My Hero วีรบุรุษสุดที่รัก ใต้ปีกปักษา ตอนที่ 7 วันที่ 11 ส.ค.61
อคินถามว่าแล้วที่บอกว่าเอารูปไปทิ้งน้ำคืออะไร ป้านิ่มบอกว่าเพราะอาอังคณาเห็นว่าอาสันติจำอะไรไม่ได้แล้ว ไม่อยากรื้อฟื้นอะไรขึ้นมาอีก อาอังคณาเลยเอารูปต่างๆไปทิ้งน้ำ อะไรลืมแล้วก็ให้มันจบไปเลยโชคดีที่ค้นเจอรูปหนึ่งในอัลบั้มที่เหลือ เป็นรูปอนงค์อุ้มลูกก้มจนมองไม่เห็นหน้า อคินเอาให้ผีอัศนีดู
“ใช่...ใช่...” ผีอัศนีดีใจสุดๆบอกว่านี่คืออนงค์ ถึงไม่เห็นหน้าตนก็จำได้ เธอใส่เสื้อตัวโปรดและอุ้มลูก!
อคินกลับไปหาคุณย่ากลางดึกบอกอยุทธว่ามีเรื่องต้องคุยกับย่า อยุทธพยายามห้ามไว้เพราะคุณย่าเข้านอนแล้ว แต่อคินบอกว่าตนมีเรื่องต้องบอกย่าให้ได้
เมื่อคุยกัน คุณย่ายังเจ้าคิดเจ้าแค้นถามว่าถ้าเขารักเรานักทำไมจึงทิ้งเราไป
คุณย่าหาว่าอคินเพ้อเจ้อ อคินบอกว่าพรุ่งนี้ตนจะเอาหลักฐานมาให้ดู
“มันจะเป็นหลักฐานอะไรฉันก็ไม่มีวันยกโทษให้ปู่ของแก” พูดแล้วย่าเดินเข้าห้องปิดประตูใส่หน้าเลย
อคินพยายามจะพูดอีก ถูกอยุทธห้ามไว้ว่าวันนี้พอแล้วอย่ากวนใจย่าอีกเลย อคินจึงชะงักด้วยความหนักใจ
ooooooo
รุ่งขึ้นอคินไปหาครูจันทราที่บ้าน บอกว่าครูเคยให้ตนเขียนเรื่องฮีโร่ของฉัน แต่ตอนนั้นตนเขียนไม่ได้เพราะความคิดตนมืดมนไปหมด แต่วันนี้ตนเขียนได้แล้ว
อคินเอาเรียงความที่เขียนหัวข้อตัวใหญ่ว่า “MY HERO” เขียนข้อความอย่างเรียบร้อยสวยงามเต็มหน้า ออกมาอ่านให้ครูจันทราและป้านิดฟังอย่างภูมิใจในปู่ของตน ที่เป็นนักบินรบในฝูงบินไร้ชื่อแต่พลีชีพเพื่อภารกิจที่ปกป้องเอกราชและอธิปไตยของชาติไทย ปู่เป็นวีรบุรุษนิรนามเพื่อให้ชื่อของประเทศไทยยังคงอยู่
ครูจันทราสดุดีเชิดชูวีรบุรุษนิรนามที่อคินเขียนไว้ในเรียงความ อคินอดไม่ได้ที่จะบอกว่าแต่ตนเป็นแค่นักบินพาณิชย์ธรรมดา
“เธอทำหน้าที่นักบินพาณิชย์เพื่อเศรษฐกิจของชาติก็เป็นส่วนส่งเสริมให้ชาติแข็งแรงอีกทางหนึ่ง ขอแค่ตั้งใจทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีเพื่อประโยชน์ของสังคม ของประเทศชาติ เธอก็คู่ควรที่จะเป็นวีรบุรุษเหมือนกัน”
“ครับครู...ผมจะทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด แม้ไม่ได้เป็นทหารอากาศ ผมก็จะขอเป็นนักบินพาณิชย์ที่ดี มีฝีมือ มีคุณภาพ มีความรับผิดชอบ ทำให้ชื่อเสียงของการบินในประเทศเราดีที่สุด ทำให้ประเทศของเรามีความเจริญก้าวหน้ามั่นคง ให้สมกับที่บรรพบุรุษได้สละชีวิตเพื่อรักษาแผ่นดินไทยไว้”
อคินยิ้มภูมิใจ ครูจันทรากับป้านิดตบมือเข้าไปกอด ครูจันทราพูดอย่างปลื้มปีติว่า
“นั่นแหละ ความเป็นฮีโร่ที่แท้จริง อคิน”
อรนิภาเอาอกเอาใจคุณย่าและเป่าหูว่าอคินเปลี่ยนไปเพราะคบกับริศา คุณย่าฟังแล้วนิ่ง อรนิภาคิดว่าเป่าหูย่าได้สำเร็จ ย่าออกไปหาอยุทธถามว่าเรื่องที่อคินพูดเมื่อคืนเป็นเรื่องจริงหรือเปล่า
คุณย่าถามอยุทธว่าถ้าอคินไปเจอปู่และมีหลักฐานจริงๆว่าพ่อเขาเป็นวีรบุรุษ แล้วอยุทธจะเกลียดแม่หรือเปล่าที่ไม่ยอมให้เขามีตัวตนในชีวิตของเรา
คุณย่าคาดเดาไปต่างๆนานา ถามว่าถ้าเขากลับมาอย่างวีรบุรุษ อยุทธก็ต้องรักต้องปลื้มพ่อตัวเองเป็นแน่ทุกคนก็คงหันไปชื่นชมเขา ตนก็ไม่ว่าอะไรจะขออยู่คนเดียว เพราะ...
“ใจฉัน...มันเจ็บมานานแล้ว ให้มันเจ็บต่อไปอย่างนี้แหละ ฉันชินเสียแล้ว” คุณย่าเมินหน้าไปอย่างถือทิฐิ
อคินเรียกประชุมพนักงานในบริษัทแจ้งว่าตนตัดสินใจรื้อฟื้นคดีเครื่องบินตกขึ้นมาใหม่เพราะมั่นใจว่าไม่ใช่อุบัติเหตุ ริศาก็ยืนยันว่าสภาพร่างกายของพ่อแข็งแรงไม่มีทางที่จะเกิดความผิดพลาดจากนักบินแน่นอน
อคินยืนยันกับนักข่าวว่าตนจะต้องเอาตัวการเรื่องเลวร้ายทั้งหมดมารับโทษให้ได้
นุชทำตัวตีสองหน้า คอยเอาข้อมูลจากบริษัทรายงานศรุตกับศรันย์ แต่เมื่อเห็นทั้งสองกำลังจะถูกเล่นงานจากอคินก็แปรพักตร์หันไปรับใช้ฟ็อกซ์รายงานข่าวฟ็อกซ์แทนศรุตและศรันย์
ศรุตไม่พอใจวันนี้บุกไปถึงคอนโดของฟ็อกซ์ที่นุชกำลังไปรายงานการเคลื่อนไหวในบลูไคท์ ด่านุชว่าทรยศอกตัญญู เลยถูกฟ็อกซ์เก็บกลับมาบอกนุชว่าต่อไปนี้เธอจะมีชีวิตใหม่แล้ว ยกแก้วเครื่องดื่มให้นุชฉลองกัน
นุชเปิดคอมพ์ภาพอคินที่มาทำงานวันแรกให้ฟ็อกซ์ดู บอกว่าเขาเป็นนักบินฝีมือดี ฟ็อกซ์ถามจุดอ่อนเธอบอกว่าคือริศาลูกสาวกัปตันที่ตายและย่าที่เขารักมาก แค่ย่าหกล้มเขาก็ยอมลางานไม่ไปบิน
ฟ็อกซ์เข้ามากดขยายรูปดูหน้าย่าเอมอรอย่างสนใจมาก
ผีอัศนียังไม่รู้ข่าวอนงค์ จนอคินบอกว่าตนมีเรื่องจะบอก ริศาบอกว่าอคินรู้แล้วว่าคุณอนงค์อยู่ที่ไหน ผีอัศนีก็ตาโตฟังอคินอย่างตื่นเต้น ในที่สุดผีอัศนีก็รู้ว่าอนงค์ยังมีชีวิตอยู่ มีลูกชายชื่ออยุทธ ลูกชายแต่งงานแล้วมีหลานชายแต่ภรรยาเสียชีวิตจึงเลี้ยงลูกมาโดยไม่สนใจหญิงอื่นเลย
ผีอัศนีดีใจปลื้มใจมากที่ทั้งลูกและหลานเติบโตมาเป็นคนดี ถามว่าหลานตนชื่ออะไร
“ชื่ออคินครับ” ผีอัศนีร้อง เฮ้ย! ตะลึงตาค้าง อคินยิ้มกริ่มบอกว่า “ผมเองครับปู่”
ปู่หลานกอดกันแน่น อคินร้องไห้ด้วยความดีใจ ริศาที่ดูอยู่พลอยน้ำตาไหลไปด้วย
ooooooo
เมื่อรู้ว่าเป็นปู่หลานกันแล้ว อคินขอโทษที่เคยทะลึ่งตึงตังกับปู่ ผีอัศนีก็ขอโทษที่ตนแกล้งอคินไว้เยอะ อคินบอกว่าย่าเสียใจและโกรธมากด้วยเพราะย่าไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้น
“สร้อยเส้นนั้น?” ผีอัศนีเอ่ยขึ้น ริศารีบถอดสร้อยที่คอให้ปู่ดู
“ถ้าอนงค์ได้รับจากสันติแล้วรู้ว่าฉันรักเขามากแค่ไหนและฉันตายไปยังไง อนงค์คงเข้าใจ และเรื่องของฉันมันคงจบลงด้วยดี”
อคินบอกว่าเพราะเรื่องเป็นอย่างนี้ ทำให้ตนกับปู่ได้รู้จักกันและร่วมทุกข์ร่วมสุขกัน ร่วมผจญภัยด้วยกัน
“ข้อดีของเรื่องนี้ ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่น่าจะเป็นไปได้เลยก็คือ คุณสองคนได้มาเป็นเพื่อนกันแบบนี้ไงคะ”
ริศาเสริม ทั้งสองเห็นด้วย ผีอัศนีพูดอย่างขำๆ ปลื้มๆว่า “ปู่กับหลานได้มาเป็นเพื่อนกันจริงๆ”
“นั่นสิครับ อัศนี...คุณปู่เพื่อนรัก”
ทั้งสามหัวเราะกันอย่างมีความสุข แล้วผีอัศนีก็บอกอคินว่า “อคิน...ฉันอยากเจออนงค์”
“ไชโย คราวนี้ความรักของคุณปู่กับคุณย่าจะได้แฮปปี้เอนดิ้งซะทีนะคะ” ริศาดีใจ
ทั้งสามมองหน้ากันไปมา ต่างมีความหวังว่าทุกอย่าง คงลงเอยด้วยดี
แต่การณ์ไม่ได้เป็นอย่างที่คิด เพราะฟ็อกซ์รู้ว่าวันนี้ย่าเอมอรไปวัด เขาจึงแต่งชุดขาวไปวัดด้วย
ย่านั่งสมาธิแต่จิตใจไม่สงบเพราะคิดเรื่องที่อคินจะเอาหลักฐานมาให้ดู แต่ผ่านไปสองวันสองคืนแล้วยังเงียบหาย บอกตัวเองว่า “ทั้งหลานทั้งปู่เชื่อไม่ได้สักคน”
เมื่อย่าออกไปเดินจงกรม แดดจัดมากจนจะเป็นลม ฟ็อกซ์จับตาดูอยู่รีบเข้าประคองพาไปนั่งในศาลาวัด
ฟ็อกซ์ถามว่าทำไมคุณแม่มาคนเดียว ลูกหลานหายไปไหนหมด
“ลูกหลานเหรอ ไม่มีใครสนใจไยดีฉันหรอก แล้วนี่คุณมีธุระอะไรอยู่จะมาทำบุญก็ไปเถอะค่ะ”
ฟ็อกซ์บอกว่าตนมาถวายภัตตาหารเพล และบริจาคเงินสร้างศาลาที่พังไป ย่าจึงอนุโมทนาบุญด้วย
ฟ็อกซ์บอกว่าทรัพย์สมบัตินั้นเราตายไปก็เอาไปไม่ได้ สู้เอามาบริจาคสร้างประโยชน์ให้คนอื่นดีกว่า ไม่ใช่บริจาคให้วัดเท่านั้นถ้ามีโอกาสตนก็ช่วยเหลือทุกที่ อ่อยว่า
“วันหลังคุณแม่ไปกับผมสิครับ ผมมีโครงการสร้างวัดไทยในต่างแดน”
ย่าบอกว่าแก่แล้วไปไม่ไหวก็รับปากจะดูแลอย่างดีแล้วขอแลกไลน์กันจะได้คุยกันต่อไป ย่าจึงให้ไป ฟ็อกซ์ดูชื่อ “เอมอร นภประสิทธิ์” ก็ยิ้มสมใจที่เข้าถึงตัวย่าของ อคินโดยง่าย แล้วส่งสติกเกอร์ไลน์น่ารักให้ย่า
ooooooo
อคินกลับมาหาคุณย่าพร้อมสร้อยและจี้ด้วยความมั่นใจในหลักฐานที่ตนหามาได้ แต่พ่อบอกว่าคุณย่าไปวัดยังไม่กลับ อคินรออย่างตื่นเต้นจนเห็นคุณย่าหัวเราะกลับมาอย่างมีความสุขโดยมีรถหรูมาส่ง
อคินรีบไปรับคุณย่าถามว่าใครมาส่ง ย่าบอกว่าเพื่อนใหม่ เป็นคนดี เป็นสุภาพบุรุษ ผู้ดีมีสกุล ย้อนถามเสียงขุ่นว่า “แล้วแกจะมาห่วงฉันทำไม ฉันก็อยู่ของฉันได้” ถามว่าไหนล่ะหลักฐานว่าปู่เป็นคนดี อยากเห็นนัก
เมื่อเข้าไปในห้องรับแขกแล้ว อคินเอาสร้อยกับล็อกเกตรูปหัวใจออกมา ทันทีที่เปิดล็อกเกตออกคุณย่าตะลึงพรึงเพริด เพราะข้างในเป็นรูปย่ากับปู่ในวัยหนุ่มสาวอยู่คนละฝาประกบกัน อยุทธเห็นแล้วอึ้งสนิท
อคินบอกว่าสร้อยเส้นนี้ปู่เตรียมไว้รับขวัญพ่อเพราะคิดว่าบินไปทำภารกิจเสร็จก็บินกลับเหมือนทุกครั้ง แต่ครั้งนี้เครื่องของปู่ถูกยิง ปู่บาดเจ็บสาหัส ปู่รู้ตัวว่าตัวเองคงหนีออกมาไม่ได้ เลยตัดสินใจสละชีวิตตัวเองเพื่อช่วยชีวิตปู่สันติที่ยังสามารถหนีได้
“ก่อนตาย ปู่ฝากสร้อยเส้นนี้ให้ปู่สันติเอามาให้ย่า...แต่ว่าโชคร้าย ปู่สันติประสบอุบัติเหตุความจำเสื่อมสร้อยเส้นนี้ถูกละเลยและทอดทิ้ง เพราะไม่มีใครรู้เรื่องราวนี้เลย วิญญาณของปู่ไปไหนไม่ได้ ไม่ได้ไปผุดไปเกิดเพราะเฝ้ารอวันที่สร้อยเส้นนี้มาถึงมือย่า...”
เพราะสร้อยถูกเก็บไว้ในกล่องไม่มีใครสนใจจนริศาในวัยเด็กไปเจอ หยิบสร้อยขึ้นมาดูพอดีเพื่อนมาเรียกให้ไปเล่นน้ำจึงถือสร้อยติดมือไป ริศาตกน้ำทำให้สร้อยหลุดมือหายไป อคินเล่าข้ามสิ่งที่ไม่รู้ บอกแต่ว่า
“ปู่ติดต่อกับสาริศาได้เพราะอะไรก็ไม่ทราบแต่สร้อยก็ต้องจมน้ำอยู่อย่างนั้น จนกระทั่งตอนที่คุณอาสารัตถ์เสียและผมก็ได้พบกับปู่โดยบังเอิญ หรือมันอาจจะไม่ใช่ความบังเอิญก็ได้...และขณะนี้ปู่ก็มาอยู่ตรงนี้แล้ว ข้างๆ ย่าไงครับ”
อคินบอกอย่างตื่นเต้น แต่พอย่าและอยุทธหันมองตามที่อคินบอกก็พบแต่ความว่างเปล่า ทั้งย่าและอยุทธ ต่างไม่เชื่อ ผีอัศนีบอกอคินว่าไม่มีใครเห็นตนและไม่มีใครเชื่อ อคินจึงให้ปู่พูดแล้วตนจะถ่ายทอดให้ ผีอัศนีพูดจากก้นบึ้งหัวใจว่า
“ฉันไม่เคยลืมเขาเลย ก่อนฉันจะตาย สิ่งสุดท้ายที่ฉันนึกถึงคืออนงค์คนเดียวเท่านั้น สุดที่รัก”
พออคินถ่ายทอดคำพูดของปู่ ก็ถูกย่าหาว่าบ้าแล้วแต่งนิยายมาหลอกตน อคินยืนยันว่าเป็นเรื่องจริงก็ถูก อยุทธตวาดให้หยุดเพราะตนกับย่าทำใจเรื่องนี้มานานจนทุกวันนี้อยู่กันได้อย่างสบาย เขาก็กลับเอาเรื่องนี้มาล้อเล่นอีก ย่าตัดบทว่าตนจะไม่ฟังเรื่องโกหกอีกแล้วไม่ว่าจะจากหลานหรือปู่ แล้วให้อยุทธประคองออกไปเลย อคินกำสร้อยและล็อกเกตไว้แน่น มองหน้าปู่อย่างหนักใจ
อคินขอโทษปู่ที่ตนทำงานนี้ไม่สำเร็จ ปู่พูดอย่างเข้าใจและหนักแน่นมั่นคงว่า
“ไม่เป็นไรหรอก...ถึงเขาจะโกรธจะเกลียดฉันก็ไม่เป็นไร เพราะความรักที่ฉันมีให้เขา มันไม่เคยเปลี่ยนแปลง แค่ได้เห็นหน้าอีกครั้งมันก็ดีเกินพอแล้ว”
คืนนี้อนงค์หลับฝันไปว่าได้ซ้อนมอเตอร์ไซค์ของอัศนีไปชมพระอาทิตย์ตกที่ริมแม่น้ำโขงอย่างมีความสุข
และยังฝันถึงความห่วงใยเมื่ออัศนีหายไปโดยไม่บอกกล่าว อัศนีบอกว่ามันเป็นภารกิจลับ ตนไม่อยากบอกให้เธอไม่สบายใจ อนงค์บอกว่าตนเข้าใจแต่ก็เป็นห่วงไม่อยากให้เขาตาย ทุกครั้งที่เขาหายไป ไปบินทำภารกิจที่เขาภูมิใจ ตนกลัวเหลือเกิน กลัวว่าเขาจะไม่ได้กลับมา
“พี่รู้ พี่รู้ว่าอนงค์กลัว พี่สัญญานะว่าถ้าพี่ทำภารกิจครบร้อยภารกิจเมื่อไหร่ พี่จะออกจากงาน กลับไปรับราชการเหมือนเดิม ไม่ต้องมารบกับพวกที่รุกรานบ้านเราให้อนงค์ต้องเป็นห่วง พี่สัญญา”
อนงค์ถามว่าแล้วตอนนี้ทำไปกี่ภารกิจแล้ว อัศนีบอกว่ายี่สิบสาม อนงค์ได้แต่พยักหน้าอย่างหนักใจ
แต่ในอีกฝันหนึ่งกลายเป็นอัศนีทำผิดสัญญา ถูกอนงค์ตบหน้าด่าเลว ไม่รักษาสัญญาทิ้งตนกับลูกได้ลงคอ ตนเลี้ยงลูกตามลำพังและเลี้ยงหลานมาจนโต แต่สิ่งที่ตนได้รับคืออะไร อนงค์ระบายความคับแค้นว่า
“สิ่งที่ฉันได้รับคืออคินเห็นฉันเป็นคนไม่ดี เป็นย่าที่จุกจิกใจร้าย ผิดกับปู่ที่กลายเป็นวีรบุรุษ แล้ววันนี้คุณยังจะให้ฉันยกโทษให้อย่างนั้นเหรอ ฝันไปหรือเปล่า”
อนงค์กำมือแน่นตัวสั่นน้ำตาไหลทั้งเสียใจทั้งแค้น อัศนีได้แต่นิ่งงันแก้ตัวไม่ออก ทันใดก็ได้ยินเสียงอนงค์ละเมอไล่ให้เขาไปผุดไปเกิดเสียเถิด ตนไม่อยากเจอเขาอีกแล้ว อัศนีได้แต่เศร้า...เสียใจ
ooooooo
เพราะศรุตหายไปหลายวัน วันนี้ศรันย์เอารายละเอียดตารางบินที่อคินจะไปรับเครื่องบินลำใหม่มาให้ฟ็อกซ์ที่คอนโดและถามถึงพ่อที่หายไป ฟ็อกซ์ทำไขสือว่าไม่รู้ไม่เห็น ย้อนถามว่าศรุตมีศัตรูที่ไหนหรือเปล่า
“ศัตรูเหรอ ศัตรูของพ่อก็มีคนเดียวแหละ” ฟ็อกซ์เอ่ยนำทันทีว่าไอ้อคิน “ครับ...ไอ้อคิน มันทำอะไรพ่อ”
ฆ่าศรุต เอานุชมาเป็นนางบำเรอเพื่อรับใช้ตนเต็มที่ และเข้าถึงตัวเอมอรย่าของอคินได้แล้ว ฟ็อกซ์ที่มาในมาดเศรษฐีนักบุญก็หว่านล้อมชักชวนเอมอรให้เดินทางไปทำบุญสร้างวัดที่อินดาน่า แกล้งเลียบเคียงว่าจะขออนุญาตลูกหลานให้
“ไม่ต้องไปขอใคร ฉันก็อยากจะให้มันรู้สึกบ้างว่าถ้าฉันมีที่ไปดีๆ มีกิจกรรมดีๆที่ให้ไปทำได้โดยไม่ต้องพึ่งพามัน ไม่ใช่ยายแก่ไม่มีทางเลือกไร้สมรรถภาพ”
“เหมือนแม่ผมเลย ท่านมีอิสระเสรีที่สุด ท่านปฏิบัติธรรมอยู่ที่วัดไทยในอินดาน่า...แล้วคุณแม่จะได้พบกับท่านครับ”
“เหรอ...ดีจ้ะ ดีๆ ฉันจะได้มีเพื่อน”
ค่ำวันนี้อคินแต่งเครื่องแบบเตรียมไปรับเครื่องบินใหม่ที่อินดาน่า เดินตามหาปู่เพื่อลา ขอพรและขอคำปรึกษาแต่หาไม่เจอจึงโทร.ถึงริศา ขอให้อวยพรก่อนออกเดินทางเพื่อเป็นกำลังใจ
“ริศาขอให้ความดีทั้งหมดที่พี่อคินทำมา คุ้มครองให้พี่อคินปลอดภัย แล้วกลับมาหาริศานะคะ”
“พี่สัญญา” อคินสัญญาแล้วลากกระเป๋าออกจากห้องไป
“ปู่คะ...ปู่อัศนีดูแลพี่อคินด้วยนะคะ” ริศาบอกกล่าว...แต่ทั้งห้องเงียบ
เช้าตรู่วันรุ่งขึ้นอคินก็เดินทางถึงสนามบินอินดาน่า สเตฟานี่ใส่แว่นดำรอรับอยู่ ตรงเข้าจับมือเอ่ย
“ยินดีต้อนรับสู่อินดาน่าอีกครั้ง กัปตันอคิน” ทั้งสองจับมือกันแน่นมองกันด้วยสายตามุ่งมั่น
สเตฟานี่มีทหารนอกเครื่องแบบกลุ่มหนึ่งท่าทางหน้าตาบึกบึนเข้ามาห้อมล้อม สเตฟานี่บอกอคินว่านี่คือผู้ร่วมทางของตนที่ปลอมตัวเป็นช่าง เป็นผู้บริหาร จะขึ้นเครื่องไปกับเขา
ooooooo
การเตรียมการทั้งหมดเป็นไปอย่างเข้มงวด ทุกอย่างเป็นปกติจนนักบินผู้ช่วยบอกว่าไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง แต่อคินก็เตือนว่าเราประมาทไม่ได้หรอก
ขณะขึ้นเครื่องอคินเห็นหญิงสาวสองคนใส่ชุดพนักงานต้อนรับบนเครื่องของบลูไคท์เดินตรงมาหาก็แปลกใจ แล้วก็ตกใจเมื่อเห็นเป็นสาริศากับวีรนุช ตำหนิว่าอันตรายมาก ตนไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นบนเครื่อง
“ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ริศาก็พร้อมเสี่ยงกับพี่ค่ะ ริศาจะไม่ยอมให้พี่อคินต้องไปบินแล้วหายไปคนเดียว”
บนเครื่อง ทุกคนนั่งอย่างผ่อนคลายมาก แม้แต่สเตฟานี่เองก็นั่งอ่านหนังสือสบายๆ
แต่ที่แท้ฟ็อกซ์ซ่อนอยู่บนเพดานห้องน้ำพร้อมอาวุธ เขาหย่อนตัวลงหักคอทีมของสเตฟานี่คนหนึ่งที่ลุกไปเข้าห้องน้ำ เอาปืนในกระเป๋าจากเพดานห้องน้ำมาประกอบอย่างใจเย็นแล้วถือปืนออกมา
ลูกน้องฟ็อกซ์ที่แทรกซึมอยู่ในพวกทหารของสเตฟานี่ลุกยืนทันที
“มีอะไร” สเตฟานี่เงยหน้าจากหนังสือถาม พลันก็ช็อกเมื่อเห็นฟ็อกซ์ถือปืนเดินออกจากห้องน้ำ จ่อปืนใส่สเตฟานี่ทันที
“เฟอร์ดินานด์ ซาลองยาน...ท่านขึ้นเครื่องมาได้ยังไง”
“ก็ขึ้นมาพร้อมทุกคนนั่นแหละ ซิส...” พลางกวาดตามอง สเตฟานี่มองตามเห็นลูกน้องฟ็อกซ์ห้าคนลุกยืนพร้อมมีดในมือ คนที่คิ้วขาดเอามีดจ่อคอสเตฟานี่แล้วคนอื่นก็ตรงเข้าปลดปืนไป แล้วทั้งห้าก็เปล่งเสียง
“เฟอร์ดินานด์จงเจริญยั่งยืน”
สเตฟานี่แค้นมากถามว่าพวกแกมาเป็นทหารในอินดาน่าได้ยังไง ไอ้คิ้วขาดตอบทันทีว่า
“เราเป็นคนสัญชาติอินดาน่า เชื้อชาติอาวี”
“ผมมีคนของผมทุกที่นั่นแหละคุณสเตฟานี่” ฟ็อกซ์ยิ้มผยองแล้วหันพูดกับลูกน้อง “ขอบใจทุกคนที่มาร่วมทำภารกิจเพื่อมาตุภูมิ”
“พวกเราพร้อมยอมพลีชีพเพื่อราชวงศ์ซาลองยานคืนสู่บัลลังก์” ทุกคนตอบพร้อมกัน
แล้วสเตฟานี่ก็ถูกจับกดลงนั่ง เอากุญแจมือสวมทันที สเตฟานี่มองไอ้คิ้วขาดพึมพำผิดหวัง
“มาร์โค...ฉันไม่นึกเลย”
“เสียใจด้วยครับ สเตฟานี่”
ooooooo
เพราะบรรยากาศสบายๆ วีรนุชนึกสนุกขึ้นมาไปเคาะประตูนักบิน อคินเปิดประตูออกมาพร้อมรับสถานการณ์ พอรู้ว่าวีรนุชล้อเล่นก็ดุว่าสิ่งที่เราทำอยู่จะมาล้อเล่นกันไม่ได้
วีรนุชปะเหลาะว่าข้างนอกทุกคนนั่งกันชิลด์มาก ตนก็ยังแทบหลับ ตอนนี้ริศากำลังทำน้ำอร่อยๆมาเสิร์ฟอยู่
My Hero วีรบุรุษสุดที่รัก ใต้ปีกปักษา ตอนที่ 7 วันที่ 11 ส.ค.61
My Hero วีรบุรุษสุดที่รัก ใต้ปีกปักษา บทประพันธ์โดย นภสรMy Hero วีรบุรุษสุดที่รัก ใต้ปีกปักษา บทโทรทัศน์โดย ทิพย์สุดา
My Hero วีรบุรุษสุดที่รัก ใต้ปีกปักษา กำกับการแสดงโดย ตระกูล อรุณสวัสดิ์
My Hero วีรบุรุษสุดที่รัก ใต้ปีกปักษา ผลิตโดย บริษัท ชลลัมพี โปรดั๊กชั่น จำกัด
My Hero วีรบุรุษสุดที่รัก ใต้ปีกปักษา ออกอากาศทางไทยทีวีสีช่อง 3
ที่มา ไทยรัฐ