อ่านละคร นักสู้มหากาฬ ตอนที่ 20 วันที่ 1 ส.ค. 56

อ่านละคร นักสู้มหากาฬ ตอนที่ 20 วันที่ 1 ส.ค. 56

ขณะโดนทรมานอยู่ในโกดังร้าง ธิชาซึ่งถูกอัศวินชุบชีวิตขึ้นมาอีกครั้งรู้สึกผิดต่อฤทธิ์เป็นอย่างมาก เธอทำให้เขาเดือดร้อน บาดเจ็บ และอาจถึงตายถ้าเธอซึ่งอยู่ในลักษณะมนุษย์กลายพันธุ์เข่นฆ่าเขาเพราะกระหายเลือด

ด้วยความรู้สึกผิดที่ฤทธิ์ดีต่อเธอราวกับน้องสาวแท้ๆ ธิชาจึงเล่าที่มาที่ไปว่าเธอพบบารอนในช่วงเวลาที่ตัวเองมีปัญหากับชาญ จึงถูกมันชักจูงเข้าเป็นพวกพรายพิฆาตก่อนจะพาไปพบฤดีที่บ้าน มันบอกว่าผู้หญิงคนนี้จะคุ้มครองเธอ และอีกไม่นานจะมีผู้ชายชื่อโทมัสมาตามหาเธอ เขาเป็นคนของมาดามหลิว คนที่แย่งชาญไปจากเธอ คนที่ทำลายชีวิตของเธอ


ฤทธิ์อึ้งไปกับเรื่องราวทั้งหมด ขณะที่ธิชาปากคอสั่นเพื่อข่มอาการกระหายเลือดพลางเล่าบทสรุป

“มันรู้ว่าพี่จะมา มันรู้ว่าฉันจะต้องช่วยพวกมันทำลายทุกอย่างที่เป็นของมาดามหลิว”

“ช่างมันเถอะธิชา ทุกอย่างแก้ไขได้ พี่จะช่วยเธอเอง”

“ไม่ทันแล้ว มันสายไปแล้ว” ธิชาคำรามใส่ฤทธิ์ราวกับสัตว์ร้าย ลุกขึ้นเดินลากโซ่ที่ข้อเท้าตรงมาหา และเมื่อจวนตัวฤทธิ์ก็ตัดสินใจกระชากมีดที่อัศวินปักทิ้งไว้ขึ้นมาขู่เธอ

“อย่าเข้ามา”

“พวกมันพูดถูก มนุษย์ก็เป็นแค่สัตว์ที่เห็นแก่ตัว ต้องการแค่มีชีวิตอยู่ ฉันจะกินเลือดของแก ฉันจะฆ่าแก”

ฤทธิ์ถือมีดมือสั่นเทา ธิชาเดินโซเซเข้ามายืนตรงหน้าและร้องท้า

“เอาสิ ฆ่าฉันเลย ถ้าแกทำได้ ก็ลงมือเลย ทำเหมือนกับคนอื่น ทำลายฉัน...ทำลายชีวิตของฉัน”

ฤทธิ์นิ่งงันไป เขาทำร้ายธิชาไม่ลง แม้เธอมาทรุดคุกเข่าลงเบื้องหน้าและเอื้อมมือมาคว้าบ่าของเขาก่อนจะแสยะเขี้ยว

“ฉันไม่ใช่น้องสาวของแก ไม่ใช่ครอบครัวของแก ฆ่าฉันสิ ฆ่าฉัน”

“เธอคือน้องสาวของพี่...ธิชา พี่จะพิสูจน์ให้ดู” ฤทธิ์ว่าแล้วหลับตาลงในสภาพพร้อมตาย ธิชาน้ำตาไหลพรากด้วยความเจ็บปวด คำรามกรีดร้องโหยหวนก่อนดึงมีดจากมือเขามาปาดคอตัวเองจนเลือดกระเซ็น

สมุนพรายพิฆาตที่อยู่ด้านนอกรีบเข้ามาดูเหตุการณ์อย่างตื่นตะลึง เช่นเดียวกับฤทธิ์ที่ลืมตาขึ้นเห็นสภาพของธิชา

“เลือดของฉันยังเป็นสีแดง ฉันไม่ใช่สัตว์ ฉันเป็น...น้องสาวของพี่”

ฤทธิ์ช็อกไปครู่หนึ่งก่อนจะกอดศพธิชาพร้อมกับน้ำตาไหลออกมาอย่างสะเทือนใจ...

ในเวลาเดียวกันที่ร้านอาหารหรู ไอริณทานอาหารคนเดียวด้วยสีหน้าท่าทีหงุดหงิด บ่นอุบถึงเพื่อนรัก “เหลือเกินจริงๆยัยณัฐชา เพื่อนอุตส่าห์บินข้ามน้ำข้ามทะเลมาหา มัวแต่ทำงานอยู่ได้”

เสียงฟ้าแลบฟ้าร้องดังครืนๆ ไอริณมองไปนอกกระจกอย่างหวาดหวั่น

“ท่าทางฝนจะตกหนักซะด้วย คืนนี้จะไปค้างที่ไหนดีเนี่ย” บ่นเสร็จหันกลับมา แล้วต้องชะงักไปอย่างตะลึงตะไลเมื่อเห็นผู้หญิงคนหนึ่งนั่งอยู่ตรงหน้าเธอ!

ส่วนที่บริษัทบลูฟินิกซ์ อัศวินเพิ่งได้สติหลังจากโดนทำร้ายจนบอบช้ำไปทั้งร่าง โดยมีณัฐชากับลิซ่าพยายามเค้นความจริงว่าเขาเอาโทมัสไปไว้ที่ไหน

“ว่าไงไอ้มนุษย์กลายพันธุ์ รู้สึกตัวแล้วเหรอ”

“ถ้าแกยังไม่อยากตายก็บอกมาเดี๋ยวนี้ว่าคุณโทมัสอยู่ที่ไหน”

“ฉันไม่รู้ ฉันจำไม่ได้”

จ่าสมพรเฝ้ามองอยู่เงียบๆ ลิซ่าตัดสินใจหยิบเข็มฉีดยาออกมาอีก

“ฟังฉันให้ดีนะ คราวนี้ที่ฉันจะฉีดให้แกไม่ใช่ไซยาไนต์ แต่เป็นไวรัสพรายพิฆาต ถ้าแกโดนเข้าไปเมื่อไหร่ แกจบแน่”

“อย่าใจร้ายนักสิคนสวย ฉันยอมเธอก็ได้ ตอนนี้นายโทมัสอยู่ที่โกดังร้าง”

“ที่ไหน” ณัฐชาเสียงกร้าว

“ที่เดิมที่แกเคยไป แล้วไม่คิดว่าฉันจะย้อนกลับไปอีก”

“ดูแลทางนี้ด้วยนะคุณลิซ่า ฉันจะรีบไปช่วยคุณโทมัส”

“เดี๋ยวครับผู้กอง ทางนี้ให้ผมจัดการเองดีกว่า ให้คุณลิซ่าไปกับผู้กองเถอะครับ”

“อ้าว ทำไมล่ะจ่า”

“พวกพรายพิฆาตมันล้ำสมัยกว่าพวกเรา ผมคิดว่าคุณลิซ่าน่าจะช่วยผู้กองได้มากกว่าผม ส่วนเรื่องกองหนุนเดี๋ยวผมโทร.ตามให้เองครับ”

“ก็จริงนะผู้กอง คุณโทมัสยิ่งไม่สบายอยู่ด้วย ฉันจะเตรียมยาไปรักษาเขา”

“ถ้างั้นคอยเฝ้าให้ดีนะจ่า ครบสองชั่วโมงเมื่อไหร่รีบฉีดไซยาไนต์ให้มัน”

“ครับผู้กอง”

สองสาวผละไปอย่างเร่งรีบ ณัฐชาทำหน้าที่ขับรถพลางเหลือบมองลิซ่าที่ดูเคร่งเครียดอย่างเห็นได้ชัด

“ไม่ต้องห่วงนะคุณลิซ่า ป่านนี้พวกตำรวจคงรออยู่ที่นั่นแล้ว ถ้าเราไปถึงเมื่อไหร่คุณโทมัสจะต้องปลอดภัย”

“ฉันเป็นห่วงเรื่องอาการป่วยของเขามากกว่า เขาไม่ได้ฉีดยาต้านไวรัสมา 24 ชั่วโมงแล้ว ในร่างกายของเขาตอนนี้คงมีไวรัสแพร่กระจายเต็มไปหมด ถึงฉีดยาต้านให้เขาก็ไร้ประโยชน์ ที่แย่กว่านั้นเราไม่มีน้ำตามัจจุราช จะให้โทมัสกลายพันธุ์อีกรอบเพื่อสู้กับไวรัสเหมือนคราวก่อนคงเป็นไปไม่ได้ ความหวังสุดท้ายก็คือฉีดวัคซีนต้านไวรัส ซึ่งยังไม่เคยทดลองกับมนุษย์มาก่อน”

“เธอคิดว่าจะได้ผลรึเปล่า”

“มีความหวังไม่ถึงห้าเปอร์เซ็นต์”

ณัฐชานิ่งอึ้ง ทันใดนั้นเองเสียงโทรศัพท์มือถือของเธอดังขึ้น...หลังรับสายจากไอริณ ณัฐชากับลิซ่าก็มุ่งหน้าไปพบเธอที่ร้านอาหารด้วยท่าทีหงุดหงิด

“ไอริณ พวกเรากำลังรีบอยู่นะ เธอตามให้ฉันมาที่นี่ทำไม”

“พวกเธอเห็นอย่างที่ฉันเห็นรึเปล่า”

ลิซ่ากับณัฐชาเห็นหญิงสาวที่นั่งอยู่ตรงหน้าไอริณแล้วพากันชะงักกึก เพราะรูปร่างหน้าตาเธอคือใจทิพย์ชัดๆ แต่ลิซ่าบอกว่าไม่ใช่ มันคือพรายพิฆาตต่างหาก

“ยินดีที่ได้เจอกันอีกครั้งณัฐชา...นั่งสิ” พราย-พิฆาตในร่างใจทิพย์เอ่ยปากเชื้อเชิญ

หลังจากลังเลกันอยู่ครู่หนึ่ง สองสาวก็ตัดสินใจนั่งลงเผชิญหน้ากับพรายพิฆาต โดยมีไอริณนั่งสีหน้าหวาดหวั่นอยู่ก่อนแล้ว เธอถามณัฐชาว่าตกลงผู้หญิงคนนี้คือใจทิพย์หรือพรายพิฆาตกันแน่

“ฉันเผาศพใจทิพย์ไปแล้ว แกเอาร่างของเขามาได้ยังไง” ณัฐชาเสียงแข็งใส่พรายพิฆาต

“ทุกอย่างก็เป็นแค่พลังงานคุณตำรวจ ทุกอย่างที่คุณเห็นไม่ได้มีอยู่จริง แต่เป็นการรวมตัวกันของพลังงานในรูปแบบต่างๆ”

“แล้วทำไมต้องเป็นร่างของใจทิพย์”

“เพราะใจทิพย์คือผู้หญิงที่ฤทธิ์ ราวี ต้องการมากที่สุด เหมือนกับฉันที่อาจจะเป็นในอนาคต”

“ฝันไปเถอะ” ลิซ่ากระแทกเสียง

“ระวังปากด้วย นังเด็กหลอดแก้ว เชื่อไหมว่าฉันหักคอแกได้โดยไม่ต้องขยับตัวเลยด้วยซ้ำ”

ลิซ่าฮึดฮัดแต่ณัฐชากดบ่าเธอไว้เป็นเชิงเตือนก่อนจะถามพรายพิฆาตต่อไป “บอกมาสิว่าเธอต้องการอะไร”

“ฉันรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับฤทธิ์ ราวี ไม่ใช่แค่รู้ว่าเขาอยู่ที่ไหน แต่รู้ด้วยว่าเขาจะตายยังไง”

“ฝีมือของพวกแก?”

“อัศวินเป็นคนละโมบ เรื่องที่เขาทำฉันไม่เกี่ยว ฉันรักษาสัญญาที่ให้ไว้เสมอ สามปีนี้ฉันจะยุติการเคลื่อนไหว”

“ถ้างั้นคุณก็ควรพิสูจน์ด้วยการช่วยพวกเรา”

พรายพิฆาตจิบไวน์อย่างใจเย็น “ทำไมฉันต้องช่วยศัตรูของฉัน บอกเหตุผลหน่อยได้มั้ย”

“คุณให้เวลาโทมัสสามปีเพื่อเปลี่ยนโลกใบนี้ให้ดีขึ้น เพื่อที่ยุติการล้างโลกของคุณ มันยังไม่ถึงเวลาที่เขาต้องตาย”

“อัศวินเป็นลูกน้องของฉัน ถึงเขาจะมีแผนร้ายแต่ก็ไม่ได้ลงมือเหมือนกรณ์ ถ้าฉันช่วยพวกเธอฆ่าเขา แล้วต่อไปจะปกครองลูกน้องได้เหรอ”

ลิซ่าฉุนขาดลุกขึ้นตบโต๊ะดังปัง “เลิกพล่ามซะที ตกลงจะเอายังไงกันแน่ เธอให้เรามาที่นี่ทำไม”

คนในร้านชะเง้อมองมาอย่างแปลกใจ พรายพิฆาตไม่พอใจถลึงตาใส่ลิซ่าแล้วใช้พลังจิตบังคับให้เธอนั่งลง...

ลิซ่าสู้แรงได้ไม่นานก็จำต้องนั่ง พร้อมก่นด่าว่านังปีศาจ

พรายพิฆาตยิ้มกริ่มก่อนจะเลื่อนแก้วไวน์ของตนมาตรงหน้าณัฐชา บอกให้ดื่มซะ

“ทำไมฉันต้องดื่ม”

“เพราะถ้าไม่ดื่ม เธอจะต้องเสียใจไปตลอดชีวิต ฉันช่วยเธอได้แค่นี้ณัฐชา” พูดจบก็ลุกขึ้นเดินจากไปอย่างใจเย็น ณัฐชาเหลือบมองแก้วไวน์ด้วยท่าทีลังเล

“อย่าดื่มนะณัฐชา ในแก้วอาจมียาพิษก็ได้” ไอริณคัดค้าน แต่ณัฐชาบอกว่า “ฉันเห็นเขาดื่ม”

“ไร้สาระน่าณัฐชา เขาก็แค่หลอกเธอเท่านั้นเอง” ลิซ่าพูดโพล่ง ขณะที่ณัฐชายังคงมองแก้วไวน์อย่างครุ่นคิด

ooooooo

ที่บลูฟินิกซ์...อัศวินยังไม่สิ้นฤทธิ์ เขาต่อปาก ต่อคำกับจ่าสมพรแถมยังทำกร่างไม่เกรงกลัวจนมาดามหลิวต้องกันจ่าออกห่าง แต่อัศวินก็ยังไม่หยุดพล่าม ปากกล้าท้าทายจนอีกฝ่ายทนไม่ไหว

“เพราะแกมันขี้ขลาดแบบนี้ไง ลูกเมียถึงต้องตาย อย่างน่าสังเวช ถามจริงๆ ตอนที่ลูกแกถูกฆ่า แกทำอะไรอยู่วะไอ้แก่”

“กูจะฆ่ามึง!” จ่าสมพรปรี่เข้าไปชกอัศวินที่โดนมัดอยู่กับเตียงแล้วกระทืบมันไม่ยั้ง “ไอ้พวกพรายพิฆาต มึงฆ่าลูกเมียกู มึงอย่าอยู่เลย”

“จ่าสมพร หยุดซะที” มาดามหลิวร้องห้าม

จังหวะนั้นเอง อัศวินตะปบข้อเท้าจ่าสมพรแล้วกระชากจนล้มทั้งยืน จ่าขยับจะชักปืนแต่ก็ช้าเกินไป เมื่ออัศวินพลิกตัวคว้าเก้าอี้ฟาดใส่จนหัวแตก ปืนกระเด็นหลุดจากมือ

จ่าสมพรโดนอัศวินตบซ้ำด้วยด้ามปืนจนเลือดสาดแล้วเหวี่ยงตัวไปกระแทกผนังอย่างแรง “ไอ้โง่ ไซยาไนต์มันกดได้แค่พลังพิเศษโว้ย ฉันยังมีแรงอยู่เข้าใจรึยัง ไอ้แก่งี่เง่า” ด่าเสร็จมันจ่อปืนที่หัวใจของจ่า “คิดถึงลูกเมียนักใช่มั้ย ได้เลย..เดี๋ยวจะตีตั๋วให้”

“อัศวิน ฉันขอเถอะ ปล่อยเขาไปซะ”

อัศวินมองหน้ามาดามหลิวแต่นิ้วเหนี่ยวไกเปรี้ยง ร่างจ่าสมพรผงะจะร่วงแต่มันยังไม่ปล่อยมือ “ขอชาร์จ พลังหน่อยนะจ่า” ว่าแล้วมันอ้าปากกัดคอจ่าสมพรเพื่อดื่มกินเลือด

หลังจากจัดการจ่าสมพรจนตายทั้งเป็นแล้ว อัศวินก็ใช้โทรศัพท์มือถือของจ่าโทร.ไปที่กองปราบ

“ฮัลโหล...นี่จ่าสมพรพูด เรื่องกำลังเสริมที่ติดต่อไปเราไม่ต้องการแล้ว ผู้กองณัฐชาสั่งยกเลิกแผน ทั้งหมดเป็นการเข้าใจผิด”

มาดามหลิวทำอะไรไม่ได้ นอกจากเฝ้ามองอัศวินดูด้วยความแค้น

“ไม่ต้องห่วงนะมาดาม ไวรัสที่ผมปล่อยเข้าระบบคุณจะทำให้ทุกอย่างเป็นอัมพาตชั่วคราว รวมทั้งโปรแกรมของคุณด้วย”

“ผู้กองณัฐชาต้องรู้แน่ว่าเกิดอะไรขึ้น”

“กว่าจะรู้ก็สายไปแล้วมาดาม”

มาดามหลิวมองอัศวินอย่างแค้นใจก่อนจะหลับตาลง พริบตาเดียวไฟฟ้าทั้งหมดในอาคารก็ดับวูบ

“คิดจะ reboot ระบบงั้นเหรอ ก็ได้ ดูซิว่าใครจะเร็วกว่า” อัศวินคว้าปืนยิงคลื่นไฟฟ้ามาสะพายบ่าแล้วรีบร้อนออกไปทันที

ooooooo

ณัฐชา ลิซ่า และไอริณเดินทางมาถึงหน้าโกดังร้างแล้วแต่ยังไม่เห็นกำลังเสริมจึงจะโทร.ถามจ่าสมพร แต่แล้วก็มีสายโทร.เข้าที่มือถือณัฐชาเสียก่อน เป็นเสียงมาดามหลิวนั่นเอง เธอบอกให้รู้ว่าอัศวินฆ่าจ่าสมพร และตอนนี้มันหนีไปแล้ว

“อะไรนะ แล้วจ่าสมพรได้เรียกกำลังเสริมรึเปล่า”

“อัศวินมันซ้อนแผนเอาไว้ พวกคุณจะรอช้าไม่ได้ต้องรีบช่วยโทมัสออกมาเดี๋ยวนี้”

ขณะที่พวกณัฐชาคิดหนัก สมุนพรายพิฆาตที่อยู่ด้านในกำลังติดต่อสื่อสารกับอัศวินซึ่งอยู่ในระหว่างเดินทาง โดยเปิดเสียงให้หัวหน้าคุยกับฤทธิ์ด้วย

“ว่าไงคุณโทมัส ผมรู้ว่าคุณอยากจบเรื่องนี้เต็มที อดทนหน่อยนะไม่เกินยี่สิบนาทีผมไปถึงแน่”

“รีบมาก็ดี ฉันกำลังรอแกอยู่”

“เจ๋ง...แล้วเจอกัน” อัศวินวางสาย ขณะที่ฤทธิ์ยังจมดิ่งกับความแค้น แต่อาการป่วยเริ่มหนักหนากว่าก่อนหน้านี้...

ลิซ่าเดินนำณัฐชากับไอริณกลับมาที่รถ เธอตัดสินใจไม่รอคนมาช่วย เปิดท้ายรถให้สองสาวดูเครื่องทุ่นแรงที่พกมาเต็มพิกัด มีทั้งปืน มีด และระเบิด

“ไอริณ...เธอไปซะ ทางนี้ฉันจัดการเอง”

“มาถึงนี่แล้ว ฉันไม่ทิ้งเพื่อนหรอก รีบไปช่วยคุณโทมัสกันเถอะ”

สามสาวคว้าอาวุธครบมือ โดยเฉพาะลิซ่าที่แบกกระเป๋าใส่เครื่องกระสุนมาด้วยอีกจำนวนหนึ่ง มุ่งหน้าไปที่รังของพวกอัศวิน

เวลานั้นอัศวินกำลังขับรถมาที่นี่เช่นกัน แต่แล้วต้องแปลกใจเมื่อมีแสงสว่างปรากฏขึ้นที่เบาะหลัง เมื่อแสงจางจึงปรากฏร่างของใจทิพย์หรือพรายพิฆาต

“บารอน แกกล้าขัดคำสั่งของฉัน”

“ได้โปรดยกโทษให้ข้าด้วยท่านพรายพิฆาต ข้าทำทุกอย่างก็เพราะความภักดี”

“ภักดีหรือเพื่ออำนาจ คงมีแต่เจ้าเท่านั้นที่รู้แก่ใจ ขอเตือนไว้ก่อนนะอัศวิน ข้ามองเห็นอนาคตล่วงหน้าและรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เกมนี้เจ้ามาเป็นคนสุดท้าย แต่ทุกอย่างจะปิดฉากลงเพราะเจ้า ปิดฉากด้วยความหายนะและความตาย”

ใจทิพย์หายตัวไปในพริบตา ทิ้งให้อัศวินได้แต่ตกตะลึงก่อนจะตั้งสติแล้วบอกกับตัวเอง

“ไม่จริง ก็แค่คำขู่ มาถึงขั้นนี้แล้ว เราต้องสู้ให้ถึงที่สุด อนาคตของฉัน ฉันกำหนดเองได้ งานนี้พรายพิฆาตไม่เกี่ยว”

อัศวินเหยียบคันเร่งจนมิดมุ่งหน้าไปโกดังร้าง เป็นเวลาที่พวกณัฐชากำลังยิงต่อสู้กับสมุนพรายพิฆาต พอสมุนติดต่อมายังอัศวิน ก็ได้รับคำสั่งให้ฆ่าฤทธิ์ได้เลย ไม่ต้องรอตน เอาให้ทรมานที่สุดเท่าที่จะทำได้

สามสาวเก็บสมุนพรายพิฆาตทีละคนสองคนก่อนจะรุกคืบเข้าไปด้านในเพื่อช่วยฤทธิ์ แต่แล้วกระสุนจากสมุนพรายพิฆาตพุ่งเข้าเจาะบ่าของไอริณจนร่างสะดุ้งเฮือก ลิซ่าตาไวยิงสวนออกไปจนมันล้มลงขาดใจตายคาที่

ฤทธิ์ได้ยินเสียงปืนมาพักหนึ่งแล้ว เขาดิ้นรนจนหลุดพ้นพันธนาการ แล้วกัดฟันต่อกรกับสมุนพรายพิฆาตอย่างไม่กลัวตาย สุดท้ายก็จัดการกับพวกมันไปหลายราย ที่เหลือถึงกับตะลึงในความเก่งกาจสามารถของเขา

“แก...แกป่วยอยู่ไม่ใช่เหรอ”

“ทุกคนมีพลังเฮือกสุดท้ายสำรองไว้เสมอ ฉันก็เหมือนกัน”

เพียงไม่นาน ฤทธิ์ก็จัดการพวกมันจนราบคาบก่อนเดินโซเซประคองตัวออกไป แต่ไม่ทันไรก็หมดแรงทรุดลงนอนพังพาบกับพื้น พร้อมๆกับประตูถูกผลักเข้ามา เขาคิดว่าตัวเองต้องตายแน่ แต่คนที่บุกเข้ามากลับเป็นสามสาว

“คุณเป็นยังไงบ้าง” ณัฐชารีบประคองฤทธิ์

“ผมคงไม่รอดแล้วณัฐชา”

“คุณลิซ่า คุณมีทางช่วยเขารึเปล่า”

ลิซ่าคิดหนักก่อนจะหยิบกระเป๋าใส่วัคซีนออกมา แต่ยังไงก็ทำไม่ลง “ไม่! ฉันให้เขาเสี่ยงแบบนี้ไม่ได้”

“แล้วคุณจะปล่อยให้เขาตายเหรอลิซ่า”

“ยังมีอีกวิธีหนึ่ง เราต้องรีบพาเขากลับไปที่บลู–ฟินิกซ์ แล้วแช่แข็งร่างกายของเขาเอาไว้”

“อะไรนะ” ไอริณครางอย่างงุนงง

“ไครโอนิกส์...หยุดทุกอย่างไว้ที่อุณหภูมิ -196 องศาฯ ถ้ามีวิธีจัดการกับไวรัสเมื่อไหร่ค่อยชุบชีวิตเขาขึ้นมา”

“มันเป็นแค่ทฤษฎีนะลิซ่า ไม่มีโอกาสเป็นจริงเลยด้วยซ้ำ” ฤทธิ์ทักท้วง

“วัคซีนในมือฉันก็มีโอกาสรอดแค่ห้าเปอร์เซ็นต์ แถมถ้าไวรัสกลายพันธุ์ มันจะยิ่งรักษายากขึ้นเป็นสามเท่า คุณว่าอย่างไหนจะเสี่ยงกว่ากัน”

“ถ้างั้นเรากลับไปที่บลูฟินิกซ์ แล้วค่อยว่ากัน”

ณัฐชาสรุปโดยเร็ว ลิซ่าพยักหน้าเห็นด้วย แต่ทันใดนั้นก็มีรถคันหนึ่งแล่นมาจอดข้างนอก แสงไฟจากหน้ารถสาดส่องเข้ามา ฤทธิ์รู้ทันทีว่าอัศวินมาถึงแล้ว!

อัศวินสะพายปืนไฟฟ้าที่ฉกจากบลูฟินิกซ์เดินเข้ามาอย่างใจเย็น ผ่านศพสมุนนับสิบที่ระเกะระกะอยู่กับพื้น

“รู้ไหมว่าฉันต้องลงทุนเท่าไหร่ กว่าจะมาถึงจุดนี้ต้องวางแผนนานแค่ไหน กว่าจะชิงน้ำตามัจจุราชและยึดบริษัทของแก”

“มันจบแล้วอัศวิน เลิกบ้าซะทีเถอะ”

“ไม่หรอกคุณโทมัส มันยังไม่จบ ถ้าคุณกับสาวๆพริตตี้ของคุณตายหมด ผมก็จะสานความฝันของผมต่อไป ในฐานะคุณโทมัสหลิวคนใหม่”

ฟังมันแล้ว ลิซ่ากำปืนแน่นอย่างสุดแค้น

“อย่าเชียวนะลิซ่า ไซยาไนต์หมดฤทธิ์ไปนานแล้ว ขืนเธอขยับอีกนิดเดียว ฉันเล่นงานเธอแน่...ว่าไงผู้กอง สนใจจะแปรพักตร์รึเปล่า เชื่อผมเถอะ ไอ้ขี้โรคนั่นมันให้ความสุขคุณไม่ได้หรอก”

อ่านละคร นักสู้มหากาฬ ตอนที่ 20 วันที่ 1 ส.ค. 56

บทประพันธ์โดย : ณพุทธ สุศรีฯ
บทโทรทัศน์โดย : ณพุทธ สุศรีฯ
กำกับการแสดงโดย : ธีระศักดิ์ พรหมเงิน
ผลิตโดย : บริษัท มุมใหม่ จำกัด
วันเวลาออกอากาศ : ทุกวันศุกร์ - อาทิตย์ เวลา 20.25 น. ทางช่อง 7 สี
ที่มา ไทยรัฐ