อ่านละคร ไฟหวน ตอนที่ 5-6 วันที่ 27 พ.ค. 56


อ่านละคร ไฟหวน ตอนที่ 5

หลังจากได้ยินสามีพูดถึงลูกและมีคนชื่อผกาเข้ามาเกี่ยวข้อง คุณหญิงมณีร้อนใจจนอยู่เฉยไม่ได้ สั่งการสร้อยหาคนไว้ใจได้สักคนมาให้แต่ยังไม่บอกว่าจะให้ทำอะไร

ทางด้านบุปผาที่ได้ยาจากตาเถามาสมใจก็กระหยิ่มยิ้มย่องหวังจัดการคุณหญิงมณีให้อยู่หมัด ส่วนนายสินก็ไม่มีปัญหาอะไรให้หนักใจ เพราะพูดและเดินไม่ได้นอนเป็นผักปลาไปแล้ว แต่บุปผาก็ยังต้องแวะเวียนมาเยี่ยมเขาเพื่อความแนบเนียน

แม้สินขยับเขยื้อนร่างกายไม่ได้แต่ก็รับรู้การกระทำทุกอย่างของบุปผา เขามองเธอก้าวเข้ามาด้วยแววตาเจ็บแค้นและไม่ไว้วางใจ


“ฉันไม่ได้อยากจะมาเยี่ยมเยียนแกนักหรอกนะไอ้สิน แต่ถ้าฉัน...ซึ่งเป็นน้องสาวแท้ๆญาติเพียงคนเดียวที่แกมีไม่มาเยี่ยมแกเสียเลย คนอื่นเขาจะสงสัยฉันเอาได้ ฉันก็เลยต้องมา ความจริงแกโชคดีแล้วนะไอ้สิน ที่แกเป็นง่อยเดินไม่ได้ พูดไม่ได้อย่างนี้น่ะ เพราะไม่อย่างนั้นฉันก็คงต้องใช้ยาในขวดนี้กับแกด้วย แกรู้มั้ย...ยานี่มันทำอะไรได้บ้าง เขาบอกว่าแค่หยดสองหยดก็ทำให้เกิดอาการอ่อนเปลี้ยเพลียแรงคล้ายจะเป็นอัมพฤกษ์อัมพาตอย่างที่แกเป็นอย่างนี้ละ แต่ถ้ามากกว่านั้นก็...”

สินมองขวดยาเล็กๆที่บุปผาเอาออกมาอวดด้วยสีหน้าตื่นกลัว

“แล้วแกรู้มั้ย ฉันจะใช้ยาขวดนี้กับใคร ก็กับนังคุณหญิง มณี นังผู้ดีแปดสาแหรก เจ้านายที่แกจงรักภักดีนักหนาไงล่ะ” พูดจบบุปผาก็หัวเราะชอบใจในแผนร้ายของตัวเอง ในขณะที่สินตาเหลือกลานด้วยความกลัวอย่างสุดขีด...

วันรุ่งขึ้น ดำเกิงมาพบนายพลเทพที่ทำงานรายงานเพิ่มเติมเกี่ยวกับแม่เล้าที่ชื่อผกาซึ่งสืบทราบมาว่าหล่อนมาเปิดซ่องอยู่ในพระนคร นายพลเทพจึงกำชับดำเกิงตระเวนไปตามซ่องต่างๆให้ทั่ว บางทีผกากับลูกของตนอาจจะอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลจากตนนัก

เสร็จธุระ ดำเกิงกลับออกมาโดยไม่รู้ว่ามีใครคนหนึ่งสะกดรอยตามอยู่ตลอด...

ที่แท้เขาคือนายพุ่มญาติของสร้อยนั่นเอง พุ่มถูกคุณหญิงมณีส่งมาติดตามความเคลื่อนไหวของนายพลเทพและดำเกิง โดยเฉพาะดำเกิงไม่ว่าจะไปไหนต้องอย่าให้คลาดสายตา...

ค่ำวันเดียวกัน บุปผาเริ่มปฏิบัติการวางยาคุณหญิงมณี แต่ยังไม่ทันเปิดขวดยาเยาะลงอาหารก็สะดุ้งเฮือกจนขวดหล่นจากมือ

“บุปผา...” นายพลเทพส่งเสียงก่อนเดินตรงมาหา บุปผาเหลือบมองขวดยาที่พื้นด้วยใจระทึก พอเห็นว่าท่านไม่สงสัยก็พยายามทำตัวปกติ ถามอย่างนอบน้อมว่า

“ท่านมีอะไรจะใช้บุปผาหรือคะ”

“นายสินเป็นยังไงบ้าง”

“พี่สินพูดไม่ได้ ขยับตัวก็ไม่ได้เลยค่ะท่าน”

“ไม่ต้องกังวลนะบุปผา ฉันกับคุณหญิงไม่ทอดทิ้งเธอกับพี่ชายเธอแน่ นายสินรับใช้ฉันมาหลายปี ฉันกับคุณหญิงก็จะดูแลเธอกับพี่ชายเธอต่อไป”

“ท่านเมตตาบุปผากับพี่สินมากเลยค่ะ” บุปผาคุกเข่าลงพนมมือไหว้แล้วเงยหน้าประสานสายตากับท่านนายพล...ทั้งคู่ต่างรู้สึกดีต่อกันอย่างประหลาด ทันใดนั้นคุณหญิงมณีก้าวเข้ามาสีหน้าบึ้งตึงเพราะเข้าใจผิดคิดว่าบุปผาให้ท่านสามีของตน

“คุยอะไรกันอยู่คะ”

“อ๋อ...ผมกำลังถามเรื่องอาการนายสินอยู่น่ะ ผมบอกบุปผาไปแล้วว่าเราจะไม่ทอดทิ้งนายสิน”

คุณหญิงมณีสีหน้าผ่อนคลายลง แต่ยังอดระแวงบุปผาไม่ได้ ขยับเดินเข้าไปหาสามีแล้วเหยียบขวดยาที่พื้นแตกละเอียด บุปผาถึงกับอ้าปากค้างด้วยความเสียดาย

“อ้าว...คุณหญิงเหยียบโดนอะไรล่ะนั่น” นายพลเทพทักขึ้น

“สงสัยจะเป็นเศษแก้วน่ะค่ะ บุปผาเห็นมันตกอยู่ที่พื้นเมื่อกี้ กำลังคิดว่าเดี๋ยวยกสำรับเสร็จแล้วจะกลับลงมาเก็บไปทิ้ง กลัวว่าจะมีใครเหยียบเข้าแล้วจะยุ่ง จะบาดเท้าเอาเสียเปล่าๆ บุปผาว่าท่านกับคุณหญิงขึ้นเรือนก่อนเถอะค่ะ ตรงนี้บุปผาจัดการเองค่ะ”

เมื่อทั้งคู่ขึ้นเรือนไปแล้ว บุปผาลนลานหาผ้ามาเก็บเศษแก้วก่อนที่ใครจะมาเห็นและสงสัยว่ามันคือขวดอะไรกันแน่...

แล้ววันถัดมา บุปผาก็ตรงดิ่งไปบ้านตาเถาอีกครั้งโดยไม่บอกผกา พรวดพราดเข้าไปโดยไม่ฟังเสียงห้ามของนายถิ่น เลยได้เห็นภาพน่ากลัวที่ตาเถากรอกยาไอ้หลงแล้วมันชักดิ้นชักงอ น้ำมูกน้ำลายไหลเปรอะเลอะเทอะ บุปผาตกใจมากแต่ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นระหว่างคนสองคน ตาเถาโกรธมากสั่งน้องชายพาบุปผาออกไปเดี๋ยวนี้

ถิ่นลากบุปผาออกมาหน้าบ้านและไม่ยอมตอบคำถามที่เธออยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ถามหญิงสาวว่ามาที่นี่อีกทำไม

“ฉันจะมาเอายาอย่างที่เคยเอาไปคราวที่แล้วน่ะ ขวดนั้นฉันทำตกแตก...พี่ชายจ๋า กลับเข้าไปขอยาจากตาเถาให้ฉันหน่อยเถอะ อย่าให้ฉันมาเสียเที่ยวเลยนะ”

“ฉันก็อยากจะเอามาให้หรอกนะ แต่มันต้องให้พี่เถาจัดมาให้”

“ไม่มีสำรองเลยเหรอ”

“ยาพรรค์นี้มันต้องทำขึ้นพิเศษ เอาอย่างนี้...ฉันจะบอกพี่เถาให้ อีกสองวันน้องสาวค่อยกลับมาเอา”

บุปผาหน้ามุ่ยกลับไปอย่างผิดหวัง ส่วนนายถิ่นกลับขึ้นเรือนมาก็โดนพี่ชายถีบเปรี้ยงแทบหงายหลังด้วยความโมโห

“เอ็งปล่อยให้นังผู้หญิงหยำฉ่าคนนั้นเข้ามาได้ยังไงวะ ข้ากำลังทดลองยาตัวใหม่กับไอ้หลงอยู่ ถ้านังนั่นมันรู้เรื่องแล้วเอาไปบอกตำรวจ เอ็งกับข้ามีหวังได้ติดตะรางกันหัวโตแน่”

“ก็ฉันไม่นึกว่ามันจะวิ่งพรวดพราดเข้ามานี่พี่ แหม...นังนี่มันไวยังกับปรอทเลย”

“เออ! ทีหลังก็อย่าประมาท นังนี่มันท่าทางร้ายน้อยอยู่เมื่อไหร่ล่ะ...ว่าแต่มันจะมาเอาอะไร”

ขณะที่นายถิ่นตอบคำถามพี่ชาย เป็นเวลาที่บุปผากำลังมุ่งหน้าไปโรงพยาบาลเพื่อแสดงตัวเป็นน้องสาวแสนดีมาเยี่ยมนายสิน แต่พอมาถึงเธอก็ระบายอารมณ์ใส่เขาเพราะหงุดหงิดผิดหวังไม่ได้ดังใจเรื่องยาที่ต้องการ ทั้งหยิกทั้งทุบตีตามตัวนายสินไม่ยั้งมือ กระทั่งเหลือบเห็นหมอไอศูรย์เดินตรงมา ก็รีบปรับเปลี่ยนท่าทีอย่างแนบเนียน

“บุปผาเพิ่งมาค่ะหมอ เป็นห่วงพี่สินเหลือเกิน นี่ถ้าไม่ติดว่าต้องทำงานที่บ้านบุปผาก็อยากจะมาเฝ้ามาดูแลพี่สินตลอดทั้งวันเลย”

“ไม่จำเป็นหรอกบุปผา ฉันสั่งให้พยาบาลที่นี่ดูนายสินอย่างดีอยู่แล้ว แล้วอีกสักสองวันก็คิดว่าจะอนุญาตให้พานายสินกลับไปดูแลกันต่อที่บ้านได้ แต่ก่อนที่จะให้พานายสินกลับบ้าน ฉันจะให้พยาบาลมาช่วยสอนวิธีดูแลนายสินให้กับบุปผานะ เพราะคนเจ็บอาการอย่างนี้ ต้องดูแลมากเป็นพิเศษนะ”

“ถึงจะดูแลมากแค่ไหนบุปผาก็ไม่กลัวหรอกค่ะหมอ พี่สินดูแลบุปผามามากแล้ว ถึงเวลาที่บุปผาจะได้ตอบแทนบุญคุณพี่สินบ้างแล้วค่ะ”

“เธอเป็นคนดีจริงๆบุปผา”

บุปผายกมือไหว้กระชดกระช้อย ไอศูรย์ยิ้มเอ็นดูแต่ไม่ได้สนใจมากไปกว่าที่ควร ทำให้สาวเจ้าผิดหวังและเจ็บใจที่ไม่สามารถมัดใจเขาได้เหมือนผู้ชายคนอื่นๆที่เธอเคยผ่านมา

เมื่อกลับออกมาหน้าโรงพยาบาลไม่นึกว่าจะเจอมุกเข้าอย่างจัง มุกประชิดตัวบุปผาจนหนีไม่ได้ แล้วคาดคั้นเป็นการใหญ่ว่าไปอยู่ไหนมา ทำไมแต่งตัวแบบนี้ หรือว่าจะชุบตัวใหม่ไม่ให้ใครรู้ว่าเคยเป็นผู้หญิงขายตัว บุปผาตกใจมากเพราะมุกพูดเสียงดังแถมยังตะโกนบอกใครต่อใครแถวนั้นให้ดูผู้หญิงขายตัวจากหอโคมแดง

ด้วยความโกรธสุดขีดกลัวความลับของตนรู้ถึงหูหมอไอศูรย์ บุปผาลากมุกหลบไปมุมหนึ่งแล้วจับหัวกดน้ำในอ่างอย่างไม่ปรานีจนมุกแน่นิ่งเกือบตาย!

ผกาเห็นสภาพมุกเยินกลับมาก็ตกใจมาก ซักถามจนรู้ความก่อนจะแอบมาต่อว่าบุปผาทำเกินกว่าเหตุ แสงผ่านมาเห็นทั้งคู่โดยบังเอิญ รู้สึกคุ้นหน้าผกามากจึงสะกดรอยตามกลับไปจนถึงหอโคมแดง แล้วย้อนกลับมาคาดคั้นเอาเรื่องบุปผาที่บ้านเทพบริบาลในตอนค่ำ

บุปผาตกใจมากเมื่อแสงรู้ความจริงหมดแล้วว่าเธอเป็นใครมาจากไหน ซึ่งเธอยอมให้แสงปากโป้งไม่ได้แน่ จึงพลิกสถานการณ์ว่าตัวเองถูกแสงปลุกปล้ำ โดยตบตีทำร้ายตัวเองปากคอแตกแล้วตะโกนขอความช่วยเหลือเอ็ดตะโรไปหมด

นายพลเทพวิ่งมาถึงก่อนใคร ตามด้วยลูกเมียและบรรดาคนใช้ แสงถูกปรักปรำจนทำอะไรไม่ถูก คิดไม่ถึงว่าบุปผาจะร้ายกาจถึงเพียงนี้

แผนของบุปผาสำเร็จลุล่วงหลังจากทำการสอบสวนกันไม่นาน เพราะเธอยืนยันทั้งน้ำตาและรอยฟกช้ำบนใบหน้าทำให้นายพลเทพเชื่อสนิท ถึงกับขับไล่แสงออกจากบ้านโทษฐานทำระยำในบ้านของตน

แสงกลับมาเก็บข้าวของในห้องพักและบ่นกับสร้อยอย่างเจ็บใจตัวเองที่เสียรู้นังงูพิษเข้าจนได้

“แล้วทำไมเอ็งถึงว่านังบุปผามันเป็นผู้หญิงหยำฉ่าล่ะ”

“ก็วันนี้ฉันพบมันอยู่กับแม่เล้าจากหอโคมแดงน่ะสิ ทีแรกฉันก็นึกไม่ออกหรอกว่ามันนัดเจอกับใคร ฉันเลยแอบตามนังแม่เล้านั่นไปจนถึงหอโคมแดง ฉันก็เลยเดาได้ว่านังบุปผามันต้องเคยเป็นผู้หญิงขายตัวที่นั่นมาก่อน”

“เอ็งเดาเอาเหรอเนี่ย โธ่เอ๊ย! ข้าก็นึกว่าเอ็งเคยขึ้นห้องกับมันมาก่อน”

“ไม่เคยหรอก แต่ฉันมานึกได้ว่าดาวเด่นประจำหอโคมแดงน่ะชื่อบุปผา แต่มันเลือกรับแต่แขกรวยๆ ฉันก็เลยไม่เคยได้ขึ้นห้องกับมัน แม้แต่หน้ามันก็ไม่เคยได้เห็น”

“เวร! หลักฐานอะไรก็ไม่มีสักอย่าง แล้วใครจะเชื่อคำพูดเอ็งได้วะไอ้แสง หนำซ้ำคนอื่นยังเป็นพยานให้มันอีกด้วยว่าเอ็งเคยจะปล้ำมันตั้งหลายครั้ง”

“แล้วแม่เชื่อฉันไหมล่ะ”

“ไม่รู้สิ.. แต่ไอ้สินมันคงไม่กล้าโกหกท่านกับคุณหญิงหรอกมั้ง ถ้าไม่ใช่น้องสาวจริงๆน่ะ”

“ขนาดแม่ยังไม่เชื่อฉันแล้วใครหน้าไหนมันจะเชื่อล่ะ แต่คอยดูเถอะ สักวันฉันจะฉีกหน้ากากนังตัวแสบนี่ให้ทุกคนได้เห็นว่าตัวจริงมันเป็นใคร”

เวลาเดียวกันนั้น คุณหญิงมณีกำลังต่อว่าสามีทำรุนแรงเกินไป แค่เด็กมีเรื่องทะเลาะกันถึงกับต้องไล่ออกจากบ้าน

“คุณก็รู้ว่าผมทนผู้ชายที่ทำร้ายผู้หญิงไม่ได้”

“โดยเฉพาะทำร้ายแม่บุปผานี่ด้วยรึเปล่า”

“เอ๊ะ คุณนี่ถามแปลก คุณก็เห็นอยู่กับตาว่าบุปผาถูกไอ้แสงมันตบตีจนหน้าตาแตกขนาดนั้น ผมเป็นประมุขของบ้าน ถ้าไม่ตัดสินอะไรให้เด็ดขาดลงไป ผมก็คงเป็นประมุขของบ้านไม่ได้”

“แต่ดูคุณจะปกป้องแม่บุปผานี่มากเกินหน้าเกินตาไปหน่อยแล้วนะคะ”

“อย่าหึงผมไปหน่อยเลยน่าคุณหญิง ผมเห็นเด็กบุปผานั่นไม่ต่างอะไรไปจากลูกเราเลย”

คุณหญิงมณีปรี๊ดทันที เสียงดังขึ้นอย่างลืมตัว “ไม่ได้นะคะ คุณจะเห็นใครเป็นลูกเหมือนยายมัทไม่ได้ เราสองคนมีลูกแค่คนเดียวเท่านั้น”

“คุณหญิงเป็นอะไร ผมก็แค่พูดเปรียบเทียบเฉยๆ เพราะผมเห็นบุปผามันอายุไล่เลี่ยกับลูกมัท...ก็เท่านั้นเอง”

“ค่ะ แต่จำไว้นะคะ คุณมีลูกแค่คนเดียว อย่ายกคนอื่นขึ้นเทียมลูกเราเป็นอันขาด ไม่อย่างนั้นคุณกับฉันเป็นได้เห็นดีกัน!”

คุณหญิงเดินปังปึงออกไป นายพลเทพเริ่มกังวล...นี่ถ้าเธอรู้ว่าเขามีลูกซุกซ่อนไว้อีกคนจะเกิดอะไรขึ้น?

คืนเดียวกัน กำพลมาที่หอโคมแดง ฟังมุกบอกเล่าเรื่องเจอบุปผาและถูกทำร้ายเกือบตาย กำพลรับข้อมูลด้วยความสงสัยและตั้งใจว่าจะไปสืบข่าวต่อแถวโรงพยาบาล...

คุณหญิงมณีให้เงินแสงก้อนหนึ่งเอาไว้ใช้จนกว่าจะหางานใหม่ได้ สร้อยขอบพระคุณคุณหญิงที่เมตตาลูกชายตน...เมื่อแสงไปแล้ว คุณหญิงก็ซักถามสร้อยเรื่องนายพุ่มว่าได้ข่าวคืบหน้าอะไรบ้าง

“ไอ้พุ่มมันบอกว่าท่านนายพลใช้ลูกน้องให้ออกตามหาผู้หญิงชื่อผกา”

ฟังแล้วคุณหญิงยิ่งระแวง สั่งเฉียบขาดให้พุ่มสืบต่อ เธอต้องรู้ให้ได้ว่าผกาเป็นใครแล้วนายพลตามหามันทำไม?

ทางด้านบุปผา หลังกำจัดนายแสงไปพ้นบ้านเทพบริบาล...วันต่อมาหล่อนก็เดินหน้าเพื่อวางยาคุณหญิงมณี โดยย้อนกลับไปเอายาที่บ้านตาเถาอีกครั้งตามนัด แต่นึกไม่ถึงว่าสร้อยจะมาที่นี่ด้วย บุปผาได้ยาจากตาเถาแล้วรีบซ่อนตัวไม่ให้สร้อยเห็น พอสร้อยรับยาและจ่ายเงินเสร็จก็กลับทันที โดยไม่รู้ว่าบุปผาจับตามองตลอดเวลา แถมยังตามกลับมาแอบฟังสร้อยคุยกับคุณหญิงที่บ้านด้วย

สร้อยส่งยาให้คุณหญิงพร้อมกับบ่นให้ฟังว่าตาเถางกมากจะขึ้นราคาค่ายาอีกแล้ว

“มันเรียกเท่าไหร่ก็จ่ายให้มันไป”

“แต่สร้อยว่านี่มันก็เรียกเกินราคามาไม่รู้เท่าไหร่แล้วนะคะคุณหญิง มันคงย่ามใจว่าเราต้องอาศัยยาของมันไปตลอด”

“ก็ใช่อย่างที่มันคิดจริงๆนั่นแหละสร้อย ก็เพราะยาของตาเถานี่แหละที่ทำให้ท่านนายพลไปมีลูกกับผู้หญิงหน้าไหนไม่ได้อีกมาจนทุกวันนี้”

บุปผาได้ยินเต็มสองหู แล้วจู่ๆก็สะดุ้งสุดตัวเมื่อมัทนาเดินมาทัก ในขณะที่คุณหญิงกับสร้อยก็หันขวับ...จ้องมองบุปผานัยน์ตาวาวโรจน์!

ooooooo

อ่านละคร ไฟหวน ตอนที่ 6


บุปผาไหวพริบดีเอาตัวรอดจากการจับผิดของคุณหญิงมณีกับสร้อยด้วยการอ้างว่าตนเพิ่งเข้ามาเพื่อจะปรึกษาเรื่องพี่สินซึ่งหมอไอศูรย์ให้ออกจากโรงพยาบาลกลับมาอยู่บ้านได้แล้ว

“หมอให้กลับก็เอากลับมาดูแลกันที่บ้านนี่แหละ ฉันบอกแล้วไงว่าฉันจะดูแลนายสินต่อไป เรื่องที่จะมา บอกมีเท่านี้ใช่ไหม”

“ค่ะ”

“งั้นก็กลับไปได้แล้ว”

บุปผาก้มหน้าก้มตาถอยกลับ มัทนาก้าวตามเธอไป พอทั้งคู่ลับกายคุณหญิงมณีก็หันมาถามสร้อยอย่างกังวล กลัวบุปผาได้ยินเรื่องที่คุยกัน แต่สร้อยบอกว่าถ้ามันเพิ่งมาจริงๆก็ไม่น่าจะได้ยิน...

มัทนาสงสารบุปผาที่พี่ชายป่วยหนักถึงขั้นเป็น อัมพาต จึงตามมาให้คำมั่นสัญญาว่าครอบครัวเธอไม่มีทางทิ้งนายสินแน่ ขอให้บุปผาสบายใจได้ นอกจากนี้เธอยังถอดสร้อยที่คอส่งให้ อนุญาตให้เอาไปขายได้เผื่ออยากจะใช้จ่ายอะไรเพื่อพี่ชาย บุปผาทำทีซาบซึ้งน้ำใจรีบไหว้ขอบคุณในความเมตตา แต่พอลับหลังมัทนาก็เบ้ปากหมั่นไส้ ทึกทักเอาสร้อยคอไว้เองดีกว่าเอาไปขายเพื่อนายสินเป็นไหนๆ

ด้านนายพลเทพพอรู้จากดำเกิงว่าสืบเจอซ่องของบุปผาแล้ว เขารีบเดินทางไปที่นั่นกลางวันแสกๆ แต่ต้องผิดหวังเพราะเป็นคนละผกากัน ดำเกิงถึงกับหน้าเสียรู้สึกผิดที่ไม่ตรวจสอบให้รอบคอบกว่านี้ ส่วนนายพุ่มญาติของสร้อยที่คุณหญิงมณีให้ติดตามก็มีเหตุให้แคล้วคลาดพลาดสายตาเลยไม่รู้ว่าวันนี้ท่านนายพลกับดำเกิงไปที่ไหนกัน

แต่แสงรู้เห็นเพราะมาเที่ยวซ่องแห่งนี้อยู่ด้านใน เขาสงสัยนักหนาว่าท่านนายพลมาทำไม จึงไปเลียบเคียงถามเจ้าของซ่องก็ได้ความว่าท่านต้องการพบคนชื่อผกาแต่ไม่ใช่ผกาคนนี้

ตกเย็นบุปผาไปเยี่ยมนายสินตามปกติ แล้วจาระไนเรื่องที่ได้ยินคุณหญิงมณีกับสร้อยคุยกันว่าวางยาท่านนายพลจนเป็นหมันซึ่งเธอต้องหาทางบอกท่านให้ได้

“ส่วนแก...ถ้าออกจากโรงพยาบาลกลับไปอยู่บ้านเมื่อไหร่ ฉันก็คงมีโอกาสพบหมอไอศูรย์ได้ยาก”

พูดแล้วบุปผาคิดบางอย่างได้ หยิบเหยือกน้ำมาเทราดรดเสื้อผ้าสินจนเปียกชุ่มก่อนเอาผ้าห่มห่มให้แล้วเร่งความแรงของพัดลมเข้าใส่

“ฉันทำแบบนี้ทำไมรู้ไหม...แกจะได้เป็นหวัดไง ถ้าเป็นปอดบวมเลยก็ยิ่งดี เพราะมันจะทำให้แกต้องอยู่ที่โรงพยาบาลนี้ต่อไปอีก แล้วฉันก็จะได้หาเหตุมาหาหมอไอศูรย์ได้ยังไงล่ะ อดทนหน่อยนะจ๊ะพี่สินจ๋า...อย่าเพิ่งใจเสาะตายไปเสียก่อนล่ะ ฉันอยากให้พี่มีชีวิตอยู่จนถึงวันที่พี่มีน้องเขยเป็นหมอชื่อไอศูรย์น่ะ”

บุปผาแสยะยิ้มร้ายกาจ สินส่งเสียงในลำคอ อึดอัดคับแค้นใจในการกระทำของบุปผาเป็นอย่างยิ่ง แต่ก็ทำอะไรไม่ได้เลยแม้แต่ช่วยตัวเองให้รอดพ้นจากอันตราย

ooooooo

อิ่มถูกบุปผาผลักล้มศีรษะกระแทกพื้น พอฟื้นขึ้นมาหลังจากหมอเยียวยารักษากลับกลายเป็นเรื่องดี อิ่มจำชื่อตัวเองได้และจำได้ด้วยว่ามีน้องสาวชื่ออุ่นและมีหลานอีกคนแต่พลัดพรากจากกันตั้งแต่แบเบาะ

ไอศูรย์กับปรีชาช่วยกันซักถามด้วยความดีใจ แต่จู่ๆอิ่มปวดศีรษะอย่างมาก สองคุณหมอเลยต้องยุติก่อน ให้แกพักผ่อนทำใจให้สบาย

หลังจากนั้นปรีชากับไอศูรย์ออกจากห้องอิ่ม เดินคุยกันมาด้วยรอยยิ้ม “ท่าทางเราจะมีความหวังแล้วละต้น ป้ารุ่ง...เอ๊ย...ป้าอิ่มท่าทางจะเริ่มจำความได้บ้างแล้ว”

“แล้วพี่หมอว่าความทรงจำของป้าอิ่มจะกลับคืนมาทั้งหมดได้ไหมครับ”

“ยังคาดไม่ได้ แต่เราต้องไม่คาดคั้นให้แกคิด เพราะอาจทำให้แกคิดมากจนสมองสับสน แล้วเลยแยกไม่ออกว่าอะไรคือความทรงจำที่แท้จริงกับจินตนาการ”

ไอศูรย์พยักหน้ารับ ปรีชาเดินแยกไปอีกทาง ส่วนบุปผาที่จับจ้องมองอยู่รีบเดินมาหาไอศูรย์ บอกเขาว่าเธอมาเยี่ยมพี่ชายและจะแวะเยี่ยมป้ารุ่งด้วย

“ต่อไปบุปผาจะเรียกป้ารุ่งไม่ได้แล้วนะ ต้องเรียกป้าอิ่ม” บุปผาฟังแล้วนิ่วหน้างงๆ ไอศูรย์เลยอธิบายต่อ “ป้ารุ่งของบุปผาน่ะเริ่มจำอะไรได้บ้างแล้วนะ แกจำได้แล้วว่าแกชื่ออิ่ม แล้วนี่ถ้าโชคดีกว่านี้แกก็อาจจะจำความทั้งหมดได้ แล้วฉันก็จะได้ตามหาญาติแกได้สักที...อ้าว บุปผาร้องไห้ทำไม”

“บุปผาดีใจค่ะที่ป้าอิ่มอาการดีขึ้น ถึงจะยังไม่มาก แต่อย่างน้อยเราก็มีความหวังไม่ใช่หรือคะหมอ”

บุปผาแสร้งบีบน้ำตาสีหน้าปลาบปลื้มใจ ไอศูรย์ยิ้มเอ็นดู หยิบผ้าเช็ดหน้าของตนส่งให้เธอเช็ดน้ำตาเสร็จแล้วเจ้าหล่อนได้ทีเอ่ยขึ้นว่า

“บุปผาทำผ้าเช็ดหน้าหมอเลอะเทอะหมดแล้วค่ะ บุปผาจะเอากลับไปซักให้หมอนะคะ แล้วบุปผาจะรีบเอามาคืนให้วันหลัง”

“ช่างเถอะ บุปผาเก็บเอาไว้ใช้เลยก็ได้ อย่ากังวลไปเลย”

บุปผาส่งยิ้มหวาน แต่เขาไม่ได้ยิ้มตอบแถมยังเอ่ยปากขอตัวแล้วเดินลิ่วไปเลย บุปผาเจ็บใจที่ไม่ได้ใจหมอหนุ่มเสียที เดินสะบัดสะโบกออกไปหน้าโรงพยาบาลและเกือบโดนกำพลจับตัวได้ถ้าเธอไม่ตาไววิ่งหนีมาเสียก่อน

ooooooo

เพชรรุกหนักเพื่อเอาชนะใจมัทนาทั้งที่รู้ว่าเธอกำลังจะหมั้นกับไอศูรย์อยู่แล้ว...เพชรส่งของขวัญมาให้มัทนาที่บ้านแต่ถูกเธอส่งกลับคืนพร้อมข้อความขอบคุณจากน้องสาว...ถือเป็นการตอกย้ำว่าเธอรู้สึกกับเขาได้เท่านั้นจริงๆ

บุปผากลับมาถึงบ้านเห็นท่านนายพลอยู่คนเดียว เกิดความคิดจะบอกเรื่องที่คุณหญิงวางยาเขาจนเป็นหมัน แต่ไม่รู้จะเริ่มยังไงจึงเอาน้ำมะตูมเข้ามาให้แล้วทำทีพูดเรื่องลูก ระหว่างนี้เองคุณหญิงมณีเข้ามาขัดจังหวะ บุปผาเลยต้องผละไป ส่วนคุณหญิงยังติดใจสงสัย ถามสามีว่าคุยอะไรกัน

“บุปผาเขาเอาน้ำมะตูมเย็นขึ้นมาให้ แล้วก็คุยกันเรื่องสัพเพเหระน่ะคุณ”

คุณหญิงมณีไม่ไว้ใจบุปผา อดคิดไม่ได้ว่าถ้าบุปผาได้ยินเรื่องที่ตนคุยกับสร้อยเมื่อวานแล้วปากโป้งบอก ท่านนายพลจะเกิดอะไรขึ้น ดังนั้นคุณหญิงจึงเปลี่ยนใจไม่ให้สร้อยติดตามไปเชียงใหม่แต่จะเอาสวิงไปแทน เพราะต้องการให้สร้อยอยู่ทางนี้เพื่อสอดส่องจับตาดูบุปผาเอาไว้

เย็นวันเดียวกัน ไอศูรย์นัดมัทนากินไอศกรีมและบอกเล่าเรื่องป้าอิ่มจำความได้แล้ว มัทนายินดีและชื่นชมบุปผายกใหญ่ พลันสายตาเหลือบไปเห็นพลอยเดินอยู่นอกร้าน จึงขออนุญาตออกมาชวนเพื่อนรัก แต่กลายเป็นว่าพลอยพูดจาไม่ดีนัก ก่อนสะบัดพรืดจากไปทิ้งให้มัทนายืนอึ้งหน้าเศร้าอยู่ครู่หนึ่ง

เมื่อมัทนากลับเข้ามาในร้าน ไอศูรย์สังเกตสีหน้าเธอก็พอจะเดาคำตอบได้

“น้องพลอยไม่เข้ามาทานด้วยกันกับเราเหรอครับน้องมัท”

มัทนาพยักหน้าแทนคำตอบ ไอศูรย์เข้าใจความ รู้สึกจึงตัดบทอย่างนุ่มนวลว่า

“ช่างเถอะครับ เขาไม่มาก็ไม่มา”

หมอหนุ่มมองว่าที่คู่หมั้นด้วยแววตาปลอบโยน มัทนายิ้มขอบคุณ ส่วนพลอยยังยืนแอบมองทั้งคู่อยู่นอกร้าน สีหน้าและแววตาของเธอมุ่งมั่นจะเอาชนะมัทนาให้จงได้!

เมื่อกลับถึงบ้าน พลอยยังอยู่ในอาการเซ็งๆ เฝ้ารอการกลับมาของพี่ชายด้วยใจจดจ่อ พอเขามาถึงเธอก็ปรี่เข้าใส่ พูดอย่างมีอารมณ์ว่า

“พี่เพชร วันนี้พลอยไปเจอยายมัทกินไอศกรีมกับพี่ต้นด้วย ไหนพี่เพชรตกลงกับพลอยว่าเราจะร่วมมือกันทำให้สองคนนั้นไม่ได้หมั้นกันไงคะ”

“ทำไมพี่จะไม่ได้ทำอะไร พี่ก็พยายามเอาชนะใจน้องมัทอยู่”

“พี่เพชรทำอะไรคะ”

เพชรเล่าเรื่องส่งของขวัญไปให้มัทนาแต่ถูกเธอส่งกลับคืนมาพร้อมข้อความที่ทำให้เขาแทบหมดหวัง

“น้องมัทใจแข็งเหลือเกิน” พูดแล้วเพชรก็ถอนหายใจหนักๆ

“แล้วเราจะทำยังไงกันดีคะพี่เพชร นี่เราสองคนจะไม่มีความหวังกันเลยหรือไงคะ”

“ไม่! พี่ยังไม่ยอมแพ้ง่ายๆหรอก พี่จะต้องชนะพี่ต้นให้ได้ คนที่จะได้แต่งงานกับน้องมัทต้องเป็นพี่ ไม่ใช่พี่ต้น”

พี่ชายสีหน้ามุ่งมั่นมาก น้องสาวเลยมีความหวังขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง...

ooooooo

อ่านละคร ไฟหวน ตอนที่ 5-6 วันที่ 27 พ.ค. 56

ละครเรื่อง ไฟหวน บทประพันธ์โดย ฐา-นวดี สถิตยุทธการ
ละครเรื่อง ไฟหวน บทโทรทัศน์โดย ฐา-นวดี สถิตยุทธการ
ละครเรื่อง ไฟหวน กำกับการแสดงโดย มารุต สาโรวาท
ละครเรื่อง ไฟหวน ผลิตโดย บริษัท มาสเคอเรด จำกัด โดย มารุต สาโรวาท
ละครเรื่อง ไฟหวน เป็นละครแนว ดราม่าเข้มข้น
ละครเรื่อง ไฟหวน ออกอากาศทุกวันศุกร์ - เสาร์ - อาทิตย์ เวลา 20.25 น. ทางช่อง 7 สี
ที่มา ไทยรัฐ