อ่านละคร อาญารัก ตอนที่ 20 วันที่ 19 พ.ค. 56


อ่านละคร อาญารัก ตอนที่ 20 วันที่ 19 พ.ค. 56

“คุณย่าอย่ากังวลเลยค่ะ ถ้าคุณย่านอนไม่หลับ หนูอ่านอิเหนาให้ฟังนะคะ”
“ก็ดี เอ๊ะ นั่นหนูออกไปไหนมารึ”
เนื้อทองอึกอักไม่อยากจะบอกให้ทองจันทร์ตกใจ
“ออกไปหาแม่เนียนมาค่ะ”
เสียงผู้คนยังดังเอะอะแถวด้านล่าง
“พวกนั้นมันเอะอะอะไรกัน ป่านนี้ยังไม่หลับไม่นอน หนูติ๋วออกไปหาแม่เพราะเหตุนี้ใช่ไหม”
“เอ้อ...”

“อย่าปิดย่า ถ้าไม่บอก ย่าจะออกไปถามพวกมันเอง”
“ยายอ่อน หมอตำแยที่ทำคลอดหนูจมน้ำตายค่ะ”
ทองจันทร์ตะลึงตกใจ
“ยายอ่อน โธ่เอ๊ย เวรกรรม เชื่อสิว่ามันไม่ได้จมน้ำตาย แต่มีคนไปทำให้มันจมน้ำตาย มันจะฆ่าให้ตายให้หมดเมืองสุพรรณรึนั่น”
ทองจันทร์หนักใจ เนื้อทองรีบหยิบหนังสืออิเหนามาอ่านเป็นคำกลอนสำเนียงเสนาะให้ทองจันทร์ฟัง



ส่วนทานตะวันกระสับกระส่าย หลับไม่ลง ภาพคุณนายปลัด คุณนายจ่าศาลมาด่าว่า และภาพพิศมัยกับพวกลาออก และสนหมางเมินผุดขึ้นมาหลอกหลอน แต่ทานตะวันยังคงโทษแต่คนอื่น
“คนพวกนั้นมันไม่รู้จักเคารพยำเกรงบารมีคุณพ่อ ดีละจะบอกให้คุณพ่อเล่นงานมัน โดยเฉพาะอีนางสน ทำไมแก ไม่ทำตัวเหมือนยัยเนียนที่เกรงกลัวเราตลอดเวลา”

ทานตะวันไม่สำนึก พยายามคิดเอาชนะคะคานคนทั้งหลายต่อ
ขณะเดียวกันทุกคนกำลังมุงดูศพยายอ่อนที่มีผ้าขาวม้าคลุมทับร่างเอาไว้กันอุจาดตา

“ไม่มีร่องรอยว่าถูกทำร้ายเหมือนทุกรายครับ คุณพ่อ” เทิดศักดิ์บอกขุนภักดี
“ลักษณะนี้คล้ายตายเพราะว่ายน้ำไม่เป็น จึงจมน้ำตาย” แดงน้อยว่า
“ยายอ่อนถึงจะแก่มาก แต่พายเรือแข็ง ถ้าไม่มีใครใจร้ายไปทำให้แกตกลงไปน้ำ แกคงช่วยตัวเองลำบาก รายยายอ่อนนี่ฆาตกรมันฉลาดขึ้นมาก ไม่ใช้อาวุธแต่ทำให้จมน้ำตายแบบแนบเนียน” ขุนภักดีวินิจฉัย
สนทำทีกระหืดกระหอบเข้ามาถาม ท่าทีตื่นตระหนก
“นั่นอะไรกันคะพี่ขุน สนได้ยินพวกในบ้านมันตื่นเต้นเอะอะว่ามีใครจมน้ำตาย”
“ยายอ่อนคนทำคลอดผมนั่นแหละครับคุณแม่”
“แกเข้าเมืองมาเพื่อ จะมาเป็นพยานให้น้าเนียนว่าน้าเนียนไปหาแกที่บ้านแพน และจะมาจัดการเรื่องที่นาที่แกซื้อน้าเนียนครับ” แดงน้อยบอก
“หรือว่าแกไปกำความลับของใครเอาไว้ แกทำคลอดคนมาแยะ ก็กำความลับเรื่องท้องๆไส้ๆ ที่ไม่ชอบมาพากลของคนเอาไว้แยะ” โพล้งพูดลอยๆ
“ยายอ่อนแกแวะมาหาสนบ้างหรือเปล่า” ขุนภักดีถาม
สนส่ายหน้าดิก
“ไม่ได้มาหาสนดอกค่ะ สนเองก็เพิ่งทราบนะคะ ว่ายายอ่อนมา ช่างน่าเวทนาเหลือเกิน ยายอ่อน โธ่ มาจมน้ำตายเสียแล้ว”
“ยายอ่อนไม่ได้จมน้ำตาย แต่ยายอ่อนถูกทำให้จมน้ำตาย เพราะไปรู้ความลับ ของใครบางคน เทิดศักดิ์ แดงน้อย หมู่เติม เอาศพไปจัดการตามขั้นตอนของกฎหมาย” ท่านขุนสั่งการ
“คุณแม่ครับ รีบกลับขึ้นเรือนเถิดครับ”
“ผมคิดว่าตอนนี้ พวกเราทั้งหมดอยู่ในสายตาของฆาตกรนะครับ” เอกเอ่ยขึ้น
“สนนี่ก็ช่างทำไม่กลัวเกรงเลยนะ ลงมาดูทำไมกัน รีบกลับขึ้นเรือนพี่จะไปส่งสนขึ้นเรือน พี่มีเรื่องจะคุยกับสนอยู่เหมือนกัน”
สนทำหน้าจ๋อยๆ ท่านขุนดึงแขนสนออกไป สายตาขุนภักดีดูออกว่าเครียดมาก สายตาสนหวั่นไหว ท่านขุนเดินเฉียดเอกไปพลางกระซิบ
“ข้ามีเรื่องจะถามนายโพล้งกับนางแพร ไปพาพวกเขาไปรอข้าที่ต้นมะขามใหญ่”
เอกไม่พูดอะไรแต่เข้าใจกันกับท่านขุน

สนใจคอไม่ดีไม่รู้ว่าขุนภักดีอยากจะมาคุยเรื่องอะไร สนทำหาวทำง่วง
“พี่ขุนขา สนง่วงนอนมากแล้ว พี่ขุนค่อยมาคุยกับสนวันหลังดีไหมคะ”
“พี่จะคุยวันนี้ พี่ไม่คุยยาวดอก พี่แค่จะถามอะไรสนนิดหน่อยเรื่องยายอ่อน สนกับแกสนิทสนมกันมากไหม”
“วุ๊ย..สนกับยายอ่อนแทบไม่ได้คุ้นเคยอะไรกัน ก็แค่รู้จักกันตอนที่แกมาทำคลอดลูกเทิดศักดิ์ แล้วยายอ่อนมันก็หายเงียบไป แหม...มาโผล่อีกทีก็กลายเป็นศพ”
“รึว่าเพราะแกจะมาหาสน แกเลยโชคร้าย ถูกใครกดน้ำตาย”
“สนไม่รู้เรื่องนะคะ สนไม่รู้ดอกว่าแกจะมาหาสนหรือเปล่า โฮ้ยง่วงแท้ๆ”
“พี่ได้ยินคนพูดกันว่า สนเคยให้เงินแกไปตั้งตัว ทำไมสนถึงใจดีให้ไปมากนัก”
สนตกใจมาก คำรามในคอเบาๆ
“อีเรียม” แต่สนละล่ำละลักออกมา “เปล่านะคะ สนไม่เคยให้เงินยายอ่อนพี่ขุน สงสัยอะไรสนคะ”
“ถึงให้ก็ช่างเถิด พี่คิดว่าแกอาจมาขอเงินสน ไม่มีอะไรแล้ว พี่กลับเรือนก่อน สนนอนซะ อ้อ..มีอีกเรื่อง พี่อยากจะแนะนำสน คนเราหมั่นสะสมศัตรู ไม่ยอมสะสมมิตร ชีวิตมันจะหายนะ”
ท่านขุนดุ่มๆ จากไปไม่มีทีท่ารักใคร่เช่นเคย และไม่สนใจใยดี
“ไปเฉยๆ แบบนี้เองรึ ไม่มีห่วงหาอาทร นี่พี่ขุนเริ่มระแวงกูแล้วรึ”
ภาพเนียนคุยกับยายอ่อนและเอกผุดขึ้นมาในมโนนึก
“ไอ้เอก อีเรียม มันไปฟ้องพี่ขุน โชคดีที่เราไม่ปล่อยให้มันพูดเรื่องเทิดศักดิ์จนจบ ทำไมพวกมึงวอนให้กูจนตรอกกันไม่สิ้นสุดเสียที มึงจะช่วยกันต้อนกูไปถึงไหน”
สนอ่อนใจหวาดกลัวไปหมด

ด้านเรียมเองก็เริ่มวิตกเรื่องเนื้อทองและทานตะวัน
“ในที่สุด ความจริงทั้งหลายก็ปรากฎออกมาเกือบจะทั้งหมด เหลือแต่เรื่องของหนูติ๋วกับหนูอี๊ดเท่านั้น เมื่อสักครู่ ถ้านายเอกไม่ได้ไปพบว่ายายอ่อนตาย พี่เทพคงรู้แล้วว่าเราโกหกหลอกลวงมาตลอด นี่เรามิต้องกลายเป็นคนโกหกหลอกลวงไปจนตายรึ”
เรียมไม่สบายใจมาก

ส่วนที่ใต้ต้นมะขาม โพล้ง กะแพรเริ่มวิตก เพราะท่านขุนพูดตรงมาก
“ตอนที่พวกนายโพล้ง แม่แพรกับเนียนคุยกัน ชั้นบังเอิญผ่านมาได้ยิน”
สามคนตกใจมาก
“ท่านขุนได้ยิน”
“ทุกถ้อยคำที่พูดกันนั่น ขอบใจนะที่ทำให้ชั้นตาสว่างได้รู้ความจริง”
โพล้ง แพร และเอก ก็ยังตกใจไม่หาย
“ขอประทานอภัยขอรับ พวกเรามิได้ตั้งใจจะนินทากาเลผู้ใด” โพล้งบอก
“ชั้นจะถือว่านั่นคือเล่าสู่กันฟัง แม้ว่าชั้นจะแอบฟัง ชั้นรู้ว่ายังเล่ากันไม่จบดอกนะ ใช่ไหม”
สามคนนิ่งงันกันไป

ด้านเรียมยังคงครุ่นคิดต่อ
“ทำไมเราไม่ให้เรื่องหนูอี๊ด หนูติ๋วออกจากปากของเราเองแทนที่จะให้พี่ขุนได้ยินจากคนอื่น”

ในเวลานี้ เรียมว้าวุ่นใจเหลือแสน
ส่วนเหตุการณ์ที่ใต้ต้นมะขามเวลานั้น สามคนเอาแต่นั่งเงียบ ไม่มีใครกล้าตอบคำถามขุนภักดี

“ตอบมา ว่าใช่รึไม่ใช่ ไอ้เอก แกกล้าโกหกข้ารึ
“เอ้อ คือว่า หามิได้ขอรับ คือว่า”
“ท่านขุน ต้องการทราบเรื่องอะไรขอรับ”
“เรื่องลูกของเนียน ที่นายโพล้งเล่าเอาไว้นั่นแหละ”
สามคนมองหน้ากัน
“คือว่า นายอำเภอแดงน้อยคือลูกของเนียนขอรับ” โพล้งบอก
“นั่นชั้นรู้แล้ว”
“หนูติ๋วไม่ใช่ลูกชู้เจ้าค่ะ” แพรว่า
“นี่ชั้นก็รู้แล้วเหมือนกัน อย่าบ่ายเบี่ยงกันสิน่า บอกมาสิว่าทุกคนจะพูดอะไรเกี่ยวกับลูกของเนียน”
“ถ้านายอำเภอเป็นลูกของคุณนายเนียน หนูติ๋วก็เป็นลูกของคุณนายเนียนหมายความว่าทั้งสองคนเป็นพี่น้องกัน ขอรับ” เอกบอกบ้าง
ขุนภักดีหมั่นเขี้ยว เตะเอกทันที
“ไอ้จอมกะล่อน ไอ้มะกอกสามตะกร้าปาไม่ถูก เอ็งถูกเตะจนตายแน่”
เอกจ๋อยโดนเตะแม้จะไม่จริงจัง

เนียนลุกนั่งไม่เป็นสุข
“ถ้าพี่ขุนรู้ว่าเรากับคุณพี่เรียมรวมหัวกันปดพี่ขุนเรื่อง หนูติ๋วกับคุณหนูอี๊ดท่านจะว่ากระไร เรามิกลายเป็นคนตลบตะแลง เสียแรงที่ตอนนี้ท่านมีเมตตาต่อเรา เลิกเคลือบแคลงเราแล้ว แต่ตราบใดที่คุณพี่เรียมไม่ต้องการเปิดเผย แล้วเราเป็นคนเปิดเผยเรื่องนี้ไป ก็เท่ากับอกตัญญูต่อคุณพี่เรียม โธ่…”
เสียงเรียมเคาะห้องเรียก “เนียน เนียนจ๊ะ”
เนียนผวาไปเปิดประตู
“คุณพี่เรียม”
“ขอโทษที่มาเรียก แต่ชั้นทนรออีกต่อไปไม่ไหวแล้ว”
“เรื่องอะไรหรือคะ”
“เรื่องลูกของเรา ลูกของเนียน หนูติ๋วกับหนูอี๊ด เราต้องไปบอกความจริงกับพี่เทพ ก่อนที่พี่เทพต้องไปขอให้คนอื่นบอก”
“คุณพี่เรียม”
“รีบไปเถิดชั้นเห็นพี่เทพกำลังเตะนายเอกอยู่ที่ต้นมะขาม เขากำลังถามเรื่องนี้อยู่แน่ๆ”
เรียมดึงแขนเนียนไปทันที
ทางฝ่ายทานตะวันนั่งครุ่นคิดฟุ้งซ่านต่างๆ นาๆ ต่อ
“ทำไมจู่ๆคุณพ่อก็ไปยกย่องยัยเนียนให้เป็นคุณนายเนียน ทำไมคุณแม่ ถึงคอยปกป้องมันสองคนแม่ลูกตลอดเวลาเรามีอะไรยัยติ๋วก็ต้องได้เพราะคุณแม่หยิบยื่น และตอนนี้มันคล้ายจะได้มากกว่าเรา ทั้งที่มันคือลูกชู้”
ทานตะวันคิดไปเรื่อยเปื่อย

ท่านขุนหยุดเตะเอก
“จะกะล่อนต่อไหมไอ้เอก”
“หามิได้ขอรับ ไม่แล้วขอรับ เอาละพวกเรา คุกเข่าพนมมือสาบานว่าจะเอ่ยแต่วาจาจริงจากใจ” เอกบอกเป็นทางการ
สามคนนั่งลงคุกเข่าตรงหน้าท่านขุน ที่จ้องหน้าเอาเรื่องอยู่
“พวกเรากราบขออภัย พวกเราจะเอ่ยแต่วาจา…”
เรียมกับเนียนพากันมาถึงพอดี
“ไม่ต้องเอ่ยวาจาใดๆ ดอก ทั้งสามคน แล้วรีบไปกันเสียเถิด”
“เรียม เนียน น้องพากันลงมาทำไม นี่มันยามสองแล้วนะ”
“พี่โพล้ง พี่แพร กลับไปเถิดจ้ะ เนียนมีเรื่องจะกราบเรียนพี่ขุน”
สามคนจึงถอยออกไป ท่านขุนมองหน้าสองคนแปลกใจ
“เรียมกราบขอโทษพี่เทพค่ะ”
“เนียนก็เช่นกันค่ะ เนียนกราบขออภัยค่ะ”
“พากันมาขอโทษขออภัยเรื่องอะไรกันรึ”
“เรื่องลูกของเนียนค่ะ”
“ความจริง เนียนไม่ต้องกราบขออภัยดอกค่ะ เพราะเนียนคือผู้เสียสละคือผู้ให้ ส่วนเรียม คือผู้รับและเห็นแก่ตัวเป็นที่สุด”

เรียมเริ่มน้ำตาคลอ เนียนก็น้ำตาคลอตาม ขุนภักดีมองเมียทั้งสองอย่างฉงนฉงาย
ขุนภักดีมองทั้งสองเมียอย่างแปลกใจ ก่อนจะจูงมือมานั่งเคียงกันสามคน ท่านขุนนั่งตรงกลาง

“เอาละคนดีของพี่ทั้งสองใจเย็นๆ ค่อยๆ มานั่งพูดจากันนับแต่นี้ต่อไป บ้านหลังนี้จะไม่มีขุ่นเคือง มีแต่จะหันหน้าเข้าหากัน ยึดหลักให้อภัย ให้ความเมตตา ให้ความรักต่อกัน”
“สืบเนื่องมาแต่ที่เรียมกับพี่เทพได้ยินเนียนกับนายโพล้งแม่แพรคุยกัน เมื่อหัวค่ำ ในเรื่องสุดท้าย คือเรื่องลูกของเนียน” เรียมเอ่ยขึ้น
“นี่แหละที่พี่ฟังไม่ทันจบ จึงบังคับให้พวกมันมาเปิดปาก”
เรียม สบตาเนียน สองคนพยักหน้าให้กัน เรียมสารภาพเรื่องคลอดลูกแต่ลูกตายหลังคลอดไม่นาน
ขุนภักดีฟังแล้วตกใจ
“โธ่ นี่ลูกของเราตาย โธ่เรียม ทำไมไม่บอกพี่สักคำ”
“เรียมไม่กล้าเอ่ยเรื่องลูกของเรียมตาย ตอนนั้นพี่ขุนคาดโทษเรียมเอาไว้น่ะคะ”
“นี่พี่ทำอะไรลงไป ทำให้ทุกคนกลัวอย่างไร้เหตุผล”
“เรียมกลัวพี่เทพตัดขาดเรียม เรียมก็เลย ..เนียนเล่าต่อสิจ้ะ”
เนียนเล่าเรื่องที่ตนคลอดลูกเป็นฝาแฝด คราวนี้ท่านขุน ตกตะลึงไปอีกครั้ง
“ลูกของเนียนเป็นฝาแฝด”
“ค่ะ คือหนูติ๋วกับหนูอี๊ดค่ะ” เรียมบอก
“นี่แปลว่า หนูติ๋ว หนูอี๊ด..เป็นลูกของพี่กับเนียนทั้งสองคน”
“ค่ะ หนูอี๊ดเป็นพี่ หนูติ๋วเป็นน้อง ตอนนั้นเนียนรู้ว่าเรียมใจแทบขาดที่ลูกตาย นายเอกกับยายอ่อน จึงออกอุบายตบตาพี่เทพด้วยการไปขอลูกเนียนมาให้เรียม แล้วปดพี่เทพว่าเป็นลูกของเราสองคน”
“โธ่เอ๊ย นี่พี่ใช้อำนาจบาดใหญ่ ใส่ทุกคน จนกลายเป็นทำร้ายทุกคนให้เดือดร้อนกันไปทั่วโดยเฉพาะเนียน”
“เรียม ผิดมากจริงๆค่ะ เรียมก่อปัญหามายี่สิบกว่าปี”
ท่านขุนดึงสองคนเอาหัวมาซบบ่าสองข้างโอบกอดไว้
“พี่เข้าใจหมดแล้ว ทั้งสองคนไม่ต้องเสียใจ พี่ขอบใจทั้งเนียนและเรียม ที่พยายามทำทุกอย่างให้พี่สบายใจ ผิดเพราะรักและหวังดีไม่ใช่เรื่องเสียหายให้กันได้ แต่ทำผิดเพราะริษยาอาฆาตนี่สิ พี่ไม่ให้อภัยดอก”
เรียมกะเนียนบอกพร้อมเพรียง “ขอบคุณมากค่ะ”
“เราจะร่วมมือช่วยกันแก้ปัญหาครอบครัวของเราทำให้ทุกคนรักใคร่สามัคคีปรองดองกัน พี่ดีใจที่วันนี้ ทุกอย่างกระจ่างแจ้งหมดแล้ว เนียนพี่จะถือว่าแดงน้อยคือลูกบุญธรรมของพี่ ส่วนเทิดศักดิ์ พี่ก็ถือว่าเขาคือลูกของพี่เช่นเดิม”
ท่านขุนยิ้มมีความสุข เนียนและเรียม ต่างมีความสุขไปด้วยกัน สามคนเข้าใจกันอย่างดี

สนแอบมองสามคนที่หน้าต่าง คับแค้นระคนอิจฉา สนน้ำตาไหลพราก
“อีเนียน อีเรียม พี่ขุน กอดพวกมันสองคน สีหน้าแววตารักใคร่พวกมันมากมาย แล้วกูเล่า กูเป็นดังเช่นนกไร้ขนคนไร้เพื่อน หมาหัวเน่าหัวเดียวกระเทียมลีบ ไม่มีใครเหลียวแล ไม่มีใครใยดี อีสนเลย โธ่..อีสน ทำไมชีวิตกูต้องกลายเป็นเศษธุลีให้พวกมึงเหยียบย่ำเช่นนี้”

สนคับแค้นใจใหญ่หลวง ตีอกชกหัวตัวเอง ทึ้งผม สะอื้นไห้อยู่เพียงลำพัง
ฟากทั้งสามคนมานั่งปรึกษากันเรื่องลูกๆ บนเรือนใหญ่

“พรุ่งนี้ พี่จะบอกแดงน้อยให้เขารู้ตัว จะพาเขามากราบแทบเท้าเนียน”
“เอ้อ..รวดเร็วไปไหมคะ”
“ถึงเวลาแล้ว รึเนียนจะให้เขาไปรู้เอาตอนโอนขายที่ดินให้ลูกชายยายอ่อนให้ขายหน้าไปถึงแดงน้อยว่าแม่ปิดบังไม่ให้รู้ว่าเป็นลูก”
“เอ้อ ค่ะ กราบขอบพระคุณพี่ขุนมากค่ะ”
“แล้วเรื่องหนูติ๋ว หนูอี๊ด เล่าคะ”
“พี่จะบอกแกเอง หนูติ๋วแกพูดง่ายแต่คนที่พูดยากอวยเข็ญก็หนูอี๊ดนี่แหละ”
“แกคงยอมรับไม่ได้ว่าเนียนเป็นแม่แก เนียนว่า ปล่อยไปเลยตามเลยเถิดค่ะ พี่ขุน รู้กันแค่เราสามคนน่ะพอแล้ว”
ท่านขุนกะเรียมบอกพร้อมกัน “ไม่พอ และไม่ได้”
“ปล่อยไม่ได้อีกต่อไป นี่ก็เพราะเราทำผิดมายี่สิบกว่าปี เราจะทำผิดต่อไปไม่ได้”
“คนเราต้องยอมรับชาติกำเนิดของตนเอง ยอมรับพ่อแม่พี่น้องของตนเองคนที่ทำไม่ได้ ก็เป็นได้แค่อมนุษย์เท่านั้น พี่อาจจะสงบใจไม่ได้ดีเท่าเรียม เรื่องหนูอี๊ด มอบให้เรียมจัดการเถิดนะ”
“ค่ะ เนียนไม่ต้องเสียสละเรื่องหนูอี๊ดอีกต่อไปแล้ว พอกันที หนูอี๊ด แกต้องได้รับบทเรียน และรู้จักความเจ็บปวดเสียใจ ควรใช้เหตุและผล”
“แกคงเสียใจและผิดหวังมาก”
“แกควรดีใจที่มีแม่สุดประเสริฐเป็นยอดแม่อย่างเนียน”
ท่านขุนพูดไม่ทันขาดคำ ทานตะวันก็ออกมาจากห้อง
“คุณพ่อคุณแม่ขาจะเช้าแล้ว ไม่ยอมหลับยอมนอนลุกมานั่งคุยอะไรกันอยู่หรือคะ อ้อ นั่น มากับเขาด้วยรึ มาทำไมไม่ทราบ รึจะมาขออะไรคุณแม่ ไปให้ลูกแกอีก”
“คุณหนูอี๊ด” เนียนตกใจ
“บอกกี่ครั้งกี่หนแล้วว่า อย่ามามองหน้า ไม่ชอบรำคาญ”
“หนูอี๊ด” ท่านขุนเสียงเข้ม
“อย่าว่าอย่าพูดแม้แต่ทำท่าทางไม่พอใจเขาอีกต่อไปนะหนูอี๊ด”
“หนูจะทำ หนูไม่กลัวดอก ว่าจะเกิดอะไรขึ้น หนูไม่อยากให้มันมาเหยียบเรือนนี้ด้วยซ้ำ กลับไปนะ กลับไปแล้วอย่ามาเหยียบอีก”
เนียนลุกโดยดี แต่ขุนภักดีลุกแล้วดึงร่างเนียนไว้แถมกอดประคอง
“นี่คือคุณนายเนียน ภักดีภูบาล เมียคนที่สามของขุนภักดีภูบาลใครจะมาดูแคลนจิกหัวด่าไม่ได้”
“คุณพ่อโดนเสน่ห์ยาแฝดของมัน”
“หยุดมารยาททราม ใส่ผู้หญิงคนนี้ได้ไหม ยัยอี๊ด”
“พี่ขุนคะ” เนียนพยายามห้าม
“ใครอนุญาตให้เรียกพ่อชั้นว่าพี่ขุน”
“พ่อเอง” ขุนภักดีบอก
“ทำไม ทำไม ในเมื่อนี่ก็แค่อดีตเมียที่คบชู้”
ท่านขุนบันดาลโทสะยกมือจะตบหน้าอี๊ด
“อย่านะคะ”
เนียนปราดมาบังลูกสาวไว้ เรียมเข้ามาดึงมือท่านขุนไว้ แต่แล้วทานตะวันกลับผลักเนียนจนล้มลงไป
“อย่ามาแตะเนื้อต้องตัวชั้น ชั้นรังเกียจ ขยะแขยง”
“คุณหนูเจ้าขา” เนียนสะท้อนใจ
“ไปนะ” ทานตะวันตะเพิดไล่
“หยุดเดี๋ยวนี้”

เรียมตวาดเสียงดังมาก
เช่นเดียวกับขุนภักดีสุดทนแล้ว ปราดเข้าไปเขย่าตัวทานตะวันอย่างแรง จนร่างแบบบางโยกไปโยกมา

“แกนั่นแหละ น่ารังเกียจ น่าขยะแขยง ก้มลงกราบแทบเท้า ผู้หญิงคนนี้เดี๋ยวนี้ แล้วกล่าวคำว่าขอโทษ”
“ไม่ ๆๆ คุณพ่อ นอกจากจะโดนเสน่ห์ยังเสียสติด้วยหรือคะ”
“แกนั่นแหละที่เสียสติพูดจากับพ่อไม่มีมารยาทหยาบคาย ราวกับไร้การอบรม ฟังนะผู้หญิงที่แกดูถูกเหยียดหยามมาตั้งแต่น้อยคุ้มใหญ่คนนี้คือ…”
เนียนตกใจรีบห้ามไว้ “อย่านะคะ พี่ขุน”
“พูดมาเลยค่ะ คุณพ่อว่ามันคือใคร” ทานตะวันท้าทาย
“ไม่นะคะ” เนียนส่ายหน้า
ขุนภักดีไม่ฟังแล้ว เป็นตายยังไงก็ต้องบอกให้ลูกรู้สำนึก
“เขาคือแม่บังเกิดเกล้าที่เอาแกใส่ไว้ในท้องถึงเก้าเดือน”
ทานตะวันตะลึงงัน
“ไม่จริง ๆ โกหก ๆ คุณแม่ คุณพ่อโกหกหนู”
เรียมพูดเสริม “นี่คือความจริง แม่ไม่ใช่แม่ของหนู แต่แม่เนียนคือแม่ของหนู”
เนียนได้แต่ร้องไห้มองหน้าทานตะวัน ที่หน้าซีดขาว เหมือนโดนฟ้าผ่า
“แอร๊ยยย... มันไม่ใช่แม่ของหนู แกไม่ใช่แม่ของชั้น”
ท่านขุนตวาดลั่น “อีเด็กอกตัญญู อีลูกทรพี”
“พอแล้วค่ะ พี่ขุนพอแล้วค่ะ คุณหนูอี๊ดขา แม่ เอ้อ ชั้น ขอโทษ” เนียนมองหน้าทานตะวัน

อ่านละคร อาญารัก ตอนที่ 20 วันที่ 19 พ.ค. 56

ละครเรื่อง อาญารัก บทประพันธ์ : จำลักษณ์
ละครเรื่อง อาญารัก บทโทรทัศน์ : วรพันธ์ รวี
ละครเรื่อง อาญารัก กำกับการแสดง : จรูญ ธรรมศิลป์
ละครเรื่อง อาญารัก แนว ดราม่า
ละครเรื่อง อาญารัก ผลิต : บริษัทดีด้าวิดีโอ โปรดักชั่น จำกัด
ละครเรื่อง อาญารัก ควบคุมการผลิต : สยม สังวริบุตร
ละครเรื่อง อาญารัก ออกอากาศทุกวันจันทร์ และวันอังคาร เวลา 20.25 น. ทาง ช่อง 7 สีทีวีเพื่อคุณ
ที่มา manager