คุณชายเลี้ยงหมู คุณหนูเลี้ยงแกะ ตอนที่ 13-14 วันที่ 24 พ.ค. 56


อ่านละคร คุณชายเลี้ยงหมู คุณหนูเลี้ยงแกะ ตอนที่ 13

“นี่ยังอ่านไม่ออกกันอีกเหรอครับคุณตำรวจ...ถ้าไอ้สี่เสือคิดจะเก็บวศินจริงๆละก็ ไม่เห็นจำเป็นจะต้องมายิงกลางสวนสาธารณะอย่างนี้เลย คิดดูสิ...มันต้องการยิงในที่คนเยอะๆอย่างนั้นทำไมนะ...ติ๊กต่อก...ติ๊กต่อก...” พายัพทำท่ายียวน
ภูวนัยบอกว่ามันต้องการให้เป็นข่าว สมสุขหัวเราะร่าบอกว่าถูกต้องเพราะมันจะได้หาสาเหตุเพื่อที่จะกำจัดพวกสี่เสือนั่นเอง ภูวนัยถามว่าทั้งหมดนี่เป็นการจัดฉากหรือ สมสุขพยักหน้ายิ้มกวนๆแทนคำตอบ

หลังจากถูกยิงแล้ว วศินถามชาติกล้าว่าปิดปากคนที่ยิงตนแล้วหรือยัง ชาติกล้าบอกว่าเรียบร้อย วศินสั่งให้ทำตามนโยบายที่ตนมอบให้ต่อไป

“จะเริ่มที่ใครก่อนครับ” ชาติกล้าประกอบปืนพลางถามอย่างเลือดเย็น

ooooooo

เหตุการณ์ที่วศินถูกยิงทำให้นายหัวคึก เสี่ยแคน และแม่เลี้ยวไหวตัว นายหัวกับเสี่ยโทร.คุยกัน เสี่ยเสนอว่า


“เราคงต้องหลบไปอยู่ที่อื่นสักพัก ลองไอ้วศินประกาศออกมาอย่างนี้ มันต้องตั้งใจเก็บพวกเราแน่นอน”

“ดีเหมือนกัน มีข่าวอะไรบอกกันด้วยนะเสี่ย” นายหัว วางสายแล้วเตรียมหลบออกไปทันที

แต่ช้าไปแล้ว! ไม่ทันออกจากบ้าน นายหัวก็ถูก ชาติกล้าใส่ถุงมือดำยิงแสกหน้าตายคาหน้าบ้านเสียก่อน

รุ่งขึ้น ชาติกล้าให้สัมภาษณ์นักข่าวว่า นโยบายปราบปรามผู้มีอิทธิพลของวศินกำลังได้ผล เพราะ...

“การเริ่มเอาจริงทำให้พวกผู้มีอิทธิพลเหล่านั้นกดดัน ซึ่งผลการสืบสวนเบื้องต้น เราพบว่านายหัวคึกฆ่าตัวตาย”

อภิวัฒน์สนใจการตายของนายหัวคึก เขาเข้าไปหาข้อมูลในห้องทำงานของชาติกล้า เขาถึงกับอึ้งเมื่อเปิด ลิ้นชักเห็นถุงมือดำวางอยู่ ชาติกล้ากลับมาที่ห้องพอดี ถามอภิวัฒน์ว่ามีอะไรให้ตนรับใช้หรือ อภิวัฒน์ทำเฉไฉถามว่า วศินพักอยู่ห้องไหนตนจะไปเยี่ยม ชาติกล้าไม่บอกอ้างว่าวศินต้องการให้เรื่องนี้เป็นความลับ เพราะกำลัง

ทำสงครามกับพวกผู้มีอิทธิพล

“ไม่เป็นไร งั้นฝากหมวดไปบอกแล้วกันว่าหายเร็วๆนะ” พอจะออกไป อภิวัฒน์หันกลับมาพูดเหมือนนึกได้ว่า “อ้าว...ลืมไปเลย ผมเห็นข่าวการฆ่าตัวตายของนายหัวคึกแล้ว หมวดทำได้ดีมาก แต่ไม่น่าเชื่อเลย นะว่าแค่ทางเราบอกว่าจะปราบพวกผู้มีอิทธิพล ถึงกับทำให้นายหัวคึกเครียดจนฆ่าตัวตาย...ทำได้ดีมากหมวด” อภิวัฒน์ตบไหล่ชาติกล้าอย่างชื่นชม

เมื่ออภิวัฒน์ไปแล้ว ชาติกล้าเข้ามาเปิดลิ้นชักสำรวจ เห็นถุงมือดำก็ฉุกคิดว่า อภิวัฒน์เห็นหรือไม่ แต่ ทุกอย่างอยู่ที่เดิม ไม่มีการรื้อค้นอะไรก็ค่อยเบาใจ

ooooooo

การตายของนายหัว ทำให้เสี่ยแคน แม่เลี้ยงรัญญาและพายัพมาพบกันที่บ้านแม่เลี้ยงอย่างตื่นตัว เสี่ยแคนไม่เชื่อว่านายหัวจะยิงตัวตาย รัญญาตัดบทว่าพวกเราต่างก็รู้ว่าอะไรเป็นอะไร พายัพที่นั่งฟังอยู่แทรกขึ้นว่า

“ตอนนี้ไอ้วศินมันตีไพ่มาหน้านี้ แสดงว่ามันตั้งใจจะกำจัดพวกเราทุกคนแล้วกินรวบทั้งวง” เสี่ยถามว่าแล้วเราควรทำยังไง “ผมมีเพื่อนอยู่ที่เกาะสอง พวกเราอาจจะไปอยู่ที่นั่นก่อนสักพัก”

ทั้งเสี่ยแคนและแม่เลี้ยงต่างไม่มีทางเลือก พายัพ เองก็แกล้งทำหน้าเครียดให้ทุกคนตายใจ แต่พอลับหลังสองเสือ พายัพก็โทร.บอกชาติกล้าว่า “คืนนี้พวกมันจะหนีไปที่เกาะสอง!”

ภูวนัยพูดกับอภิวัฒน์อย่างตึงเครียดว่า สถานการณ์ตอนนี้ชักเกินความควบคุมของเราแล้ว เกรงว่าขืนปล่อยไว้พวกมันอาจจะฆ่ากันโดยไม่สนใจกฎหมายบ้านเมือง เพราะไม่ว่าจะเป็นกำนันเต่าหรือนายหัวคึก แม้ว่าจะเป็นคนเลว แต่เราก็ควรจะจัดการตามกฎหมายไม่ใช่ความรุนแรงแบบนี้

“ผมเห็นด้วยกับหมวด” อภิวัฒน์เอ่ยขึ้น แล้วถามสมสุขว่า “นายคิดว่าคนต่อไปที่วศินจะจัดการน่าจะเป็นใคร”

“แม่เลี้ยงรัญญา” สมสุขบอกโดยไม่ต้องคิด ภูวนัยถามว่าทำไม “เพราะว่าแม่เลี้ยงมีสิ่งที่ไอ้วศินมันกลัวไง”

สิ่งที่ทำให้วศินกลัวแม่เลี้ยงคือคลิปวีดิโอที่วศินฆ่าเด็กนั่งดริ๊งก์ที่แม่เลี้ยงเก็บไว้เป็นไม้ตายไว้เล่นงานวศินนั่นเอง!

“จะทำอะไรก็รีบทำนะครับ ผมว่าไอ้วศินน่าจะจัดการกับเสือที่เหลือในคืนนี้” สมสุขเตือนอย่างรู้ทางกันดี

ooooooo

แม่เลี้ยงรัญญาอยู่ในห้องที่บ้าน ครุ่นคิดสถาน-การณ์์ตึงเครียดที่เกิดขึ้น พลางหยิบแหวนหัวทับทิมวงหนึ่งขึ้นดู พอแม่เลี้ยงเปิดหัวแหวนทับทิมออกก็เห็นเมมโมรี่การ์ดขนาดเล็กซ่อนอยู่ในหัวแหวน!

ขณะกำลังคิดเครียดและจะโทร.หาเสี่ยแคนนั่นเอง เสี่ยโทร.เข้ามาพอดี แม่เลี้ยงตั้งข้อสังเกตว่า

“ฉันมาคิดๆดูแล้ว ทำไมวศินมันถึงได้จัดฉากยิงตัวเอง นั่นแสดงว่ามันต้องมีคนไปบอกเรื่องที่เราคิดจะเก็บมันก่อน” เสี่ยแคนถามว่าเธอสงสัยใคร “พายัพ!” แม่เลี้ยงบอกไม่ลังเล แต่พอเสี่ยติงว่าถ้าพายัพเป็นนกสองหัวอย่างนั้นคงไม่เตรียมเรือให้เราหนีหรอก เร่งแม่เลี้ยงให้รีบออกมา ตอนนี้ตนรออยู่ที่ท่าเรือแล้ว

แม่เลี้ยงวางโทรศัพท์ หยิบแหวนหัวทับทิมสวมนิ้วแล้วลุกเดินออกไปทันที

แต่ทันทีที่เสี่ยแคนวางสายจากแม่เลี้ยง เขาก็ถูกพายัพคว้าปืนจากลูกน้องที่ถือปืนคุมเสี่ยแคนอยู่กระหนํ่ายิงเสี่ยตายคาที่!

ภูวนัยไปที่บ้านแม่เลี้ยง พอรู้จากแม่บ้านว่าแม่เลี้ยงเพิ่งออกไปเมื่อครู่นี้เอง เขารีบโทร.บอกอภิวัฒน์

“ผมคลาดกับแม่เลี้ยงครับท่าน ท่านพอจะตามรอยรถแม่เลี้ยงได้ไหมครับ...ครับ...” พูดจบก็วิ่งไปขึ้นรถขับไปทันที

แม่เลี้ยงรัญญาไปถึงท่าเรือ เจอพายัพรออยู่ พอถามถึงเสี่ยแคน พายัพพูดเลือดเย็นว่า “ไปแล้ว” แม่เลี้ยงรู้ทันทีว่าถูกพายัพหักหลัง ครู่เดียวก็เห็น

ชาติกล้าเดินเข้ามา แม่เลี้ยงขู่สวนไปอย่างมีชั้นเชิงว่า

“พวกแกฆ่าฉัน...ก็เท่ากับฆ่าตัวตายเหมือนกันนั่นแหละ วศินไม่ได้บอกพวกแกเหรอว่าฉันมีคลิปที่สามารถทำให้มัน แก...” แม่เลี้ยงชี้ไปที่ชาติกล้า ชี้ไล่ไปที่พายัพ “แล้วก็แก เข้าไปอยู่ในตะรางได้ไง”

พายัพยุชาติกล้าอย่าไปฟัง ให้ฆ่าแม่เลี้ยงเลย แม่เลี้ยงท้าว่าถ้าไม่เชื่อก็ลองโทร.ถามวศินดู ทำให้

ชาติกล้าลังเลลดปืนลง เป็นจังหวะที่ภูวนัยมาถึงและเล็งปืนไปยังชาติกล้าเตรียมเหนี่ยวไก แม่เลี้ยงอาศัยจังหวะที่ชาติกล้าลดปืนลง ถีบเขาแล้ววิ่งหนีไป ภูวนัยลั่นไกพอดี กระสุนเลยพลาดเป้าอย่างน่าเสียดาย

พายัพสั่งลูกน้องให้จับแม่เลี้ยงให้ได้ ตัวเองก็วิ่งไล่ตามไป แต่ถูกภูวนัยยิงสกัด ทำให้แม่เลี้ยงขึ้นรถขับหนีไปได้

ชาติกล้าเห็นประกายไฟจากกระบอกปืนภูวนัยจึงยิงสวนมา แต่ทุกอย่างเงียบ เหลือบเห็นลูกน้องพายัพที่เหลืออยู่คนเดียวหลบอยู่หลังตู้คอนเทนเนอร์เขาเอาปืนจี้สั่งให้วิ่งออกไป ภูวนัยเห็นเงาคนวิ่งออกมา เขายิงใส่ทันที ชาติกล้าจึงยิงสวน ประกายไฟไปทำให้ภูวนัย ถูกยิงเฉียดที่แขน

ครู่หนึ่งชาติกล้ากับพายัพได้ยินเสียงสตาร์ตรถ พวกมันยิงไป แต่ภูวนัยก็ขับรถพุ่งออกไปแล้ว

“มันเป็นใครวะ” พายัพคำรามอย่างแค้นใจ ชาติกล้า ก็มองตามรถอย่างสงสัยว่าใครที่มาช่วยแม่เลี้ยงไว้

ooooooo

ระหว่างที่ตะวันฉายต้องรักษาตัวที่โรงพยาบาลนั้น เขาเฝ้ารอคำตอบจากไผ่พญาวันแล้ววันเล่า...แต่ก็ยังไม่ได้รับคำตอบสักที จนเขาถามว่าเธอชอบ

ภูวนัยใช่ไหม ไผ่ก็อึกอักแล้วขอตัวออกไปบอกพยาบาลว่าเขาฟื้นแล้ว

คืนเดียวกันนี้ ภูวนัยเข้าโรงพยาบาลให้หมอทำแผลที่แขนให้ เขาบอกหมอว่าถูกสังกะสีบาดมา แต่หมอไม่เชื่อ เพราะมีรอยไหม้รอบแผล จึงออกไปโทร.แจ้งเบาะแสให้ตำรวจ แต่พอกลับมาอีกที ภูวนัยก็หายไปแล้ว

ภูวนัยหนีออกมาชนกับไผ่ที่กำลังจะไปตามพยาบาลอย่างจัง ต่างตกใจว่าอีกฝ่ายมาทำอะไรที่นี่

เห็นภูวนัยถูก รปภ.ตามหา ไผ่จึงพาหลบเข้าไปในห้องพักของตะวันฉายแล้วตัวเองออกไปรับหน้าหมอที่กำลังตามหาภูวนัย แกล้งเอารูปเขาให้ดู บอกว่าเป็นสามีตนได้รับบาดเจ็บ ถูกตนยิงเพราะไปมีหญิงอื่น หมอหลงเชื่อจึงไม่สนใจติดตามภูวนัยอีก

ไผ่พญากลับเข้าไปในห้องตะวันฉายอีกที ภูวนัยก็หายไปแล้ว ตะวันฉายบอกเธอด้วยสีหน้าสดชื่น

สมหวังว่า ก่อนไปภูวนัยฝากให้ตนดูแลเธอด้วย ทำเอาไผ่อึ้ง ตะวันฉายจึงเล่าให้ฟังว่า ระหว่างที่เธอออกไปนั้น เขาถามภูวนัยว่าชอบเธอหรือเปล่า ภูวนัยบอกว่าไม่ชอบและไม่มีวันชอบด้วย

“ดีครับ ถ้าคุณภูคิดอย่างนั้น เพราะผมไม่อยากให้ คุณภูเจอกับคุณไผ่อีก! คุณภูอาจจะคิดว่าผมเห็นแก่ตัว หรืออะไรก็แล้วแต่ แต่ที่ผมบอกคุณภูอย่างนี้เพราะผมไม่อยากให้คุณไผ่ต้องอยู่ในอันตราย!”

ไผ่พญาฟังตะวันฉายเล่าแล้ว ทำเป็นปวดเมื่อยขอออกไปบิดขี้เกียจนอกห้อง แต่พอออกมานอกห้อง ไผ่ก็ยืนพิงผนังอย่างหมดแรง ส่วนตะวันฉายแอบดูอยู่ในห้อง เห็นอาการของไผ่แล้วก็ได้แต่มองอย่างเป็นห่วง...

ooooooo

รุ่งขึ้น จ่าราชัยเอาหนังสือพิมพ์ที่ลงข่าวว่า เสี่ยแคนขับรถประสานงากับสิบล้อตายไปเมื่อคืนมาให้ชาติกล้าดู เขาแกล้งทำเป็นอึ้ง สั่งจ่าให้ติดตามทุกเรื่องที่เกี่ยวกับแม่เลี้ยงรัญญาให้ด้วย

ส่วนวศินพอใจกับผลงานของชาติกล้ามาก แต่ก็ตำหนิว่าปล่อยให้แม่เลี้ยงหนีไปได้ยังไง

“เธอบอกว่าเธอมีสิ่งที่ทำให้ท่านต้องปล่อยเธอไปครับ” ชาติกล้าชี้แจง พอถูกวศินย้อนถามว่าแค่นี้ก็ปล่อยไปแล้วหรือ “ไม่ใช่ครับ มีคนช่วยเธอ...ท่านครับ ผมว่าอาจจะมีคนบางกลุ่มที่กำลังคิดต่อกรกับเรา”

วศินฟังแล้วหน้าเครียดไปทันที ชาติกล้าเองก็เครียดไม่น้อยกว่ากัน

เวลาเดียวกัน ที่เซฟเฮาส์ของอภิวัฒน์ ภูวนัยรายงานเหตุการณ์เมื่อคืนให้อภิวัฒน์ฟังอย่างละเอียด โดยเฉพาะเรื่องที่ตัวเองปล่อยแม่เลี้ยงรัญญาไป อภิวัฒน์ชมว่า ทำถูกแล้ว เพราะยังดีกว่าให้แม่เลี้ยงตกอยู่ในอุ้งมือของพวกนั้น ถามว่าแผลเขาเป็นอย่างไรบ้าง ภูวนัย บอกว่าแค่ถากไป แล้ววกกลับมาถามว่า

“แล้วท่านได้ข่าวเรื่องแม่เลี้ยงหรือยังครับ”

อภิวัฒน์ส่ายหน้า แต่คาดว่า “ผมมั่นใจว่าแม่เลี้ยงยังอยู่ในเมืองไทย เพราะผมให้คนของเราดูทุกเส้นทางที่จะหนีออกนอกประเทศได้ แต่ก็ไม่มีเบาะแสอะไร”

“ถ้าอย่างนั้น แม่เลี้ยงอาจจะหลบไปอยู่กับใครบางคน” ภูวนัยคาดเดาอย่างหนักใจ

ooooooo

อ่านละคร คุณชายเลี้ยงหมู คุณหนูเลี้ยงแกะ ตอนที่ 14


การหายตัวเข้ากลีบเมฆของแม่เลี้ยงรัญญาทำให้ทั้งสองอภิวัฒน์และภูวนัยร้อนใจ หาทางที่จะต้องหาตัวให้เจอเพื่อคลี่คลายเรื่องต่างๆ ที่อึมครึมอยู่ คนเดียวที่พอจะบอกเบาะแสของแม่เลี้ยงให้ได้คือสมสุข แต่สมสุขก็ยังเล่นลิ้นเล่นแง่ยียวนตามเคย จนถูกภูวนัยขู่ว่า

“อย่ามัวเล่นลิ้น...ยิ่งนายบอกช้าเท่าไหร่ ไอ้พวกวศินอาจจะถึงตัวแม่เลี้ยงก่อนพวกเราเท่านั้น ถ้าเป็นอย่างนั้นนายก็ไม่ต้องมาเจ็บใจ ที่ทำอะไรมันไม่ได้ก็แล้วกัน”

“แหม...หมวดเล่นกระตุ้นต่อมผมอย่างนี้ ใครจะไปทนไหว” สมสุขยอมอ่อนข้อบอกว่า “ลองไปหาดูแถวพัทยา ถามหาคนชื่อโจอี้ แนะนำว่างานนี้หมวดควรจะใช้ผู้หญิงกรุยทางไปก่อนน่าจะดีกว่า เพราะโจอี้มันเป็นผู้กำกับหนังโป๊ ที่ใช้หญิงไทยเล่นหนังจนทำให้มันเป็นเจ้าพ่อหนังโป๊ที่ทรงอิทธิพลที่สุดในวงการหนังใต้ดิน ถ้าเอ่ยชื่อมันก็รู้จักกันทุกคน”

“หมวด...งานนี้เราต้องใช้คุณไผ่” อภิวัฒน์เสนอตัวคนทำงาน

ภูวนัยปัดทันทีว่าไม่ได้ แล้วชี้แจงเสียงอ่อนลงว่างานนี้ไม่เหมาะกับไผ่ แต่ตนรู้ว่าใครที่จะทำงานนี้ได้...

ooooooo

หลังจากนั้น ภูวนัยนัดพรรณรายมาพบกันที่ห้างสรรพสินค้า บังเอิญเป็นวันที่ตะวันฉายขออนุญาตหมอพาไผ่ไปกินไอศกรีมห้างเดียวกัน

พรรณรายดีใจมากที่ภูวนัยนัดพบ คิดเข้าข้างตัวเองว่าเขาคงคิดถึง เมื่อเจอกันจึงทั้งอ้อนทั้งอ่อย เอามือคล้องคอภูวนัยยั่วยวน ภูวนัยอายสายตาคนในห้าง จะแกะมือเธอออกจากคอ ก็พอดีมีเสียงทักคุ้นหูดังขึ้น

“คุณภู...”

ตะวันฉายนั่นเอง เมื่อเผชิญหน้ากันจะจะในสภาพไม่ปกติเช่นนี้ ทั้งไผ่และภูวนัยต่างชักสีหน้าใส่กัน พูดยั่วจงใจให้ไฟในใจของอีกฝ่ายคุโชนขึ้น ภูวนัยทำทีบอกว่านัดเจอพั้นซ์เพราะไม่ได้เจอกันมานานแล้ว ส่วนไผ่ก็หันไปอ้อนตะวันฉายชวนไปดูหนังกันต่อ ตะวันฉายโอนอ่อนตามทั้งที่รู้แก่ใจดีว่าไผ่เพียงต้องการประชดภูวนัยเท่านั้น ดังนั้น เมื่อพ้นสายตาภูวนัยแล้ว ตะวันฉายบอกว่า

“ไม่ต้องดูหนังหรอกครับ ผมรู้ว่าคุณไผ่ไม่ได้อยากดูหนัง แต่ไม่เป็นไรครับ แค่ทานไอติมกับคุณ ผมก็มีความสุขแล้ว”

ส่วนภูวนัย พาพรรณรายไปที่เซฟเฮาส์ของอภิวัฒน์ เธอตื่นเต้นกับสถานที่ที่ดูลึกลับนี้ ชวนภูวนัยไปดูห้องทำงานของเขาเผื่ออยากทำอะไรลับๆ กันสองคน ก็พอดีอภิวัฒน์เดินเข้ามามองพรรณรายอย่างพินิจพิจารณาถามภูวนัยว่า

“ผู้หญิงคนนี้น่ะเหรอ...เธอเหมาะกับงานนี้จริงๆ”

“งานอะไรคะภู” พรรณรายถาม ภูวนัยทำหน้ากระอักกระอ่วนไม่รู้จะตอบอย่างไรดี

ooooooo

รัญญาไปซ่อนตัวอยู่กับโจอี้จริงๆ โดยโจอี้จัด ให้เธออยู่ในห้องที่ใช้สำหรับถ่ายหนังโป๊ เมื่อโจอี้มาหาที่ห้อง รัญญาถามว่าได้ข่าวอะไรมาบ้าง

“ก็ไม่เห็นมีอะไรนี่” โจอี้ตอบสบายๆ ถามว่าแม่เลี้ยงคิดมากไปหรือเปล่าเพราะตนไม่เห็นจะมีอะไรเลย

“แกอยู่วงการนี้มานานก็น่าจะรู้นี่ว่า...ยิ่งเงียบเท่าไหร่มันก็ยิ่งน่ากลัว”

“แล้วแม่เลี้ยงกลัวอะไร” โจอี้มองหน้าแม่เลี้ยงสงสัย

แต่สิ่งที่แม่เลี้ยงระแวงมีมูล เพราะชาติกล้ากำลังให้วีระสืบหาว่าแม่เลี้ยงรัญญาหายไปไหน โดยให้วีระเอาแฟ้มผู้เกี่ยวข้องหรือเครือข่ายของแม่เลี้ยงมาให้ดู ชาติกล้าถามหยั่งเชิงว่า

“ถ้าหมู่เป็นแม่เลี้ยง หมู่จะหลบไปอยู่กับใคร”

“ผมคงไปอยู่กับหมอนี่มังครับ” วีระเปิดหน้าที่มีรูปโจอี้ให้ดู “เพราะไอ้นี่ถือว่ามาเฟียที่แม้แต่ตำรวจพื้นที่ยังไม่กล้าทำอะไรมัน ผมว่ามันน่าจะคุ้มหัวแม่เลี้ยงได้ครับ”

เป้าหมายการตามหาแม่เลี้ยงรัญญาของทั้งฝ่ายตำรวจดีและตำรวจเลวจึงมุ่งไปที่โจอี้คนเดียวกัน!

พั้นซ์กลัวๆกล้าๆกับงานที่ภูวนัยให้ทำ เขาจึงพา เธอไปที่ผับแห่งหนึ่งบอกว่านี่คือผับที่โจอี้เปิดบังหน้าและโจอี้ก็จะจับผู้หญิงที่มาเที่ยวที่นี่ บอกเธอว่า

“ไม่ต้องกลัวพั้นซ์ คุณแค่โยนเหยื่อให้มันติดกับ แล้วล่อมันออกมาไปที่อื่น ต่อจากนั้นผมจะขับรถตามแล้วค่อยจัดการมัน”

พรรณรายขอให้ติดเครื่องดักฟังให้ตน ภูวนัยบอกว่าติดไม่ได้เพราะโจอี้รอดเงื้อมมือตำรวจมาได้ทุกวันนี้เพราะความระวังตัวของเขา บอกพั้นซ์ว่า “มันพกเครื่องดักสัญญาณอิเล็กทรอนิกส์ทุกชนิด ถ้าคุณติดไปรับรองว่ามันต้องจับได้แน่นอน ไม่ต้องห่วงนะพั้นซ์ คุณจะปลอดภัย ผมสัญญา”

ความรักทำให้พรรณรายยอมทำงานนี้ แต่ขอจุ๊บเป็นกำลังใจทีหนึ่งก่อนเปิดประตูรถลงไป

ooooooo

เมื่อเข้าไปในผับแล้ว พรรณรายจดจำวิธีเข้าถึงตัวโจอี้และวิธีจัดการกับเขาที่ภูวนัยบอกไว้อย่างละเอียด เธอทำทุกขั้นตอนอย่างระมัดระวัง รอบคอบ

นอกจากการหว่านเสน่ห์ที่ไม่ต้องฝึกแล้ว พรรณรายแอบเอายาที่ภูวนัยให้ใส่ไปในแก้วเบียร์แล้วให้พนักงานเอาไปให้โจอี้

“พี่โจอี้...ผู้หญิงคนนั้นสั่งเบียร์เลี้ยงพี่นะ สงสัยเธออยากจะเป็นนางเอก” พนักงานคนนั้นชี้พรรณรายที่ยิ้มคอยอยู่

โจอี้ดื่มเบียร์ไปอึดใจเดียวก็เดินเข้าห้องน้ำไปอาเจียน พรรณรายรีบตามเข้าไปดูแลโลมเล้าอ้อนวอนว่าตนอยากเล่นหนัง เสือผู้หญิงอย่างโจอี้ มองแวบเดียวสัมผัสเพียงครั้งเดียว เขาก็รู้ว่าผู้หญิงคนนี้เคยมาแล้วหรือยัง เขามองหน้าเธอบอกว่าดูก็รู้ว่าเธอกำลังกลัวอยู่ พรรณรายใจหายวาบคิดว่าถูกจับได้แน่แล้ว แต่แล้วก็โล่งใจเมื่อโจอี้กระชากเข้าไปกอดพูดต่อว่า

“แต่อย่างนี้แหละ ฉันชอบ...”

ก่อนที่โจอี้จะพาพรรณรายออกไปกัน เขาบอกให้เธอรอที่ข้างหน้าก่อนตนจัดการธุรกิจที่นี่แล้วจะตามไป

ระหว่างนั้น ชาติกล้าเข้ามาถามพนักงานว่าโจอี้อยู่ไหน พนักงานทำไขสือว่าโจอี้ไหน พอชาติกล้าเอาบัตรตำรวจออกมาขู่ก็รีบขอโทษบอกว่า พักนี้โจอี้ไม่ได้มาที่นี่เลย พูดแล้วรีบฉากหลบไป พอเห็นชาติกล้าไม่สนใจก็รีบแอบไปบอกโจอี้ว่ามีตำรวจมาถามหา ไม่ทันที่โจอี้จะทำอะไร ก็ต้องสะดุ้งเมื่อเสียงชาติกล้าทักขึ้น

“อยู่นี่เอง...โจอี้”

โจอี้ถูกชาติกล้าพาไปคุยในมุมลับตาคาดคั้นถามว่าเอาแม่เลี้ยงรัญญาไปไว้ที่ไหน ถ้าไม่บอกพรุ่งนี้ธุรกิจทุกอย่างของเขารวมทั้งเงินที่เก็บไว้ในบ้านหลังหนึ่งก็ต้องถูกยึดถูกอายัด โจอี้จึงเอาโทรศัพท์ออกมากดเบอร์ บอกว่าถ้าปลายสายรับให้บอกว่าเป็นสายจากโจอี้ เพราะตนให้คนคนนี้พาแม่เลี้ยงไปซ่อนแต่ไม่รู้ว่าซ่อนไว้ที่ไหน

แต่พอชาติกล้ารับโทรศัพท์ไปฟัง กลายเป็นมีเสียงบอกมาว่าหมายเลขนี้ยังไม่เปิดใช้บริการ พอหันมาจะเล่นงาน โจอี้ก็หายไปแล้ว

โจอี้รีบไปรับพรรณรายขึ้นรถขับออกไป ภูวนัยซุ่มรออยู่ขับตามไปทันที ชาติกล้าวิ่งออกมาเห็นภูวนัยจึงขับตามไปอีกต่อหนึ่ง

ooooooo

ภูวนัยขับตามรถโจอี้ไปจนเห็นจังหวะเหมาะจึงปาดหน้ารถโจอี้ แต่พอโจอี้จะคว้าปืนก็ถูกพรรณรายจับมือไว้ พอดีกับที่ภูวนัยมาถึงรถ โจอี้จึงยกมือยอมแพ้

เมื่อลากโจอี้ลงจากรถแล้ว ภูวนัยบอกพรรณรายให้ขับรถของโจอี้กลับไปก่อน ส่วนเขาบังคับโจอี้ให้พาไปหาแม่เลี้ยง เมื่อโจอี้พาเดินเข้าไปในบ้าน พวกลูกน้องที่เฝ้าอยู่รู้ถึงสถานการณ์ที่ไม่ปกติ แต่โจอี้โบกมือห้ามบอกว่า

“ไม่มีอะไร ฉันจัดการเองได้ พวกแกเฝ้าอยู่ตรงนี้แหละ”

แต่ที่หน้าบ้าน ชาติกล้าตามมาเห็นเหตุการณ์ ทุกอย่าง พึมพำอย่างสะใจ

“อยู่นี่เองเหรอ!”

โจอี้เคาะประตูแล้วเดินเข้าไป พอแม่เลี้ยงเห็นภูวนัยเดินตามเข้ามาก็วิ่งไปจะคว้าปืน ภูวนัยสั่งให้หยุดบอกว่าตนไม่ได้มาฆ่าแม่เลี้ยง บอกให้แม่เลี้ยงไปกับตนแล้วตนจะอธิบายทุกอย่างให้ฟัง

“ทำไมฉันต้องเชื่อแก ห้าเสือที่เคยยิ่งใหญ่ต้องเป็นอย่างนี้เพราะความเชื่อใจ” แม่เลี้ยงจ้องตาไม่กะพริบ

เพื่อความสบายใจ ภูวนัยลดปืนลงบอกว่าตนมาเพื่อช่วยแม่เลี้ยง เราเป็นพวกเดียวกัน แม่เลี้ยงอาศัยจังหวะนั้นพุ่งไปคว้าปืนจ่อภูวนัยทันที

เวลาเดียวกันนั้น ชาติกล้าย่องเข้ามา ในมือถือปืนเก็บเสียง ลูกน้องโจอี้ที่ชาติกล้าเดินผ่านกลายเป็นศพเกลื่อนทางเดิน เขามุ่งขึ้นชั้นบนไปเงียบกริบ

“ถ้าแม่เลี้ยงยิงผม ก็เท่ากับเราปล่อยให้ไอ้วศินมันครอบครองทุกอย่าง เรามีศัตรูตัวเดียวกันนะแม่เลี้ยง ผมรู้ว่าแม่เลี้ยงมีสิ่งที่จะทำลายไอ้วศินได้”

ระหว่างนั้น โจอี้ค่อยๆ ถอยออกไปพอถึงประตูก็วิ่งอ้าวไปเจอปืนของชาติกกล้าที่จ่อรออยู่พอดี! โจอี้เห็นลูกน้องตายเป็นเบือ ก็ใช้ไม้อ่อนบอกชาติกล้าว่าเราคุยกันได้ แต่ชาติกล้ายิงใส่ทันทีแม่เลี้ยงที่เผชิญหน้ากับภูวนัยกำลังหาทางหนี ก็ต้องตกใจเมื่อร่างของโจอี้หงายหลังกระเด็นมานอนตายตรงหน้า

“แกแน่ใจแล้วเหรอที่ทำอย่างนี้ ไอ้ภู!” ชาติกล้าถือปืนเข้ามาพูดอย่างเป็นต่อ “หยุดที่แกทำเถอะ ยังไงแกก็ไม่มีวันชนะฉันหรอก”

ระหว่างนั้นแม่เลี้ยงปลดเซฟปืนจะยิงชาติกล้า ภูวนัยห้ามไว้บอกแม่เลี้ยงให้หนีไปตนจะจัดการชาติกล้าเอง แม่เลี้ยงอาศัยความคล่องตัวกระโดดหน้าต่างหนีไปได้ จึงเหลือแต่ชาติกล้ากับภูวนัยถือปืนเผชิญหน้ากันแบบใครดีใครอยู่!

ทั้งคู่มือถือปืนแต่พุ่งเข้าต่อสู้กันด้วยกำลัง ต่างมีชั้นเชิงไม่ด้อยกว่ากัน และต่างก็เตะปืนของอีกฝ่ายหลุดจากมือ แต่ภูวนัยอยู่ไกลปืนมากกว่า เขาจึงกระโดดหน้าต่างหนี ชาติกล้าหยิบปืนของภูวนัยวิ่งไล่ตามไป เจอรัญญากำลังวิ่งหนีอยู่ที่ถนนเธอยิงต่อสู้กับชาติกล้าจนกระสุนหมด ชาติกล้าย่างสามขุมเข้าหาหมายจับตัวไปให้ได้

พริบตานั้น ภูวนัยขับรถพุ่งเข้ามาอย่างเร็ว จอดรถเปิดประตูตะโกนเรียกแม่เลี้ยงขึ้นรถแล้วตะบึงหนีไป รวดเร็วจนชาติกล้าทำอะไรไม่ทัน ได้แต่สบถตามหลังอย่างเจ็บใจ

ooooooo

ภูวนัยพาแม่เลี้ยงมาพักที่เซฟเฮาส์ของอภิวัฒน์ แม่เลี้ยงถามอภิวัฒน์ว่าต้องการตนมาทำไม ภูวนัยตอบแทนว่าเพราะเราอยากได้คลิปที่วศินพลาดยิงคนตายจากแม่เลี้ยง

แม่เลี้ยงถามว่ารู้ได้อย่างไรว่าตนมีคลิปเพราะคนที่รู้มีแค่สามคน คือตน วศิน และเสี่ยสมสุขซึ่งตายไปแล้ว อภิวัฒน์จึงจัดให้แม่เลี้ยงได้พบกับสมสุข แม่เลี้ยงตกใจมากเพราะเชื่อว่าสมสุขตายไปแล้ว ส่วนสมสุขเพียงแต่มาปรากฏตัวให้เห็นว่ายังไม่ตายแล้วเดินหนีไปอย่างทนเห็นหน้าคนที่ลงขันกันฆ่าตนไม่ได้

“แม่เลี้ยงจะให้คลิปนั่นกับเราได้หรือยัง” อภิวัฒน์ถามเมื่อพิสูจน์ความจริงใจกันแล้ว

“ขอโทษนะที่ฉันต้องบอกว่า ฉันตกใจมากที่เห็นเสี่ยสมสุข แต่ท่านคงจะเข้าใจนะ ว่าคลิปนั่นเป็นตัวประกันให้ฉันเพียงสิ่งเดียวที่ฉันจะยันกับมันได้”

“ไม่เป็นไร ผมเข้าใจ ถ้าอย่างนั้น ผมขอถามคำถามนึง คลิปนั่นมีอยู่จริงใช่ไหม”

แม่เลี้ยงกลับนิ่ง ทำให้อภิวัฒน์กับภูวนัยสงสัยในท่าทีนั้นมาก

เมื่อเดินออกมากันตามลำพัง อภิวัฒน์บอกภูวนัยว่าตนเชื่อว่าแม่เลี้ยงต้องมีคลิปนั่นจริงๆและถ้ามีจริงเราก็ใช้เป็นหลักฐานเล่นงานวศินและกันแม่เลี้ยงไว้เป็นพยานได้

พลันทั้งสองก็ชะงัก ตกใจ เมื่อได้ยินเสียงพรรณรายกรีดร้องอย่างหวาดกลัว ทั้งสองรีบวิ่งไปตามเสียง

เห็นสมสุขเดินออกมาเจอพรรณรายที่กำลังเดินหาห้องนอนของภูวนัยก็คึกขึ้นมา พุ่งเข้าหาอย่างกลัดมัน พออภิวัฒน์กับภูวนัยมาถึง สมสุขก็พูดหน้าตาเฉยว่า

นึกว่าเป็นผู้หญิงที่อภิวัฒน์หามาให้ ทำเอาอภิวัฒน์มึนกับความกะล่อนของสมสุขได้แต่พึมพำว่า “ฉันเคยบอกนายอย่างนั้นหรือ???” แล้วบอกสมสุขว่าพรรณรายเป็นเพื่อนหมวดภูที่มาช่วยภารกิจของเรา

“ไม่ใช่เพื่อนค่ะ พั้นซ์เป็นเกิร์ลเฟรนด์ของภู” พรรณรายไม่ยอมเป็นแค่เพื่อน ทำให้สมสุขหัวเราะออกมาบอกว่าหมวดภูเนื้อหอมจริงๆถามว่าแล้วน้องไผ่ของตนล่ะ ตกลงใครเป็นเกิร์ลเฟรนด์ของเขากันแน่ พรรณรายหึงขึ้นสมองทันทีคาดคั้นถามภูวนัยว่าเป็นแฟนกับไผ่จริงหรือ

“คุณไผ่เขาก็แค่มาช่วยภารกิจเหมือนคุณพั้นซ์นั่นแหละ ไม่มีอะไรหรอกครับ” อภิวัฒน์หย่าศึกแล้วเดินไป แต่พรรณรายยังไม่เชื่ออยู่ดี เธอแอบเข้าไปค้นหาหลักฐานในห้องภูวนัย เจอโทรศัพท์มือถือของเขาเอามาเปิดดูพบแต่เบอร์ที่โทร.ถึงไผ่พญา แผนการบางอย่างเกิดขึ้นทันที

พรรณรายใช้โทรศัพท์ของภูวนัยโทร.ไปนัดไผ่พญาไปพบกันที่ร้านอาหาร ไผ่เห็นเป็นเบอร์ของภูวนัยจึงไปตามนัด ไปถึงเจอพรรณรายนั่งฉอเลาะภูวนัยอยู่ เธอโกรธจี๊ดขึ้นมา ก็พอดีตะวันฉายไม่วางใจแอบตามมา ภูวนัยเห็นตะวันฉายมากับไผ่ก็ไม่พอใจแกล้งทำเป็นสนิทสนมอี๋อ๋อกับพรรณราย ไผ่แก้เผ็ดด้วยการแสดงความสนิทสนมกับตะวันฉายประชดคืน อาหารมื้อนี้เลยกร่อยสนิท แต่เผ็ดร้อนไปด้วยอารมณ์ที่ไผ่พญากับภูวนัยสาดประชดใส่กัน

ooooooo

พายัพนั่งดื่มกับชาติกล้าที่บ้านเขา ตอนหนึ่งพายัพเสนอชาติกล้าว่า เรามาหาคำตอบกันดีกว่าว่าภูวนัยต้องการตัวแม่เลี้ยงไปทำไม

“มันต้องการล่อให้ฉันไปหามัน”

“แกแน่ใจนะว่ามันไม่ได้ทำงานให้องค์กรอื่น” ชาติกล้านิ่งไป พายัพยุแยงว่า “ฉันกลัวว่าถ้าเป็นอย่างนั้นจริงๆเรื่องมันจะยิ่งยุ่งไปกันใหญ่ แต่เอาเถอะ ไม่ว่าจะยังไง เราก็ต้องกำจัดมันอยู่ดี”

“บอกพวกลูกน้องของแกแล้วกัน ถ้าเจอมันเมื่อไหร่ให้รีบบอกฉัน ฉันจะเป็นคนฆ่ามันเอง”

“คิดอะไรให้มันยาก...ในเมื่อมันคิดจะล่อให้แกไปหามัน ทำไมแกไม่ใช้เหยื่อ...ล่อให้มันออกมาหาแกล่ะ”

พายัพเจ้าเล่ห์ ชาติกล้าคิดตาม แววอำมหิตวาบขึ้นในดวงตาทันที!

ooooooo

ในภาวะยากลำบากที่ภูวนัยต้องหนีการไล่ล่าและครอบครัวอันมีเผ่าพงศ์ผู้เป็นพ่อ ม่านหมอกกับม่านเมฆและพรรษา ต้องไปอยู่ที่รีสอร์ตเสกสรรซึ่งเป็นคู่ปรับ ทำให้ทุกคนในครอบครัวรักใคร่ เห็นใจและเสียสละให้กันมากขึ้น

วันนี้ ม่านหมอกกับม่านเมฆ นั่งกินเค้กกันอยู่ จนเหลือคำสุดท้าย ต่างก็เลื่อนจานให้อีกฝ่าย เกี่ยงกันไปมาต่างไม่ยอมกิน จนเผ่าพงศ์มาเจอ ถามว่าทะเลาะอะไรกันอีก

“เปล่าครับตา เมฆรู้ว่าพี่หมอกอยากกินเค้ก เมฆ ก็เลยอยากให้พี่หมอกกิน”

“ไม่ต้องมาพูดเลย เรานั่นแหละอยากกิน ทำไมพี่จะไม่รู้ว่าเราน่ะชอบเค้กช็อกโกแลตที่สุด” ม่านหมอกเลื่อนจานไปตรงหน้าน้องอีก

“เอ้า...แต่ผมเป็นผู้ชาย ผมก็ต้องเสียสละให้ผู้หญิงสิ”

“แต่พี่เป็นพี่...พี่ก็ต้องให้น้อง”

สองพี่น้องเลื่อนจานกันไปมา จนเผ่าพงศ์หัวเราะ พูดอย่างปลื้มใจว่า

“เหมือนจริงๆ...” สองพี่น้องมองหน้าตางงๆ “ก็เราสองคนน่ะ เหมือนเจ้าภูกับแม่เราตอนเด็กๆ ไง”

เห็นหลานทั้งสองยังงง เผ่าพงศ์จึงพาไปนั่งเล่าให้ฟังว่า...

“ตอนนั้น ตาเพิ่งมาทำเล้าหมูที่นี่ ตาจำได้ว่า ตาเอาเงินทั้งหมดไปซื้อหมูแม่พันธุ์มา แล้วตาก็เพิ่งรู้ว่ามันเป็นเงินก้อนสุดท้ายจริงๆ ตอนนั้นทั้งบ้านเหลือไข่ต้มแค่ฟองเดียว เจ้าภูกับแม่เราต่างก็ทำเหมือนกับเรานี่แหละ เสียสละให้อีกฝ่าย สุดท้าย...ตาทำยังไงรู้ไหม”

ม่านหมอกกับม่านเมฆที่นั่งฟังเผ่าพงศ์ตาแป๋วอยู่พากันส่ายหน้า เผ่าพงศ์จึงเอาจานเค้กมาแล้วตัดแบ่ง...

“อย่างนี้ไง...ทำอย่างนี้ก็ไม่มีใครต้องอด”

สองพี่น้องยิ้มให้กัน แต่พอม่านเมฆตักเค้กกินก็สงสัยขึ้นมาถามว่า “หลังจากนั้นล่ะตา...ตากับยายทานอะไรเหรอ”

เผ่าพงศ์ทำท่าคิดๆ แล้วบอกว่า “ตาลืมไปแล้ว...”

ooooooo

เงินที่พรรษามีอยู่จ่ายค่าเช่าและค่ากินอยู่ที่รีสอร์ตไม่นานก็หมด พรรษาขอทำงานแทนค่าเช่า เสกสรรที่แอบชอบพรรษาแย่งกันกับเผ่าพงศ์อยู่ รีบทำคะแนนกับพรรณนาว่า

อ่านละคร คุณชายเลี้ยงหมู คุณหนูเลี้ยงแกะ ตอนที่ 13-14 วันที่ 24 พ.ค. 56

คุณชายเลี้ยงหมู คุณหนูเลี้ยงแกะโดย บทประพันธ์ เล่าเต็ง
คุณชายเลี้ยงหมู คุณหนูเลี้ยงแกะ บทละคร โดย อภิวัฒน์ เล่าสกุล
คุณชายเลี้ยงหมู คุณหนูเลี้ยงแกะผลิตโดย : บริษัท กำกับการดี จำกัด
คุณชายเลี้ยงหมู คุณหนูเลี้ยงแกะนำแสดงโดย : ศิวัฒน์ โชติชัยชรินทร์ - ไปรยา สวนดอกไม้
ติดตามชมคุณชายเลี้ยงหมู คุณหนูเลี้ยงแกะได้ทางช่อง 7 สีทีวีเพื่อคุณ
ที่มา ไทยรัฐ