว เจ้าของเขาก็เลยทิ้งไว้อย่างนั้น...แต่เมื่อไม่กี่วันมานี่เห็นเจ้าของเขาส่งคนมาดูที่ เห็นว่าจะขายน่ะ”



“เจ้าของ?” อิ่มพึมพำด้วยความสงสัย

“เห็นว่าเป็นนายพลอะไรนี่แหละ เอ...เดี๋ยวนึกชื่อก่อนนะ”

อิ่มทบทวนความทรงจำตัวเองแล้วเอ่ยชื่อนายพล เทพ เทพบริบาล

“ใช่ๆ นายพลเทพ เทพบริบาล เขาส่งคนมาเดินเรื่องจะขายที่ตรงนั้นแหละ ว่าแต่เอ็งรู้จักนายพลเทพอะไรนี่ด้วยเหรอ”

อิ่มส่ายหน้าไม่อยากพูดอะไรต่อ แต่ชาวบ้านผู้ช่วยเหลือคิดว่าเธอส่ายหน้าปฏิเสธว่าไม่รู้จัก

“ไม่รู้ก็ไม่รู้ เอ้า...หิวข้าวรึยังล่ะ กินข้าวเสียก่อน แล้วแกจะทำอะไรต่อไปก็ค่อยคิดอ่านทีหลัง”

เจ้าของบ้านลุกเดินไปยกสำรับ...อิ่มไม่ได้สนใจเรื่องอาหารแต่ครุ่นคิดว่าเธอต้องบอกท่านนายพลว่าลูกของอุ่นยังไม่ตาย แต่ยังมืดแปดด้านไม่รู้จะตามหาตัวท่านได้ที่ไหน?

เวลาเดียวกันนั้น คุณหญิงมณีเอายาสมุนไพรเข้ามาให้นายพลเทพเหมือนเช่นเคย แต่คืนนี้เขากลับปฏิเสธอย่างเนือยๆว่า

“วันนี้ผมรู้สึกวิงเวียนอย่างไรไม่รู้คุณหญิง ไม่อยากกินอะไรเลย”

“ยิ่งวิงเวียนก็ยิ่งต้องกินสิคะคุณ สมุนไพรนี่เป็นยาบำรุงร่างกายนะคะ กินแล้วจะได้สดชื่น”

“ก็กินมาทุกวันแล้ว งดสักวันจะเป็นไรไป” เขาพูดจบก็ล้มตัวลงนอนทันทีเลย คุณหญิงมณีขัดใจแต่ไม่กล้าเซ้าซี้ เพราะจะดูผิดปกติจนเกินไป...

ooooooo

เมื่อไม่มีที่ไปอิ่มจึงย้อนกลับมาโรงพยาบาล ไอศูรย์มาเจอในตอนเช้าและซักถามด้วยความเป็นห่วงว่าหายไปไหนมา...อิ่มไม่ตอบคำถามแต่ขอบคุณเขาด้วยความซาบซึ้งใจ

“ป้าขอบคุณที่หมอเป็นห่วง และป้าขอโทษที่ทำให้เป็นห่วงจ้ะ”

“แล้วป้าหายไปไหนมาทั้งคืนครับ”

“ป้าจำไม่ได้...”

“เอาเถอะครับ จำไม่ได้ก็ช่างมันเถอะครับ เอาเป็นว่าป้ากลับมาแล้วโดยปลอดภัยผมก็ดีใจอย่างที่สุดแล้วละ ครับ เดี๋ยวผมจะให้คนจัดอาหารมาให้นะครับ”

ไอศูรย์ผละไป อิ่มมองตามและพึมพำอย่างรู้สึกผิด

“ป้าขอโทษนะที่ต้องโกหกหมอ แต่ป้าจำเป็นและป้าคงต้องขออาศัยอยู่กับหมอไปก่อนจนกว่าป้าจะหาตัวท่านนายพลเจอ”

ขณะนั้นเอง คนที่อิ่มอยากพบกำลังเตรียมตัวออกไปทำงาน คุณหญิงมณีเห็นว่าเมื่อคืนสามีบ่นวิงเวียนเลยบอกให้หยุดสักวันแต่เขาไม่ยอม...หลังจากนายพลเทพขึ้นรถออกไปแล้ว คุณหญิงมณีหันไปสั่งสร้อย

“เตรียมเอารถออกอีกคัน ฉันจะไปประชุมที่สมาคม”

“ประชุมอะไรคะคุณแม่”

“ประชุมเรื่องจัดงานฉลองกึ่งพุทธกาลน่ะลูก”

“มัทไปด้วยได้ไหมคะ ปิดเทอมอย่างนี้มัทอยู่บ้านเฉยๆเบื่อจะแย่แล้วค่ะ”

คุณหญิงมณีไม่ขัดข้อง ให้ลูกสาวไปแต่งตัว พอมัทนาลับกาย สร้อยก็ขยับเข้ามาใกล้คุณหญิง

“ถ้าเราออกไปกันหมด ก็ต้องทิ้งนังบุปผาไว้ในบ้านกับอีพวกในครัวน่ะสิคะคุณหญิง”

“คงไม่เป็นอะไรหรอก เพราะท่านนายพลไม่อยู่บ้าน แล้วเราก็คงกลับถึงบ้านก่อนท่านนายพลเลิกงานอยู่แล้วละ”

เมื่อไปถึงสมาคม เพื่อนๆต่างเข้ามาทักทายคุณหญิงและชื่นชมรูปร่างหน้าตามัทนา ยิ่งพอรู้ว่าเธอกำลังจะหมั้นกับลูกชายคุณหญิงแจ่มจันทร์ ทุกคนก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่าเหมาะสมกันราวกับกิ่งทองใบหยก

มัทนาเขินอาย แยกตัวออกมาช่วยงานในกลุ่มสาวๆ ซึ่งมีพลอยรวมอยู่ในกลุ่มนั้นด้วย มัทนาพูดดีด้วยแต่พลอยกลับทำเย็นชาใส่ แถมยังประชดประชันจนมัทนาเข้าหน้าไม่ติด จนปัญญาไม่รู้จะทำยังไงเพื่อนถึงจะหายโกรธเสียที

ส่วนกลุ่มผู้ใหญ่ยังคุยกันเพลิน โดยเฉพาะเรื่องตื่นเต้นของคุณประไพหนึ่งในสมาชิกของสมาคม

“จริงไหมคะที่คนเขาพูดกันว่าคุณประไพพาคนไปบุกซ่อง แล้วลากตัวคุณพจน์ออกมาเมื่อไม่กี่วันมานี่น่ะค่ะ”

“จริงค่ะ ดิฉันบุกไปลากตัวคุณพจน์มาจากอีพวกผู้หญิงหยำฉ่าหน้าด้านนั่นด้วยตัวเองเลยค่ะ”

“ไม่น่าเชื่อเลยนะคะว่าคุณพจน์จะชอบไปเที่ยวผู้หญิงอย่างนั้น”

“ก็เรื่องพรรค์อย่างว่า...ผู้ชายไม่มีวันอิ่มหรอกค่ะ คุณหญิงเองก็อย่าประมาทนะคะ ท่านนายพลน่ะยังไม่แก่ ท่านอาจจะไปมีอีหนูซุกซ่อนไว้ที่ไหนก็ได้นะคะ ดีไม่ดีเกิดมีลูกขึ้นมาจะเป็นเรื่องใหญ่ทีเดียวค่ะ”

“ไม่มีทางค่ะ ท่านนายพลของดิฉันไม่มีวันจะไปมีลูกกับใครแน่ ดิฉันมั่นใจ” คุณหญิงมณีเสียงเข้มจนเพื่อนฝูงพากันนิ่งเงียบไป

ขณะที่คุณหญิงมณีไม่อยู่บ้าน บุปผาสบโอกาสออกไปบ้านตาเถา เล่าให้แกฟังว่าตนทำหุ่นเสน่ห์ตกแตก

“ฉันก็ไม่ได้อยากจะให้มันตกแตกหรอกนะ แต่มันเป็นอุบัติเหตุน่ะ ทำให้ฉันอีกสักตัวเถอะน่าพ่อหมอ แล้วจะคิดเงินฉันสักเท่าไหร่ก็ว่ามาเลย ฉันจ่ายเต็มที่”

“ถึงเอ็งจะยอมจ่ายแต่ข้าก็ไม่ยอมทำ เอ็งรู้ไหมว่า การที่หุ่นเสน่ห์มันแตกน่ะ อาคมที่ข้าลงไว้ในหุ่นมันจะย้อนกลับมาที่ข้า ประเดี๋ยวข้าจะต้องทำพิธีล้างอาคมก่อน ไม่งั้นทั้งข้าทั้งเอ็งจะซวยได้ ไปๆๆ เอ็งกลับไปเหอะ ข้าต้องรีบจัดของทำพิธีแล้ว”

บุปผายังอิดออดแต่สุดท้ายก็ต้องกลับออกมาด้วยความผิดหวัง ส่วนตาเถากับน้องชายเกิดมีเรื่องร้อนใจ ตามหาไอ้หลงกันจ้าละหวั่น เพราะมันเมายาแล้วหนีหายไปทางไหนไม่รู้

ไอ้หลงถือมีดพร้าไล่ฟันผู้คนไปทั่ว เพชรผ่านมาเห็นจึงพยายามล็อกตัว แต่กว่าจะสยบมันได้ก็ใช้เวลาพอสมควร หลังจากนั้นรีบพาส่งโรงพยาบาลเพราะสงสัยว่ามันจะเมายา แต่เกี่ยงกับพยาบาลว่าไม่เอาหมอไอศูรย์ ขอเป็นหมอคนอื่นได้ไหม จังหวะนั้นไอศูรย์เดินมาได้ยินพอดี

“อย่าเอาความโกรธเกลียดพี่มาเป็นเงื่อนไขในการช่วยเหลือคนเลยเพชร มา...พี่ดูเด็กให้เอง”

ไอศูรย์รับตัวไอ้หลงมาจากเพชรแล้วเดินตรงไปที่ห้องตรวจทันที เพชรเดินตามอย่างจำใจ แล้วระหว่างรอฟังผลอยู่นั้นเกือบเจอบุปผาที่ตั้งใจมาหาไอศูรย์ แต่เจ้าหล่อนตาไวเห็นเขาเสียก่อน จึงถอยหนีไปอย่างรวดเร็ว

หลังตรวจอาการเบื้องต้นของไอ้หลงแล้ว ไอศูรย์คุยกับเพชรว่า “พี่คิดว่าเด็กนี่เมายาหรือสารพิษอะไรบางอย่างมา เพชรไปพบตัวเด็กนี่ที่ไหนเหรอ”

“ริมถนนครับพี่ต้น กำลังคลั่งอาละวาดเอามีดไล่ฟันคนอยู่เลย พอผมเข้าไปล็อกตัวไว้ได้เด็กก็หมดสติไป ผมก็เลยเอาตัวมาส่งที่นี่แหละครับ”

“ดีแล้วที่เพชรรีบเอาตัวมาส่งน่ะ ช้าอีกนิดเดียวเด็กนี่อาจจะไม่รอดก็ได้ พี่คงต้องเอาเลือดไปตรวจถึงจะรู้ว่าเป็นยาหรือสารพิษอะไร”

“งั้นผมฝากพี่ต้นดูแลรักษาเด็กนี่หน่อยได้ไหมครับ ส่วนผมก็จะลองไปสืบหาญาติพี่น้องของเด็กดู จะได้รู้ว่าเด็กมันไปเสพยามาจากที่ไหน”

“แล้วถ้าเด็กได้สติ พี่จะลองถามดูว่าเขาเสพยาเองหรือว่าถูกใครมอมยามา”

“ถ้าเด็กนี่ถูกมอมยามา ผมจะล่าตัวไอ้คนที่ทำเลวกับเด็กนี่ให้ได้ ต้องเอาโทษมันให้หนักเลยทีเดียว”

ไอศูรย์ยิ้มดีใจที่เพชรยึดมั่นในความถูกต้อง แต่เพชรกลับมองมาอย่างหมางเมิน

“แต่พี่ต้นอย่าคิดนะครับว่าการที่พี่ต้นช่วยผมเรื่องเด็กนี่จะทำให้ผมรู้สึกดีกับพี่ต้นได้เหมือนเก่า เพราะความ สัมพันธ์ของเรามันไม่มีวันกลับไปเหมือนเดิมได้อีกแล้ว”

สองหนุ่มมองหน้ากันด้วยอารมณ์ที่แตกต่าง...เพชรมุ่งมั่นจะเอาชนะไอศูรย์เรื่องมัทนาให้ได้ ส่วนไอศูรย์ก็รู้สึกเสียใจที่ความสัมพันธ์ดีๆที่เคยมีมาต้องสะบั้นลงอย่างนี้

ooooooo

บุปผากลับเข้าบ้านอย่างหงุดหงิดหัวเสียเพราะตาเถาไม่ยอมทำหุ่นเสน่ห์ให้ใหม่ และตั้งใจไปหาไอศูรย์ที่โรงพยาบาลก็มีอันต้องถอยฉากออกมาเพราะกลัวเพชรจะจำได้

เมื่อเห็นบนตึกเงียบผิดปกติ บุปผาย่องขึ้นไปเมียงมองจนแน่ใจว่าคุณหญิงมณีกับสร้อยไม่อยู่ แต่ท่านนายพลเอนหลังอยู่ที่เก้าอี้คนเดียว

“ดีละ นังสองคนนั่นไม่อยู่ ฉันจะได้บอกท่านนายพลเรื่องที่ท่านถูกนังคุณหญิงมันวางยาให้เป็นหมัน”

ไวเท่าความคิด บุปผาทำทีเอาน้ำเย็นเข้าไปให้ท่านนายพลแล้วตั้งใจจะบอกความลับ จู่ๆท่านนายพลหน้ามืดอยากจะกลับห้องนอนเพื่อพักผ่อน จึงวานบุปผาประคองไปส่ง

ด้วยความเป็นห่วงท่านทำให้บุปผาลืมธุระของตนเสียสนิท ประคองท่านไปส่งที่ห้องแล้วถามว่าให้ตนโทร.ตามหมอดีไหม

“ไม่ต้อง...ฉันแค่เวียนหัวนิดหน่อยน่ะ ช่วงนี้นอนไม่ค่อยหลับ นอนพักให้เต็มที่ก็คงจะหาย บุปผามีงานอะไรก็ไปทำเถอะ”

เธอถอยกลับออกมาอย่างว่าง่าย แต่แล้วตกใจแทบช็อกเมื่อเจอคุณหญิงมณีกับสร้อยยืนอยู่หน้าห้อง จ้องมองเธอด้วยสายตาโกรธเกรี้ยว และยังไม่ทันที่บุปผาจะทำอะไรต่อ คุณหญิงมณีก็จิกหัวเธอลากออกไปอย่างรวดเร็ว โดยมีสร้อยตามมาติดๆ

บุปผาถูกคุณหญิงตบตีแทบล้มทั้งยืน แถมยัง กล่าวหาอย่างโกรธจัด “นังบุปผา! ฉันไม่อยู่บ้านเดี๋ยวเดียวแกบังอาจเข้าหาท่านนายพลเชียวเหรอ”

สร้อยรู้งาน เข้าจับข้อมือสองข้างของบุปผาเพื่อให้คุณหญิงตบตีให้ตามอำเภอใจ

“นังนี่กินบนเรือนขี้รดบนหลังคาจริงๆ ฉันอุตส่าห์ให้ที่อยู่ที่กินแกกับพี่ชายแก แต่แกกลับเนรคุณฉันอย่างนี้ เอาไว้ไม่ได้แล้ว”

พูดขาดคำ คุณหญิงมณีเงื้อง่าจะตบบุปผาอีก ทันใดนั้นมัทนาวิ่งเข้ามารั้งมือมารดาไว้

“คุณแม่ตบบุปผาทำไมคะ”

“ก็มัน...” คุณหญิงชะงัก ไม่อยากพูดต่อหน้าลูกสาว แต่สร้อยปากไวรายงานว่าบุปผาเข้าหาท่านนายพล เลยโดนคุณหญิงตวาดแว้ดเข้าให้ “หยุดพูดได้แล้วนังสร้อย”

“ก็มันจริงนี่คะ ทั้งสร้อยทั้งคุณหญิงเห็นกับตา จับมันได้คาหนังคาเขาเลยว่ามันเข้าไปเสนอตัวให้ท่านนายพลถึงในห้องนอนเชียวนะคะ”

“นังสร้อย!!” เสียงท่านนายพลดังขึ้น...ทุกคนหันขวับ เห็นท่านยืนหน้าถมึงทึงอยู่ข้างหลัง

ครู่ต่อมา ทุกคนย้ายมาที่ห้องรับแขก นายพลเทพนั่งหน้าตึง บุปผาหน้าตาฟกช้ำน้ำตาคลอ มัทนาเอาผ้าซับเลือดที่มุมปากให้เธอด้วยความสงสาร แต่คุณหญิงมณีกับสร้อยมองมาอย่างชิงชัง

“เหลวไหลอะไรกันก็ไม่รู้ ผมแค่ไม่สบาย เดินไม่ไหว บุปผาก็ช่วยพาผมไปที่ห้อง มันก็แค่นั้น แล้วผมก็เห็นบุปผามันเป็นเหมือนลูกเหมือนหลานคนหนึ่ง ไม่มีอะไรมากไปกว่านั้น แต่ถ้าใครจะคิดไปทางอุบาทว์กว่านั้นละก็ มันก็ดูถูกผมเกินไปแล้ว...เป็นผู้หลักผู้ใหญ่แล้ว จะทำอะไรก็ควรจะถามไถ่ให้ได้ความกันก่อน ไม่ใช่เอาแต่อารมณ์”

โดนตำหนิต่อหน้าลูกและบ่าวขนาดนี้ คุณหญิงมณีถึงกับเม้มปากแน่น ทั้งอับอายและโกรธจัด แต่ก็ไม่พูดอะไรออกมา สร้อยยิ่งจ๋อยสนิท ก้มหน้าก้มตาลูกเดียว

“ไปๆๆ ใครมีอะไรก็แยกย้ายกันไปทำ มัท...ดูหาหยูกหายาใส่แผลให้บุปผาด้วย”

พูดจบ เขาลุกพรวดเดินกลับห้องนอน มัทนาเหลือบมองแม่ด้วยความเป็นห่วง แต่เห็นท่านยังนั่งนิ่งขึง และมีสร้อยคอยดูแลอยู่แล้ว จึงประคองบุปผาออกไป

คุณหญิงมณีอับอายและโกรธจนพูดอะไรไม่ออก สะกดกลั้นน้ำตาที่เอ่อไม่ให้ไหลออกมา สีหน้าเคียดแค้นบุปผาอย่างที่สุด

“ท่านนายพลเข้าข้างนังบุปผา พูดจาไม่ไว้หน้าคุณหญิงเลยนะคะ”

“ไม่ต้องพูดแล้วนังสร้อย” คุณหญิงตวาดใส่จนสร้อยไม่กล้าเสนอหน้าอีก “เห็นทีฉันจะเอานังบุปผาไว้ไม่ได้เสียแล้ว”

คุณหญิงประกาศกร้าว แววตาวาววับน่ากลัว...

มัทนาพาบุปผาไปส่งที่ห้องพักในเรือนคนใช้ บุปผานั่งนิ่งไม่พูดจาสักคำ แค้นใจคุณหญิงมณีมาก แต่มัทนาเข้าใจว่าบุปผาเจ็บจนพูดไม่ออก

“เฮ้อ...ฉันไม่เข้าใจจริงๆว่าทำไมคุณแม่ต้องทำรุนแรงถึงขนาดนี้ด้วย แล้วตั้งแต่เกิดมาฉันก็ไม่เคยเห็นคุณแม่จะลงไม้ลงมือกับใครเลย ปกติคุณแม่ท่านใจดีจะตายไป...เรื่องเข้าใจผิดกันแท้ๆเลย...เจ็บมากไหมบุปผา เดี๋ยวฉันไปเอายามาให้นะ”

มัทนากลับออกไปแล้ว...บุปผาที่นั่งนิ่งมาตลอดเปลี่ยนเป็นคนละคน ทั้งสีหน้าและแววตาดุดันเต็มไปด้วยความอาฆาตแค้น

“อีนังคุณหญิง! แกทำฉันเจ็บ ฉันจะทำให้แกต้องเจ็บยิ่งกว่า แกรักนังมัทนาลูกสาวแกเหมือนดั่งแก้วตาดวงใจใช่ไหม ดีละ” เธอลุกพรวดไปเปิดตู้หยิบขวดยาที่ได้จากตาเถาออกมา นึกถึงที่แกกำชับนักหนาว่า

“จำไว้นะ แค่สองหยดก็พอแล้ว”

บุปผาสีหน้าเหี้ยมเกรียม จ้องขวดยาในมือแล้วพึมพำออกมาอย่างมีแผนร้าย

“นังคุณหญิง...ฉันจะทำลายแก้วตาดวงใจของแก ฉันจะคอยดูหน้าแกตอนที่เห็นลูกสาวแกเจ็บ ลูกสาวแกตาย แล้วถ้านังมัทนามันตาย หมอไอศูรย์ก็ต้องเป็นของฉันคนเดียว!”

ooooooo

อ่านละคร ไฟหวน ตอนที่ 7 วันที่ 31 พ.ค. 56

ละครเรื่อง ไฟหวน บทประพันธ์โดย ฐา-นวดี สถิตยุทธการ
ละครเรื่อง ไฟหวน บทโทรทัศน์โดย ฐา-นวดี สถิตยุทธการ
ละครเรื่อง ไฟหวน กำกับการแสดงโดย มารุต สาโรวาท
ละครเรื่อง ไฟหวน ผลิตโดย บริษัท มาสเคอเรด จำกัด โดย มารุต สาโรวาท
ละครเรื่อง ไฟหวน เป็นละครแนว ดราม่าเข้มข้น
ละครเรื่อง ไฟหวน ออกอากาศทุกวันศุกร์ - เสาร์ - อาทิตย์ เวลา 20.25 น. ทางช่อง 7 สี
ที่มา ไทยรัฐ