อ่านละคร วันนี้ที่รอคอย ตอนที่ 11 วันที่ 10 ก.ค. 56
มิถิลาไปนั่งกอดเข่าอยู่ริมธารน้ำเล็กๆ เธอคิดถึงพ่อเป็นห่วงพ่อ ศิขรนโรดมมานั่งข้างๆ บอกว่าคิดถึงและเป็นห่วงเธอตลอดเวลาที่ไม่ได้เจอกัน มิถิลาถามว่าจริงหรือ“ขอให้เชื่อว่า อะไรที่ทำให้เธอกังวล ฉันก็กังวล เหมือนกัน ฉันจะพยายามเต็มที่ที่จะให้เรื่องราวทั้งหมดจบลงให้เร็วที่สุดและดีที่สุด”
มิถิลาบอกว่าตนเพียงแต่อยากรู้ข่าวพ่อ ไม่ว่าพ่อจะเป็นอย่างไร ตนเป็นลูกก็ต้องรักพ่อ ศิขรนโรดมยอมรับว่าตนก็อยากรู้ความเป็นไปของราชิดเหมือนกันแม้จะไม่ใช่เพราะความรู้สึกที่รักก็ตาม มิถิลาถามว่าทรงเกลียดพ่อ มากหรือ
มิถิลามองศิขรนโรดมอึ้ง ในขณะที่ศิขรนโรดมมองตอบอย่างจริงจัง จริงใจ
เวลาเดียวกัน ที่คุกสเตนลีย์ ความเคลือบแคลง
สงสัยในตัวตี๋ใหญ่ของราชิดกับโกศินหมดไป เมื่อตี๋ใหญ่พาราชิดกับโกศินถือขันและสบู่ไปอาบน้ำ สวนกับพันหงปิงที่นำนักโทษอีกส่วนมาอาบน้ำ ระหว่างสวนกันตี๋ใหญ่กับพันหงปิงแกล้งชนกันจนขันตกสบู่ร่วง พอผู้คุมมาโวยวาย ต่างก็รีบก้มหยิบสบู่ใส่ขันแต่จงใจสลับก้อนกัน
ระหว่างอาบน้ำ พันหงปิงไม่แตะต้องสบู่ก้อนนั้นเลย จนเมื่อไปถึงห้องขัง พันหงปิงจึงเอาสบู่ถูกับพื้นจนเห็นกระดาษโผล่ออกมา พันหงปิงบิก้อนสบู่ดึงกระดาษออกมาอ่าน มันคือจดหมายติดต่อของพันหงปิงนั่นเอง
ooooooo
วันนี้ เป็นวันที่บราลีจะต้องกลับไปตามคำสั่งของจ้าวซัน เธอกินอาหารเช้าช้าๆ อย่างฝืดคอ ทั้งเพราะกินไม่ลงและจงใจถ่วงเวลาหวังจะได้เจอจ้าวซัน
ระหว่างนั้นเด็กรับใช้มาบอกว่าจะออกไปเรียกรถมอเตอร์ไซค์รับจ้างให้ บราลีอึกอักแต่ในที่สุดก็บอกให้เด็กไปเรียกรถ ครู่หนึ่งครูเฒ่ามาบอกว่าจะเดินทางก็
ต้องรีบไปเพราะสายแล้วแดดจะร้อน
“งั้นหนูไปเลยก็ได้ค่ะ...ให้เด็กไปเรียกรถแล้ว...
แล้ว...องค์ชายยังไม่ลงมาอีกหรือคะ” ครูเฒ่าอึ้งไปนิดนึง บอกว่าตั้งแต่เช้ายังไม่เห็นเลย “ถ้างั้น...หนูคงไปเลย ดีกว่าที่จะรอให้ตื่นบรรทม แล้วมาไล่หนูอีก” เธอพูดอย่างน้อยใจ
ครูเฒ่าได้แต่มองยิ้มๆ ไม่พูดอะไร
เมื่อมอเตอร์ไซค์รับจ้างมา บราลีถามว่ารู้จักวัดที่ สร้างเจดีย์อนุสาวรีย์ทหารที่สละชีพเพื่อเจ้าหลวงองค์ก่อนไหม? ไกลจากที่นี่มากไหม? ให้ไปที่วัดนั้นก่อน
เข้าเมืองได้ไหม? คนขี่มอเตอร์ไซค์ที่ใส่หมวกกันน็อกเต็มใบก็เอาแต่พยักหน้า ส่ายหน้าแล้วก็พยักหน้า แต่ไม่ยอมพูด
บราลีเอากระเป๋ามากั้นระหว่างตนกับคนขี่มอเตอร์ไซค์แล้วขึ้นนั่งคร่อมอย่างคล่องแคล่วมั่นใจ
ที่แท้จ้าวซันปลอมตัวเป็นคนขี่มอเตอร์ไซค์ เห็นความคล่องแคล่วมั่นใจของบราลีแล้วก็แอบยิ้มทึ่ง
ส่วนเหม่ยอิง นับวันก็วางอำนาจบาตรใหญ่ปกครองพนักงานอย่างเผด็จการ ไม่พอใจใครก็ไล่ออก หาเรื่องเทเรซ่าว่าทำงานไม่ถูกใจ ไม่มีปัญญาพอ แต่พอเทเรซ่าจะลาออกกลับไม่ให้ลาออกแต่จะไล่ออก เมื่อซ่างกวางซิงติงว่าเทเรซ่าเป็นคนเก่าแก่ของที่นี่ เลยถูกเหม่ยอิงไล่ออกไปอีกคน
เธอประกาศกับพนักงานว่า “ให้ทุกคนรู้ไว้ นับตั้งแต่วินาทีนี้ไปฉันไล่เทเรซ่ากับซ่างกวางซิงออก ถ้าอีกสิบนาทีนี้ยังไม่เก็บของออกไป ฉันจะโทร.ไปแจ้งตำรวจมาจับข้อหาบุกรุก”
เธอร้ายกาจอย่างขาดสติ แม้แต่พนักงานที่เห็นใจเทเรซ่ามาช่วยเก็บของก็ถูกขู่ว่าถ้าใครช่วยจะไล่ออกให้หมด จังหวะนั้นเกาเฟยเข้ามาพอดี เธอสั่งให้เขามาทำงานแทนเทเรซ่าและงานแรกก็คือ...
“ถ้าในอีกห้านาทียังมีพวกแปลกปลอมแฝงตัวอยู่ในบริษัทเราละก็...ให้จัดการโยนพวกมันออกไปที”
เหม่ยอิงเดินเชิดออกไปอย่างสะใจ ซ่างกวางซิงร้อนรนรีบเก็บของสุดชีวิต
ooooooo
ตลอดเวลาที่จ้าวซันขี่มอเตอร์ไซค์พาบราลีเดินทางไป เขาดูแลเธออย่างดี ถึงทิวเขาที่สวยงามก็จอดรถให้ชมวิว เอาน้ำให้ดื่ม จนบราลีชมว่าบริการดีจัง
ไปถึงวัดริมน้ำ บราลีเดินดูไปรอบๆ จนเจอเจดีย์ ขาวที่สลักชื่อ อินปง-จันทร์แรม เป็นภาษาคีรีรัฐ มีกระถางธูปเล็กๆ และแจกันหินซึ่งมีดอกไม้แห้งๆและธูปที่ถูกจุดแล้วอยู่จำนวนหนึ่ง
บราลีมองเจดีย์อย่างตื่นเต้น ตื้นตัน นึกถึงคำพูดของจ้าวไทไท ที่กำชับว่า
“จงไปที่นั่น ที่ที่ท่านถือกำเนิดขึ้นมา ไปกราบบิดามารดาของเจ้าหญิง อัฐิของทั้งสอง ถูกบรรจุไว้ในเจดีย์ ที่วัดตรงแม่น้ำที่เจ้าเดินทางจากมา ไปหาพวกท่านแล้วเจ้าหญิงจะได้รับพลังที่ดีจากท่านทั้งสอง เพื่อไปทำให้เจ้าชายเอาชนะเหล่าศัตรูร้ายทั้งหมดได้”
บราลีอุทานทึ่งว่า “ทำไม...จ้าวไทไทรู้”
“จ้าวไทไทรู้อะไร”
บราลีตกใจหันมอง แล้วก็ยิ่งตกใจเมื่อเห็นจ้าวซันมือถือธูปเทียนและดอกไม้ หนีบหมวกกันน็อกที่ใต้แขน จ้าวซันส่งดอกไม้ธูปเทียนให้ ถามย้ำว่า “จ้าวไทไทรู้อะไรหรือ” บราลีเริ่มโวยที่เขามาอย่างปิดบังอำพราง
ถูกจ้าวซันบอกให้ไหว้พ่อแม่ก่อน ทำให้บราลีรู้สึกตัว คุกเข่าลงขอประทานอภัยและขอบพระทัยที่เจ้าพี่เมตตาพาตนมาพบพ่อกับแม่
“เวลานี้...เป็นจ้าวซันกับบราลีกันก่อนดีไหม
หาก ใครมาเห็นเข้าจะไม่ดี” จ้าวซันมองไปรอบๆ อย่างระแวดระวัง
หลังจากไหว้ อินปงกับจันทร์แรมแล้ว จ้าวซันเล่าว่า
“ที่นี่แหละ ที่พี่ได้เห็นการพลีชีพของพ่อแม่น้อง เป็นครั้งสุดท้าย ที่ได้เห็นคีรีรัฐเมื่อ 20 ปีก่อน...เจ้าป้าได้เป็นองค์ประธานให้สร้างวัดนี้ขึ้นเมื่อไม่ถึง 10 ปีมานี่เอง พี่ก็ทำได้แค่ช่วยส่งเงินมาทำบุญผ่านทางภูสินทร แต่พี่ก็ตั้งใจมาตลอดว่า สักวันจะพาม่านฟ้ามา”
บราลีตัดสินใจเล่าว่า จ้าวไทไทบอกว่าตนจะช่วยเจ้าพี่ได้หากตนมาที่นี่ จ้าวไทไทมีญาณพิเศษ เพราะฉะนั้นเจ้าพี่ก็ไม่ควรจะไล่ตนกลับ เพราะตนจะช่วยแบ่งเบาภารกิจของเจ้าพี่ได้แน่ๆ จ้าวซันติงว่าเธอไม่รู้ว่าใครเป็นมิตรใครเป็นศัตรู อีกทั้งมีอันตรายเต็มไปหมด ทั้งยังไม่คุ้นเคยกับสถานที่ ไม่รู้จักใครเลย เป็นคนแปลกหน้าอย่างแท้จริง
“เจ้าพี่ฟังน้องบ้างนะคะ เพราะน้องเป็นคนแปลกหน้าที่ไม่มีใครรู้จักนี่แหละค่ะ คือข้อได้เปรียบของน้อง ไม่ใช่ข้อเสียเปรียบ น้องอาจจะทำอะไรได้มากมายที่ตัวเจ้าพี่หรือบรรดาคนของเจ้าพี่ไม่สามารถจะทำได้ จริงไหมคะ”
จ้าวซันอึ้งไปกับเหตุผลของบราลี
ooooooo
เหม่ยอิงนับวันยิ่งบ้าอำนาจเผด็จการ นอกจากยึดฉินเย่ว์กรุ๊ปไล่คนเก่าแก่ออกเอาคนของตัวเองเข้าแทนแล้ว ที่บ้านสี่ฤดู เหม่ยอิงก็มาวางอำนาจบาตรใหญ่
ผิงอันถูกขู่ว่าจะส่งไปเรียนต่างประเทศในช่วงที่จ้าวซันไม่อยู่ แม้แต่อากงคนเก่าแก่ที่ไม่มีที่ไปก็ยังถูกไล่ให้ออกจากบ้านสี่ฤดู มิไยว่าแม่สี่ซึ่งเป็นแม่แท้ๆ ของเธอจะท้วงติงทัดทานอย่างไรก็ไม่ฟัง
“เมื่อไม่มีพี่ชายใหญ่หนูก็อยู่ไม่ได้แล้วบ้านนี้ เมื่อไหร่พี่ชายใหญ่จะกลับมา กลับมากะบรี ยัยปีศาจนี่จะได้เป็นฝ่ายไปเสียได้” ผิงอันร้องไห้กับอาม่า
อาม่าเตือนสติว่าสองคนนั้นเป็นคนอื่นแต่เหม่ยอิงเป็นพี่สาวแท้ ผิงอันพูดอย่างปักใจเชื่อแล้วว่า พี่น้องทั้งพ่อเดียวและแม่เดียวกับตน มีใครไหมที่เป็นคนดี มีเมตตากรุณา คนสกุลจ้าวนี่แหละที่ใจร้าย มีแต่คนอื่นที่เป็นคนดี ใจดี และรักเมตตาตนจากใจจริง ไม่เกี่ยวกับชาติกำเนิดสายเลือดอะไรเลย อาม่าตกใจเตือนว่าอย่าเที่ยวพูดแบบนี้ให้ใครฟังนะ
“เพราะแบบนี้ไง ที่จ้าวไทไทบอกว่าบ้านเราต้องมีอันเป็นไป แบบนี้ไง จ้าวไทไทถึงฝากตระกูลจ้าวไว้กับพี่ชายใหญ่ กะบรี แต่ตอนนี้ สองคนนั้นหายไปไหนหรือเขาจะทอดทิ้งพวกเราแล้ว ม่า...เราจะทำยังไงกันดีฮือๆๆ”
ooooooo
อ่านละคร วันนี้ที่รอคอย ตอนที่ 11 วันที่ 10 ก.ค. 56
โดย บทประพันธ์โดย วราภา จากบทละครโทรทัศน์ทางช่อง 7 โดย ปราณศักดิ์สวัสดิ์กำกับการแสดงโดย : สยาม น่วมเศรษฐี
ควบคุมการผลิตโดย : บริษัท พอดีคำ จำกัด
โดยผู้จัด : ธงชัย ประสงค์สันติ/มณีรัตน์ ประสงค์สันติ
ออกอากาศเริ่มตอนแรก วันพฤหัสบดีที่ 13 มิ.ย. 2556
ที่มา ไทยรัฐ