อ่านละคร นางบาป ตอนที่ 9 วันที่ 29 ส.ค.61

อ่านละคร นางบาป ตอนที่ 9 วันที่ 29 ส.ค.61

ฉากต่อมาเป็นฉากที่คุณกำไลถูกหยาดวางยา นี่เป็นอีกฉากหนึ่งที่กิฟท์กับพายแสดงได้ดี แต่อยู่ๆวิษณุหลุดเข้าไปในภวังค์ไม่สั่งให้คัตสักทีจนกิฟท์หมดบทจะเล่น บอลต้องเข้าไปกระซิบถามเขาว่าผ่านหรือเปล่า

เขาตื่นจากภวังค์สั่งคัตทันที

“บอล พี่ขอพักกินกาแฟแป๊บนะ” พูดจบวิษณุเดินลิ่วออกไป ครู่ต่อมาเขาถือแก้วกาแฟมานั่งอยู่ใต้ต้นไม้ พลันมีเสียงกรีดร้องของคุณกำไล ตามมาด้วยเสียงเอะอะ ทาสชายคนหนึ่งเอามีดพร้ามาเฉาะต้นไม้



“มึงจะมาเรียกร้องอะไรอีหยาด มึงมันนังคนบาป อีทาสใจบาป”

วิษณุจะเข้าไปห้ามทาสเหล่านั้น แต่ไม่ทัน ร่างของหยาดถูกแขวนคอห้อยต่องแต่ง วิษณุเหมือนถูกดึงดูดกลับไปยังเหตุการณ์ในชาติที่แล้ว คุณพระวนาเทพวิ่งมาที่เรือนเห็นคุณกำไลที่ถูกวางยาพิษกำลังจะสิ้นใจ ปราดเข้าไปประคองไว้ กวาดตามองไปรอบๆใจแทบขาดเมื่อเห็นคุณแดงกับคุณวาดนอนตายอยู่ไม่ห่าง เขาปลอบให้เธอเข้มแข็งไว้ หมอกำลังมา เธอจะต้องไม่เป็นอะไร

“น้องทรมานมานานเหลือเกินกับวาจาที่พี่เคยให้สัญญาจะรักเพียงน้องคนเดียว ไม่เหลียวแลหญิงอื่น แต่คุณพระก็ผิดสัญญาซ้ำแล้วซ้ำเล่า นับจากนี้ขอให้เราสิ้นสุดต่อกัน อย่าเหลือแม้แต่รอยอาลัย น้องจักไม่จดจำชีวิตและความรักที่เคยมอบให้คุณพี่อีก แม้นชาติหน้ามีจริง น้องขอเกิดมาไม่รู้จักความรัก ไม่มอบความรักให้ใคร มากกว่าตัวเอง เพราะน้องได้รับรู้ความเจ็บปวดของมันในชาตินี้อย่างแสนสาหัสแล้ว”

“กำไลพี่ขอโทษ พี่ผิดเอง แม้นเจ้าจักให้พี่ทำอันใด พี่จะยอมทุกอย่างให้สมกับที่ทำเจ้าเจ็บ”

“ขอให้เราสิ้นรัก สิ้นสุขสิ้นทุกข์ สิ้นวาสนาต่อกันเสียที หากชาติหน้ามีจริง น้องขอให้พี่ไม่สามารถที่จะรักหญิงใดอีกเลย” พูดไปเลือดทะลักออกจากปากจากจมูกคุณกำไลจากนั้นก็สิ้นใจ คุณพระวนาเทพใจสลายที่ต้องเสีย ทั้งเมียและลูกอีกสามคนในคราวเดียวกัน

ooooooo

คำสาปแช่งของคุณกำไลดังก้องในหูวิษณุ แม้จะตื่นจากภวังค์แล้ว เขาตระหนักแล้วว่าทำไมตัวเองถึงมีปัญหากับผู้หญิงไม่ว่าจะเป็นฝน ริน หรือแม้แต่เดือน ทั้งที่พวกเธอรักเขาหมดใจ เป็นเพราะคำสาปแช่งของคุณกำไลนี่เอง คิดได้ดังนั้น เขารีบเขียนบทเพิ่มให้เหมือนกับเรื่องจริงแล้วกลับไปที่ฉาก ยื่นบทที่เขียนเพิ่มให้กิฟท์

“กิฟท์ครับเดี๋ยวกิฟท์พูดไลน์นี้นิดนึงนะครับ”

“อ้าว ฉากนี้กิฟท์แค่นอนตายไม่ใช่เหรอคะ”

“พี่มีเพิ่มคำสาปตามที่กิฟท์แนะนำไปน่ะครับ” วิษณุโกหกเนียนๆ ต้นที่ยืนฟังอยู่ด้วยตั้งข้อสังเกต ถ้ามีเพิ่มคำสาปคุณพระวนาเทพคงต้องรู้สึกผิดมากใช่ไหม วิษณุพยักหน้า

“ใช่ เราเสียทุกอย่าง เสียเมียรักเสียลูกสาวทั้งสองคนและลูกชายในท้อง ทั้งหมดเราเป็นคนทำด้วยมือตัวเอง เพราะเราผิดสัญญาที่ให้ไว้กับเขา”

“พี่ณุเล่นใหญ่เป็นพระวนาเทพซะเองเลยนะคะ” กิฟท์กระเซ้า...

ปล่อยให้กิฟท์กับต้นทำความเข้าใจกับบทที่เพิ่งเขียนเพิ่มสักพัก วิษณุเริ่มถ่ายทำต่อไปโดยเริ่มจากคุณพระวนาเทพขึ้นมาบนเรือนเจอคุณกำไลที่กำลังจะตาย ปราดเข้าไปประคองไว้

“ชาติหน้ามีจริง น้องขอเกิดมาไม่รู้จักความรัก ไม่มอบความรักให้ใคร มากกว่าตัวเอง”

คำสาปแช่งของคุณกำไลดังก้องในหูวิษณุ แม้จะตื่นจากภวังค์แล้ว เขาตระหนักแล้วว่าทำไมตัวเองถึงมีปัญหากับผู้หญิงไม่ว่าจะเป็นฝน ริน หรือแม้แต่เดือน ทั้งที่พวกเธอรักเขาหมดใจ เป็นเพราะคำสาปแช่งของคุณกำไลนี่เอง คิดได้ดังนั้น เขารีบเขียนบทเพิ่มให้เหมือนกับเรื่องจริงแล้วกลับไปที่ฉาก ยื่นบทที่เขียนเพิ่มให้กิฟท์

“กิฟท์ครับเดี๋ยวกิฟท์พูดไลน์นี้นิดนึงนะครับ”

“อ้าว ฉากนี้กิฟท์แค่นอนตายไม่ใช่เหรอคะ”

“พี่มีเพิ่มคำสาปตามที่กิฟท์แนะนำไปน่ะครับ” วิษณุโกหกเนียนๆ ต้นที่ยืนฟังอยู่ด้วยตั้งข้อสังเกต ถ้ามีเพิ่มคำสาปคุณพระวนาเทพคงต้องรู้สึกผิดมากใช่ไหม วิษณุพยักหน้า

“ใช่ เราเสียทุกอย่าง เสียเมียรักเสียลูกสาวทั้งสองคนและลูกชายในท้อง ทั้งหมดเราเป็นคนทำด้วยมือตัวเอง เพราะเราผิดสัญญาที่ให้ไว้กับเขา”

“พี่ณุเล่นใหญ่เป็นพระวนาเทพซะเองเลยนะคะ” กิฟท์กระเซ้า...

ปล่อยให้กิฟท์กับต้นทำความเข้าใจกับบทที่เพิ่งเขียนเพิ่มสักพัก วิษณุเริ่มถ่ายทำต่อไปโดยเริ่มจาก

คุณพระวนาเทพขึ้นมาบนเรือนเจอคุณกำไลที่กำลังจะตาย ปราดเข้าไปประคองไว้

“ชาติหน้ามีจริง น้องขอเกิดมาไม่รู้จักความรัก ไม่มอบความรักให้ใคร มากกว่าตัวเอง”

“กำไลพี่ขอโทษ กลับมาหาพี่เถิดหนา จักให้พี่ทำอย่างไรเพื่อไถ่โทษ ทุกอย่างเป็นความผิดของพี่ที่ทำให้ชีวิตกำไลต้องเป็นเยี่ยงนี้”

“ชาติหน้าน้องขอให้พี่ไม่พานพบรักที่สมหวัง ไม่สามารถที่จะรักหญิงใดอีกเลย”

หมดบทพูดทั้งของกิฟท์และต้น วิษณุกลับใจลอยอินไปกับฉากตรงหน้าไม่สั่งคัตสักที บอลก็เลยต้องสั่งคัตเสียเอง วิษณุลุกออกไปจากหน้าจอมอนิเตอร์ทันที...

ในเวลาเดียวกัน ยุพดีขับรถมาตามทางใกล้ถึงกองถ่ายแล้ว เดือนรีบโทร.แจ้งนักข่าวว่าอีกสิบนาทีจะถึงปรากฏว่านักข่าวไม่รอจะกลับกันแล้ว

“ขอโทษด้วยนะคะที่ไม่ได้อยู่ต้อนรับ ค่ะเดี๋ยวมีอะไรเดือนส่งข่าวอีกทีนะคะ” เดือนวางสายแล้วหันมองแม่ “เดือนไปไม่ทันนักข่าวแล้วล่ะแม่”

“ไม่เป็นไรหรอก ก็ตามไปดูงานที่เหลือแล้วกัน” ยุพดีขับรถต่อไปผ่านวัดบางบาปเห็นวิษณุขับรถเลี้ยวเข้าไปก็ร้องเอะอะพลางชี้ชวนให้ลูกดูเขา สงสัยจะแวะมาคุยกับหลวงพ่อ ยุพดีชวนไปหาเขาก่อนไหม

“เอ่อ เดี๋ยวก่อนดีกว่าค่ะแม่ เดือนขอไปเคลียร์งานก่อน เดือนยังไม่พร้อมเจอพี่ณุน่ะค่ะ”...

ด้านวิษณุยืนตีระฆังในวัดด้วยความเครียดเหมือนไม่อยากยอมรับความจริงที่คำสาปของคุณกำไลส่งผลกับความรักของตัวเองในชาตินี้

ooooooo

ระหว่างที่รินนั่งกินข้าวเที่ยงกับบอล พายเข้ามานั่งข้างๆ ขอโทษเรื่องข่าว ทั้งหมดเป็นฝีมือเธอเอง เธอก็ไม่รู้ว่าทำไมถึงทำแบบนั้น ตอนนั้นเธอรู้สึกเสียใจน้อยใจที่พี่ปาลชอบพี่ริน

“แต่ดูสิคะทั้งๆที่พายทำเรื่องแย่ๆแบบนั้น พี่รินกับพี่ปาลไม่มีใครให้ร้ายพายเลย พายนี่แย่จริงๆนะคะ”

“ไม่หรอกค่ะ อย่าคิดมากเลย เรื่องมันผ่านไปแล้ว รินก็ไม่ได้โกรธอะไรพายด้วย”

“พายสัญญา พายจะไม่ทำอะไรไร้สติแบบนั้นอีกแล้ว ส่วนเรื่องพี่ปาล...พายก็ยังทำใจไม่ได้หรอกนะ แต่พายอายและพายก็คิดว่าพายไม่เหมาะกับคนดีอย่างพี่ปาลเขา คนที่เหมาะกับพี่ปาลก็คือพี่ริน”

“ไม่หรอกค่ะพาย รินกับปาลก็เป็นแค่เพื่อนกันไม่มีอะไร”

“พี่รินไม่ต้องพยายามทำให้พายสบายใจอะไรแล้วค่ะ” สองสาวยิ้มให้กันอย่างฉันมิตร...

ในเวลาต่อมาขณะที่เดือนกับยุพดีกำลังขนของลงจากรถ รินเดินผ่านมาพอดี ยุพดีหันมาเห็นก็ร้องทัก เธอทักสองแม่ลูกตอบ โดยที่เดือนเงยหน้าจากถือของมองรินและยิ้มให้อย่างเป็นมิตร เธอประหลาดใจมาก

“เอ่อ เรื่องที่ทิ้งกองไปแม่ต้องขอโทษด้วยนะจ๊ะ”

“แม่จะขอโทษทำไม แม่ไม่ใช่คนที่ทิ้งกอง เดือนต่างหาก ขอโทษด้วยนะคะรินสำหรับทุกอย่าง”

“ช่างมันเถอะค่ะ เดือนอย่าคิดมากเลย รินขอไป เคลียร์กับสวัสดิการแป๊บนะคะ”

ยุพดีชวนเดือนให้เอาอาหารไปให้กิฟท์ด้วยกันแล้วผละจากรินไปหากิฟท์ที่ยืนเช็กเฟรมอยู่ เธอเห็นสองแม่ลูกก็ร้องทัก ดีใจที่เห็นเดือนกลับมาช่วยงานอีกครั้ง

“มื้อนี้แม่ทำน้ำพริกชาววังมาให้ด้วยนะคะ รับรองทุกคนถูกปากแน่”

กิฟท์เข้ามากอดยุพดีอย่างออดอ้อน “คุณแม่ขาถ้าปิดกล้องแล้ว กิฟท์ขอไปกินข้าวฝีมือคุณแม่บ้างนะคะ มันอร่อยมันถูกปากยังไงไม่รู้ ยังกับเคยกินมาตั้งแต่ชาติปางไหน”

“ได้สิคะคุณกิฟท์”

“แม่ขา กิฟท์บอกแล้วไงคะไม่เรียกคุณ”

เดือนเห็นในจอมอนิเตอร์เป็นฉากวางยาพิษที่เพิ่งถ่ายเสร็จ ขอดูด้วยคน เป็นฉากตอนพายในบทหยาดวางยาพิษคุณกำไล ยุพดีเห็นภาพในจอมือไม้สั่น ผีหยดปรากฏตัวขึ้น เห็นแม่เยื้อนในคราบยุพดีก็ไม่พอใจ เดินรอบแม่ตัวเองอย่างเอาเรื่อง ยุพดีรับรู้ได้ถึงความน่าสะพรึงของผีหยดมือไม้สั่นจานหล่นแตก เดือนรีบเข้ามาดู

“แม่...แม่โอเคไหม”

ยุพดีปากคอสั่น รีบก้มเก็บจาน อารามรีบร้อนเศษจานบาดมือเลือดซิบ

ooooooo

วิษณุแวะไปหาหลวงพ่อที่กำลังก่ออิฐทำแปลงสวนผักอยู่ที่ลานหลังวัด

“หลวงพ่อครับทำไมเมื่อเราเจอคำตอบที่เราตามหา เรากลับถึงไม่สบายใจขึ้นเลย”

“แล้วคำตอบนั้นมันบอกโยมว่าอย่างไร”

“มันทำให้ผมเข้าใจว่าสิ่งที่ตัวเองเป็นในวันนี้ มันมีที่มาอย่างไร ทำไมผมจึงทำร้ายผู้หญิงทุกคนในชีวิต ทำไมผมถึงเป็นในสิ่งที่ผมเองก็ไม่ได้อยากเป็น”

หลวงพ่ออธิบายว่าคนเราเข้าใจทุกอย่าง ทุกเรื่อง แต่ที่เรายังทุกข์ใจเพราะยังทำใจยอมรับความจริงไม่ได้ วิษณุโต้แต่ความจริงมันก็ยากที่จะยอมรับได้

“นั่นแหละที่เขาเรียกว่ากฎของความจริง ถ้าโยมยอมรับไม่ได้โยมก็จะต่อกำแพงในใจโยมสูงขึ้นวันละนิดจนวันหนึ่งมันก็สูงเกินกว่าที่โยมจะเอาชนะมัน แต่หากโยมค่อยๆรื้อกำแพงที่โยมเคยสร้างไว้ออกวันละนิด จิตของโยมสักวันก็ย่อมเป็นอิสระ”

“แล้วกรรมที่ผมทำไว้ในอดีตมันพอจะเปลี่ยนแปลงได้บ้างไหมครับ”

“โยมอย่าทุกข์ร้อนไปเลย กรรมที่โยมทำไว้ไม่ใช่สิ่งที่ขังวิญญาณแม่หยดไว้ดอก”

“หลวงพ่อหมายความว่ายังไงครับ”

“คำตอบที่โยมพบมันยังไม่สิ้นสุด คำตอบที่แท้จริงกำลังรอเวลาปรากฏ” คำพูดของหลวงพ่อทำให้วิษณุยิ่งสับสน...

ระหว่างที่วิษณุยังคงคุยอยู่กับหลวงพ่อ ยุพดีเดินมาสงบสติอารมณ์ใต้ต้นไม้ต้นนั้น หน้าซีดเผือดเพราะเริ่มระลึกชาติได้มากขึ้น แหงนมองขึ้นไปบนต้นไม้เพ้อออกมาเบาๆ

“หยาด ทุกอย่างเป็นความผิดของแม่เอง”

ผีหยาดปรากฏตัวขึ้นโดยที่ยุพดีมองไม่เห็นแต่สัมผัสได้ ท่านขอให้ผีหยาดอภัยให้ท่านที่ท่านทำให้เธอต้องทุกข์ทรมาน ทันใดนั้นมีเสียงผีหยดดังขึ้น “แล้วข้าล่ะ” คราวนี้ยุพดีได้ยินเสียงเต็มสองหู มองไปรอบๆ สีหน้าประหวั่นพรั่นพรึง ลมพัดกระโชกเข้ามา บันไดที่พาดกับกิ่งไม้โคลงตามแรงลม ยุพดีลุกขึ้นจะกลับเข้าข้างใน ผีหยดเคืองแค้นคิดว่าแม่ตั้งใจปลิดชีพเธอ บันดาลให้ลมพัดแรงขึ้น บันไดที่พาดอยู่ล้ม

ผีหยาดเอาตัวเองบังบันไดให้แม่แต่ไม่สามารถบังได้ บันไดล้มใส่ท่านอย่างจัง...

ปาล รินกับเดือนที่เคลียร์งานกันอยู่ได้ยินเสียงกรีดร้องของยุพดี ต่างตกใจรีบวิ่งไปยังต้นเสียง...

วิษณุยังคงถามหลวงพ่อถึงคำตอบที่ว่าจะมาถึงเมื่อไหร่ ท่านตักน้ำจะราดบนอิฐที่ท่านเพิ่งก่อเสร็จแต่ต้องชะงัก บอกกับเขาว่าเกิดเรื่องร้ายแล้ว ให้เขารีบกลับไปที่กองถ่าย เขายังไม่ทันขยับรินโทร.เข้ามือถือของเขาแจ้งข่าวร้ายเรื่องยุพดี...

ที่ใต้ต้นไม้ ยุพดีนอนหมดสติในสภาพถูกบันไดล้มฟาดที่คอ เดือนปรี่เข้าไปประคองแม่ไว้เขย่าตัวอย่างเบามือเพื่อให้ท่านรู้สึกตัว ผีหยาดเงยหน้ามองผีหยดสีหน้าเต็มไปด้วยคำถาม “บอกฉันสักคำว่าพี่มิได้ตั้งใจ”

“เอ็งจักคิดอย่างไรก็แล้วแต่เอ็ง”

จากนั้นไม่นาน ยุพดีถูกนำตัวเข้าห้องฉุกเฉิน ญาติต้องนั่งรอด้านหน้าเนื่องจากไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าข้างใน รินคอยปลอบเดือนให้ใจเย็น คุณแม่ถึงมือหมอแล้วไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง สักพักวิษณุตามมาสมทบ เดือนโผกอดเขาแน่น ขอร้องให้ช่วยแม่ของเธอด้วย วิษณุถามปาลว่าอาการของท่านเป็นอย่างไรบ้าง ได้ความว่าหมอพบมีเลือดออกในสมองต้องผ่าตัด

“พี่ณุ เดือนขอโทษ ความผิดเดือนเอง เดือนทำให้แม่เป็นอย่างนี้”

ooooooo

ปาลจอดรถหน้าโรงแรมบางบาปแล้วลงมาพร้อมริน เจอพายกำลังจะขึ้นรถพอดีถามว่าจะกลับแล้วหรือ

“ค่ะ...วันนี้หมดคิวพายแล้วน่ะค่ะ”

“งั้นเดี๋ยวรินขอตัวก่อนนะคะ” รินขยับจะไป พายรีบบอกว่าไม่มีอะไรแล้วจริงๆ ต่อจากนี้นางหยาดจะไม่รักนายปั้นอีกต่อไป ปาลขอโทษเธอด้วยหากเขาทำให้เธอเข้าใจผิด

“พี่ปาลไม่ต้องพูดแล้วค่ะ พี่ปาลทำดีที่สุดแล้ว พายไปก่อนนะคะ” พายยิ้มให้ทั้งคู่แล้วขึ้นรถขับออกไป พอพ้นสายตาคนอื่น น้ำตาเจ้ากรรมไหลอาบแก้ม...

ผีหยาดเป็นห่วงแม่เยื้อนในคราบยุพดี หายตัวจากห้องใต้ดินมาโผล่ที่ปลายเตียงคนป่วย มองแม่ที่อาการไม่ค่อยดีนักด้วยความเป็นห่วง เดินมาจับมือแม่อีกข้างหนึ่งคนละข้างกับที่เดือนจับ...

ที่มุมลับตาคนของโรงแรมบางบาป วิษณุมานั่งทอดอารมณ์อยู่ตามลำพัง ต้นเดินเข้ามาถามว่ายุพดี

เป็นอย่างไรบ้าง เขาได้รับแจ้งจากหมอว่าอาจต้องผ่าตัดสมอง ต้นเห็นสีหน้าไม่สู้ดีนักของเขาปลอบให้ใจเย็นๆ

“บางทีพี่ก็รู้สึกเหมือนพี่ไม่ไหวแล้วอ่ะต้น มันเรื่องอะไรเต็มไปหมดก็ไม่รู้”

ต้นมองไปรอบๆไม่เห็นมีใคร ทรุดตัวลงนั่งข้างๆ เอื้อมมือไปบีบมือวิษณุเอาไว้

“พี่เหนื่อยจังเลยต้น”

“อดทนอีกนิดนะครับพี่ แล้วไว้เดี๋ยวปิดกล้อง เราไปยุโรปกันสักสิบวันแบบตอนนั้นนะครับ”

“ขอพี่ดูอาการแม่เดือนก่อนนะต้น”

ต้นพยักหน้ารับคำ สองคนกุมมือกันไว้ กิฟท์เดินบ่นมาจากอีกด้านหนึ่งว่าต้นไม่รอทั้งที่บอกแล้วจะกลับโรงแรมที่พักด้วย พลันเหลือบไปเห็นต้นกับผู้ชายคนหนึ่งไม่เห็นหน้าเพราะเขายืนหันหลังให้ ทั้งคู่ยืนกุมมือกันยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ กิฟท์แทบลงไปดิ้นตายตรงนั้น

ooooooo

วิษณุเอามือมาสัมผัสกับต้นไม้ในตำนาน มองไปรอบๆเหมือนหาใครบางคน ก่อนจะเรียกผีหยาดให้ออกมาหา เงียบไม่มีเสียงใดๆ เขาตัดสินใจลงไปที่ห้องใต้ดิน ร้องเรียกหาหยาดอยู่ที่นี่หรือเปล่า

“ออกมาหาฉันหน่อยเถิด ฉันมีเรื่องที่อยากจะคุยกับเธอ” วิษณุไม่เห็นผีตนไหนออกมาขยับจะไป

ผีหยดปรากฏตัวขึ้นด้านหลังเขา พอเห็นเป็นคุณพระหน้าหมองเมื่อครู่เปลี่ยนเป็นยิ้มแย้ม “คุณพระ มาตามหาบ่าวรึเจ้าคะ”

“ถึงฉันจะไม่เห็นเธอ แต่ฉันรู้ว่าเธออยู่ที่นี่”

“จริงรึเจ้าคะ คุณพระสัมผัสได้ถึงดวงใจของบ่าวใช่รึไม่”

อ่านละคร นางบาป ตอนที่ 9 วันที่ 29 ส.ค.61

ละครนางบาป บทประพันธ์โดย กิ่งฉัตร
ละครนางบาป บทโทรทัศน์โดย จันมณี,ชื่นใจมาลี, ภัณฑ์ณัฐ วงศ์วัชรกมล
ละครนางบาป กำกับการแสดงโดย วีระชัย รุ่งเรือง
ละครนางบาป ผลิตโดย บริษัท ดวงมาลีมณีจันทร์ จำกัด
ละครนางบาป ออกอากาศทางไทยทีวีสีช่อง 3
ที่มา ไทยรัฐ