อ่านละคร วันนี้ที่รอคอย ตอนที่ 18 วันที่ 31 ก.ค. 56

อ่านละคร วันนี้ที่รอคอย ตอนที่ 18 วันที่ 31 ก.ค. 56

วันนี้มีเหตุให้ต้องตึงเครียด เมื่ออาหลี่กับเต๋อเป่าเห็นเกาเฟยมาเดินป้วนเปี้ยนอยู่ในบริเวณโรงพยาบาล

เช่นเดียวกัน บราลีก็เห็นเหม่ยอิงขณะตัวเองกำลังขึ้นลิฟต์ เมื่อเธอบอกจ้าวซันเขารีบพาเธอกลับห้อง และเมื่อกลับถึงห้องก็เห็นแจกันดอกไม้วางอยู่ มีการ์ดเขียนไว้ว่า

“หายเร็วๆล่ะ ฉันเป็นห่วงเธอมาก...เหม่ยอิง”

ยังไม่ทันหายตกใจกัน เต๋อเป่ากับอาหลี่ก็เข้ามาบอกหน้าตาตื่นตกใจว่า เจอเกาเฟยพวกตนวิ่งตาม แต่มันหลบไปได้


“เก็บของออกจากที่นี่เดี๋ยวนี้เลย” จ้าวซันสั่งทันที

เป็นความบังเอิญที่ฉินเจียงพาซูหลิงมาตรวจครรภ์ที่โรงพยาบาล ซูหลิงเห็นจ้าวซันที่กำลังไปจัดการเรื่องค่าใช้จ่าย เธอบอกฉินเจียง แต่เขาไม่สนใจเพราะมัวแต่พล่ามเรื่องที่จะให้ลูกของตนเป็นทายาทที่แท้จริงของตระกูลจ้าวรุ่นต่อไป เพราะถึงจ้าวซันจะเป็นผู้ดูแลธุรกิจของตระกูลจ้าว แต่เขาไม่มีสิทธิ์อะไร บอกซูหลิงว่า เราต้องทำดีกับจ้าวซันให้มากและควรประจบประแจงบราลีไว้ด้วย

พอดีจ้าวซันเดินมาเจอ ทักทั้งสองอย่างยินดีและดีใจที่ตนจะได้เป็นลุงแล้ว จากนั้นพาทั้งสองไปเยี่ยมบราลีที่ห้อง

“อ้าวพี่...นี่จะกลับบ้านกันแล้วหรือ” ฉินเจียงถามแล้วหันไปถามบราลี “ไม่นอนพักอีกสักคืนสองคืนล่ะครับ”

“ที่นี่มันอันตราย อยู่บ้านน่าจะปลอดภัยกว่า ไว้เดี๋ยวเล่าให้ฟัง” บราลีบอก

ฉินเจียงเห็นด้วย ทั้งยังเสนอว่าบราลีคงไม่มีเพื่อนที่นี่ ถ้าเหงาก็โทร.หาซูหลิงให้ไปอยู่เป็นเพื่อนก็ได้ เพราะซูหลิงเองก็บ่นว่าเหงาๆอยู่เหมือนกัน

ระหว่างที่ฉินเจียงเดินเข้าบ้านสี่ฤดูกับจ้าวซันนั้น เขาด่าเหม่ยอิงอย่างเกลียดชังว่า ทำตัวสูงส่งที่แท้ก็ได้กากเดนอย่างเกาเฟยเป็นผัว จ้าวซันไม่พอใจเตือนว่าพูดถึงน้องให้ดีหน่อย ฉินเจียงสวนทันทีว่า “พี่ยังจะนับมันเป็นน้องอีกเหรอ”

แม่สี่กับผิงอันวิ่งมารับจ้าวซันกับบราลี ได้ยินที่ฉินเจียงพูดพอดีถึงกับอึ้งซีด ซ้ำยังถูกฉินเจียงพูดให้ตกใจยิ่งขึ้นว่า เหม่ยอิงต้องโดนข้อหากักขังหน่วงเหนี่ยวพยายามฆ่าแน่ๆ รับรองเป็นข้อหาหนักสุดๆ แกล้งพูดใส่แม่สี่ว่า

“น่าหัวเราะ นังคนที่ชอบด่าว่าฉันโง่ ชอบทำลายตัวเอง อยากรู้...ว่าตอนนี้ใครกันแน่ที่โง่บัดซบ และกำลังทำลายชีวิตตัวเองจนเละเป็นโจ๊ก”

แม่สี่ใจหายขอร้องจ้าวซันให้ช่วยน้องผู้อาภัพคนนี้ด้วย จ้าวซันรับปากว่าตนจะพยายาม

ooooooo

วันต่อมา จ้าวซัน ผู้กองเหลียง และหมวดจาง นั่งคุยกันเบาๆ แทบเป็นกระซิบกันในห้องรับแขกที่บ้านสี่ฤดู จ้าวซันเล่าให้ตำรวจทั้งสองฟังว่า

“เรื่องมันเล็ดลอดออกไปว่า เหม่ยอิงทุจริตบริษัท มีปัญหากับผม แต่เขายังไม่รู้เรื่องพฤติกรรมเป็นอาชญากร โดยละเอียดทั้งหมด แต่หุ้นบริษัทเราก็ทรุดแล้ว” ผู้กองถามว่าเขาตอบบอร์ดว่าอย่างไร “ผมให้เทเรซ่าอธิบายว่า พวกเรามีปัญหาในครอบครัวกัน”

ผู้กองเหลียงบอกว่าเหม่ยอิงเป็นบุคคลอันตราย คาดว่าตอนนี้เธอคงร่วมแก๊งกับพันหงปิงแล้ว ฉะนั้นเราต้องรีบสกัดเธอให้เร็วที่สุดก่อนที่เธอจะไปไกลกว่านี้ จ้าวซันถามว่า พวกเขารู้เบาะแสพันหงปิงแล้วหรือ

ทั้งผู้กองและหมวดช่วยกันเสนอว่า ต้องให้จ้าวซันช่วยมิฉะนั้นพวกตนต้องถูกเด้งยกทีมแน่ เสนอให้จ้าวซันกับบราลีล่อให้พวกเหม่ยอิงออกมา พวกตนรับรองว่าจะรักษาความปลอดภัยให้เต็มที่

“รักษาความปลอดภัยหรือ พวกคุณรักษาความปลอดภัยให้ตัวเองได้ก่อนเถอะ” แล้วพูดอย่างเฉียบขาดว่า “บราลีจะไม่เป็นเหยื่อให้ใครทั้งนั้น พวกคุณจัดการอะไรไม่ได้ ผมจะจัดการเอง”

เจอไม้นี้ ทั้งผู้หมวดผู้กองต่างมองกันอึ้ง

ooooooo

วันต่อมา บราลีเข้าไปหาจ้าวไทไท เธอตกใจเมื่อจ้าวไทไทกุมมือเธอมองหน้าพูดน่ากลัว

“เคราะห์ร้าย...ยังจะเข้าไม่จบไม่สิ้น” บราลีถามใจไม่ดีว่า ยังจะมีเรื่องไม่ดีเข้ามาอีกหรือ จ้าวไทไทบอกว่าเธอไม่ต้องกลัว เพราะ “มันจะต้องพินาศ อีนังกาฝากตระกูลจ้าว อีลูกเมียน้อย...”

แม่สี่เอาน้ำชามาให้จ้าวไทไทพอดี ชะงักกึกที่ประตูไม่กล้าเข้าไป แต่แอบฟัง

บราลีถามว่า ทำอย่างไรตนถึงจะเปลี่ยนใจเหม่ยอิงได้ ตนอยากให้เธอกลับตัวกลับใจเลิกความคิดที่เป็นศัตรูกับทุกคน

“คนที่มันปิดตาปิดใจ มันไม่ยอมรับความจริงหรอก มันจะอยู่กับความลวงแล้วก็ตายกับความลวง มันต้องตาย...ตาย เพราะมันบังอาจมาแตะต้องเธอไงล่ะ ใครมาทำอันตรายให้เธอเจ็บปวดกายใจหรือแม้แค่สะดุ้งตกใจ มันจะพินาศไปเพราะตัวของมันเอง”

แม่สี่ตกใจแทบช็อกถอยออกหันหลังวิ่งไปราวกับสติแตก พยายามโทร.หาเหม่ยอิงแต่โทร.ไม่ติด ได้แต่คร่ำครวญ...

“เหม่ยอิง...แล้วแบบนี้แม่จะติดต่อลูกได้ยังไง ลูกอยู่ที่ไหน เป็นยังไงบ้าง...เหม่ยอิง...” แม่สี่วางโทรศัพท์ร้องไห้หนัก

เหม่ยอิงกำลังจนตรอก ถอดเครื่องประดับให้เกาเฟยเอาไปปล่อยในตลาดมืด ถามเกาเฟยว่าเขามีเงินติดตัวเท่าไร พอรู้ว่าหมื่นเหรียญก็แสยะยิ้มพูดเยาะว่า แค่นี้จะเอาไปทำอะไรได้

เกาเฟยเสนอให้ไปอยู่เมืองไทยกับตน รับรองว่าตนเลี้ยงดูเธอได้ เหม่ยอิงคิดหนักมองออกไปนอกหน้าต่าง ฉุกคิดอะไรได้ ออกไปที่ร้านเสื้อหรูที่คุณนายหวังเป็นเจ้าประจำ เจอคุณนายหวังพอดี เหม่ยอิงวางมาดคุณหนูผู้สูงศักดิ์เดินเข้าไปทัก คุณนายหวังมองอึ้งบอกว่าเธอเปลี่ยนแปลงไปเยอะจนจำเกือบไม่ได้

เหม่ยอิงโกหกว่า ตนลืมกระเป๋าสตางค์ไว้ที่บ้าน แต่อยากซื้อรองเท้าสักคู่ ถามว่าคุณนายพอจะกดเงินสดให้ยืมสักห้าแสนเหรียญได้ไหม คุณนายหวังสะดุ้งใจแต่ยิ้มกลบเกลื่อน เหม่ยอิงรับปากว่ากลับถึงบ้านจะโอนคืนให้ทันที คุณนายหวังอ้างว่าเงินหนึ่งแสนเหรียญคงต้องไปเบิกที่ธนาคาร ชวนไปด้วยกัน เหม่ยอิงขอรออยู่ที่นี่

“ค่ะๆ ไม่เกินห้านาที เดี๋ยวมานะคะ” คุณนายหวังรับปากแต่มองอย่างรู้ทัน พอออกพ้นหน้าเหม่ยอิงก็เบ้ปากพูด “เดี๋ยวนี้ทำตัวแบบนี้เองเหรอ แปลกพิลึกจริง แต่ห้าแสนเหรียญ...เชอะฝันไปเถอะจ้ะ” ว่าแล้วหอบของพะรุงพะรังหลบไปเลย

คุณนายหวังรีบไปที่รถโยนของไว้เบาะหลัง แล้วรีบขึ้นนั่งที่คนขับ พลันก็ตกใจเมื่อประตูรถอีกข้างเปิดออก เหม่ยอิงเอาปืนจ่อสั่งให้เอาเงินที่มีอยู่ออกมาและเอาของที่คุณนายหวังเพิ่งซื้อมาไปทั้งหมด ได้เงินได้ของแล้วขู่ว่า

“อย่าได้คิดไปแจ้งความ เพราะถ้าเรื่องนี้ไปถึงหูตำรวจเมื่อไหร่ เรื่องที่เธอเป็นชู้กับข้าราชการชั้นผู้ใหญ่คนนั้น...ก็จะไม่เป็นความลับอีกต่อไป เข้าใจ?”

ปล้นของและเงินจากคุณนายหวังแล้ว กลับไปที่ห้องแถวแคบๆ ที่อยู่กับเกาเฟย บอกว่าตอนนี้ตนมีเงินแล้วและก็จะหนีไปจากเกาะบ้าๆ นี่เสียที

เกาเฟยอ่อยว่าตนกำลังวางแผนจะเข้าไปที่บ้านสี่ฤดู และจัดการบราลี แต่พูดไม่ทันขาดคำ ประตูถูกถีบผางออก พันหงปิงกับสมุนกรูเข้ามา และจับทั้งสองคนไปมัดปากและมัดทั้งสองไว้กับเก้าอี้ที่ตึกแถวแคบๆ อีกที่หนึ่ง ยึดเงินที่เหม่ยอิงปล้นจากคุณนายหวัง แต่ยังพูดอย่างโอหังว่า

“เงินกระจอกแค่นี้มันไม่พอสำหรับพันหงปิงหรอกเว้ย เราต้องการเงินก้อนใหญ่กว่านี้ เราไม่มีอะไรจะเสียอีกแล้ว...ถึงเวลาที่เราจะมาร่วมมือกันสำหรับแผนการระดับชาติที่ฉันเพิ่งคิดขึ้นมาได้” พูดแล้วระเบิดหัวเราะออกมาอย่างสะใจ

ooooooo

ขณะที่จ้าวซันกำลังประชุมแก้วิกฤติของฉินเย่ว์กรุ๊ปอยู่นั้น เต๋อเป่าผลักประตูเข้ามา ตามด้วยภูสินทร จ้าวซันลุกพรวดอย่างคิดไม่ถึง ภูสินทรเข้ามาบอกว่าเจ้าหลวงพระองค์ใหม่อยากคุยกับฝ่าบาท ทำเอาทุกคนในที่ประชุมงง

จ้าวซันออกไปโทรศัพท์คุยกับศิขรนโรดม ธุระสำคัญของศิขรนโรดมคือต้องการให้จ้าวซันไปเป็นประธานในงานแต่งงานของตนกับมิถิลา จ้าวซันบอกว่าทางนี้มีปัญหาค่อนข้างวิกฤติตนคงไปไหนไม่ได้อีกระยะหนึ่ง

ศิขรนโรดมบอกว่า ตนจะรอจนกว่าเจ้าพี่มาเป็นประธานในพิธีจึงค่อยจัดพิธีแต่งงาน นานเท่าไรก็จะรอ

อสุนีไม่พอใจถามว่าจะเลื่อนหมายกำหนดการออกไป เพื่อรอน่านปิงพระองค์เดียว ทั้งๆที่พระครูท่านวางฤกษ์ยามเอาไว้แล้วและทุกอย่างก็เตรียมพร้อมแล้วกระนั้นหรือ

“องค์น่านปิง...องค์เดียว แต่ก็คือคนที่ยกราชบัลลังก์ ยกคีรีรัฐทั้งแผ่นดินให้เราครอบครองยังไงล่ะอสุนี”

อสุนีบ่นกับมิถิลาอย่างไม่พอใจมากว่า “เรื่องทุกเรื่อง ที่เป็นความสำคัญของบ้านเมือง เจ้าหลวงศิขรนโรดมจะขึ้นอยู่กับเจ้าพี่ตลอดเวลา ทรงไม่กล้าทำอะไรทั้งนั้น ถ้าองค์น่านปิงไม่กำกับให้ทำ น้องว่าถ้าเจ้าหลวงทรงเป็นเช่นนี้รํ่าไป แล้วบ้านเมืองเรามันจะเป็นยังไง ทุกอย่างต้องให้องค์น่านปิงทรงมีพระบัญชาก่อนงั้นหรือ!?”

มิถิลาฟังแล้วอึ้ง...

ooooooo

เมื่อถูกจ้าวซันกำหนดให้เป็นผู้รับผิดชอบดูแลฉินเย่ว์กรุ๊ปแทนเหม่ยอิง ผิงอันเปลี่ยนแปลงตัวเอง เริ่มต้นจากเสื้อผ้า เธอแต่งได้เหมาะสมกับวัยที่ดูแล้วสวย สง่า จนทุกคนที่เห็นพากันชม

บราลีชื่นชม บอกว่าจะไปตามคุณนายสี่มาดู

อาม่าบอกว่าไม่ต้องไปตาม เพราะคุณนายสี่ไปไหว้เจ้าแม่กวนอิมขอพรเรื่องอะไรหลายอย่าง อากงถามว่าไปคนเดียวหรือ บ่นอย่างกังวลว่า

“ที่จริงช่วงนี้ไม่ควรมีใครไปไหนตามลำพังนะ บ้านเราไม่ได้อยู่ในสภาวะปกติ”

“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ หนูจะไม่ถอดชุดนี้ รอจนกว่าแม่จะกลับมาเห็นเสียก่อน” ผิงอันยิ้มสดใส

พอดีฉินเจียงจูงซูหลิงเข้ามา ถามว่าทำอะไรกันอยู่ พอเห็นผิงอันก็ชมเปาะ

“โอ้โห...ซายหมุยหรือนี่ ทำไมสวยจัง เป็นสาวแล้วสวยยิ่งกว่ายัยเหม่ยอิงซะอีกนะเนี่ย” ผิงอันติงพี่ชายอย่าพูดอย่างนี้ “ทำไม ก็พี่พูดความจริงนี่ จริงไหมครับคุณบราลี ผิงอันคนนี้คืออนาคตของตระกูลจ้าวจริงๆ เลย เธอต้องฝากเนื้อฝากตัวกับน้องแล้วนะจ๊ะที่รัก...คนนี้แหละที่ลูกชายของเราจะได้พึ่งพาต่อไป” ฉินเจียงหันไปกำชับซูหลิง

ทุกคนที่ฟังอยู่ทำหน้าไม่ถูก บราลีได้แต่ยิ้มเจื่อนๆ

ooooooo

ที่โถงชั้นล่าง ฉินเย่ว์กรุ๊ป จ้าวซัน เต๋อเป่า เดินออกจากลิฟต์ อาหลี่ถือกระเป๋าตามมา

พันหงปิงส่งคนปลอมเป็นพนักงานทำความสะอาดสองคนดักรออยู่ พอจ้าวซันกับเต๋อเป่าและอาหลี่ออกไป มันก็โทร.บอกเกาเฟยทันทีว่า “กำลังออกจากบริษัท รออยู่ที่นั่นแหละครับพี่เฟย แค่นี้นะ” อีกคนแสยะยิ้มพึมพำ “ชะตาขาดแน่!”

จ้าวซัน เต๋อเปา และอาหลี่เข้าไปในร้านฟาสต์ฟู้ดที่เหลือเปิดอยู่ร้านเดียวเพราะดึกแล้ว ปรากฏว่าพวกพันหงปิงมาซุ่มอยู่ก่อนแล้ว พอทั้งสามเข้าไปก็ถูกพวกพันหงปิงเกือบสิบคนมีผ้าดำคาดหน้า กรูกันเข้ามาทันที จ้าวซัน เต๋อเป่า และอาหลี่กระโดดไปหลบหลังเคาน์เตอร์

“ยิง! ฆ่าได้ทุกคนยกเว้นจ้าวซัน...จับมันมาให้ได้” พันหงปิงตะโกนก้อง สมุนพันหงปิงยิงกราดจนข้าวของในร้านแตกกระจาย แต่ไม่มีการเคลื่อนไหวของพวกจ้าวซัน พันหงปิงตะโกนสำทับ “จ้าวซัน ถ้าไม่อยากให้มีใครตาย ก็ออกมาเสียดีๆ”

พนักงานหญิงในร้านสองคนกลัวจนตัวสั่น คนหนึ่งลุกวิ่งหนีถูกยิงกระสุนเจาะกลางหลังล้มขาดใจตายคาที่

“พวกเราบุกเว้ย” พันหงปิงตะโกน

“รีบไปหาที่ซ่อนเร็ว หาทางเปิดไฟในร้านให้ได้ และก็โทรศัพท์เรียกตำรวจเร็วสิ” จ้าวซันบอกพนักงานที่เหลือ พอพนักงานคนนั้นวิ่งไป พันหงปิงก็กระโดดข้ามเคาน์เตอร์เข้ามา ถูกอาหลี่ที่ซุ่มอยู่หงายหลังยกเท้าถีบกระเด็นออกไป จ้าวซันกระโดดตามไปเล่นงาน ระหว่างนั้น สมุนพันหงปิงสองคนถือมีดวิ่งมาช่วย เลยกลายเป็นสามรุมหนึ่ง

แม้จะถูกรุม แต่จ้าวซันก็สู้จนพวกมันทำอะไรไม่ได้ พันหงปิงชักปืนออกมายิงไปชุดหนึ่งกระสุนกลับถูกสมุนตัวเองล้มไปคนหนึ่ง เกาเฟยกับจ้าวซันต่างหาที่หลบเบียดกันอยู่หลังท่อน้ำข้างกำแพง ผ้าคาดหน้าเกาเฟยหลุด

“ไอ้เกาเฟย” จ้าวซันเห็นเต็มตา แต่เป็นจังหวะที่พันหงปิงถือปืนเดินกร่างตามมา จ้าวซันจึงกระโดดไปจะจับพันหงปิงแต่พลาดท่าถูกสมุนพันหงปิงรวบตัวไว้ เกาเฟยพุ่งมาจับแขนบิดทันที

แต่ขณะจ้าวซันกำลังตกอยู่ในอันตรายนี่เอง ภูสินทร ยิงมาจากด้านหลังทำให้ทุกคนชะงัก เกาเฟยบอกว่ามันเป็นคนคีรีรัฐ ภูสินทรเข้ามาพร้อมเต๋อเป่า อาหลี่ ภูสินทรถามจ้าวซันว่าสองคนนี้จะจับเป็นหรือจับตาย

เมื่อเผชิญกับความตายตรงหน้า พันหงปิงยอมแพ้และให้จัดการเกาเฟยก่อนเลย ภูสินทรถามว่ากลัวตายเป็นเหมือนกันหรือ

“พวกเราไม่เคยกลัวตายเว้ย แต่เรากลัว...กลัวและเสียดายแทนว่าไอ้เต๋อเป่ากับไอ้คนขับรถแสนซื่ออย่างสัตว์ของจ้าวซันมันจะตายไปเสียก่อน” เกาเฟยตะโกนทำลายสมาธิ ทำให้จ้าวซันเป็นห่วงเต๋อเป่าและอาหลี่ บอกภูสินทรว่ารีบไปช่วยสองคนนั้นก่อน ทางนี้ตนจัดการเอง แล้วรับปืนจากภูสินทรสองกระบอกเล็งสองมือใส่พันหงปิงและเกาเฟย

นาทีแห่งความตายเช่นนี้ พันหงปิงเสนอทันทีว่าตนมีอะไรจะต่อรอง อะไรที่ว่านั้นคือ เหม่ยอิงนั่นเอง! ทำให้จ้าวซันชะงักแต่พอเอะใจว่าถูกหลอก ก็ถูกสมุนพันหงปิงคว้าไม้ฟาดจากข้างหลังจนปืนกระเด็นง่ามมือฉีก พันหงปิงกับเกาเฟยฉวยโอกาสนั้นวิ่งหนี ภูสินทรไล่ตามแต่มันวิ่งไปไกลเกินกว่าจะตามแล้ว

ooooooo

อาหลี่ เต๋อเป่า และจ้าวซัน ต่างได้รับบาดเจ็บ ถูกนำตัวกลับไปที่บ้านสี่ฤดู อากงทำแผลให้อาหลี่ ภูสินทรทำแผลให้เต๋อเป่า และบราลีทำแผลให้จ้าวซัน

เมื่อสถานการณ์คลี่คลาย เต๋อเป่าบอกจ้าวซันว่า เวลานี้ตัวจ้าวซันคือเป้าหมายของพวกมัน อาหลี่เชื่อว่าพวกมันต้องการอุ้มเขาเพื่อประโยชน์บางอย่างมากกว่าฆ่า เต๋อเป่าคาดว่าอาจเอาเป็นตัวประกันหรือเรียกเงิน

“มันจะใช้ฝ่าบาทเป็นกุญแจเบิกทาง ให้มันหนีออกไปจากฮ่องกงได้นั่นแหละ” ภูสินทรฟันธง

บราลีเตือนว่าจ้าวซันจะไปไหนตามลำพังไม่ได้แล้ว จ้าวซันเห็นว่าไม่ใช่เพียงตนคนเดียว แต่ทุกคนต้องเพิ่มความระมัดระวังตัวให้มากขึ้น จะประมาทไม่ได้

“และทั้งหมดนี้ ต้องเกี่ยวกับคุณหนูใหญ่ เชื่อผมสิ” เต๋อเป่าชี้ชัด ทุกคนมองหน้ากันอย่างเห็นด้วย

เมื่ออยู่กันลำพังที่สวนบ้านสี่ฤดู จ้าวซันโอบบ่าบราลีไว้พูดอย่างรักและห่วงใย

“เรามีศึกที่ต้องร่วมกันสู้อีกครั้งนึงแล้วนะ ม่านฟ้า... ตอนนี้พันหงปิงกับเหม่ยอิงกลายเป็นคนที่มีเป้าหมายเดียวกันคือตัวพี่”

“น้องเองก็เป็นคนนึง ที่เหม่ยอิงต้องการตัว น้องคิดว่าหากเราลองวางแผนเอาน้องไปเป็นตัวล่อ พวกมันต้องออกมาจัดการกับน้องทันที แล้วช่วงนั้น พวกเจ้าพี่อาจจะลงมือ” บราลีเสนอ ถูกจ้าวซันสั่งให้หยุดคิดเลย พูดอย่างเด็ดขาดว่า

“ถ้าจะต้องมีการใช้เหยื่อล่อพวกนั้น เหยื่อควรจะเป็นตัวพี่เองมากกว่า เอาสิพี่ก็อยากจะรู้เหมือนกันว่า พวกมันจะทำอะไรพี่ได้”

บราลีห้ามลนลานว่ามันอันตรายมาก แต่จ้าวซันยืนกรานว่าตนไม่อาจอยู่อย่างหลบซ่อนเพราะกลัวตายได้ ชี้ให้บราลีเห็นว่า

“เวลานี้พวกเขาจนตรอกแล้วเขาไม่มีอะไรจะเสียแล้ว เขาต้องหาทางรอดด้วยวิธีของหมาบ้าไงล่ะ”

“เจ้าพี่...เราไม่มีทางหนีอีกแล้วนะคะ เราต้องสู้... เราต้องชนะ พระต้องคุ้มครองเจ้าพี่นะคะ เพราะเจ้าพี่ทำแต่ความดีช่วยเหลือคนอื่น เสียสละตลอดเวลา คนดีต้องชนะค่ะ...น้องเชื่อ!!”

จ้าวซันกอดบราลีไว้แนบอก แอบคิดหนัก บราลีในอ้อมกอดของจ้าวซันก็แอบท้อ...เหนื่อย เช่นกัน

ooooooo

ดึกแล้ว บราลีนอนไม่หลับ เธอเดินมาที่หน้าห้องนอนจ้าวซัน พลันก็ได้ยินเสียงอากงคุยโทรศัพท์น้ำเสียงเคร่งเครียดมา เธอรีบหลบได้ยินอากงพูดขณะเดินผ่านไปว่า

“ใช่ๆ ด่วนเลยนะ มาเลย...จัดหนักมาเลย โอเคๆ”

เมื่ออากงเดินผ่านไปแล้ว บราลีเปิดประตูห้องจ้าวซันเข้าไป เห็นเขานั่งบนเตียงซบหน้ากับฝ่ามือท่าทางเหนื่อยล้าท้อแท้ เธอใจเสียเพราะไม่เคยเห็นเขาอยู่ในสภาพแย่อย่างนี้ เดินเข้าไปนั่งข้างๆ ถามว่ายังไม่นอนหรือ จ้าวซันเงยหน้ายิ้มเจื่อน บอกว่ากำลังจะนอน

บราลีให้จ้าวซันนอนคว่ำแล้วบีบนวดต้นคอเบาๆ ให้ผ่อนคลาย จ้าวซันบอกให้เธอพักผ่อนเสีย ปรารภว่า

“เป็นคนของจ้าวซันมันคงไม่สบายหรอกนะ...แต่ถ้าจะเปลี่ยนใจตอนนี้ก็คงไม่ทันแล้วล่ะ...แต่อย่าเสียใจนะ จ้าวซันเป็นคนรักเดียวใจเดียว..”

บราลีนับ หนึ่ง-สอง-สาม พูดเหมือนสะกดจิต...จงหลับ...จงหลับ...จงหลับ...จ้าวซันอมยิ้ม กอดเธอไว้จนหลับไป บราลีจึงหลับตาม...

ooooooo

วันนี้...ขณะเกาเฟยอยู่กับเหม่ยอิงที่แหล่งมั่วสุมของพวกเขา พันหงปิงถือไม้เท้าเดินเข้ามา เหม่ยอิง ถามว่าขาเจ็บหรือ

“นิดหน่อย โดนสุนัขตัวโตขัดขา เลยหกล้มเท้าแพลงนิดหน่อย”

อ่านละคร วันนี้ที่รอคอย ตอนที่ 18 วันที่ 31 ก.ค. 56

โดย บทประพันธ์โดย วราภา จากบทละครโทรทัศน์ทางช่อง 7 โดย ปราณศักดิ์สวัสดิ์
กำกับการแสดงโดย : สยาม น่วมเศรษฐี
ควบคุมการผลิตโดย : บริษัท พอดีคำ จำกัด
โดยผู้จัด : ธงชัย ประสงค์สันติ/มณีรัตน์ ประสงค์สันติ
ออกอากาศเริ่มตอนแรก วันพฤหัสบดีที่ 13 มิ.ย. 2556
ที่มา ไทยรัฐ