อ่านละคร โดมทอง ตอนที่ 10 วันที่ 2 ก.ค. 56
“พี่อุษาไม่เคยเข้าข้างแขเลยค่ะ มิหนำซ้ำยังรู้เห็น เป็นใจให้นังวิรงรองได้อยู่ใกล้ชิดกับคุณลบบ่อยๆ”อุษาพยายามจะอธิบาย คุณย่ากลับไล่เธอไปให้พ้นหน้า แสงแขไม่หนำใจตามมาซ้ำเติมให้เจ็บช้ำอีก...
ในเวลาต่อมา อดิศวร์พาวิรงรองกลับจากหาหมอ ทันทีที่รถแล่นมาจอด แสงแขเสนอหน้ามาต้อนรับ
วิรงรองรีบลงจากรถไม่ได้หยิบถุงยาที่หมอสั่งลงไปด้วย ก้าวฉับๆเข้าบ้าน ไม่สนคำถามแสร้งห่วงใยจากแสงแข
“เธอไม่ได้วิเศษอะไรหรอกครับ ก็แค่ผู้หญิง ธรรมดาคนหนึ่งเท่านั้น ผมถึงไม่เข้าใจว่าทำไมคุณย่า ถึงได้จงเกลียดจงชังเขาหนักหนา”
ท่านเกลียดวิรงรองเพราะหน้าตาเหมือนนังพลับพลึงคนทรยศราวกับเป็นคนคนเดียวกัน อดิศวร์ไม่อยากเชื่อว่าจะมีคนหน้าเหมือนกันราวกับแกะทั้งๆที่ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกัน คุณย่าอาจจะจำผิดก็ได้
“ไม่มีวัน ไม่มีวันที่ย่าจะจำผิด มันทำร้ายหัวใจ ย่าอย่างโหดร้ายที่สุด” ท่านผู้หญิงน้ำตาคลอเบ้า เอื้อมมือมาจับมือหลานรักไว้ “ผู้หญิงคนนี้ย่าขอไว้สักคนนะลูก มันจะเป็นเมียลบไม่ได้เด็ดขาด ย่ายอมไม่ได้”
อดิศวร์นั่งนิ่งไม่พูดอะไร ท่านผู้หญิงสรรักษ์พยายามยัดเยียดแสงแขให้ อ้างว่าเธอรักเขามาก ยัยตัวแสบประจำบ้านแอบฟังอยู่หน้าห้องถึงกับหูผึ่ง รอฟังคำตอบอย่างตื่นเต้น อดิศวร์ยืนกรานว่าเธอเป็นน้อง และไม่มีวันเปลี่ยน สถานะเป็นอื่นไปได้ แสงแขกำมือแน่นด้วยความแค้นก่อนจะผละจากไป ท่านผู้หญิงสรรักษ์โวยวายลั่น
“เพราะแกรักนังพลับพลึงใช่ไหม แกรักมัน....”
“ถ้าผมจะรักผู้หญิงคนนี้ก็คงจะเป็นเพราะทุกคนมีส่วนทำให้เป็นอย่างนั้น ถ้าหากทุกคนไม่ทำเหมือนมีความลับ ซุบซิบเกลียดชังเธอ ผมอาจจะไม่สนใจใคร่รู้เรื่องของเธอมากเช่นนี้”
ท่านผู้หญิงสรรักษ์หมดความอดทนไล่ตะเพิดอดิศวร์ออกจากห้องด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าว
ooooooo
จากนั้น อดิศวร์แวะเอาถุงยามาให้วิรงรองที่ห้อง เห็นเธอนอนซมอยู่บนเตียง จัดยาก่อนอาหารให้กิน แล้วถามว่าหิวหรือยัง เธอส่ายหน้าอยากนอนมากกว่า อดิศวร์ไม่ยอมออกจากห้องทำให้เธอไม่กล้านอนบ่นพึมพำ
“ใครจะไปนอนได้”
อดิศวร์ได้ยินไม่ถนัดเอียงหน้าเข้าไปใกล้ถามว่า พูดอะไรไม่ได้ยิน วิรงรองพยายามเบี่ยงตัวหลบ เขายิ่งแกล้งยื่นหน้าเข้าไปใกล้ จนจมูกเฉียดอยู่ที่แก้มนวลของเธอ หญิงสาวอดหวั่นไหวไม่ได้รีบเลื่อนตัวลงนอน อดิศวร์ช่วยดึงผ้ามาห่มให้แล้วบอกให้พักผ่อนมากๆ ตื่นขึ้นมาแล้วจะมีรางวัลให้
“คุณอดิศวร์จะให้ดิฉันกลับบ้านได้ใช่ไหมคะ”
วิรงรองอยากจะเขกหัวตัวเองที่ปากไว
“เธออยากไปจากที่นี่ อยากไปจากฉันมากนักหรือ...เอาไว้เธอหายดีแล้วค่อยพูดกัน” อดิศวร์เดินหน้าเคร่งขรึมออกไป เจออุษาหน้าห้องพอดี สั่งให้เข้าไปดูแลวิรงรองด้วย เธออยู่เป็นเพื่อนจนคนป่วยหลับไปด้วยฤทธิ์ยาจึงค่อยๆย่องออกมา...
วิรงรองหลับไปพักใหญ่ ก็เริ่มฝันร้ายถึงเหตุการณ์เมื่อคืนนี้ ต่างกันตรงที่คนชะโงกหน้าออกจากระเบียงไปหาท่านเจ้าคุณไม่ใช่เธอ แต่เป็นคุณพลับพลึง จังหวะที่จะร่วงตกจากระเบียง แล้วอดิศวร์มาคว้าตัวไว้ทัน คุณพลับ-พลึงหายวับไปกลายเป็นวิรงรองปรากฏตัวขึ้นแทนที่
หญิงสาวตกใจตื่น ลุกพรวดขึ้นนั่ง เหงื่อแตกท่วมตัวทั้งๆที่อากาศค่อนข้างเย็น มองไปรอบๆถึงได้รู้ว่าตัวเองฝันไป ล้มตัวลงนอนอีกครั้ง ภาพของคุณพลับพลึงซ้อนเข้ามาในห้วงความคิดคำนึงของเธอ
“คุณพลับพลึงนั่นเอง หรือว่าดวงวิญญาณคุณพลับพลึงยังคงวนเวียนอยู่ในโดมทอง...แล้วทำไมเธอต้อง หน้าตาเหมือนเรา หรือว่าเราแค่จินตนาการไปเองเพราะไม่มีใครบอกได้เลยว่าคุณพลับพลึงหน้าตาเป็นอย่างไร”
วิรงรองนอนมองเพดานสีหน้าใคร่ครวญครุ่นคิด...
ไม่ต่างจากอดิศวร์ ซึ่งกำลังนึกถึงเหตุการณ์ประหลาดที่เกิดขึ้นเช่นกัน ทั้งเรื่องที่วิรงรองเพ้อถึงท่านเจ้าคุณสรรักษ์ประหนึ่งตัวเองเป็นคุณย่าน้อย และเหตุการณ์ที่เขาโต้เถียงกับคุณย่าทำให้อดิศวร์สนใจใคร่รู้ขึ้นมา ตรงไปหานายสมซึ่งกำลังดูแลม้าอยู่ที่คอก ถามว่ามีกุญแจห้องเก็บของไหม
“มีครับ วันนั้นคุณวิรงรองก็มาถาม แต่ผมบอกไปว่าอยู่ที่ท่านผู้หญิง ซึ่งอีกดอกก็อยู่ที่ท่านจริงๆ”
“เอามาให้ฉันหน่อย...”
ไม่นานนัก อดิศวร์ไขกุญแจเข้าไปในห้องเก็บของ มองสำรวจรอบๆห้องที่ฝุ่นหนาเตอะ ก่อนจะเดินไปที่ผ้า สีดำซึ่งคลุมอะไรบางอย่างคล้ายกรอบรูปเอาไว้ แล้วเปิดผ้าคลุมออกดูเผยให้เห็นรูปติดผนังสองรูปใหญ่วางเกยกันอยู่ เขาเอามือลูบฝุ่นที่จับอยู่ออก เห็นเป็นรูปของท่านเจ้าคุณสรรักษ์ ซึ่งเหมือนตนเองราวกับแกะ และรูปของคุณพลับพลึงซึ่งหน้าเหมือนวิรงรองไม่มีผิดเพี้ยน อดิศวร์ถึงกับยืนตะลึง พึมพำว่าไม่น่าจะเป็นไปได้...
ขณะที่อดิศวร์เพิ่งตระหนักว่าเหตุการณ์ประหลาดที่วิรงรองเล่ามีเค้าว่าจะไม่ใช่แค่เรื่องที่เธอฝันเฟื่องเอาเอง โอบรีบเข้าไปรายงานแสงแขว่าเมื่อครู่นี้เห็นอดิศวร์เดินไปทางห้องเก็บของ แสงแขวางมือจากงานที่กำลังทำอยู่ ตรงไปรายงานคุณย่าอีกทอดหนึ่งทันที ท่านมีสีหน้าท่าทางร้อนใจมาก สั่งให้ไปตามนายสมมาพบ
ooooooo
หลังจากหายตกตะลึง อดิศวร์มาเรียกอุษาให้เอาผ้าขี้ริ้วกับถังน้ำตามไปที่ห้องเก็บของ เมื่ออุษาเห็นภาพคุณพลับพลึงเต็มสองตา ถึงกับบ่นพึมพำว่าถ้าอย่างนั้นเธอก็ไม่ตาฝาด อดิศวร์มองเธอเป็นเชิงถาม
“วันที่อุษาพาคุณย่าเข้ามารื้อชุดที่ท่านจะใส่วันงานน่ะค่ะ ตอนนั้นถึงจะมีฝุ่นจับแต่ก็มองออกว่าเหมือน...”
“ช่วยพี่เช็ดรูปให้สะอาดหน่อย” อดิศวร์รีบตัดบท รอให้อุษาใช้ผ้าชุบน้ำหมาดๆเช็ดฝุ่นออกก่อน แล้วเขาใช้ผ้าแห้งเช็ดตามอีกทีหนึ่ง...
ด้านท่านผู้หญิงสรรักษ์โกรธควันแทบออกหูเมื่อรู้ว่านายสมเอากุญแจสำรองห้องเก็บของให้อดิศวร์ ไล่ตะเพิดเขาออกไปจากที่นี่อย่ามาให้เห็นหน้าอีก แล้วดึงทึ้งผมตัวเองราวกับคนบ้า
“โธ่เอ๊ย...ทำไมฉันไม่เผามันไปให้สิ้นซาก ทำไมฉันถึงได้โง่อย่างนี้ ไม่ควรเลย ไม่ควรเก็บมันไว้เลย เจ็บใจตัวเองนัก” ท่านผู้หญิงสรรักษ์ร้องไห้โฮพลางตีอกชกตัว แสงแขรีบจับมือเอาไว้ขอร้องอย่าทำร้ายตัวเอง ท่านไม่ฟังถีบเธอกระเด็น ร้องไห้ฟูมฟายเป็นบ้าเป็นหลัง แสงแข เห็นท่าไม่ดีสั่งให้นายสมรีบไปตามอดิศวร์ทันที...
ขณะที่อดิศวร์กับอุษายืนดูภาพของท่านเจ้าคุณกับคุณพลับพลึงซึ่งบัดนี้อยู่ในกรอบรูปที่สะอาดไร้ฝุ่นเกาะอย่างพิศวง นายสมวิ่งกระหืดกระหอบเข้ามารายงานว่าคุณแสงแขให้มาตามอดิศวร์ไปห้องท่านผู้หญิง
“ท่านโกรธมากจนจะไม่สบายที่ทราบว่าผมเอากุญแจห้องนี้ให้คุณลบ...”
อดิศวร์ไม่รอให้นายสมพูดจบรีบตรงไปยังห้องคุณย่าโดยมีอุษาตามไปติดๆ นายสมมองรูปภาพทั้งสองรูปอย่างตื่นตะลึงไม่แพ้กันก่อนจะวิ่งตามทั้งคู่ไป ภาพของคุณพลับพลึงมองตามเหมือนจะแสยะยิ้มอย่างสะใจ...
ไม่กี่อึดใจถัดมา อดิศวร์มาถึงห้องคุณย่าเห็นท่านกำลังทึ้งผมตัวเองคร่ำครวญว่าหลานรักของตนจะต้องเกลียดตนแน่ๆ เขารีบเข้าไปจับมือท่านไว้ ยืนยันว่าไม่มีทางเกลียดคุณย่า เพราะท่านมีเมตตาเลี้ยงดูเขาตลอดมา ท่านผู้หญิงสรรักษ์สบช่องถ้าเขาไม่เกลียดท่าน ก็ต้องเผารูปพวกนั้นให้สิ้นซากอย่าเอาเก็บไว้
“รูปสองรูปนั่นคือ คุณปู่กับคุณย่าน้อยใช่ไหมครับ...”
“ใช่...รูปไอ้อีที่มันทำร้ายทำลายหัวใจย่า มันทำให้ย่าเจ็บปวดปางตาย ย่ามีชีวิตอยู่ด้วยความเกลียดชังไม่ว่าชาตินี้หรือชาติไหน ก็จะไม่มีวันอภัยให้พวกมัน...ลบต้องเผารูปมันนะลูก เผาอย่าให้เหลือซาก” สีหน้าท่าทางของท่านผู้หญิงสรรักษ์เต็มไปด้วยความอาฆาตพยาบาท...
อดิศวร์ไม่ได้เอารูปท่านเจ้าคุณกับคุณพลับพลึงไปเผาทิ้งตามที่ท่านผู้หญิงสรรักษ์ต้องการ แต่กลับนำไปไว้ที่ห้องโถงใหญ่ซึ่งแขวนภาพของเหล่าบรรพบุรุษประจำตระกูล สั่งให้นายสมแขวนรูปคุณปู่ไว้คู่กับรูปคุณย่า ส่วนรูปคุณย่าน้อยให้แขวนไว้อีกข้างหนึ่ง อุษาอดหวั่นใจไม่ได้ ถ้าเกิดคุณย่าถามขึ้นมาจะทำอย่างไร
“ท่านคงไม่ถาม เพราะไม่อยากรับรู้เหมือนกัน ระวังแต่อย่าไปรบกวนท่านเองล่ะ...ได้ยินไหมแสงแข” อดิศวร์หันมากำชับยัยตัวแสบที่เพิ่งตามเข้ามา เธอรีบรับคำด้วยสีหน้าหวั่นเกรง
ooooooo
คุณหญิงวัชรีปล่อยให้ลูกชายกับลูกสะใภ้เป็นอย่างทุกวันนี้ต่อไปไม่ได้ เรียกพิชญ์ซึ่งเพิ่งกลับจากทำงานมาคุยกันให้รู้เรื่อง ทุกวันนี้เธอเครียดมากกับเรื่องราวที่เกิดขึ้น เมื่อครู่พิณทองก็โทร.มาขออนุญาตกลับไปค้างบ้านพ่อแม่ของเธอ และยังมาขอปรึกษาเรื่องหย่าขาดจากพิชญ์
“งั้นคุณแม่ก็สบายใจได้เลยว่าเธอไม่อยากหย่า เพราะคนจะหย่าจริงๆจะไม่ปรึกษาทางโน้นทีทางนี้ทีหรอกครับ แต่จะขอหย่าทันทีเลย แล้วถ้าเธอคิดจะหย่าจริงๆ คุณแม่ก็อนุญาตไว้เลยครับ ดีเหมือนกันจะได้ไม่ต้องทรมานทั้งสองฝ่าย”
“นายพิชญ์” คุณหญิงวัชรีเอ็ดเสียงเขียว “...รอให้ครบปีก่อน ฉันจะยุให้หนูพิณหย่าขาดจากแก ที่ต้องรอก็เพราะไม่อยากให้ใครนินทาหนูพิณได้ว่าแต่งไม่ทันไรก็ต้องหย่า”
พิชญ์ตกลงตามแม่ว่าแล้วขอตัวไปอาบน้ำ ขณะที่คุณหญิงวัชรีมองตามลูกชายอย่างไม่สบอารมณ์
ooooooo
ในที่สุด พิณทอง พิชญ์ คุณหญิงแก้วและคุณหญิงวัชรีมาถึงโดมทองตามกำหนดจนได้ ส่วนรัฐมนตรีพจน์ติดภารกิจสำคัญจะตามมาภายหลัง พิณทองไม่รอช้ารีบเอาชุดที่อดิศวร์ฝากซื้อไปให้วิรงรองถึงห้องพัก เธอปฏิเสธไม่ขอรับอ้างว่าสวยเกินไปและอีกอย่างหนึ่งคือเธอไม่รับของของคนอื่น แล้วเก็บชุดใส่กล่องคืนให้พิณทอง
“ทุกอย่างหรือคะ” พิณทองหยั่งเชิง
“ทุกอย่างค่ะ ไม่ว่าจะเป็นสิ่งของหรือว่า...คน” น้ำเสียงของวิรงรองหนักแน่นและมั่นคง...
พิณทองจำต้องเอาชุดมาคืนอดิศวร์ บ่นเสียดายที่วิรงรองไม่ยอมรับชุดสวยชุดนี้ เขายืนยันว่าถึงอย่างไรเธอก็ต้องใส่ พิณทองมองอย่างแปลกใจ
“น้าลบขา ทำไมน้าลบจะต้องเอาชนะเธอให้ได้ด้วยคะ หรือว่าคุณวิรงรองทำให้น้าลบเจ็บใจ”
อดิศวร์ไม่ตอบ เดินเลี่ยงออกไป พิณทองอดสงสัยไม่ได้ว่าน้าชายของเธอจะชอบวิรงรองจริงๆ...
ถึงเวลาอาหารค่ำ ทุกคนต่างมานั่งร่วมโต๊ะกันพร้อมหน้าพร้อมตา แสงแข คุณหญิงวัชรีและคุณหญิงแก้ว คุยกันถูกคอหัวเราะหัวใคร่สนุกสนาน โดยมีวิรงรองเป็นเป้าหมายคอยว่ากระทบกระเทียบเป็นระยะๆ
เจ้าตัวได้แต่ก้มหน้ากินอาหารโดยไม่สนใจจะพูดกับใคร พิชญ์ก็เช่นกัน พิณทองลอบสังเกตอากัปกิริยาของทั้งสองคนแต่ไม่เห็นสิ่งผิดปกติ วิรงรองกินอาหารได้ไม่กี่คำก็รวบช้อนขอตัวขึ้นห้อง เนื่องจากไม่ต้องการเป็นเป้าให้ใครถล่ม อุษารวบช้อนส้อมเช่นกัน ขออนุญาตไปดูแลคุณย่าก่อน
“อ้าว แล้วหนูแสงแขล่ะไม่ขออนุญาตไปไหนอีกคนหรือจ๊ะ” คุณหญิงวัชรีกระเซ้า
“แขต้องอยู่คอยอำนวยความสะดวกให้ทุกคนค่ะ” แสงแขยิ้มอ่อนหวาน ทั้งคุณหญิงวัชรีและคุณหญิงแก้วต่างชมเธอไม่หยุดปากว่าน่ารักมากที่คอยดูแลพวกเรา แสงแขอดปลื้มใจไม่ได้...
หลังจากตรวจสำเนาคดีความเรียบร้อย อดิศวร์เอาเสื้อชุดสวยที่ฝากหลานสาวซื้อไปให้วิรงรองที่ห้อง เธอยืนยันว่าจะไม่ใส่และจะไม่ไปร่วมงานฉลองเด็ดขาด แล้วขอให้เขาออกจากห้อง
“เธอต้องใส่ชุดนี้ไปร่วมงาน เพราะถ้าไม่ใส่ ฉันจะใส่ให้เธอเอง”
“บ้า...คุณมันไม่ใช่สุภาพบุรุษ”
“ก็ไม่เคยบอกว่าเป็น...ฉันเป็นคนพูดจริงแล้วก็ทำจริง” ขู่เสร็จ อดิศวร์วางกล่องเสื้อลงบนเตียงแล้วออกจากห้อง วิรงรองคว้ามันปาลงพื้นอย่างหงุดหงิด คนอย่างเธอไม่มีวันยอมให้ใครมาบังคับเด็ดขาด...
ด้านพิณทองไม่ยอมนอนร่วมห้องกับพิชญ์ หอบเสื้อผ้าข้าวของมาขอนอนห้องเดียวกับแม่ ถ้าพ่อมาเมื่อไหร่เธอค่อยให้น้าลบช่วยจัดห้องเพิ่มให้อีกหนึ่งห้อง คุณหญิงแก้วไม่รู้จะทำอย่างไร ได้แต่ส่ายหน้าอย่างเหนื่อยใจ...
ดึกสงัดคืนเดียวกัน เสียงเพลงนางครวญชวนขนหัวลุกปลุกท่านผู้หญิงสรรักษ์ให้ลืมตาตื่นขึ้น เสียงร้องเพลงพร้อมกับเสียงเดินลากโซ่ตรวนของคุณพลับพลึงดังใกล้เข้ามาทุกขณะ แต่ต้องชะงักเมื่อเจอวิญญาณพิศยืนถมึงทึงเฝ้าอยู่หน้าห้องท่านผู้หญิงสรรักษ์ คุณพลับพลึงสั่งให้ถอยไป นี่ไม่ใช่เรื่องของพิศ
บ่าวผู้ซื่อสัตย์ยังคงยืนนิ่ง ร่างคุณพลับพลึงกลายเป็นควันสีขาวพุ่งผ่านตัวพิศซึ่งกรีดร้องโหยหวนเข้าไปในห้อง อดิศวร์กำลังนั่งอ่านสำนวนคดีอยู่ในห้องทำงานหันขวับตามเสียงร้องก่อนจะผลุนผลันออกไป...
ภายในห้องท่านผู้หญิงสรรักษ์ ควันสีขาวกลับมารวมตัวเป็นร่างของคุณพลับพลึงอีกครั้ง เดินคอบิดไปมาตรงไปที่เตียง เจ้าของห้องละล่ำละลักว่าออกมาได้อย่างไร เธอไม่ตอบได้แต่กรีดร้องลั่น ทันใดนั้นประตูห้องเปิดผลัวะ ไฟสว่างพรึบ อดิศวร์ปราดเข้ามาหาคุณย่าซึ่งนั่งหลับตาตัวสั่นเทาอยู่บนเตียง เขาแตะแขนเบาๆ ให้รู้สึกตัว ท่านถึงกับสะดุ้งเฮือก ร้องลั่นว่ากลัวแล้วๆพอรู้ว่าเป็นหลานรักโผกอดด้วยความหวาดกลัว
“ลบ...นัง...พลับพลึง...มันเดินลากโซ่คอบิดไปบิดมา นัยน์ตากลอกกลิ้งมาหาย่า”
อดิศวร์ปลอบว่าแค่ฝันร้ายเท่านั้น แล้วเหลียวมองไปรอบๆไม่เห็นมีใครมานอนเฝ้า เอะอะจะเอาเรื่อง ท่าน ผู้หญิงสรรักษ์ออกตัวว่าเป็นคนไล่พวกนั้นไปเองเพราะมีนังพิศมาคอยดูแลอยู่แล้ว แต่ไม่เข้าใจทำไมครั้งนี้ถึงปล่อยให้ผีนังพลับพลึงเข้ามาได้ อดิศวร์แปลกใจ ใครคือนังพิศ ได้ความว่าเป็นบ่าวผู้จงรักภักดีของคุณย่า ชายหนุ่มเป็นกังวลที่คุณย่าเห็นโน่นเห็นนี่บ่อยครั้ง ขอให้ท่านอยู่คนเดียวสักครู่ เขาจะไปตามอุษามาอยู่ด้วย
“ไปเถอะ เปิดไฟไว้อย่างนี้ อีพลับพลึงมันไม่กล้าเข้ามาหรอก”
ชายหนุ่มรับคำแล้วรีบออกไป ท่านผู้หญิงสรรักษ์สอดส่ายสายตาไปรอบๆอย่างระแวดระวัง...
ข่าวท่านผู้หญิงสรรักษ์เจอผีคุณพลับพลึงเมียน้อยท่านเจ้าคุณเมื่อคืนแพร่สะพัดไปทั้งโดมทอง พิณทองหาว่าดราม่าเกินไปหน่อยที่เมียน้อยตายไปกลายเป็นดวงวิญญาณมาหลอกเมียหลวง คุณหญิงวัชรีกับคุณหญิงแก้วติงว่าเรื่องแบบนี้ถ้าไม่เชื่ออย่าลบหลู่ พิณทองไม่ได้คิดจะลบหลู่เพียงแต่เห็นว่าแปลกดี
ooooooo
คืนวันงานเลี้ยง คฤหาสน์โดมทองถูกประดับ ประดาด้วยไฟดวงเล็กระยิบระยับสวยงาม ที่ลานกว้างด้านหน้าเป็นที่สำหรับตั้งโต๊ะอาหาร ส่วนในห้องโถงกลางถูกจัดให้เป็นเวทีสำหรับเต้นรำ แขกผู้มีเกียรติต่างทยอยมาร่วมงานกันอย่างคับคั่ง โดมทองท่ีเคยเงียบ เหงาอึมครึมกลับมามีชีวิตชีวาขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง...
วิรงรองยังคงนั่งอ่านหนังสือไม่ยอมขยับไปไหน อุษาซึ่งแต่งตัวในชุดสวยสะดุดตา จะมาตามให้ลงไปที่งาน แต่เห็นเธอยังอยู่ในชุดอยู่กับบ้านเร่งให้รีบแต่งตัว อีกไม่นานภูไทกับลานนาแขกของวิรงรองก็จะมากันแล้ว
“จริงด้วย งั้นวิจะรีบอาบน้ำแต่งตัว แต่พี่อุษาต้องอย่าลืมสัญญานะคะ”
อุษาไม่แน่ใจว่าจะไปได้หรือเปล่า วิรงรองขู่ถ้าไม่ทำตามสัญญาจะไม่ยอมไปร่วมงาน เธอจำต้องรับคำ...
ฝ่ายแสงแขอยู่ในชุดผ้าไหมสวยงาม สวมเครื่อง ประดับครบชุดทั้งต่างหู สร้อยคอและแหวน กำลังส่องกระจกดูความเรียบร้อยเป็นครั้งสุดท้าย โอบชมไม่หยุดปากว่างดงามมาก แสงแขเองก็ดูจะพอใจเช่นกัน แต่แล้วนึกขึ้นได้รีบถอดแหวนออก โอบร้องทักจะถอดทำไม
“เดี๋ยวคุณลบจะสวมแหวนหมั้นให้ฉันน่ะสิยะ ขืนใส่วงนี้ไปด้วย ได้ตีกันตาย”
“จริงด้วย โอบลืมสนิทเลย...แหม...อยากให้คุณลบได้เห็นคุณแขเร็วๆจัง”
คำพูดของโอบทำให้แสงแขเป็นปลื้ม รีบเข้าไปอวดชุดสวยให้คุณย่าดู ท่านมองอย่างพอใจ ส่วนอุษาที่กำลังช่วยคุณย่าแต่งตัวก็อดชื่นชมน้องสาวไม่ได้ ยิ่งทำให้แสงแขยิ้มไม่หุบ...
ที่บริเวณหน้างาน ภูไทกับลานนาพยายามชะเง้อคอมองหาวิรงรองกลับไม่เห็นแม้แต่เงา ลานนาบ่นอุบที่เพื่อนปล่อยให้ยืนรอ อุไรเข้ามาแจ้งว่าอีกสักครู่วิรงรองถึงจะลงมาแล้วเชิญสองพี่น้องเข้าไปนั่งรอในบ้าน...
หลังจากสำรวจความเรียบร้อยของเสื้อผ้าหน้าผม วิรงรองในชุดของตัวเองออกจากห้องจะลงไปข้างล่าง แต่ต้องหยุดกึกเมื่อเจออดิศวร์รอท่าอยู่ เขาสั่งเสียงเข้มให้กลับเข้าไปเปลี่ยนเสื้อเดี๋ยวนี้ วิรงรองไม่ยอมเปลี่ยน ยืนยันจะใส่ชุดของตัวเอง เขาคว้าข้อมือเธอพากลับเข้าห้อง แล้วหยิบชุดจากในกล่องที่ตัวเองซื้อให้ยัดใส่มือ
“เปลี่ยนเป็นชุดนี้...อย่างที่เคยบอก ถ้าเธอไม่เปลี่ยนฉันจะเปลี่ยนให้เอง”
วิรงรองคว้าชุดมาอย่างไม่พอใจ เดินเข้าห้องน้ำ แขวนชุดไว้ที่ราวแล้วทรุดตัวนั่งที่ขอบอ่างอาบน้ำ
“อยากบังคับดีนัก เอากับแม่สิ แม่จะปล่อยให้รอให้เข็ด” วิรงรองพูดจบฮัมเพลงอย่างสบายอารมณ์...
อ่านละคร โดมทอง ตอนที่ 10 วันที่ 2 ก.ค. 56
ละครเรื่อง โดมทอง บทประพันธ์โดย วราภาละครเรื่อง โดมทอง บทโทรทัศน์โดย : ภาวิต
ละครเรื่อง โดมทอง กำกับการแสดงโดย : นนทนันท์ ธัญญาสิริทรัพย์
ละครเรื่อง โดมทอง ควบคุมการผลิตโดย : สยม สังวริบุตร
ละครเรื่อง โดมทอง แนวละคร : ชีวิต ลึกลับ ตื่นเต้น
ละครเรื่อง โดมทอง ออกอากาศทุกวันจันทร์ และวันอังคาร เวลา 20.25 น. ทางช่อง 7 สี
ที่มา ไทยรัฐ