อ่านละคร โดมทอง ตอนที่ 11 วันที่ 6 ก.ค. 56

อ่านละคร โดมทอง ตอนที่ 11 วันที่ 6 ก.ค. 56

“แกคงดีใจฉลอง 7 วัน 7 คืน เลยใช่ไหมล่ะ...แต่เสียใจด้วย เพราะคุณย่าหนังเหนียว”

วิรงรองหันไปมองเห็นยัยตัวแสบประจำบ้านยืนเท้าเอวมองอยู่ เธอไม่อยากมีเรื่อง จึงบอกอุษาว่าขอตัวกลับห้องก่อน แล้วขยับจะไป แสงแขปราดเข้าไปผลักอย่างแรง สั่งห้ามไปไหนทั้งนั้น อุษากันน้องสาวไว้ แล้วบอกให้วิรงรองกลับห้อง แสงแขไม่ยอมรามือจะตามไปเอาเรื่องให้ได้ อุษาคว้าแขนไว้ไม่ยอมปล่อย เธอไม่พอใจที่พี่สาวเข้าข้างคนอื่น ตบอุษาหน้าหันแล้วไล่ตามวิรงรอง อุษาเห็นท่าไม่ดีรีบวิ่งตาม พร้อมกับตะโกนไล่หลัง

“อย่านะ แสงแข คุณวิเธอเป็นคู่หมั้นคุณลบ ลืม แล้วหรือไง คุณลบคงไม่ยกโทษให้เธอแน่ๆ”


คำทักท้วงของอุษาได้ผล แสงแขถึงกับหยุดกึก หันมาตะคอกใส่ว่าไม่ต้องมาย้ำเตือน เท่านี้เธอก็เจ็บปวดแสนสาหัสแล้ว ยังไม่สาแก่ใจอุษาอีกหรือ ชีวิตของเธอหมดสิ้นแล้ว อุษาสงสารน้องสาวมากดึงตัวมากอดไว้ เธอกลับผลักพี่สาวออก ประกาศลั่นว่าตราบใดที่เธอยังอยู่ วิรงรองไม่มีวันได้แต่งงานกับอดิศวร์แน่นอน อุษาเห็นแววตาอาฆาตพยาบาทของน้องสาวแล้วอดหวั่นใจไม่ได้

ooooooo

วิรงรองเร่งฝีเท้ากลับห้องพักแต่ต้องชะงักเมื่อเห็นอดิศวร์ยืนคอยอยู่หน้าห้อง เขาไม่รอช้าต่อว่าเธอว่าไม่สนใจไยดีคุณย่าของเขาทั้งๆที่ตัวเองกำลังจะเป็นหลานสะใภ้ของท่าน เธอยืนกรานไม่ได้อยากเป็นและไม่คิดจะเป็นด้วยซ้ำ อดิศวร์พูดจายั่วประสาทต่างๆนานา วิรงรองไม่อยากยุ่งด้วย ขอให้เขาหลีกทางเธอจะเข้าห้อง

“ก็เข้าไปสิ ทำไมไม่เข้าล่ะ หรือว่าต้องเปิดประตูให้” อดิศวร์ว่าแล้วเปิดประตูห้องให้ แต่ไม่ขยับไปไหน วิรงรองขอร้องว่าดึกมากแล้ว เหนื่อยมาทั้งวันจึงอยากพักผ่อน เขากลับยิ้มยั่ว

“ฉันก็ไม่ได้ห้าม...อ๋อ...รู้แล้ว เธอคงจะกลัวฉัน”

“ดิฉันไม่ได้กลัว” วิรงรองรวบรวมความกล้า เดินตัวตรงเข้าห้อง จังหวะที่เดินผ่านหน้าอดิศวร์แกล้งขยับตัว เธอถึงกับสะดุ้งโหยงหันขวับไปมอง เขาทำไม่รู้ไม่ชี้ดึงประตูปิดให้ วิรงรองรีบกดล็อกพลางถอนใจโล่งอก...

การประกาศหมั้นของอดิศวร์ครั้งนี้ นอกจากจะทำให้แสงแขเป็นเดือดเป็นแค้นที่ชายในฝันหลุดมือ ยังทำให้พิชญ์หมดหวังที่กลับมาคืนดีกับวิรงรองไปโดยปริยาย ส่วนคุณหญิงแก้วออกอาการหงุดหงิด แม้การหมั้นครั้งนี้จะทำให้พิณทองหมดคู่แข่งหัวใจ แต่เธออดเสียดายแทนญาติผู้น้องไม่ได้ น่าจะได้คู่หมั้นที่เหมาะสมกว่านี้

รัฐมนตรีพจน์กลับคิดตรงกันข้าม วิรงรองไม่เห็นจะเสียหายตรงไหน ที่สำคัญเธอไม่ได้เป็นฝ่ายไล่จับใคร อดิศวร์ต่างหากที่เป็นคนประกาศการหมั้นทั้งๆที่เธอไม่ได้อยู่ด้วย คุณหญิงแก้วไม่พอใจที่สามีเข้าข้างคนอื่น

“ผมพูดความจริงลองไปถามใครๆเขาก็ต้องว่าอย่างนี้กันทั้งนั้น ถ้าไม่มีอคตินะ” รัฐมนตรีพจน์แขวะตบท้าย

ooooooo

วิรงรองอารมณ์ขุ่นมัวแต่เช้าเมื่อเปิดประตูห้องออกมาเจออดิศวร์กำลังออกจากห้องตัวเองเช่นกัน เธอชะงักเล็กน้อย ก่อนจะสาวเท้าหนี เขาตะโกนไล่หลังว่าจะรีบไปบ้านภูไทหรือ หญิงสาวเดินลิ่วไม่ยอมตอบคำถาม

อดิศวร์ไม่พอใจก้าวฉับๆตามจนทัน คว้าข้อมือเธอไว้ ถามยียวนว่ายอมรับหรือยังว่าตัวเองเป็นคู่หมั้นของเขา วิรงรองไม่ยอมรับ สั่งให้เขาปล่อยมือ อดิศวร์กลับรวบตัวเธอมากอด

“ไม่ยอมรับเพราะยังไม่มีแหวนใส่อวดใครๆใช่ไหม”

“ดิฉันไม่ต้องการแหวนบ้าบออะไรของคุณ” วิรงรองพยายามดิ้นหนี อดิศวร์ยิ่งกอดไว้แน่น ก่อนที่หญิงสาวจะถูกเอาเปรียบไปมากกว่านี้ อุไรเข้ามาขัดจังหวะเสียก่อน ช่วยให้วิรงรองเอาตัวรอดมาได้...

ยามเช้าแสนสงบเงียบที่คุ้มภูไทกลับถูกทำลายสิ้นเมื่อบัวคำเข็นรถใส่อาหารเช้าพร้อมกาแฟมาเทกระจาดที่โต๊ะสนามหน้าบ้าน ลานนาหมดความอดทนประกาศลั่นจะตัดเงินเดือนเธอฐานทำข้าวของเสียหายไม่เว้นแต่ละวัน บัวคำเห็นท่าไม่ดีรีบเบี่ยงเบนประเด็น กระซิบกระซาบกับเจ้านายทั้งสองคน

“เจ้าลานนากับเจ้าภูไทคะ ป่านนี้คุณพันธ์สูรย์ยังไม่ตื่นเลยค่ะ นอน...เงียบเชียว”

สองพี่น้องนึกเป็นห่วงพันธ์สูรย์ขึ้นมา รีบตรงไปยังห้องพักของเขา ช่วยกันทุบประตูห้องเรียก แต่ไม่มีเสียงขานตอบ ลานนายิ่งกังวลหนัก กลัวเขาจะฆ่าตัวตายเพราะอกหักเรื่องอุษา บัวคำพลอยบ้าจี้ไปด้วย

“คุณพันธ์สูรย์ๆ...ไปที่ชอบๆนะคะ ชอบที่ไหนก็ไปที่นั่น”

ภูไทกับลานนาพร้อมใจกันจ้องหน้าบัวคำอย่างเอาเรื่อง แต่ยังไม่ทันจะว่าอะไร พันธ์สูรย์เปิดประตูออกมาด้วยท่าทางงัวเงียเสียก่อน ทั้งสามคนต่างพากันโล่งใจ...

ระหว่างที่พันธ์สูรย์ ภูไท และลานนากำลังกิน มื้อเช้าด้วยกัน พันธ์สูรย์อดบ่นถึงวิรงรองด้วยความเป็นห่วงไม่ได้ ท่านผู้หญิงสรรักษ์รักและหวงอดิศวร์มาก อาจทำให้เธออาจมีอันตรายได้ ภูไทหาว่าเขาคิดมาก ผู้หญิงแก่อายุตั้ง 80 ปี อย่างท่านผู้หญิง จะไปทำอะไรหญิงสาวแข็งแรงอย่างวิรงรองได้ พันธ์สูรย์ทำเหมือนจะพูดอะไรบางอย่างแต่กลับนิ่งเงียบ ลานนาสังเกตเห็น ถามว่ามีอะไรหรือเปล่า

“ไม่มีอะไรครับ...ขอโทษด้วยที่ทำให้เป็นห่วง” พันธ์สูรย์เฉไฉแล้วก้มหน้าก้มตากินอาหารต่อไป...

ทางฝ่ายอุษาแอบไม่พอใจวิรงรองเช่นกัน เพราะคิดว่ารู้เรื่องการประกาศหมั้นเมื่อคืน จึงมีท่าทีหมางเมินเมื่อวิรงรองมาปรึกษาว่าจะกลับกรุงเทพฯ เธอรับรู้ถึงท่าทีนั้นได้ จึงถามอุษาตรงๆว่ามีอะไรไม่พอใจเธอหรือเปล่า

“เปล่าค่ะ...พี่...เอ่อ...ต้องรีบทำอาหารเช้าของคุณย่า เดี๋ยวจะต้องเอาไปให้ที่โรงพยาบาล”

“ถ้าอย่างนั้นวิขอโทษค่ะที่เข้ามารบกวน” วิรงรองตัดพ้อน้ำตาคลอเบ้าก่อนจะเดินออกจากครัว อุษาขยับจะเรียกแต่แล้วเปลี่ยนใจ...

วิรงรองเดินอย่างหงอยๆกำลังจะออกนอกตัวตึก เจอแสงแขดักรออยู่ เธอไม่มีอารมณ์จะต่อปากต่อคำด้วยจึงเดินหนี แสงแขตะโกนไล่หลังว่าออกไปแล้วไม่ต้องกลับมาอีก วิรงรองหันขวับ

“ดิฉันขอบอกให้ทราบตรงนี้เลยว่า เรื่องที่เกิดขึ้น ดิฉันไม่ได้รับรู้ด้วย”

แสงแขไม่เชื่อด่าว่าหยาบๆคายๆ วิรงรองไม่อยากฟังขยับจะเดินต่อ เธอตามมาต่อว่าอีก ก่อนเรื่องจะลุกลามใหญ่โต มีเสียงรัฐมนตรีพจน์ดังขึ้นจากด้านหลัง

“อ้าว หนูวิ...รอลุงนานแล้วหรือ ลุงขอโทษที่ลงมาช้าไปหน่อย...ไปถ่ายรูปด้วยกันไหม หนูแสงแข”

คนถูกชวนหน้าบึ้งตึงไม่พอใจที่ถูกขัดจังหวะ ปฏิเสธว่าไม่ไป แล้วเดินแยกไปอีกทางหนึ่ง วิรงรองขอบคุณรัฐมนตรีพจน์มากที่มาช่วยเอาไว้ทัน เขากลับทำไม่รู้ไม่ชี้ คะยั้นคะยอให้เธอไปถ่ายรูปเป็นเพื่อน

ooooooo

รัฐมนตรีพจน์เห็นสีหน้าเคร่งขรึมของวิรงรองแล้วอดกระเซ้าไม่ได้ว่า เป็นคู่หมั้นอดิศวร์ทั้งทีทำไมทำหน้าบอกบุญไม่รับอย่างนั้น วิรงรองน้ำตาเอ่อขึ้นมาทันที อธิบายว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อคืน เธอไม่รู้เรื่องอะไรด้วย แต่ทุกคนกลับกล่าวหาว่าเธอเป็นคนผิด รุม เกลียดชังไปหมดไม่เว้นแม้กระทั่งพี่อุษา ซึ่งเคยดีกับเธอมาตลอด

“ความจริงย่อมหนีความจริงไปไม่พ้น”

“ช่างความจริงสิคะ หนูไม่อยู่รอหรอก หนูจะกลับบ้าน”

“ใจเย็นๆน่า คุณลบเขาคงไม่ยอมให้หนูไปหรอก...”

วิรงรองไม่สนใจ เพราะอดิศวร์ไม่มีสิทธิ์อะไรมาห้าม รัฐมนตรีพจน์เห็นไม่เข้าทีรีบเปลี่ยนหัวข้อสนทนา

“...มาคุยกันเรื่องที่หนูเล่าให้ลุงฟังดีกว่า เรื่องที่หนูรู้สึกว่าตัวเองเป็นใครอีกคนที่กำลังจะลงไปหาคนที่กำลังรออยู่ ตอนนั้นหนูรู้สึกอย่างไร” รัฐมนตรีพจน์มองวิรงรองอย่างรอคำตอบ...

ในขณะที่วิรงรองเล่าถึงความฝันและเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นซ้ำๆในคืนวันเพ็ญให้รัฐมนตรีพจน์ฟัง พิณทองเข้าไปหาอดิศวร์ที่ห้องทำงาน ถามโดยไม่อ้อมค้อมว่าการประกาศหมั้นเมื่อคืนเขาทำเพื่อตัวเองหรือทำเพื่อช่วยรักษาชีวิตสมรสของเธอ อดิศวร์ตอบด้วยสีหน้ายิ้มแย้มว่าอาจเป็นทั้งสองเหตุผลก็ได้

“หมายความว่าน้าลบรักคุณวิรงรองจริงๆใช่ไหมคะ” พิณทองน้ำเสียงตื่นเต้น อดิศวร์เลี่ยงไม่ตอบคำถาม

“ดูแลพิชญ์ให้ดี น้าลบรู้ว่าเขาไม่ใช่คนไม่มีหัวใจที่จะรู้สึกรู้สมกับความดีความน่ารักของคุณพิณ”

หญิงสาวหน้าเครียดขึ้นมาทันทีตั้งใจว่ากลับจากโดมทองเมื่อไหร่จะขอหย่ากับพิชญ์ อดิศวร์ขอร้องว่าอย่ามีทิฐิกับความรัก แล้วรีบตัดบทไม่อยากให้เธอคิดมากเรื่องพิชญ์ ชวนไปเยี่ยมคุณย่าด้วยกัน

“ไปสิคะ พิณยังไม่ได้ขอบคุณท่านเรื่องงานเลี้ยงเลย”...

ไม่นานนัก อดิศวร์มาถึงห้องพักคนไข้ พยาบาลพิเศษรายงานอาการที่ดีขึ้นเป็นลำดับของท่านผู้หญิงสรรักษ์เสร็จแล้วลุกออกไปรอข้างนอก ปล่อยให้ย่าหลานได้คุยกันตามลำพัง อดิศวร์จับมือท่านมาบีบเบาๆ

“คุณย่าครับ มีคนมาเยี่ยมคุณย่าเยอะเลย คุณย่าจะอนุญาตให้เข้ามาไหมครับ”

“ไสหัวไปให้หมด รวมทั้งแกด้วย ฉันจะอยู่คนเดียว ไม่อยากเห็นหน้าใครทั้งนั้น” ท่านผู้หญิงสรรักษ์เกรี้ยวกราด แล้วตัดพ้อต่อว่า ว่าเสียแรงที่ท่านอุตส่าห์เลี้ยงดูอดิศวร์มาด้วยความรัก ไม่คิดเลยว่าเขาจะกล้าหมั้นกับศัตรูคู่อาฆาตของท่าน ผู้หญิงในโลกนี้มีตั้งมากมายทำไมเขาต้องเลือกนังพลับพลึง อดิศวร์อธิบายอย่างใจเย็นว่า คุณย่าน้อยกับวิรงรองเป็นคนละคนกัน แม้ชื่อวิรงรองจะแปลว่าดอกพลับพลึงแต่มันเป็นแค่เรื่องบังเอิญเท่านั้น

“มันจงใจต่างหาก มันจงใจจะตามมาแก้แค้นย่า”

“คุณย่าทำอะไรล่ะครับ คุณย่าน้อยถึงจะกลับมาแก้แค้น” คำถามของอดิศวร์ทำให้ท่านผู้หญิงถึงกับอึ้ง...

ทางด้านวิรงรองยิ้มได้อีกครั้งเมื่อรัฐมนตรีพจน์ฟังเรื่องราวที่เธอเล่าแล้วสรุปว่าเธอไม่ได้บ้าหรือคิดไปเอง แต่รอยยิ้มนั้นอยู่ได้ชั่วครู่ เปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมอย่างเดิม

“ระยะหลังๆมานี่มีบางอย่างที่ทำให้หนูแน่ใจว่าสิ่งที่เห็น ไม่ได้ตั้งใจจะมาหลอกหรือทำอันตรายหนู แต่เขาต้องการจะสื่ออะไรถึงใครบางคน...คุณลุงคะ คุณลุงพอจะทำให้คุณอดิศวร์เปิดห้องใต้โดมได้ไหมคะ”

รัฐมนตรีพจน์ไม่รับปากแต่จะลองดู วิรงรองสบายใจขึ้นอย่างน้อยก็ยังมีเขาที่เชื่อเรื่องประหลาดของเธอ

ooooooo

ในเวลาต่อมา รัฐมนตรีพจน์สบช่องได้อยู่ลำพังกับอดิศวร์ พูดอย่างตรงไปตรงมาว่าเขารู้สึกว่าคุณย่าทุกข์ทรมานด้วยความลับบางอย่าง ทางเดียวที่จะทำให้หลุดพ้นได้ก็คือให้ท่านยอมเผชิญหน้ากับความจริง เขาเองก็ไม่รู้ว่าความลับที่ว่าคืออะไร เป็นหน้าที่ของหลานรักอย่างอดิศวร์ต้องหว่านล้อมให้ท่านพูดออกมา

“คุณย่าไม่เหมือนคนอื่น” อดิศวร์ถอนใจ หนักใจ

“ก็ลองเริ่มจากทำบุญบ้านสิ ทำให้ทั่วบ้านเลย โดยไม่เว้นแม้แต่ห้องใต้โดม”

สีหน้าอดิศวร์เปลี่ยนไปทันที รู้แล้วว่ารัฐมนตรีพจน์ไปเอาความคิดนี้มาจากไหน รีบตัดบทขอตัวไปทำธุระแล้วจ้ำพรวดๆไปหาวิรงรองที่ห้องพัก คาดคั้นให้บอกมาว่าไปคุยอะไรกับรัฐมนตรีพจน์ เธอถึงกับอึ้งไปชั่วขณะ

“ดิฉัน...เอ่อ...แค่เล่าความฝันกับเรื่องเมื่อคืนนั้นให้คุณลุงฟัง”

“เธอไม่ควรเอาเรื่องในบ้านเราไปเล่าให้คนอื่นฟัง” อดิศวร์ตำหนิ วิรงรองสวนทันที

“กรุณาอย่าใช้คำว่าเรา เพราะดิฉันเป็นเพียงคนอาศัย ข้อสอง...คุณลุงเป็นญาติของคุณไม่ใช่คนอื่น และข้อสุดท้าย คนในบ้านนี้ไม่มีใครฟังดิฉันเลย”

“ข้อแรก เธอเป็นคู่หมั้นของฉัน ฉันจึงใช้คำว่าเราได้...ข้อสอง พี่พจน์เป็นแค่พี่เขยไม่ใช่พี่ชายแท้ๆและข้อสาม ฉันฟังเธอ แต่สิ่งที่เธอเล่ามันไม่น่าเชื่อ ถามจริงเถอะ...เธอคิดว่ามีความลับอะไรอยู่ในห้องใต้โดม”

“คุณถึงต้องไปเปิดดูไง อ้อ...แล้วเรื่อง เอ่อ...คู่หมั้นบ้าบออะไรนั่น ดิฉันไม่รู้เรื่องแล้วก็จะไม่รับด้วย”

อดิศวร์ล้วงกระเป๋าหยิบกล่องใส่แหวนออกมาแล้วเดินเข้าหา วิรงรองถอยกรูดไปติดมุมห้อง เขาคว้ามือซ้ายของเธอที่พยายามบิดหนีขึ้นมาสวมแหวนจนได้ ประกาศว่าเธอเป็นคู่หมั้นของเขาโดยสมบูรณ์แล้ว วิรงรองกระชากมือกลับ ทำท่าจะถอดแหวน เขาแกล้งขู่ถ้าคิดจะถอดมันออกจะได้เห็นดีกัน วิรงรองหยุดกึกไม่กล้าหือ

“เอาไว้ให้คุณย่าหายดีแล้ว ฉันจะลองพูดเรื่องทำบุญดู...ออกไปข้างนอกกันเถอะ” อดิศวร์พูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนแล้วคว้ามือวิรงรองที่ยังงงๆแกมประหลาดใจออกจากห้อง ตรงไปยังห้องโถงใหญ่ ผ่านหน้าแสงแขซึ่งกำลังสั่งงานโอบอยู่ ยัยตัวแสบประจำบ้านมองตามด้วยความเคียดแค้น อดิศวร์พาวิรงรองมาหยุดตรงหน้ารูปภาพของท่านเจ้าคุณสรรักษ์และคุณพลับพลึง เธอถึงกับอึ้ง เขาไปได้รูปพวกท่านมาจากไหน

“ในห้องเก็บของ...น่าแปลกที่เธอเหมือนคุณย่าน้อยจริงๆนะวิรงรอง เหมือนราวกับคนคนเดียวกัน...แน่ใจนะว่าเธอไม่ได้เป็นญาติหรือมีอะไรเกี่ยวข้องกับคุณย่าน้อย”

วิรงรองมั่นใจไม่ได้เกี่ยวดองอะไรกัน เพราะถ้ามี แม่ของเธอต้องเล่าให้ฟังแล้ว อดิศวร์หายข้องใจเป็นปลิดทิ้งว่าทำไมคุณย่าของเขาถึงไม่ต้อนรับวิรงรอง ท่านไม่ได้เกลียดตัวเธอแต่เกลียดความเหมือนของเธอกับคุณย่าน้อยต่างหาก วิรงรองตั้งข้อสังเกตว่าบางทีคุณพลับพลึงอาจจะมาเกิดเป็นเธอก็ได้

“ถ้าเป็นอย่างนั้น ทำไมเธอถึงฝันเห็นท่านล่ะ”

“หมายความว่าคุณเชื่อที่ดิฉันเล่าให้ฟังใช่ไหมคะ” วิรงรองตาวาวด้วยความตื่นเต้นดีใจ เขากลับส่ายหน้าแทนคำตอบ เธองอนที่เขาไม่เชื่อเรื่องที่เธอเล่า สะบัดหน้าเดินหนีไปทันที...

มารยังตามมาผจญวิรงรองไม่ได้ว่างเว้น ขณะจะเดินไปที่บันไดเพื่อกลับห้องพัก เจอพิณทอง คุณหญิงวัชรีและคุณหญิงแก้วกำลังยืนคุยกับแสงแข ทุกคนหันมองเธอเป็นตาเดียวกัน แสงแข คุณหญิงวัชรี และคุณหญิงแก้วตั้งใจว่ากระทบกระแทกแดกดันให้วิรงรองได้ยิน เธอเบื่อหน่ายกับคนพวกนี้เต็มทน เดินหนีขึ้นบ้าน พิณทองรีบวิ่งตามจนทัน อ้างว่ามีเรื่องอยากจะคุยด้วย ขอร้องให้ไปคุยกันที่ห้องพักของวิรงรอง

ooooooo

พิณทองขอแสดงความยินดีกับวิรงรองเรื่องการหมั้นกับน้าชายของเธอจากใจจริงโดยไม่มีเรื่องพิชญ์มาเกี่ยวข้อง คู่หมั้นหมาดๆของอดิศวร์รีบหมุนหัวแหวนหลบเข้าข้างในและพยายามซ่อนมือซ้ายไว้ แล้วรีบออกตัวว่าเรื่องของเธอกับพิชญ์จบไปนานแล้ว ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น เธอจะไม่มีวันลงเอยกับเขาเด็ดขาด

“เพื่อความยุติธรรม พิณจะบอกความจริงกับคุณวิรงรอง...ตอนนี้พิณกับพิชญ์แยกกันอยู่ อีกไม่นานก็จะหย่ากันเงียบๆ...เอ่อ พิณอยากรู้นิดเดียว คุณวิรงรองยังรักพิชญ์อยู่หรือเปล่า” พิณทองเห็นวิรงรองส่ายหน้า รีบยกมือห้าม “อย่าเพิ่งรีบปฏิเสธค่ะ พิณอยากให้คุณวิรงรองคิดให้ดีเพราะถ้าคุณยังรักพิชญ์ มันก็ไม่ยุติธรรมกับน้าลบที่คุณใช้เป็นเครื่องมือเพื่อให้ลืม หรือว่าประชดพิชญ์”

วิรงรองยืนยันว่าตัวเองไม่ได้เป็นคนซับซ้อนขนาดนั้น พิณทองโพล่งขึ้นทันทีถ้าอย่างนั้นก็หมายความว่า

เธอรักน้าลบใช่ไหม วิรงรองส่ายหน้าอีกครั้ง พิณทองมองเธออย่างตำหนิ ถ้าน้าลบมาได้ยินเข้าคงเสียใจมาก ดังนั้นพิณทองอยากให้เธอไตร่ตรองให้ดีก่อน ถ้ายังรักพิชญ์อยู่ รอให้ตนหย่ากับเขาก่อน แล้วปล่อยน้าลบไป

“น้าลบเป็นคนดี เขาควรจะได้แต่งงานกับผู้หญิงที่รักเขาจริง” พิณทองจ้องวิรงรองราวกับจะให้ทะลุไปถึงหัวใจ ก่อนจะลุกออกไป วิรงรองมองตาม แล้วยกแหวนหมั้นขึ้นมาทำท่าจะถอดทิ้ง แต่นึกถึงคำขู่ของอดิศวร์ขึ้นมาได้ จำต้องสวมไว้อย่างเดิม ฝ่ายพิณทองไม่รอช้ารีบนำเรื่องที่คุยกับวิรงรองไปบอกอดิศวร์ ซึ่งหน้าเครียดทันทีที่รู้ว่าวิรงรองไม่ได้รักตน...

ทางด้านคุณหญิงแก้ว คุณหญิงวัชรี และแสงแขยังคงสุ่มหัวนินทาวิรงรองกันอย่างสนุกปาก อีกทั้งยังพยายามวิเคราะห์หาสาเหตุว่าทำไมพวกผู้ชายถึงกับพากันรุมรักนังนั่นเป็นบ้าเป็นหลัง

ooooooo

ไม่กี่วันถัดมา อดิศวร์ขับรถพาท่านผู้หญิงสรรักษ์กลับจากโรงพยาบาลโดยมีแสงแขและโอบคอยตามมารับใช้ ทันทีที่รถแล่นมาจอดหน้าคฤหาสน์โดมทอง ท่านผู้หญิงสรรักษ์โวยวายลั่นว่า ใครบังอาจเปิดหน้าต่างห้องใต้โดมไว้ ทั้งอดิศวร์ แสงแข และโอบต่างเงยหน้าดู เห็นหน้าต่างปิดสนิทเหมือนที่เคยเป็น แสงแขปากไวพูดไม่คิด

“คุณย่าคงตาฝาดไปน่ะค่ะ”

“อย่าสาระแนนังแสงแข” ท่านผู้หญิงสรรักษ์ตวาด แสงแขชักสีหน้าไม่พอใจแวบหนึ่งก่อนจะปรับเป็นปกติ ท่านยังเคลือบแคลงใจไม่หาย สั่งให้อดิศวร์เข็นรถพาไปดูแถวหน้าบันไดทางขึ้นโดม เห็นประตูเหล็กถูกคล้องด้วยโซ่เส้นใหญ่ขึ้นสนิม เช่นเดียวกับกุญแจที่ล็อกอยู่ ไม่มีสิ่งบ่งบอกว่ามีใครเปิดประตู แต่ท่านก็ยังไม่วางใจ ขู่สำทับ

“อย่าให้รู้เชียวนะว่าใครบังอาจขัดคำสั่งฉัน...ตาลบเข็นย่ากลับห้องได้แล้ว”

ครู่ต่อมา อดิศวร์เข็นรถพาท่านผู้หญิงสรรักษ์กลับถึงห้องแล้วช่วยประคองไปที่เตียง มีอุษาตามมาช่วยดูแล ท่านผู้หญิงสรรักษ์ยังไม่ยอมรามือจะหาคนรับผิดชอบเรื่องหน้าต่างห้องใต้โดมเปิดให้ได้ สั่งให้หลานชายสุดที่รักไปตามนังพลับพลึงมา ท่านรู้ว่าต้องเป็นฝีมือนังนั่นที่คิดจะกลั่นแกล้งให้ท่านกลัว อดิศวร์อยากรู้ว่าห้องนั้นมีอะไรกันแน่ถึงทำให้คุณย่ากลัวได้ขนาดนี้ ท่านไล่ให้ไปถามนังพลับพลึงที่เขาพามาเอาเอง

อ่านละคร โดมทอง ตอนที่ 11 วันที่ 6 ก.ค. 56

ละครเรื่อง โดมทอง บทประพันธ์โดย วราภา
ละครเรื่อง โดมทอง บทโทรทัศน์โดย : ภาวิต
ละครเรื่อง โดมทอง กำกับการแสดงโดย : นนทนันท์ ธัญญาสิริทรัพย์
ละครเรื่อง โดมทอง ควบคุมการผลิตโดย : สยม สังวริบุตร
ละครเรื่อง โดมทอง แนวละคร : ชีวิต ลึกลับ ตื่นเต้น
ละครเรื่อง โดมทอง ออกอากาศทุกวันจันทร์ และวันอังคาร เวลา 20.25 น. ทางช่อง 7 สี
ที่มา ไทยรัฐ