อ่านละคร นางบาป ตอนที่ 3 วันที่ 7 ส.ค.61
“ก็สปีกเกอร์ตัวนั้นมันมีป้ายบริษัทเก่าที่พี่เดือนเขาเคยทำติดอยู่น่ะครับ” บอลเฉลยข้อข้องใจ รินไม่เข้าใจเดือนทำแบบนี้ไปทำไม...เดือนให้เหตุผลกับวิษณุที่ต้องทำแบบนี้เพราะอยากให้ละครมีกระแส เธอไม่รู้จะทำอย่างไร ขอจัดพีอาร์ทั้งวิษณุและรินก็ไม่ให้จัด ขอถ่ายฉากแขวนคอเอาไปทำข่าวก็ไม่ให้ เธอก็รู้ว่าเขาไม่ชอบเล่นข่าวแบบนี้
“ก็พี่ณุกับพี่รินไม่เหลือทางให้เดือนเดิน เดือนผิดไปแล้วค่ะต่อไปจะไม่ทำอีกพี่ณุอย่าโกรธเดือนเลยนะคะ”
วิษณุอยากรู้ว่าเดือนเกี่ยวข้องกับนั่งร้านหักหรือเปล่า เธอยืนยันไม่รู้เรื่องอะไรด้วย เขาเข้าใจว่าเธอหวังดีดังนั้นครั้งนี้จะไม่เอาเรื่อง อย่าให้มีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นอีกก็แล้วกัน จากนั้นเขาออกมาบอกรินว่าขอพักกองครึ่งวัน ให้ทุกคนสงบสติอารมณ์ให้เรียบร้อยแล้วเจอกันตอนคิวกลางคืน ส่วนเขาขอตัวกลับโรงแรมที่พัก รินเสนอให้พวกดารากลับไปพักที่โรงแรมก่อนก็ได้ มีเพียงต้นเท่านั้นที่ขอกลับไปนอน...
แทนที่จะใช้เวลาพักทบทวนบทที่จะแสดง กิฟท์อุตริชวนคอสตูมกับทีมงานอีกสองคนไปเล่นผีถ้วยแก้วในห้องใต้ดิน อยากรู้ว่าผีมีจริงอย่างที่ตำนานร่ำลือหรือเปล่า
ooooooo
อีกมุมหนึ่งของตึกวนาเทพ ปาลเดินถ่ายรูปตึกโบราณแห่งนี้อย่างมีความสุขโดยมีพายขอถ่ายรูปคู่กับตึกสวยเป็นระยะๆ จังหวะหนึ่งเขาหันไปเห็นลุงทีมงานกำลังซ่อมนั่งร้านอยู่ บอกเธอให้รอสักครู่แล้วเข้าไปถามลุงว่าตกลงนั่งร้านเป็นอะไร ได้ความว่านอตหลุดไปหนึ่งตัวมันก็เลยถล่ม
“ผมเลยเอาตัวใหม่มาใส่ให้” ลุงชูนอตให้ปาลดู เขาคว้ามันไปดูใกล้ๆสีหน้าไม่สบายใจ...
งานเข้ากิฟท์กับพวก ผีหยดหมั่นไส้กิฟท์ที่เป็นคุณกำไลในชาติปางก่อนเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว จึงสำแดงฤทธิ์เดชทำให้แก้วบนกระดานผีถ้วยแก้วกระเด็นใส่หลอดไฟ วงแตกทันที คอสตูมกับทีมงานวิ่งหนีตายออกมาจากห้องใต้ดินได้ แต่กิฟท์ไม่โชคดีอย่างนั้น
ถูกผีหยดกักตัวไว้โดยทำให้ประตูเปิดไม่ออก เท่านั้นไม่พอ ผีหยดยังปรากฏตัวให้เห็นในสภาพหน้าเละน้ำเหลืองไหล กิฟท์กลัวจัดทั้งทุบประตูทั้งกรีดร้องให้คนช่วยแต่ประตูไม่ยอมเปิด ผีหยดตามมาหลอกอีกจนเธอต้องวิ่งไปซ่อนใต้เตียงก่อนจะสลบไปเพราะความกลัว ปาล บอลและทีมงานรู้เรื่องแผลงๆที่กิฟท์ทำไว้รีบลงมาช่วยกันงัดประตูจนเปิดออกได้
จากนั้นปาลอุ้มกิฟท์ที่หมดสติขึ้นไปไว้ที่ห้องรับรอง
พักใหญ่เธอถึงฟื้นคืนสติ พายคว้ามือมาบีบเพื่อปลอบใจ
“กิฟท์เป็นอะไรหรือเปล่าคะ พวกเราได้ยินเสียงกิฟท์กรี๊ดดังมากเลย”
นางเอกสาวทนอยู่ต่อไปไม่ไหว ตรงกลับโรงแรมที่พักเก็บข้าวของเตรียมกลับกรุงเทพฯ ต้นขอร้องเธอให้ใจเย็นๆก่อน เธอเย็นไม่ไหวจะกลับท่าเดียว รินพยายามขอร้องก็ไม่สำเร็จ วิษณุที่ตามมาสมทบถามว่าเกิดอะไรขึ้น กิฟท์ไม่มีอารมณ์จะตอบคำถามใคร ขอให้เขาจัดรถพาเธอกลับกรุงเทพฯ รินหมดความอดทน
“เลิกคิดถึงแต่ตัวเองได้ไหมคะ ทุกคนก็มีหน้าที่ของตัวเองในกองทั้งนั้นการที่คุณมีปัญหาเห็นภาพหลอนเพราะคุณไปเล่นผีถ้วยแก้ว มันใช่ความผิดที่ทั้งกองต้องมารับผิดชอบด้วย”
ผีหยดปรากฏตัวขึ้นโดยไม่มีใครเห็นมองรินอย่างชื่นชม “อีนี่ เอ็งก็กล้าไม่ใช่น้อย ฮึ...สมน้ำหน้านังกำไลกูบอกแล้วว่าจะทำให้มึงรู้จักความอับอายใครๆก็จะรังเกียจมึง”
กิฟท์ไม่สนใจใครจะว่าอย่างไรยืนยันให้วิษณุจัดรถพาเธอกลับกรุงเทพฯ เขารู้ดีว่าพูดอะไรไปกิฟท์คงไม่ฟังจึงสั่งให้รินไปบอกคนรถให้ขับรถไปส่งเธอ...
ทันทีที่ถึงกรุงเทพฯ กิฟท์ให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์กับนักข่าวว่าที่เกิดปัญหาในกองถ่ายนางบาปเป็นเพราะผู้จัดหน้าใหม่ไม่เป็นมืออาชีพ รินได้ฟังข่าวนี้ก็โกรธมากที่เธอโยนความผิดมาให้หน้าตาเฉย...
ธานีรู้เรื่องที่เกิดขึ้น ส่งพี่แหม่มมาทำหน้าที่กาวใจให้กิฟท์กับกองละคร เธอยอมกลับไปเล่นละครเรื่องนี้แต่มีข้อแม้ต้องให้รินมาขอโทษเธอก่อน พี่แหม่มจึงโทร.แจ้งข้อแม้นี้ให้วิษณุรับรู้...
เพื่อให้งานเดินหน้าต่อไปได้ รินยอมไปขอโทษกิฟท์แม้ตัวเองจะไม่ได้ทำอะไรผิดก็ตาม ต้นอาสาไปเป็นเพื่อน หากกิฟท์ไม่ฟังเธออาจจะเห็นแก่เขาบ้าง ไม่นานนัก ต้นขับรถพารินมาถึงคอนโดฯที่พักของกิฟท์ เธอโทร.บอกพี่อ๋อยผู้จัดการของกิฟท์ว่ามาถึงแล้วรออยู่ที่ล็อบบี้
กิฟท์ลงมาเห็นต้นอยู่กับรินก็ไม่พอใจที่เขาเป็นห่วงผู้จัดรายนี้ออกนอกหน้า ออกอุบายให้เขาไปส่งพี่อ๋อยที่รถ อ้างต้องการคุยกับรินตามลำพัง กิฟท์รอจนต้นไปแล้ว จึงยื่นข้อเสนอจะยอมรับคำขอโทษจากเธอก็ต่อเมื่อเธอให้สัญญาก่อนว่าจะไม่ยุ่งกับต้นอีก
“ไม่มีปัญหาค่ะ ฉันไม่ได้คิดอะไรกับคุณต้นอยู่แล้ว”
“งั้นก็ดี” กิฟท์ไม่ได้ให้รินขอโทษธรรมดาแต่ให้ live สดผ่านโลกโซเชียล รินไม่อยากมีปัญหาจึงยอมตามที่เธอต้องการ เท่านั้นไม่พอเธอยังเฟกด้วยการหอมแก้มรินโชว์อีกด้วย...
การกระทำของรินครั้งนี้ได้ใจทีมงานและนักแสดงในกองถ่าย ไม่เว้นแม้แต่วิษณุ เมื่อเคลียร์กันลงตัว กิฟท์มากองถ่ายด้วยสีหน้าร่าเริงเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ooooooo
รินหลบออกมานั่งเซ็งอยู่คนเดียว ปาลเข้ามานั่งข้างๆถามว่าทำอย่างไรกิฟท์ถึงยอมกลับมาเล่นละครให้ เธอให้เล่าให้ฟังว่ากิฟท์ขอไม่ให้เธอยุ่งกับต้น ปาลขำก๊าก ผู้จัดสาวนิ่วหน้าสงสัยไม่ได้เล่าเรื่องตลกสักหน่อยขำอะไรนักหนา เขาอยากจะบอกบางอย่างเกี่ยวกับต้นใจแทบขาดแต่ไม่กล้า จึงเสพูดไปทางอื่น
“ก็ ไม่นึกว่านางเอกจะมาอิจฉาผู้จัด แล้วผู้จัดว่าอย่างไร”
“ฉันบอกเขาฉันไม่คิดอะไรกับคุณต้นเลย”
ปาลยิ้มโล่งใจอย่างน้อยรินก็ไม่ตกเป็นเหยื่อให้ต้นหลอก แกล้งกระเซ้า ถ้าอย่างนั้นเขาก็ตัดศัตรูของเธอไปได้อีกคนหนึ่ง เหลือแต่เดือนเท่านั้น รินรำคาญถ้าต้องอธิบายให้คนทั้งโลกเข้าใจ เธอคงไม่มีเวลาทำอะไรกันพอดีที่สำคัญเธอไม่อยากคิดไม่ดีกับใครให้เสียพลังงานชีวิต ปาลท้วงคิดบ้างก็ไม่เสียหาย แล้วส่ง นอตให้ เธองงเอามาให้ดูทำไม เขาได้นอตตัวนี้มาจากลุงช่างที่บอกว่านั่งร้านถล่มเพราะนอตตัวนี้หลุดออกมา
“คุณตั้งใจจะหมายความว่าอย่างไร”
“คุณไม่คิดเหรอว่ามันบังเอิญเกินไป ถึงตอนนี้สิ่งที่ผมสงสัยว่าเรื่องที่เกิดขึ้นกับคุณมันอาจไม่ใช่อุบัติเหตุ มีเค้ามูลเกิน 50% ทีนี้คุณจะเลิกคิดว่าตัวเองเป็นซุปเปอร์วูแมนได้รึยัง”
“ฉันไปนอนดีกว่า”
เขาอาสาเดินไปส่ง เธอปฏิเสธว่าไม่ต้อง เขาตัดพ้อต้องเป็นซุปเปอร์ฮีโร่อย่างพี่ณุก่อนใช่ไหม ซุปเปอร์วูแมนอย่างเธอถึงจะยอมให้เขาปกป้อง รินน้ำท่วมปากอยากบอกว่าพี่ณุของเขาไม่ได้ชอบผู้หญิงแต่ทำไม่ได้
“วันนี้พี่ณุเขาก็ไม่เห็นปกป้องอะไรฉันเลย คุณต่างหากที่ปกป้องฉัน” รินเห็นปาลส่งยิ้มหวานมาให้ก็เขิน รีบผละออกมาแล้วนึกอะไรขึ้นมาได้ เดินกลับมาหาเขาอีกครั้ง “ขอบคุณนะ”
ooooooo
วันนี้กิฟท์ต้องเข้าฉากกับพาย ผีหยดแค้นไม่หายที่อุตส่าห์กลั่นแกล้งกำไลในคราบกิฟท์หวังจะให้โดนเล่นงาน แต่วิษณุหรือคุณพระวนาเทพกลับไม่โกรธเคืองแม้แต่น้อย คราวนี้ตนจะหลอกให้เธอจับไข้ไปเลย
ผีหยดทำอย่างที่ประกาศไว้ ใช้อิทธิฤทธิ์ทำให้กิฟท์ในบทกำไลซึ่งต้องเข้าฉากกับพายซึ่งรับบทหยาดเห็นใบหน้าของพายเละเป็นผี กิฟท์ตกใจร้องว้ายลั่น วิษณุรีบเข้าไปถามว่าเป็นอะไร ตกใจอะไร
“คือเมื่อกี้ กิฟท์เห็น...” กิฟท์จะบอกว่าเห็นพายหน้าเละเป็นผี ครั้นมองไปอีกทีกลับเห็นใบหน้าเธอปกติ คิดว่าตัวเองหลอนไปเอง “กิฟท์คงตาฝาดไปค่ะ ขอโทษด้วยค่ะ กิฟท์ขออีกเทกนะคะ”...
เริ่มถ่ายทำใหม่ กิฟท์ยังคงเห็นพายใบหน้าเละเป็นผีเหมือนเดิม แม้จะกลัวแทบตายแต่ด้วยสปิริตแรงกล้า เธอข่มความกลัวเล่นฉากนี้จนจบ แล้วเดินก้มหน้างุดออกไปไม่สนใจใครทั้งนั้น ผีหยดมองตามอริข้ามชาติข้ามภพไปอย่างนึกสนุก ผีหยาดเข้ามาต่อว่าว่าไปทำอะไรกับใครไว้อีก ตนแค่แกล้งนังกำไลนิดๆหน่อยๆเท่านั้น
“พี่ทำอย่างนั้นทำไม คุณกำไลท่านไม่เคยคิดร้ายกับพี่เลยนะ”
“เอ็งอย่ามาแหล ไม่ใช่เพราะมันหรอกรึ ชีวิตข้าถึงได้เป็นเยี่ยงนี้ ไม่ใช่เพราะมันรึที่แย่งความเป็นคุณหยดไปจากข้า” ผีหยดขบกรามแน่นด้วยความแค้น พลันภาพในอดีตผุดขึ้นมาในความทรงจำของผีหยด ตอนนั้นเธอมาซุ่มดูคุณกำไลที่กำลังเดินเล่นในสวนกับนางสาย มองผ้ายกผืนใหม่ที่คุณกำไลนุ่งไม่วางตา
“ตอนเห็นผ้ายกผืนนี้ที่เจ้าสัวส่งให้คุณหนู บ่าวก็ว่าสวยแล้วนะเจ้าคะ แต่พอคุณหนูนุ่งแล้วสวยกว่าเดิมอีกเจ้าค่ะ”คำพูดชื่นชมคุณกำไลของนางสายยิ่งทำให้หยดแค้นและริษยาเธอมากขึ้นเป็นเท่าทวีคูณคิดหาทางเอาผ้าผืนนี้มาเป็นของตัวเองให้ได้ และแล้ววันหนึ่ง เธอสบโอกาสเหมาะ เห็นคุณกำไลวางผ้ายกผืนนั้นไว้ข้างตัว หยดแกล้งทำน้ำอบหกรดผ้ายก ทำทีตกใจรีบก้มกราบ
“ขอโทษเจ้าค่ะคุณหนู บ่าวไม่ดีเอง อย่าลงโทษบ่าวเลยนะเจ้าคะ”
“มิใช่เรื่องใหญ่อันใดดอก เจ้าเพียงเอาไปซักใหม่มาให้ข้าได้รึไม่ หากเจ้าคุณพ่อรู้ว่าผ้ายกผืนใหม่มีรอยเสีย ข้าแลเจ้าจักโดนเอ็ดเอาทั้งคู่เสียกระมัง”
“เดี๋ยวบ่าวจะรีบเอาไปซักให้นะเจ้าคะ” หยดคว้าผ้าออกไปแต่ไม่ได้เอาไปซักกลับเอาไปนุ่งเสียเอง
ooooooo
ระหว่างที่หยดนุ่งผ้ายกผืนสวยส่องกระจกดูความงามของตัวเอง คุณกำไลเปิดประตูเข้ามาเห็นก็ตกใจ ปรี่ไปยื้อแย่งคืน ต่อว่าว่าทำไมเอาผ้ายกของตนมานุ่ง หยดปัดมือเธอออก
“...ทุกอย่างมันควรจะเป็นของข้า ไม่ใช่แค่ผ้ายกผืนนี้ ความรักความนับหน้าถือตาที่เอ็งแย่งไปจากข้าทั้งหมด ถ้าไม่มีเอ็งอีนังคุณกำไล ข้าก็ไม่ต้องเป็นทาสอย่างทุกวันนี้”
นายแม่เปิดประตูห้องเข้ามาเห็นหยดเอาผ้ายกของลูกสาวมานุ่งก็โกรธมากชี้หน้าอย่างเอาเรื่องว่าทาสอย่างเธอกล้าดีอย่างไรมาแอบลองผ้ายกของลูกตน
สั่งให้นางสายกับบ่าวถอดผ้าออก พวกบ่าวเข้าไปรุมยื้อแย่งผ้ายกคืน แต่หยดดิ้นไม่ยอมให้ปลด สั่งห้ามมาจับต้องตัวเธอ
“ยังมีหน้ามาแข็งขืนอีกรึ ก็ให้มันรู้ไปทาสไร้ศักดิ์ศรีอย่างเจ้าจะขัดขืนได้สักกี่น้ำ ถอดผ้ายกออกมาให้จงได้ จากนั้นขับมันออกจากเรือน” นายแม่สั่งเสียงกร้าว พวกบ่าวกระชากผ้ายกออกจากตัวหยุดสำเร็จ แล้วผลักลงไปกองกับพื้นแทบเท้านายแม่ หยดแค้นมากตวาดลั่นว่าตนไม่ใช่ทาสแล้วกระชากผ้ายกชูขึ้น
“ผ้านี่ข้าไม่มีสิทธิ์นุ่งจริงรึ ข้าไม่ใช่ทาสศักดิ์ต่ำ ท่านเองก็รู้เรื่องนี้ดียิ่งกว่าใคร ข้าก็เป็นลูกสาวคุณท่านคนหนึ่งเหมือนกัน จริงรึไม่” หยดลอยหน้าท้าทาย นายแม่และพวกบ่าวตกใจที่เธอรู้เรื่องนี้ คุณกำไลได้แต่มองอึ้ง
“ข้ามีสิทธิทุกอย่าง เท่าๆกับลูกของท่าน ผ้านี่ข้าก็มีสิทธินุ่ง เรือนนี้ข้าก็มีสิทธิอยู่”
แม่นายปรี่เข้าไปตบหน้าหยด ด่าซ้ำหยาบๆคายๆ ไล่ตะเพิดไปให้พ้นจากเรือนของตน คุณกำไลสงสารหยดจับใจ ขอร้องแม่อย่าได้เอาความอะไรหยดเลย
แม่นายเห็นมันไม่สำนึกก็เลยเล่นงานอย่างหนัก
“ดี...ดียิ่ง เอ็งอยากเป็นคุณหนูใช่ไหมอีหยด อยากมียศมีศักดิ์เหมือนลูกข้า...งั้นจงใช้ชีวิตเอ็งทั้งชีวิตคอยรับใช้ คอยดูสิ่งที่เอ็งอยากได้แต่ไม่มีวันได้ไปเถิด ต่อไปนี้เอ็งจักเป็นแค่ทาสชั้นต่ำ อยู่ได้ก็แต่ในเรือนบ่าว ห้ามขึ้นมารับใช้นายบนเรือนใหญ่อีกเป็นอันขาด ถ้าข้ารู้ว่าเอ็งแตะต้องลูกข้า หรือของของลูกข้าอีก เอ็งและครอบครัวทุกคนของเอ็งจะต้องถูกโบยและไสหัวออกไปจากเรือน จำเอาไว้”...
แม่เยื้อนเฆี่ยนหยดสุดแรงเกิด ปากก็ด่าว่าลูกไม่รักดีไปด้วยที่ไม่รู้จักเจียมตัว ไปพูดจาแบบนั้นกับนายแม่ได้อย่างไร หยดยืนยันว่าตัวเองพูดเรื่องจริง
ตนเป็นลูกคุณท่านทำไมต้องทนเป็นทาส ไม่ว่าแม่เยื้อนจะเฆี่ยนตีอย่างไรให้เลิกคิดแบบนี้ เธอก็ยังคงยืนกรานคำเดิมว่าตัวเองไม่ใช่ลูกทาส
“ถ้าเอ็งยังไม่สำนึก ก็อยู่ในห้องใต้ดินนี่ต่อไปเถอะ” แม่เยื้อนเดินจากไปทั้งน้ำตา หยดพยายามกระแทกประตูห้องใต้ดินให้เปิดแต่มันล็อกแน่นหนา...
ด้วยความช้ำใจที่ได้สามีเจ้าชู้ มักมากในกามไม่เคยหยุดใจที่หญิงใดเพียงคนเดียว แม่นายจึงสอนคุณกำไลว่าหากวันใดมีคนมาพร่ำคำรักให้ฟัง ก่อนจะเชื่อคำพูดของเขาหรือปักใจรักเขา จงตรองให้ดีเสียก่อน
“อย่ามอบให้เขาไปทั้งดวงใจแล้วต้องมานั่งน้ำตาตกอย่างแม่เข้าใจรึไม่”
“เข้าใจแล้วเจ้าค่ะ ลูกจักมิปักใจเชื่อคำรักชายใดง่ายดายจนยอมเสียน้ำตาอย่างคุณแม่เป็นอันขาด”...
อ่านละคร นางบาป ตอนที่ 3 วันที่ 7 ส.ค.61
ละครนางบาป บทประพันธ์โดย กิ่งฉัตรละครนางบาป บทโทรทัศน์โดย จันมณี,ชื่นใจมาลี, ภัณฑ์ณัฐ วงศ์วัชรกมล
ละครนางบาป กำกับการแสดงโดย วีระชัย รุ่งเรือง
ละครนางบาป ผลิตโดย บริษัท ดวงมาลีมณีจันทร์ จำกัด
ละครนางบาป ออกอากาศทางไทยทีวีสีช่อง 3
ที่มา ไทยรัฐ