อ่านละคร ไฟหวน ตอนที่ 3-4 วันที่ 22 พ.ค. 56


อ่านละคร ไฟหวน ตอนที่ 3

เมื่อได้โอกาสออกนอกบ้าน บุปผาเอาใจสินด้วยการซื้อเสื้อให้หนึ่งตัวเพื่อความแนบเนียนเพราะยังต้องหลอกใช้เขาอีกนาน สินไม่รู้อะไรก็ยิ้มย่องดีใจ เดินประจ๋อประแจ๋กันในตลาดสักพักก่อนพากันกลับมาขึ้นรถเพื่อไปรอรับมัทนาที่มหาวิทยาลัย

ขณะทั้งคู่ก้าวขึ้นรถ แสงเดินอยู่อีกฝั่งกับเดือนโสเภณีในหอโคมแดง เดือนเห็นด้านหลังบุปผาก็จำได้ตะโกนเรียกโหวกเหวกแต่เธอไม่ได้ยิน และรถก็ออกไปเสียก่อนที่เดือนจะวิ่งมาถึง แสงแปลกใจถามเดือนว่าเรียกใคร พอได้ยินคำตอบว่าเพื่อนชื่อบุปผา แสงถึงกับหน้านิ่วคิ้วขมวด ทวนชื่อบุปผาไปมาอย่างข้องใจ

ถึงมหาวิทยาลัย บุปผาเบื่อนายสินเต็มแก่จึงขอตัวไปเดินเล่นฆ่าเวลารอมัทนา แล้วเกือบเผชิญหน้ากำพลที่มากับเพชรเพื่อรับพลอยกลับบ้าน โชคดีที่บุปผาตาไววิ่งหนีไปเสียก่อน กำพลซึ่งเห็นหญิงสาวไวๆวิ่งตามไม่ลดละ เพชรไม่รู้อะไรแต่ก็วิ่งตามเพื่อนมาด้วย


บุปผาซ่อนตัวมิดชิดแอบมองกำพลเหลียวหน้าเหลียวหลังอย่างหงุดหงิด เพชรตามมาทันถามเพื่อนหนุ่มว่า วิ่งมาทำไม?

“ฉันคิดว่าฉันเห็น...” กำพลหยุดกึกนึกได้ว่าไม่ควรให้เพชรรู้ว่าเห็นบุปผา เปลี่ยนเป็นบอกว่าเห็นคนรู้จัก

“ใคร? คงไม่ใช่ผู้หญิงหรอกนะ ถ้าใช่ฉันจะไม่ช่วยแกเรื่องยายพลอยอีก”

“ไม่ใช่ผู้หญิงหรอก ผู้ชายน่ะ แต่ช่างเถอะ ฉันคงตาฝาดไปเอง”

“ไปๆ ป่านนี้ยายพลอยเลิกเรียนแล้วมั้ง เดี๋ยวออกมาไม่เห็นเราจะบ่นเอาอีก”

เพชรลากกำพลเดินไป บุปผาค่อยๆโผล่ออกจากที่ซ่อนถอนใจโล่งอกที่กำพลไม่เห็นเธอ แต่แล้วบุปผาก็สะดุ้งโหยงเมื่อมัทนาเดินเข้ามาจับแขนเธอ ถามว่ามาทำอะไรอยู่ตรงนี้

“บุปผามาเดินดูตึกเรียนน่ะค่ะ มัวแต่ดูเพลินบุปผา เลยหลงทาง”

มัทนาไม่ว่ากระไร ยิ้มขำบุปผาอย่างเอ็นดู...ด้านกำพลที่ยังค้างคาใจเพราะมั่นใจว่าเห็นบุปผา แต่พอเจอพลอยเขาก็เก็บเรื่องนั้นไว้ก่อน แสดงท่าทีเอาอกเอาใจเธอเป็นพิเศษก่อนพาไปกินอาหารอร่อยๆ ส่วนมัทนาที่พาบุปผากลับไปหานายสินที่รถ เธอยังไม่มุ่งหน้ากลับบ้าน แต่ให้นายสินพาไปที่โรงพยาบาล บุปผาตื่นเต้น ดีใจที่จะได้พบไอศูรย์ แต่พอไปถึงได้ยินพยาบาลทักทายมัทนาฐานะว่าที่คู่หมั้นหมอไอศูรย์ หล่อนก็แอบหน้าตูมตึงหมั่นไส้ พยาบาลมองเลยไปยังบุปผาแล้วรู้สึกคุ้นหน้าแต่นึกไม่ออกว่าเคยเจอที่ไหน

บุปผาเคยมารักษาแผลมีดบาดกับหมอไอศูรย์ก็จริง แต่เวลานั้นเธอแต่งหน้าจัด การเจอกันครั้งนี้ในสภาพที่ไม่ได้แต่งหน้าและการแต่งตัวก็เรียบร้อยมิดชิดทำให้หมอหนุ่มจำเธอไม่ได้เมื่อมัทนาพามาแนะนำ

“นี่บุปผาค่ะพี่ต้น เป็นน้องสาวนายสินคนขับรถที่บ้านน่ะค่ะ นายสินเพิ่งไปรับตัวมาจากบ้านที่ต่างจังหวัด มาอยู่ที่บ้านน้องมัทได้สองวันเองค่ะ”

“งั้นหรือครับ หน้าคล้ายๆคนไข้พี่คนหนึ่งเลย ชื่อบุปผาเหมือนกันด้วย แต่คนไข้พี่คนนั้นท่าทางจะเป็นคนในพระนครนี่มากกว่า”

“งั้นคงไม่ใช่จริงๆแหละค่ะพี่ต้น เพราะบุปผาเพิ่งมาจากต่างจังหวัดได้สองวันนี่เองค่ะ”

ไอศูรย์พยักหน้ารับรู้ จากนั้นก็พามัทนาไปหาคนไข้พิเศษของตน โดยมีบุปผาเดินรั้งท้ายมาด้วย อิ่มหรือที่หมอปรีชาตั้งชื่อให้ว่าป้ารุ่งเห็นบุปผาก็เรียกอุ่นดังลั่น ทิ้งตุ๊กตาในมือถลาเข้าหาด้วยความดีใจ

“อุ่น...แกยังไม่ตายเหรอเนี่ย ฉันดีใจจริงๆเลยที่แกยังไม่ตาย ฉันดีใจจริงๆ”

บุปผาตกใจพยายามดิ้นหนี ไอศูรย์เข้าช่วยอีกแรงกว่าจะแยกสองคนออกจากกันได้ แต่อิ่มยังร้องโวยวายตลอดเวลาจะไม่ยอมให้พยาบาลพาตัวไป

เมื่อกลับมาที่ห้องทำงานหมอไอศูรย์ มัทนาถามเขาว่าใครคืออุ่น ทำไมป้าคนนั้นถึงเรียกบุปผาว่าอุ่น

“พี่ก็ไม่ทราบเหมือนกันครับน้องมัท ตั้งแต่รับป้ารุ่งมารักษาตัวอยู่ที่นี่ แกไม่เคยเอ่ยชื่อใครเลย แม้แต่ชื่อของตัวแกเอง ก็เพิ่งจะมีวันนี้ละครับที่แกเรียกชื่ออุ่น”

“สงสัยบุปผาจะหน้าเหมือนคนที่ป้าแกเคยรู้จักนะคะ”

“เป็นไปได้ครับ...ถ้าไม่เป็นการรบกวนจนเกินไป พี่อาจจะต้องขอตัวคนของน้องมัทให้มาช่วยพี่หมอปรีชาทำการรักษาป้ารุ่งบ้างได้ไหมครับ เผื่อว่าความจำของป้ารุ่งอาจจะดีขึ้น หรือกลับมาจำความได้เหมือนอย่างเดิม”

“เอาสิคะ แต่ทั้งนี้ต้องแล้วแต่เจ้าตัวเขาด้วยนะคะ ไงจ๊ะบุปผา ยินดีจะช่วยงานหมอไอศูรย์บ้างได้ไหม”

“ได้สิคะ ช่วยคนถือว่าได้บุญกุศลเยอะนี่คะคุณหนู เผื่อว่าบางทีบุญกุศลจะส่งให้บุปผาสมหวังกับใครเขาบ้างในชาตินี้”

มัทนายิ้มขำเพราะไม่รู้นัยที่แท้จริงของบุปผาที่หมายมั่นปั้นมืออยากได้ไอศูรย์เป็นสามี..

ฝ่ายเดือนซึ่งมั่นใจว่าเห็นบุปผาที่ตลาดเมื่อตอนเย็น...ตกกลางคืนเธอเล่าให้ผกากับเพื่อนพ้องร่วมอาชีพฟัง ผกาไม่พูดอะไรให้เป็นพิรุธ ขณะที่มุกพยายามปะติดปะต่อแล้วสรุปว่าบุปผาไม่ได้ไปไหนไกลแต่ยังอยู่ในพระนครอย่างแน่นอน...เวลาเดียวกัน แสงก็คอยจับผิดบุปผาที่กำลังจะกลับห้องพักในเรือนคนใช้ เขาคาดคั้นเธอว่าวันนี้ไปตลาด มาใช่ไหม บุปผาทำท่าไม่พอใจตวัดเสียงใส่อย่างกวนๆ

“ถ้าใช่...แล้วพี่แสงจะทำไม”

“เธอไม่ใช่น้องสาวพี่สินใช่ไหม...ฉันรู้นะว่าเธอไม่ใช่น้องสาวพี่สิน เธอไม่ได้เพิ่งมาจากบ้านนอก ไม่งั้นเธอจะรู้จักกับผู้หญิงที่อยู่หอโคมแดงได้ยังไง บอกมานะว่าเธอเป็นใครกันแน่บุปผา”

แสงกระชากแขนบุปผา หน้าตาดุดันเอาจริง บุปผากลัวซะที่ไหน ตบหน้าเขาเต็มแรงแล้วตะโกนลั่นว่าแสงจะปล้ำเธอ สินวิ่งนำหน้าบรรดาคนรับใช้เข้ามาตะบันหน้าแสงด้วยความโมโหสุดขีด สองหนุ่มแลกหมัดกันไปมาครู่หนึ่งก่อนที่สร้อยจะสยบพวกเขาด้วยน้ำถังใหญ่สาดใส่จนเปียกปอน แล้วแสงก็ยืนยันว่าตนไม่ได้ปล้ำบุปผา...สินยังโมโหไม่หาย สวนทันควันว่า

“ถ้าไม่ได้ปล้ำแล้วทำไมบุปผาถึงต้องโวยวายเพราะตกใจขนาดนั้นด้วย ไอ้แสง! ฉันเห็นสายตาที่แกมองบุปผาตั้งแต่วันแรกที่เข้ามาอยู่ในบ้านนี้แล้ว ฉันรู้ว่าแกคิดอะไรอยู่”

พูดขาดคำ สินพุ่งเข้าใส่แสงอีก คนอื่นๆต้องช่วยกันแยกตัวออกอย่างโกลาหล สร้อยตะโกนลั่นจนสองหนุ่มหยุดกึก

“พอได้แล้ว! ไม่งั้นฉันจะฟ้องคุณหญิงให้ตัดเงินเดือนพวกแกคนละ3 เดือนเลย...ไม่มีใครอยู่ในเหตุการณ์กับพวก แกสองคน เพราะฉะนั้นก็มีแต่พวกแกเท่านั้นที่รู้ความจริงว่าแกมีเรื่องอะไรกัน เอาเป็นว่าเรื่องวันนี้ให้เลิกแล้วต่อกันไป แล้วไอ้แสง ถ้าไม่จำเป็นแกก็อยู่ห่างๆนังบุปผามันไว้ ไอ้สินมันหวงน้องสาวมัน แกก็อย่าไปยุ่ง เข้าใจมั้ย”

แสงเม้มปาก จำใจพยักหน้ารับคำสั่งแม่ แต่ยังไม่วายจ้องหน้าบุปผา ตั้งใจว่าสักวันเขาต้องเปิดโปงให้ได้ว่าบุปผาคือใครกันแน่!

เมื่อสินพาบุปผากลับมาส่งที่ห้องก็กำชับเธอว่า “ต่อไปนี้บุปผาต้องระวังไอ้แสงให้ดีนะ ฉันรู้ว่ามันคิดอะไรอยู่ แต่บุปผาเป็นเมียฉัน ฉันจะไม่มีวันยอมให้มันแตะต้องบุปผาเป็นอันขาด”

“จ้ะ....พี่สินไปนอนเถอะ”

สินกลับออกไปด้วยสีหน้าเคร่งเครียด แต่บุปผาเครียดกว่าหลายเท่ากลัวความลับแตก สงสัยว่าแสงรู้เรื่องหอโคมแดงได้ยังไง ตกดึกคืนนั้นบุปผาย่องเข้าไปแอบใช้โทรศัพท์บ้านคุณหญิงโทร.หาผกาบอกเล่าว่า

“ตอนนี้ฉันเข้ามาอยู่ในบ้านเทพบริบาลแล้ว แต่ฉันมาพูดโทรศัพท์กับแม่บ่อยๆไม่ได้นะ เพราะถ้าใครมาเห็นจะสงสัยเอาได้ แต่ฉันจะพยายามหาทางส่งข่าวถึงแม่เป็นระยะๆนะจ๊ะ”

“จ้ะๆ แม่เข้าใจ”

“เออนี่แม่ ที่ฉันโทร.มานี่ ฉันมีเรื่องอยากจะขอให้แม่ทำอะไรให้ฉันอย่างนึงด้วยจ้ะ”

ผกาตั้งใจฟังและทำตามคำขอของบุปผาในวันรุ่งขึ้นทันที โดยประกาศให้ทุกคนในบ้านรับรู้พร้อมกันว่า ต่อไปนี้ถ้ามีลูกค้าเก่ามาถามถึงบุปผา ทุกคนต้องบอกว่าบุปผาย้ายออกไปแล้ว ไม่รู้ไปไหน

“เราก็ไม่รู้จริงๆนี่จ๊ะแม่ว่านังบุปผาออกไปอยู่ที่ไหน อยู่ๆมันก็เก็บกระเป๋าหายไปเลย ไม่ล่ำลาคนในบ้านสักคน ทั้งๆที่เคยกินเคยนอนอยู่ด้วยกันทุกวัน” พิกุลพูดซื่อๆ ต่างจากมุกที่พยายามตะล่อมเอาความจริงจากผกา

“แต่คุณกำพลก็คงจะอยากรู้อยู่ละนะจ๊ะแม่ ว่านังบุปผามันไปอยู่ที่ไหน วัวเคยขาม้าเคยขี่ มันตัดกันไม่ขาดหรอก แม่จ๋า...นังบุปผามันไปเป็นเมียเก็บใครเหรอ มันถึงต้องเป็นความลับนักว่ามันไปอยู่ที่ไหนน่ะ”

“เออน่า แกไม่ต้องรู้หรอก แล้วถ้าเป็นคนอื่นมาถามหานังบุปผาละก็ ให้บอกไปเลยว่าไม่เคยมีคนชื่อบุปผาอยู่ที่นี่”

หลายคนร้องอ้าวแล้วตั้งท่าจะซักต่อ แต่ผกาไม่เปิดโอกาส ตัดบทเสียงแข็งจนทุกคนไม่กล้าตอแย “เถอะน่า...แม่สั่งให้พูดยังงี้ก็พูดไปสิ อย่าถามมากได้มั้ย”

ooooooo

อ่านละคร ไฟหวน ตอนที่ 4

หลังจากรับฟังผกาแล้ว มุกเป็นคนเดียวที่ยังติดใจสงสัยเรื่องการหายตัวไปของบุปผา อีกทั้งเธอรับปาก กำพลไว้ว่าจะช่วยสืบเพื่อแลกเงินหนึ่งหมื่นบาท วันนี้เธอจึงโทร.ตามเขามาที่หอโคมแดงแล้วนั่งรถออกไปด้วยกัน

กำพลจอดรถที่สวนสาธารณะลงมาพร้อมมุกที่ดูเริงร่าเป็นพิเศษ

“คุณกำพลรู้ไหมคะว่านังพวกที่หอโคมแดงน่ะมันตื่นเต้นกันใหญ่ที่คุณกำพลไปรับมุกออกมาจากบ้านน่ะค่ะ”

“ก็เธอบอกว่ามีเรื่องบุปผาจะบอกฉัน ฉันก็ต้องรับเธอออกมาน่ะสิ ตกลงรู้แล้วเหรอว่าบุปผาอยู่ที่ไหน”

มุกส่ายหน้าแทนคำตอบ กำพลชะงักผิดหวังอย่างแรง

“อ้าว...แล้วเธอตามฉันมาทำไมล่ะ เสียเวลาจริง”

“ถึงมุกจะไม่รู้ว่านังบุปผาไปอยู่ที่ไหน แต่ก็รู้ว่า มันยังอยู่ในพระนครนี่ละ เพราะมีคนเห็นมันเดินอยู่ในตลาด แล้วเมื่อเช้าแม่ผกายังสั่งแปลกๆเรื่องนังบุปผาอีกด้วยว่า ถ้ามีใครมาถามหามันให้บอกว่าไม่เคยมีคนชื่อบุปผาอยู่ที่หอโคมแดง”

กำพลพยักหน้ารับรู้ มุกยิ้มกริ่ม แบมือหราทันที

“ไหนล่ะคะคุณกำพล หนึ่งหมื่นที่ว่าจะให้มุกน่ะ ถ้ามุกเอาข้อมูลเรื่องนังบุปผามาบอก”

“ตราบใดที่ฉันยังไม่เจอตัวบุปผา เธอก็ยังจะไม่ได้เห็นเงินหมื่นนั่นหรอก” กำพลเสียงแข็งแล้วเดินหนีไปทันที ทิ้งมุกยืนขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน กระทืบเท้าอย่างเจ็บใจ...

วันเดียวกันที่บ้านมัทนา...บุปผาช่วยสร้อยลำเลียงอาหารขึ้นไปบนตึกและได้เห็นหน้านายพลเทพชัดๆ หญิงสาวรู้สึกแปลกๆโดยไม่รู้สาเหตุ ทำชามแกงหกใส่ท่านจนโดนสร้อยตวาดด่าว่าซุ่มซ่าม แต่นายพลกับคุณหญิงไม่ถือสา บอกว่าเด็กบ้านนอกก็อย่างนี้แหละ ยังหยิบจับอะไรไม่ค่อยถูก บุปผาเลยใจชื้นขึ้นเป็นกอง แล้วครู่ต่อมา ก็ยิ้มร่าดีใจเมื่อมัทนาขออนุญาตมารดาพาเธอไปโรงพยาบาลเพื่อช่วยฟื้นความจำให้คนไข้ของหมอไอศูรย์แล้วคุณหญิงไม่ขัดข้อง

ooooooo

เมื่อไปถึงโรงพยาบาลพร้อมมัทนา บุปผาเสนอตัวยินดีช่วยเหลือเต็มที่ ไอศูรย์ขอบคุณเธอแล้วให้หมอปรีชาอธิบายแทน

“หมอต้นบอกผมว่าป้ารุ่งดูจะถูกชะตากับคุณมากกว่าใคร หมอเลยอยากให้คุณค่อยๆคุยกับเขาเรื่องสัพเพเหระอะไรก็ได้ ให้เขาคุ้นเคยกับคุณเสียก่อนแล้วค่อยขยับไปการรักษาขั้นต่อไปทีหลัง”

“ได้ค่ะหมอ” บุปผารับปากแข็งขัน หลังจากนั้นก็ไปนั่งลงตรงหน้าป้ารุ่ง โดยมีไอศูรย์ ปรีชา และมัทนายืนมองอยู่ห่างๆ

บุปผาแนะนำตัวเองแต่ป้ารุ่งกลับพูดโพล่งว่าชื่ออุ่น แล้วแกก็ยืนยันอยู่อย่างนั้นจนบุปผาต้องคล้อยตาม

“เอ้า...อุ่นก็อุ่น” บุปผาตอบรับด้วยรอยยิ้ม ป้ารุ่งหรือชื่อจริงคืออิ่มยิ้มรับและจับมือบุปผากุมไว้ ดีใจเหมือนได้เจอคนคุ้นเคย...ทั้งสามคนที่ยืนมองอยู่พากันโล่งใจที่ป้ารุ่งท่าทางเป็นมิตรกับบุปผา

แต่ผ่านไปไม่นาน ป้ารุ่งเกิดอาละวาดพุ่งเข้าบีบคอมัทนาเพราะแรงยุของบุปผาที่แอบกระซิบว่าเธอคนนั้นเอาหลานของป้าไป มัทนาถูกบีบคอเกือบแย่ถ้าไอศูรย์กับปรีชาช่วยไม่ทัน
หลังจากปรีชาพาป้ารุ่งกลับห้องพักไปแล้ว ไอศูรย์ปลอบขวัญมัทนาที่ยังตระหนกตกใจไม่หาย บุปผาเฝ้ามองอย่างริษยา ที่สุดก็อดรนทนไม่ไหวเข้ามาแทรกกลางทำทีเป็นห่วงเจ้านายของตน

“คุณหมอไปดูอาการป้ารุ่งเถอะค่ะ เดี๋ยวบุปผาดูแลคุณหนูเอง”

“ไม่เป็นไร บุปผาตามไปดูป้ารุ่งเถอะ ผมจะดูน้องมัทเอง”

บุปผาแอบทำหน้าไม่พอใจและจำต้องเดินไป แต่ไม่วายหันกลับมามองไอศูรย์ที่ดูแลมัทนาอย่างดีด้วยความอิจฉา...

หมอปรีชาฉีดยาระงับประสาทให้อิ่ม โดยมีบุรุษพยาบาลช่วยจับตัวแกไว้ ครู่เดียวอิ่มก็หลับลงเพราะฤทธิ์ยา บุปผาเดินมาเมียงมองหน้าห้องแล้วพึมพำอย่างขัดใจ

“ฮึ! อีป้าบ้า! แกน่าจะบีบคอนังคุณหนูขี้แยนั่นให้คอหักตายไปเลย”

หลังจากนั้นไม่นาน ไอศูรย์ออกมาส่งมัทนากับบุปผาขึ้นรถกลับบ้าน เขายังห่วงใยว่าที่คู่หมั้น ถามแล้วถามอีกว่าไม่เป็นอะไรแน่นะ บุปผาแอบมองหมั่นไส้แต่พอเห็นนายสินมองมาก็ปรับสีหน้าเป็นปกติ

“มัทเจ็บไม่มากหรอกค่ะ แต่ตกใจมากกว่า”

“ก็น่าตกใจอยู่หรอกที่อยู่ๆป้ารุ่งแกก็ลุกขึ้นมาทำร้ายคนอย่างนี้ ทั้งๆที่ระยะหลังมานี่ป้ารุ่งแกสงบลงมากแล้ว”

“ลงว่าเป็นคนบ้า เราเดาใจเขาไม่ออกหรอกค่ะคุณหมอ”

“ป้ารุ่งแกไม่ได้บ้าสักหน่อยบุปผา แกความจำเสื่อมต่างหาก...แล้วป้ารุ่งแกก็คงไม่ได้ตั้งใจจะทำร้ายน้องมัทหรอกค่ะ พี่ต้นอย่าบอกเรื่องนี้กับคุณพ่อคุณแม่น้องมัทนะคะ น้องมัทไม่อยากให้ท่านกังวล”

ไอศูรย์พยักหน้ารับ แต่บุปผาคิดค้านอยู่ในใจเพราะมีแผนบางอย่าง ครั้นกลับถึงบ้านเทพบริบาล บุปผาปากสว่างเล่าให้คนรับใช้ฟัง ไม่นานนักเรื่องก็รู้ถึงหูคุณหญิงมณีและนายพลเทพ

“เกิดเรื่องร้ายแรงอย่างนี้ขึ้น ทำไมมัทไม่เล่าให้แม่ฟัง”

“แล้วคุณแม่รู้เรื่องนี้มาจากที่ไหนคะ”

“แม่จะรู้เรื่องมาจากไหนมันก็ไม่สำคัญเท่ากับว่าเกิดเรื่องร้ายแรงขนาดนี้ ทำไมมัทไม่เล่าให้แม่ฟัง”

“ก็มัทไม่อยากให้คุณแม่ตกใจนี่คะ”

“แล้วมัทเป็นอะไรมากรึเปล่าลูก”

“มัทไม่เป็นอะไรหรอกค่ะคุณพ่อ แค่ตกใจเท่านั้น”

คุณหญิงเป็นห่วงลูกสาวคนเดียว ประกาศไม่ยอมให้ไปช่วยงานที่โรงพยาบาลอีก เช่นเดียวกับนายพลที่กลัวลูกสาวเป็นอันตรายเพราะท่าทางคนไข้ของไอศูรย์จะไว้ใจไม่ได้ บุปผาได้ยินอย่างนั้นลอบยิ้มสมหวัง รีบเสนอตัวทันที

“ถ้างั้นให้บุปผาไปช่วยคุณหมอไอศูรย์คนเดียวก็ได้ค่ะ เพราะปกติป้ารุ่งแกก็พูดแต่กับบุปผาคนเดียวอยู่แล้วค่ะ”

สร้อยระแวง ไม่อยากให้บุปผาไปใกล้ชิดไอศูรย์ จึงขัดคอโดยเร็ว “ไม่ดีมั้ง ฉันว่าให้พวกหมอเขารักษายายป้าบ้านั่นกันไปเองเถอะ อย่างแกจะไปช่วยอะไรเขาได้”

บุปผานิ่งไปทันที โกรธสร้อยแต่ไม่แสดงออก แต่มัทนากลับเห็นดีด้วย

“ถ้าคุณแม่ไม่ให้มัทไปก็ให้บุปผาไปเถอะนะคะ มัทไม่อยากให้พี่ต้นรู้สึกว่ามัทรับปากเขาแล้วไม่รับผิดชอบ”

คุณหญิงมณีนิ่งไปครู่หนึ่งก่อนตอบตกลง สร้อยสีหน้าเป็นกังวล ในขณะที่บุปผาดีใจแต่เก็บซ่อนความรู้สึก เหลือบมองสร้อยอย่างเคืองๆ

เพราะแค้นใจที่สร้อยคอยกีดกันขัดขวางตนอยู่เรื่อย บุปผาแอบเข้ามาในครัวเอาแปรงสีฟันถูในปากตัวเองแล้วคนลงในถ้วยไข่ตุ๋นใบหนึ่งที่กำลังเดือดปุดๆอยู่บนเตา...

เวลานั้นสร้อยยังอยู่บนตึก พูดคุยกับคุณหญิงมณีด้วยเรื่องบุปผาอย่างเป็นกังวล

“จะดีรึคะคุณหญิง ที่จะให้แม่บุปผาไปที่โรงพยาบาลตามลำพังน่ะค่ะ สร้อยกลัวค่ะ ปล่อยให้ผู้หญิงกับผู้ชายอยู่ใกล้ชิดกันมากๆ อะไรก็เกิดขึ้นได้นะคะคุณหญิง”

“ที่โรงพยาบาลนั่นคนออกจะเยอะแยะ แม่บุปผาไม่ได้ไปอยู่กับพ่อต้นตามลำพังสองคนเสียหน่อย แล้วอีก อย่างฉันก็มั่นใจว่าผู้ชายอย่างพ่อต้นไม่ใช่ผู้ชายมักง่าย”

“ว่าได้หรือคะ ท่านนายพลก็ไม่ใช่ผู้ชายมักง่ายเหมือนกันล่ะค่ะ แล้วเป็นไงคะ ถ้าตอนนั้นเราไม่ได้สืบจนรู้เรื่องนังอุ่นกับลูกมันเสียก่อน ป่านนี้คุณหญิงคงได้มีลูกเลี้ยงอายุพอๆกับคุณหนูมัทนาแล้วล่ะค่ะ”

คุณหญิงมณีหน้าเครียดขึ้นมาทันที แต่พยายามตัดใจไม่คิดมาก บอกสาวใช้คนสนิทว่า

“เอาเถอะ...เรื่องนั้นมันก็ผ่านมานานแล้วจะไปพูดถึงมันทำไมอีก แล้วตอนนี้ท่านนายพลก็อยู่กับร่องกับรอย และไม่มีโอกาสมีลูกกับใครได้อีกแล้ว”

สร้อยจำต้องนิ่งเงียบไป ทั้งที่ใจยังระแวงบุปผา...ไม่รู้เหมือนกันว่าตัวเองเป็นอะไรแต่รู้สึกไม่ถูกชะตาบุปผาเอามากๆ

ooooooo

อ่านละคร ไฟหวน ตอนที่ 3-4 วันที่ 22 พ.ค. 56

ละครเรื่อง ไฟหวน บทประพันธ์โดย ฐา-นวดี สถิตยุทธการ
ละครเรื่อง ไฟหวน บทโทรทัศน์โดย ฐา-นวดี สถิตยุทธการ
ละครเรื่อง ไฟหวน กำกับการแสดงโดย มารุต สาโรวาท
ละครเรื่อง ไฟหวน ผลิตโดย บริษัท มาสเคอเรด จำกัด โดย มารุต สาโรวาท
ละครเรื่อง ไฟหวน เป็นละครแนว ดราม่าเข้มข้น
ละครเรื่อง ไฟหวน ออกอากาศทุกวันศุกร์ - เสาร์ - อาทิตย์ เวลา 20.25 น. ทางช่อง 7 สี
ที่มา ไทยรัฐ