คุณชายเลี้ยงหมู คุณหนูเลี้ยงแกะ ตอนที่ 10 วันที่ 10 พ.ค. 56


อ่านละคร คุณชายเลี้ยงหมู คุณหนูเลี้ยงแกะ ตอนที่ 10 วันที่ 10 พ.ค. 56

ภูวนัยเครียดเรื่องเหมือนฝันที่ได้ฟังจากอภิวัฒน์ เขาค้นประวัติของครอบครัวนี้จากคอมพิวเตอร์จนลืมไปว่านัดไผ่ไว้ พอนึกได้ก็เลยเวลาไปแล้ว เขารีบลุกไปทันที แวะซื้อมือถือเครื่องหนึ่ง ระหว่างรอคนขายลงโปรแกรม เห็นร้านหมูกระทะเลยไปหาซื้อหมูกับผักที่ตลาดจะไปทำหมูกระทะกินกับไผ่ที่บ้าน

“จะโกรธไหมนะ...” ภูวนัยถามตัวเองขณะเดินไปที่บ้านเช่า พอมาถึงก็ส่งเสียง “เอ่อ...ผมมาแล้ว...คุณ... คุณ...” มองไปจึงเห็นประตูบ้านใส่กุญแจ บ่นอย่างผิดหวัง “ก็นัดกันแล้วยังจะไปไหนอีก...”

เวลาเดียวกัน ไผ่กับตะวันฉายกินอาหารกันอย่างเพลิดเพลินเป็นเวลานานเพราะตะวันฉายอยากถ่วงเวลาอยู่กับไผ่นานๆ ก่อนจากกัน ตะวันฉายมอบโทรศัพท์มือถือให้เธอไว้ใช้ ไผ่ไม่กล้ารับเพราะราคาแพง


“เก็บไว้สิครับ...ตอนแรกผมกะว่าจะเปลี่ยนโทรศัพท์ แต่พอเจอคุณไผ่ ผมเลยคิดว่าน่าจะให้คุณไผ่ไว้ใช้ดีกว่าตอนที่คุณหนีออกมาจากรีสอร์ต ผมเป็นห่วงว่าคุณจะปลอดภัยไหม แต่ผมก็ติดต่อคุณไม่ได้ เก็บไว้เถอะครับ ถ้าคุณต้องการความช่วยเหลือก็โทร.หาผมได้”

ไผ่มองมือถือที่ตะวันฉายยื่นให้อย่างกระอักกระอ่วนใจ

ooooooo

ภูวนัยวางอาหารที่ซื้อมา คอยอยู่ที่บ้านไผ่จนเลยเวลาไปมากก็ชะเง้อมองบ่นอุบอิบว่าป่านนี้ทำไมยังไม่กลับ

ตะวันฉายเดินมาส่งไผ่ที่บ้าน ไผ่เห็นเครื่องทำหมูกระทะสดวางอยู่ก็นึกว่าขิงกับกระดังงาซื้อมาไว้ทำกินกัน ชวนตะวันฉายอยู่กินด้วยกันไหม ตะวันฉายขอตัวกลับ ไผ่จึงหยิบกุญแจจะไขเข้าบ้าน

ภูวนัยที่รออยู่ได้เห็นได้ยินไผ่คุยกับตะวันฉายก็คิดจะกลับโดยไม่เจอไผ่ แต่เดินชนอะไรบางอย่างเกิดเสียงดัง ไผ่เลยรู้ พอเห็นหน้าก็โวยทันที

“มาทำไมป่านนี้”

“เอ่อ...พอดีผมมีธุระด่วน”

“ถ้างั้นนายก็ไปจัดการธุระด่วนของนายแล้วกัน” ไผ่ตัดบทงอนๆ ภูวนัยถามว่าแล้วเรื่องโทรศัพท์ล่ะไผ่ขอโทรศัพท์จากเขาแล้วกดเบอร์ของตัวเองให้ ภูวนัยถามว่าเธอไปซื้อมาหรือ “เปล๊า...คุณตะวันเขาซื้อให้ นายไม่โกรธนะ”

“ทำไมต้องโกรธ ดี จะได้ไม่เปลือง” ภูวนัยประชด ก็พอดีมี โทร.เข้ามือถือเขา เป็นสายจากอภิวัฒน์ตามตัวกลับไปคุยงาน ภูวนัยจึงกลับไปอย่างหงุดหงิดที่ทุกอย่างวันนี้ผิดแผนหมด

ooooooo

อภิวัฒน์ตามตัวภูวนัยไปคุยงานกันที่เซฟเฮาส์โดยมีสมสุขร่วมวางแผนด้วย อภิวัฒน์เอาทะเบียนรถที่นายหัวจะใช้ขนเด็กสาวไปขายให้ดู

“แล้วพวกมันจะไปพักเด็กไว้ที่ไหนครับ” ภูวนัยถาม อภิวัฒน์เอารูปร้านคาราโอเกะแห่งหนึ่งให้ดูว่าส่งไปที่นั่น

“ขอแนะนำว่า...” สมสุขเอ่ยแทรกขึ้น “ท่านควรมีกำลังไม่ต่ำกว่าร้อยนายพร้อมอาวุธครบมือ เพราะด้านหลังไอ้ร้านคาราโอเกะนี่ เป็นที่ซ่องสุมของพวกมือปืนแล้วก็พวกที่หนีมาจากประเทศเพื่อนบ้านเราทั้งนั้น”

อภิวัฒน์ไม่พูดอะไร เขาส่งตั๋วเครื่องบินให้ภูวนัยบอกว่าให้เตรียมตัวก่อนเครื่องออกหนึ่งชั่วโมง ภูวนัยถามว่าตนต้องทำอะไรบ้าง

“ชี้เป้า และสนับสนุนการจับกุม”

“สนับสนุนการจับกุม ฮ่าๆๆ” สมสุขหัวเราะลั่น “ประสาทหรือไงท่านอภิวัฒน์ ท่านก็รู้ว่าพวกตำรวจน่ะถูกสั่งงดตั้งด่านเพราะคำสั่งไอ้วศินอยู่ แล้วท่านจะเอากำลังที่ไหนไปบุกมัน”

“ประเทศไทยไม่ได้มีแค่ตำรวจที่จับกุมผู้กระทำผิดได้นี่” อภิวัฒน์ตอบกำกวมให้สมสุขงงเล่นไปอย่างนั้นเอง

ooooooo

ระหว่างที่ภูวนัยเดินทางไปนั้น ป่าไม้จังหวัดก็ได้รับแจ้งว่ามีการลักลอบค้าซากสัตว์ จึงนำกำลังไปจับ

ภูวนัยไปถึงร้านคาราโอเกะแล้วเห็นทุกอย่างยังเงียบ จึงโทร.บอกอภิวัฒน์ ทางโน้นบอกว่าให้ใจเย็นรอดูต่อไป

เป็นเวลาที่ขิงกับกระดังงาออกไปหางานกลับมา ซักถามกันไผ่จึงรู้ว่าที่แท้หมูกระทะนั้นเป็นของภูวนัยซื้อมา เธอจึงโทร.ไปหาเขา แต่ภูวนัยกำลังเข้าพื้นที่งานเลยไม่รับสาย ไผ่เลยนึกว่าเขาคงโกรธ

ภูวนัยซุ่มดูการเคลื่อนไหวที่ร้านคาราโอเกะจนเห็นลูกน้องของนายหัวคึกต้อนหญิงสาวกลุ่มหนึ่งไปหลังร้าน

“พวกมันลงมือคืนนี้แน่ครับท่าน” ภูวนัยรายงานอภิวัฒน์ ส่วนพวกตำรวจป่าไม้ก็มาดักซุ่มรอบๆ บริเวณแล้ว

“ดี...หน้าที่ของหมวดหมดแล้ว ต่อไปแค่สังเกตการณ์แล้วรายงานผมเป็นระยะ”

ลูกน้องนายหัวพาเด็กสาวไปหลังร้านเพื่อมอมยา ภูวนัยร้อนใจที่ไม่เห็นการเคลื่อนไหวของพวกป่าไม้ จนเห็นรถที่บรรทุกเด็กสาวเคลื่อนออกไปเพื่อนำเด็กสาวไปลงเรือ เขาตัดสินใจยิงปืนขึ้นฟ้าเพื่อให้เจ้าหน้าที่ป่าไม้บุกเข้าไป ส่วนตัวเขาขับรถไล่ตามรถบรรทุกคันนั้นไปทันที

ฝ่ายเจ้าหน้าที่ป่าไม้ที่ซุ่มอยู่รอบร้านคาราโอเกะ ได้ยินเสียงปืนจึงบุกไปหมายจับพวกค้าซากสัตว์ป่าแต่กลับเจอหญิงสาวที่ถูกหลอกลวงมาขังอยู่เต็มห้องร้องไห้กันระงม...

ภูวนัยขับรถไปจอดขวางถนน เกิดปะทะกับลูกน้องนายหัว เขาจัดการลูกน้องนายหัวสองคนได้ แต่ถูกอีกคนที่เหลือแอบคว้าไม้ฟาดแขนภูวนัยจนร้องลั่นแต่มันก็ถูกเขาใช้จระเข้ฟาดหางเข้าที่ก้านคอลงไปกองอีกคน

คืนนี้เอง บรรดาหญิงสาวก็ถูกลำเลียงไปยังมูลนิธิเพื่อนหญิง ส่วนลูกน้องนายหัวทั้งสามถูกจับมัดยังสลบอยู่

ooooooo

วันรุ่งขึ้น อภิวัฒน์ชมเชยภูวนัยว่าทำได้ดีมาก เห็นเขาเจ็บแขนก็ติงว่าไม่น่าทำอะไรโดยไม่ถามตนก่อน

“ขอโทษครับ แต่ผมเห็นว่าถ้าปล่อยรถคันนั้นไป ผู้หญิงที่อยู่ในรถจะต้องถูกส่งออกนอกประเทศอย่างแน่นอน” เขาถามอภิวัฒน์ว่าเรื่องนี้เราจะเล่นงานนายหัวคึกได้หรือเปล่า

“คงยาก เพราะพวกนั้นและวศินน่าจะมีเส้นสาย ผมคิดว่าพวกมันก็น่าจะรอดตัวไปได้เหมือนทุกครั้ง” เห็นภูวนัยเครียด อภิวัฒน์ย้ำว่า “อย่าลืมซิหมวด ตอนนี้ ภารกิจของเราไม่ใช่การกวาดล้างพวกห้าเสือ เรามีหน้าที่แค่ทำให้พวกมันแตกกันเท่านั้น”

แม้ภูวนัยจะยังแคลงใจว่าเรื่องนี้จะทำให้พวก

ห้าเสือแตกคอกันได้ แต่ความจริงคือ สามารถทำให้นายหัวคึกที่ไม่ยอมจ่ายเงินเพราะงานไม่สำเร็จ แตกคอกับแม่เลี้ยงรัญญาที่ถือว่าตัวเองส่งของให้ครบถ้วนถึงมือแล้ว และเสี่ยแคนก็เห็นว่านายหัวคึกต้องจ่ายแม่เลี้ยงเพราะได้รับของแล้ว ทั้งยังพูดแทงใจดำนายหัวว่า

“ใครจะไปรู้ว่าแกเองนั่นแหละที่รวมหัวกับไอ้พวกป่าไม้ ให้มาจับตัวเองเพื่อที่จะได้ไม่ต้องจ่ายแม่เลี้ยงเขา”

“เฮ้ย! จะมากไปแล้วนะเว้ย” นายหัวฉุนขาดปรี่เข้าหาเสี่ยแคน จนพายัพกับชาติกล้าที่ร่วมวงอยู่ด้วยต้องเข้าห้ามและเกลี้ยกล่อมนายหัวคึกให้จ่ายเสีย อย่าเสียง่ายเสียยากเสียมากเสียง่ายเลยเพราะเงินแค่นี้นายหัวหาไม่กี่วันก็ได้แล้ว

“ก็ได้...เอาไว้มีเมื่อไหร่แล้วฉันค่อยให้” นายหัวพูดยักท่า แล้วเดินออกไปเลย จนเสี่ยแคนต้องยกน้ำชาจิบดับอารมณ์

พายัพกับชาติกล้าต่างเครียดกับรอยร้าวที่เกิดขึ้นในกลุ่มห้าเสือ

ooooooo

ฉุนที่โทร.หาแล้วภูวนัยไม่รับสาย ไผ่ลุยไปหาถึงเซฟเฮาส์ ทีแรกภูวนัยให้คนบอกว่าตนไม่อยู่ แต่ตำรวจคนนั้นบอกว่า ไผ่พญาจะไม่กลับจนกว่าหมวดจะออกไปพบ เขาจึงต้องออกไปอย่างหงุดหงิด

ภูวนัยถูกซักถามราวกับจำเลย จนกระทั่งไผ่เห็นเขาบาดเจ็บที่แขน ถามว่าไปโดนอะไรมา ภูวนัยไม่บอก กระนั้นไผ่ก็ทำแผลให้เขาอย่างดี ทั้งยังทำอาหารและป้อนให้ จนภูวนัยมีความรู้สึกดีๆ กับเธอ แต่แล้วความรู้สึกดีๆ ก็หายไปเหลือแต่ความน้อยใจ เมื่อไผ่ได้รับโทรศัพท์จากตะวันฉายบอกว่าจะกลับวันนี้ เธอวางช้อนชามขอออกไปพบตะวันฉายทันที บอกว่าให้เขารอแป๊ปเดียว เดี๋ยวมา

แต่เดี๋ยว...ของไผ่กลายเป็นหลายชั่วโมงเพราะตะวันฉายให้เธอเป็นแบบให้เขาวาดรูปที่ริมน้ำ! แถมวาดเสร็จยังขอเลี้ยงข้าวขอบคุณที่เป็นแบบให้อีก ไผ่ดูเวลาแล้วตกใจบอกว่านัดภูวนัยไว้ แล้วรีบไปเลย

กระดังงากับขิงได้งานที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง เมื่อเข้าทำงานวันแรก ผู้จัดการอบรมและย้ำกฎของที่นี่ว่า

“เธอสองคนต้องรู้ไว้ด้วยนะ ว่าที่ร้านนี้มีแต่ลูกค้าระดับวีไอพีทั้งนั้น การผิดพลาดแม้แต่นิดเดียว แค่คำขอโทษไม่พอ ว่าไง พร้อมเริ่มงานได้เลยไหม”

ทั้งสองรับคำแข็งขัน ขิงดีใจที่จะได้มีเงินมาผ่อนรถต่อแล้ว ทั้งยังฝันหวานกับกระดังงาว่า ลูกค้าที่นี่เป็นระดับวีไอพี เราก็ต้องได้ทิปดีเหมือนกันใช่ไหม คุยกันหัวเราะคิกคักอย่างอารมณ์ดี

ที่ห้องส่วนตัวในร้านอาหารเดียวกันนี้ พายัพกับวศินกำลังคุยกันอยู่ พายัพส่งกุญแจรถให้วศินบอกว่ารถจอดอยู่ข้างล่าง พร้อมกับยี่สิบเปอร์เซ็นต์ที่ท่านขอ วศินพอใจมากบอกว่ากำลังอยากได้รถรุ่นนี้พอดี แต่ทำทีถามว่าหมวดชาติบอกว่านายหัวมีปัญหาหรือ

“ของไม่ได้ แถมยังต้องมาเสียเงินอีก มันก็เป็นธรรมดาที่นายหัวเขาจะโกรธ ท่าน...ผมขอพูดตรงๆ เลยนะ พวกเราห้าเสือไม่มีปัญหากับการให้ท่านเพิ่มอีกยี่สิบเปอร์เซ็นต์ แต่ท่านต้องรับรองหรือดูแลเรามากกว่านี้หน่อย”

“พายัพ...ลื้อกำลังต่อรองอั๊วเหรอ? ลื้อก็รู้ว่าไอ้ยี่สิบเปอร์เซ็นต์นี่ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับการที่อั๊วต้องดูแลลื้อ...อั๊วดูแลลื้อไม่ได้เพราะอั๊วเป็นตำรวจ การที่อั๊วไม่จับพวกลื้อก็ดีแค่ไหนแล้ว” พูดแล้วลุกขึ้น แต่ก่อนออกไปนึกขึ้นได้หันมาพูดต่อ “อ้อ...แล้วลื้อก็ไม่ต้องหาข้อมูลที่ไอ้สมสุขเอาไว้แบล็กเมล์อั๊วให้เหนื่อย ถึงลื้อจะมีมัน แต่ลื้อก็เห็นแล้วว่า อำนาจที่แท้จริงอยู่ในมือใคร!”
วศินเดินออกไปอย่างไม่อินังขังขอบ พายัพได้แต่กำหมัดแน่นด้วยความเจ็บใจ

ooooooo

พายัพเดินหัวเสียออกมาจากห้องวีไอพี กระดังงากำลังเสิร์ฟอยู่แถวนั้นหันไม่ทันมองเลยชนเข้าอย่างจัง กระดังงาตกใจที่ทำอาหารหกเปื้อน รีบขอโทษและจะเช็ดให้ แล้วก็แทบช็อกเมื่อเห็นเป็นพายัพคู่ปรับเก่า!

กระดังงากับขิงถูกพายัพที่ตามล่ามานาน จับไปทรมานที่โกดังร้างบังคับให้ตามตัวไผ่พญามาให้ได้

เป็นเวลาที่ไผ่กำลังรีบกลับไปหาภูวนัย นึกในใจว่าเขาต้องโกรธแน่ๆก็พอดีมีโทร.เข้ามือถือ ไผ่รับแล้วรีบพูดอย่างคนมีความผิดว่า “กำลังจะกลับค่า...เจ้านาย” พูดแล้วหยุดฟัง “อ้าว...แกหรอกเหรอไอ้งา...มีอะไร”

กระดังงาถามว่าตอนนี้ไผ่อยู่ที่ไหน ขิงตะโกนเข้ามาในโทรศัพท์ว่าให้ไผ่มาหาตนตอนนี้เลย ไผ่ถามว่าทำไมกระดังงาโกหกเพื่อให้ไผ่มาว่า “ฉันเจอแม่แกแล้ว”

“ได้...พวกแกอยู่ไหน...ฉันจะไปเดี๋ยวนี้เลย” วางสายแล้วไผ่รีบเรียกแท็กซี่ไปตามที่กระดังงาบอกด้วยความดีใจ

ขิงกับกระดังงาหลอกไผ่ให้มาหาตนแล้ว ก็ยังถูกพายัพทรมาน ตบไปคำรามไปว่า

“ที่ฉันทำอย่างนี้ ก็เพราะพวกแกทำให้ฉันเหนื่อย...

รู้ไหมว่ากว่าจะเจอตัวพวกแก ฉันต้องเหนื่อยแค่ไหน” พายัพตบตีทั้งสองจนเหนื่อยก็หันไปสั่งลูกน้อง “จัดการต่อ” แล้วตัวเองก็ยืนดูลูกน้องที่ทั้งเตะทั้งกระทืบขิงกับกระดังงาอย่างเลือดเย็น

ooooooo
ไผ่ถูกขิงกับกระดังงาหลอกมาให้พายัพจับไปทรมานอีกคน มันคาดคั้นจะให้ไผ่บอกว่าเอาสร้อยพระของสมสุขไปไว้ที่ไหนให้ได้

“ฉันบอกไปหมดแล้ว พี่เชื่อฉันเถอะ” ไผ่ยืนยัน พายัพจึงเอาปืนไปจ่อหัวขิงบีบไผ่ จนไผ่ต้องขอร้องน้ำตานองหน้าว่า “ฉันบอกแล้วว่าเอาไปจำนำ ฉันพูดจริงๆพี่อย่ายิงเพื่อนฉันเลย”

“โรงจำนำที่ไหน” พายัพตะคอก ไผ่บอกว่าตลาดมีนอยู่ตรงข้ามกับตลาด มันจึงสั่งลูกน้องให้ไปดูขู่ไผ่ว่า “กูจะให้โอกาสมึงอีกครั้ง แต่ถ้าไม่เจอ มึงรู้ใช่ไหมว่าจะเป็นยังไง!”

ระหว่างให้ลูกน้องไปดูที่โรงรับจำนำตามที่ไผ่บอก ทั้งสามก็ถูกพายัพสั่งลูกน้องจับห้อยแขวนอยู่ในโกดัง ไผ่พยายามเอาเท้าเขี่ยมือถือที่ตกอยู่ไม่ไกลตัวนัก ขิงถามว่า “ทำอะไรวะ”

“เรียกคนมาช่วย” ไผ่บอก ขิงติงว่าทำทำไมเพราะเดี๋ยวพวกมันเจอพระก็ปล่อยเราแล้ว “พวกนั้นไม่ได้พระมาหรอกเพราะไอ้เจ้าของมันเอาพระปล่อยไปแล้ว”

ทั้งขิงและกระดังงาตกใจแทบช็อกเพราะนั่น หมายถึงพวกตนต้องตายแน่ๆแต่ไผ่ไม่ยอมจำนนหาทางแก้ปัญหาสุดความสามารถ พยายามใช้เท้าเขี่ยโทรศัพท์เข้ามาใกล้ แต่โชคไม่ดี ลูกน้องพายัพเข้ามาเสียก่อน ขิงเลยแกล้งทำเป็นปวดท้องขอเข้าห้องน้ำ มันรำคาญ เลยพาไป ขิงแอบส่งสัญญาณให้ไผ่พยายามเขี่ยโทรศัพท์ให้ได้

แล้วไผ่พญาก็ทำได้สำเร็จ! เขี่ยโทรศัพท์มาได้ก็ใช้เท้ากดโทร.ถึงภูวนัย คอยฟังเสียงปลายสายใจระทึก พอปลายสายรับก็รีบร้องขอความช่วยเหลือ

“ช่วยด้วย...พวกมันจับตัวเราไว้...ตอนนี้เราอยู่ที่โกดังร้างที่คลองสิบสาม...ช่วยด้วย...”

ลูกน้องพายัพกลับเข้ามาพอดีไผ่รีบเตะโทรศัพท์ไปไกลตัวไม่ให้ผิดสังเกต มันตะคอกว่าโวยวายอะไร เห็นไม่มีอะไรผิดปกติจึงออกไป กระดังงาถามว่าโทร.ได้ไหม? ไผ่ไม่มีแก่ใจจะตอบ ตาจ้องที่โทรศัพท์ภาวนาขอให้ภูวนัยได้ยิน

แม้จะโทรศัพท์ขอความช่วยเหลือจากภูวนัยแล้ว แต่ทั้งสามยังพยายามช่วยตัวเอง ไผ่แก้เชือกที่มัดสำเร็จ ก็พอดีพายัพเดินหน้าถมึงทึงเข้ามาตะคอกใส่หน้าไผ่ว่าลูกน้องตนโทร.มาแล้วไม่มีพระที่ว่านั่น

ไผ่ที่แกะเชือกมัดตัวเองออกได้แล้ว แอบกำเหล็กเส้นในมือพร้อมสู้ตาย พอพายัพเดินเข้าหาไผ่ก็ใช้เหล็กเส้นแทงสวนออกไป พายัพเอี้ยวตัวหลบเหล็กเส้นเลยแทงทะลุไหล่จนมันร้องจ๊าก!

ภูวนัยมาตามที่ไผ่ตะโกนไปในโทรศัพท์ เขาจัดการลูกน้องพายัพที่เฝ้าอยู่หน้าโกดังแล้ววิ่งทะลวงเข้าไปเจอพายัพกำลังใช้เหล็กเส้นที่ไผ่แทงมันจะแทงตาไผ่ ไผ่จับมือมันยันไว้สุดแรงเกิด ขณะไผ่กำลังอ่อนแรงนั่นเอง เสียงปืนกัมปนาทขึ้น

“ปัง!!”

แต่เพราะภูวนัยยังเจ็บแขนทำให้ยิงพลาดเป้า กระสุนพุ่งไปเจาะผนังกำแพงโกดัง ทำให้พายัพหันมายิงสวนใส่ภูวนัย แต่ถูกไผ่ผลักจนหงายปืนกระเด็นหลุดจากมือ มันจึงหยิบของใกล้มือปาใส่ภูวนัย เขาหลบอย่างคล่องแคล่ว แต่พอหันมาอีกทีพายัพก็หายไปแล้ว

“เป็นอะไรไหมคุณ” ภูวนัยรีบเข้าประคองไผ่ เธอโผกอดเขาด้วยความกลัว เขากอดเธอไว้แน่นเหมือนจะบอกว่าปลอดภัยแล้ว...ส่วนขิงกับกระดังงาพอเห็นภูวนัยมาช่วยก็หัวเราะกันทั้งน้ำตาที่รอดตายแล้ว...

ooooooo

เมื่อพากันมาโรงพยาบาล ไผ่บอกภูวนัยว่าไหนๆก็อยู่โรงพยาบาลแล้วให้หมอตรวจแขนที่บาดเจ็บของเขาหน่อยดีไหม

“คุณเพิ่งผ่านความเป็นความตายมา คุณยังจะห่วงผมอีกเหรอ ผมต่างหากที่ต้องห่วงคุณ”

“ฉันขอโทษ” ไผ่กำลังจะซึ้ง ขิงกับกระดังงาก็เอะอะมะเทิ่งมาขัดจังหวะพอดี ทั้งสองทำหน้าซาบซึ้งขอบคุณภูวนัย แต่พอภูวนัยถามว่าทั้งสามรู้จักพายัพได้ยังไง ไม่รู้หรือว่ามันเป็นใคร ทุกคนก็ชะงัก ขิงโกหกได้ไร้พิรุธตามเคยว่า

“รู้สิครับ มันก็คือคนที่เราไปกู้เงินมาไงครับ”

พอขิงเริ่มต้นกระดังงาก็ต่อได้เป็นคุ้งเป็นแควว่า พวกตนเป็นครู เงินเดือนน้อยจึงต้องไปกู้เขามากินมาใช้ แล้วทำทีถามไผ่ว่าจริงไหม ไผ่ตกกระไดพลอยโจนทำเสียง “อืมมมม” ในลำคอ ทำให้ภูวนัยพูดอย่างเชื่อสนิทใจว่า

“ก็โล่งอกหน่อย ผมนึกว่าพวกคุณไปเกี่ยวข้องกับธุรกิจสกปรกของมัน แต่แค่กู้เงินทำไมมันต้องจับพวกคุณไป?”

กระดังงาโอดครวญว่ากู้เงินนอกระบบดอกแพงขนาดไหนก็รู้ๆกันอยู่ ยิ่งเจอดอกทบต้นด้วย กู้มาไม่เท่าไรแต่เพิ่มมาเป็นแสน ขิงผสมโรงทันทีว่า แล้วพวกเราจะเอาเงินที่ไหนไปจ่ายจริงไหม

“ถ้าอย่างนั้น ผมว่าพวกคุณกลับไปอยู่ที่เดิมไม่ได้แล้วละครับ เพราะพายัพมันเป็นคนเลือดเย็น ฆ่าคนเป็นว่าเล่น ยิ่งคุณทำร้ายมันอย่างนั้น ผมว่าพวกคุณกำลังตกอยู่ในอันตราย”

ฟังภูวนัยแล้ว ทั้งสามเครียดขึ้นมาทันที

แต่หารู้ไม่ว่า พายัพไม่สนใจเรื่องพระแล้ว บอกลูกน้องว่า

“ถึงเจอพระแล้ว แกคิดว่าไอ้ข้อมูลนั่นจะทำอะไรไอ้วศินมันได้งั้นเหรอ อย่างมัน กุมทั้งอำนาจรัฐ กุมทั้งสื่อ หึ...เจอไปก็เท่านั้น สู้เราเอาเวลามาขยายอำนาจเราไม่ดีกว่าเหรอ ไอ้วศินมันเป็นคนแพ้เงิน ยิ่งเรามีเงิน มันก็ยิ่งเกรงใจ”

ลูกน้องถามว่าแล้วจะปล่อยพวกนั้นไว้หรือ พายัพบอกว่าถ้าไม่เจอก็แล้วไป แต่ถ้าเจอเมื่อไรก็ฆ่าได้ทันที!

ooooooo

ด้วยความเป็นห่วงความปลอดภัยของไผ่กับขิงและกระดังงา ภูวนัยพาทั้งสามไปที่เซฟเฮาส์ เสนออภิวัฒน์ขอให้พวกเขาอยู่ที่เซฟเฮาส์นี้

อภิวัฒน์ไม่เห็นด้วย เพราะที่นี่เป็นความลับของทางราชการ แค่เขาพาพวกนี้มาก็ผิดแล้ว ภูวนัยบอกว่าถ้าปล่อยพวกเขาไปก็เท่ากับปล่อยไปให้พายัพทำร้าย กระนั้น อภิวัฒน์ก็ยังยืนยันว่า

“หมวดภู ผมทำตามข้อเรียกร้องของคุณไม่ได้จริงๆ”

“ไม่เป็นไรค่ะ” ไผ่แทรกขึ้น บอกภูวนัยว่าพวกตนเอาตัวรอดมาได้ขนาดนี้แล้วก็ต้องเอาตัวรอดต่อไปได้

ภูวนัยคิดไม่ตก ตัดสินใจบอกอภิวัฒน์ว่า “ถ้าท่านไม่รับพวกเขาไว้ ผมขอถอนตัวจากภารกิจนี้” อภิวัฒน์ตกใจถามว่าคิดดีแล้วหรือ ภูวนัยชี้แจงหน้าเครียดว่า “การปล่อยพวกเขาออกไป ก็เท่ากับเราส่งเขาไปตาย ในเมื่อท่านไม่อนุญาตให้พวกเขาอยู่ที่นี่ ผมก็จะออกไปปกป้องพวกเขาเอง”
ไม้ตายนี้ของภูวนัย ทำให้อภิวัฒน์ต้องยอมให้ไผ่พญา ขิง และกระดังงาอยู่ที่เซฟเฮาส์ ภูวนัยจึงจัดให้ขิงกับกระดังงาอยู่ห้องหนึ่ง อีกห้องให้ไผ่อยู่ ส่วนตัวเขาเองจะนอนที่โซฟาข้างนอก

ooooooo

แต่พอรุ่งขึ้น ก็ไม่มีใครเห็นภูวนัยแล้ว เขาถูกอภิวัฒน์เรียกตัวไปบอกว่าสมสุขคิดแผนของภารกิจที่สองได้แล้วและอยากคุยกับเขา

แต่เมื่อเจอกันก็อดแขวะกันไม่ได้ประสาตำรวจกับโจร จนอภิวัฒน์ต้องตัดบทให้คุยงานกันเลย ถามสมสุขว่าแผนของเขาคืออะไร

“ตอนนี้...นายหัวกับแม่เลี้ยง ก็เริ่มกินใจกันแล้ว แล้วถ้าผมคาดการณ์ไม่ผิด คู่ต่อไปก็น่าจะเป็นนายหัวคึกกับเสี่ยแคน” อภิวัฒน์ถามว่าทำไมถึงคิดว่าเป็นสองคนนี้ สมสุขพูดอย่างรู้ความสัมพันธ์ตื้นลึกหนาบางของพวกนั้นดีว่า “ไม่ยาก...ก็อย่างที่ผมบอก นายหัวคึกเป็นคนที่เห็นแก่เงิน แต่คราวที่แล้วหมวดก็ทำให้มันเสียหายไปหลายอยู่ มันคงโมโหมาก แล้วในห้าเสือ คนที่ต่างกับมันสุดขั้วก็คือเสี่ยแคน”

“ต่างกันสุดขั้วหมายความว่ายังไง” ภูวนัยหาข้อมูลเชิงลึก

“เสี่ยแคนเป็นคนรู้ทิศทางลม คนอื่นอาจจะขึ้นมาใหญ่ได้เพราะการใช้กำลัง ใช้อำนาจ ใช้เงิน แต่เสี่ยแคนมันใช้สมอง แล้วฉันก็คิดว่า ตอนนี้นายหัวคึกต้องไม่ยอมจ่ายเงินที่ต้องเสียให้วศินอย่างแน่นอน ซึ่งมันก็จะส่งผลต่อธุรกิจของมัน”

“นายแน่ใจได้ยังไง...ท่านครับ ผมว่าเรารอดูท่าทีมันไม่ดีกว่าเหรอครับ” ภูวนัยเสนอ

“ดูทำไม หมวด...ตอนนี้เหล็กมันร้อนแล้ว ถ้าไม่ตีตอนนี้แล้วจะตีตอนไหน” สมสุขเสียงแข็งกับภูวนัยอภิวัฒน์คิดเหตุผลของทั้งสองอย่างชั่งใจ ก่อนถามสมสุขว่า

“แล้วแผนของนายคืออะไร”

ooooooo

อ่านละคร คุณชายเลี้ยงหมู คุณหนูเลี้ยงแกะ ตอนที่ 10 วันที่ 10 พ.ค. 56

คุณชายเลี้ยงหมู คุณหนูเลี้ยงแกะโดย บทประพันธ์ เล่าเต็ง
คุณชายเลี้ยงหมู คุณหนูเลี้ยงแกะ บทละคร โดย อภิวัฒน์ เล่าสกุล
คุณชายเลี้ยงหมู คุณหนูเลี้ยงแกะผลิตโดย : บริษัท กำกับการดี จำกัด
คุณชายเลี้ยงหมู คุณหนูเลี้ยงแกะนำแสดงโดย : ศิวัฒน์ โชติชัยชรินทร์ - ไปรยา สวนดอกไม้
ติดตามชมคุณชายเลี้ยงหมู คุณหนูเลี้ยงแกะได้ทางช่อง 7 สีทีวีเพื่อคุณ
ที่มา ไทยรัฐ