อ่านละคร โดมทอง ตอนที่ 13 วันที่ 13 ก.ค. 56

อ่านละคร โดมทอง ตอนที่ 13 วันที่ 13 ก.ค. 56

“เอ่อ...วิรงรองกลับไปเยี่ยมคุณแม่”

“แล้วทำไมนายคนนั้นต้องไปด้วยล่ะคะ อย่าหาว่า พิณยุเลยนะคะ เอาอกเอาใจคุณวิรงรองจนออกนอกหน้า น้าลบต้องระวังให้ดีเลย พิณโทร.มาเตือนแค่นี้แหละค่ะ สวัสดีนะคะ”

อดิศวร์วางสายสีหน้าหงุดหงิด นั่งข่มอารมณ์หึงหวงอยู่พักใหญ่กว่าจะทำใจให้สงบได้ จากนั้น เขาแวะไปหาคุณย่าที่ห้อง เพื่อสอบถามว่าสั่งการให้นายสมไป



เผาทุ่งพลับพลึงหรือ ท่านผู้หญิงสรรักษ์หน้าเครียดขึ้นมาทันที ด่านายสมว่าสาระแนเอาเรื่องนี้ไปฟ้องอดิศวร์ ท่าทางจะให้อยู่ที่นี่ไม่ได้เสียแล้ว

“นายสมไม่ได้บอกหรอกครับ แต่ผมเห็นเอง...มาถึงวันนี้แล้ว ผมอยากให้คุณย่าปล่อยวางและให้อภัยคุณปู่ท่านก็เสียไปนานมากแล้ว คุณย่าน้อยก็หายสาบสูญ ทุกคนที่ทำให้คุณย่าเจ็บช้ำน้ำใจต่างก็ล้มหายตายจากไปหมด ไม่มีใครรู้หรอกว่าคุณย่าจงเกลียดจงชังพวกเขาขนาดไหน”

“รู้ ทำไมพวกมันจะไม่รู้ วิญญาณของพวกมันก็อยู่อย่างทุกข์ทรมานเหมือนกัน ย่าขังพวกมันด้วยความแค้นของย่า” ท่านผู้หญิงสรรักษ์เข่นเขี้ยว อดิศวร์ขอให้ท่านปลงเสียบ้าง เคียดแค้นไปก็ยิ่งเผาใจตัวเองทำให้ไม่มีความสุข ท่านผู้หญิงสรรักษ์ไม่พอใจมาก ไล่เขาไปให้พ้นหน้า และไม่ต้องให้ใครมาอยู่เป็นเพื่อน ท่านอยากอยู่คนเดียว อดิศวร์บีบมือท่านเบาๆแล้วลุกออกไป...

ฝันร้ายยังคงตามมาหลอนวิรงรองให้หลับไม่เป็นสุข ครั้งนี้เธอฝันเห็นตัวเองเป็นคุณพลับพลึงกำลังสีซอสามสายเพลงนางครวญอยู่ในห้องพักที่โดมทอง โดยมีท่านเจ้าคุณสรรักษ์ยืนมองมาด้วยสายตาเปี่ยมไปด้วยความรัก ทันใดนั้นมีเสียงท่านผู้หญิงสรรักษ์ตะโกนเรียก “อีพลับพลึง” ลั่น ก่อนจะกระชากตัวเธอมาเฆี่ยนด้วยหวายไม่ยั้ง จนกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด

วิรงรองตกใจตื่นร้องลั่น มือปัดตามเนื้อตัวบริเวณที่ถูกเฆี่ยนในฝัน แต่แล้วก็ถอนใจโล่งอก เมื่อเห็นเนื้อตัวของตัวเองไม่ได้มีร่องรอยหวายแม้แต่น้อย

ooooooo

เช้าวันถัดมา วิรงรองต้องแปลกใจเมื่ออดิศวร์มาหาที่บ้าน อ้างว่ายังคาใจเรื่องที่เธอถึงตัดสินใจทิ้งโดมทองมา ถ้าเธอมีเหตุผลพอ เขาจะไม่รบกวนอีกเลย

“ทุกอย่างคุณเองก็รู้อยู่แก่ใจ”

อดิศวร์ยังไม่ทันจะอ้าปากพูดอะไร ปรางเดินออกมาเสียก่อน วิรงรองทนเห็นหน้าเขาต่อไปไม่ไหวฝากแม่ดูแลเขาแทนเธอด้วยแล้ววิ่งขึ้นห้องไปเลย ปรางจะทักท้วงก็ไม่ทัน ขอโทษอดิศวร์แทนลูกสาวของตนด้วย แล้วสั่งให้เด็กรับใช้จัดอาหารเช้าเพิ่มอีกหนึ่งที่ อดิศวร์ไม่อยากให้ต้องลำบาก เดี๋ยวเขาไปหาอะไรกินข้างทางได้

“ไม่ได้ค่ะ แม่หนูไปอยู่ที่โดมทองมาตั้งนานแล้วคุณอดิศวร์ก็ช่วยดูแลอย่างดี”

“ผมคงดูแลไม่ค่อยดีนัก เธอถึงได้หนีกลับมา” อดิศวร์หน้าหมองลงทันที ปรางอดถามไม่ได้ว่ามีเรื่องอะไรกัน ถามลูกก็ไม่ยอมเล่าให้ฟัง อดิศวร์เองก็ไม่รู้เหมือนกัน อยู่ดีๆวิรงรองก็ตัดสินใจกลับบ้าน

“ถ้าอยู่ดี แกคงไม่กลับหรอกค่ะ ดิฉันว่าน่าจะอยู่ไม่ค่อยดีเสียมากกว่า” ปรางตำหนิกลายๆ แล้วขอตัวขึ้นไปตามลูกให้ เธอหายขึ้นไปสักพัก ลงมาแจ้งว่าวิรงรองไม่อยากพบ

“ไม่เป็นไรครับ ในเมื่อเธอไม่อยากพบ ผมก็จะกลับ”

“งั้นกินข้าวด้วยกันก่อนเถอะค่ะ เด็กน่าจะเตรียมเสร็จเรียบร้อยแล้ว” ปรางพูดจบ เดินนำอดิศวร์ไปยังห้องอาหาร...

ในเวลาเดียวกัน ท่านผู้หญิงสรรักษ์มาที่ห้องกินข้าวไม่เจอหลานชายอยู่ที่นั่นก็ถามหา อุษาได้แต่อ้ำๆอึ้งๆไม่กล้าตอบ แสงแขรีบฟ้องว่าอดิศวร์ไปธุระที่กรุงเทพฯ

“คงไปหานังนั่นละสิ...เหมือนกันไม่มีผิด” ท่านผู้หญิงสรรักษ์พาลด่าไปถึงท่านเจ้าคุณผู้เป็นสามี แล้วสั่งให้อุษาโทร.ไปถามคุณหญิงแก้วว่าอดิศวร์แวะไปที่บ้านนั้นหรือเปล่า แสงแขไวกว่าแย่งเบอร์ไปโทร.เอง คุณหญิงแก้วไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขามากรุงเทพฯ แต่จะถามพิณทองดู เพราะสองน้าหลานสนิทกัน

“หนูแขมีเบอร์หนูพิณหรือเปล่าล่ะจ๊ะ หรือว่าจะให้น้าโทร.ให้”

“แขขอรบกวนคุณน้าให้ช่วยถามด้วยก็แล้วกันเพราะคุณย่าเป็นห่วงกลัวว่าจะไปตามง้อแม่วิรงรองน่ะค่ะ”

“วิรงรองกลับมากรุงเทพฯ แล้วหรือจ๊ะ” คุณหญิงแก้วน้ำเสียงตื่นเต้น ยิ่งได้รู้ว่าวิรงรองถอนหมั้นอดิศวร์ถึงกับยิ้มสะใจที่แผนสร้างความร้าวฉานสำเร็จด้วยดี...

หลังจากกินมื้อเช้าเสร็จ ปรางออกมาส่งอดิศวร์ที่รถ รับปากว่าจะสอบถามสาเหตุที่วิรงรองถอนหมั้นให้ เขายกมือไหว้ขอบคุณล่วงหน้า ก่อนจะขึ้นรถขับออกไป โดยมีสายตาของวิรงรองมองตามจนรถของอดิศวร์ลับ

สายตา ครู่ต่อมา ปรางขึ้นไปต่อว่าวิรงรองว่าทำไมทำตัวเป็น เด็กๆหนีมาโดยไม่มีเหตุผล แล้วสั่งให้เล่ามาว่ามีเรื่องอะไรกันแน่ วิรงรองขยับจะทักท้วง ปรางชิงพูดตัดหน้าเสียก่อน

“ไม่ต้องมาอ้างโน่นอ้างนี่ เล่ามาให้หมดเดี๋ยวนี้” ปรางเสียงเข้ม

ooooooo

คุณหญิงแก้วทนเก็บเรื่องสะใจไว้คนเดียวไม่ไหวรีบโทร.ตามเพื่อนรักเพื่อนซี้มาที่บ้านให้มารับรู้ด้วย ต่างเป็นปลื้มที่แผนการตามจองล้างจองผลาญประสบผลสำเร็จ แต่คุณหญิงวัชรีอดเป็นกังวลไม่ได้ พิชญ์อาจจะกลับไปหาวิรงรองอีก เพราะตอนนี้กำลังระหองระแหงกับพิณทองอยู่

“ขอบอกก่อนว่าพี่ไม่รับมันเป็นสะใภ้แน่ ให้มันได้กับคุณลบไปก็ยังดีกว่าได้กับพิชญ์”

“แหมคุณพี่ขา ก็เราตกลงกันแล้วไงคะว่าจะตามผจญจนมันทนไม่ได้ ถ้าถึงที่สุดแล้วก็ไปลงพวกข่าวสังคมเลย น้องมีพรรคพวกเยอะแยะ ว่าแต่ตอนนี้ตาพิชญ์ยังไม่รู้ใช่ไหมคะ”

คุณหญิงวัชรีส่ายหน้า จะให้พิชญ์รู้ไม่ได้เด็ดขาด...

ทางด้านปรางไม่เชื่อว่าอดิศวร์จะเป็นอย่างที่

วิรงรองกล่าวหาเพราะดูท่าแล้วไม่ใช่คนเหลาะแหละ

วิรงรองยืนยันว่าเขาเป็นคนอย่างนั้นจริงๆขนาดวางแผนดึงเธอไปอยู่โดมทองเพื่อกันให้ห่างจากพิชญ์ยังทำได้แนบเนียนมาแล้ว ดังนั้นเรื่องประกาศหมั้นหลอกๆก็คงไม่เกินความสามารถ ปรางจะลองสอบถามอดิศวร์ให้

“เขาก็ต้องปฏิเสธ คนอย่างเขาไม่มีทางยอมรับให้เสียหน้าหรอกค่ะ”

ในเมื่อวิรงรองปักใจเชื่อเสียแล้ว ปรางจำต้องปล่อยเลยตามเลย...

ฝ่ายอดิศวร์ไม่รู้จะทำอย่างไรต่อไปดี นึกถึงหลานรักขึ้นมาได้โทร.นัดให้มาเจอที่ร้านกาแฟแห่งหนึ่งเพื่อปรับทุกข์ด้วย พิณทองอาสาจะไปอธิบายให้วิรงรองเข้าใจเอง เพราะตนก็มีส่วนต้องรับผิดชอบที่เอาเรื่องของอดิศวร์กับวิรงรองไปพูดให้แม่ฟัง อดิศวร์บอกปัดทันทีว่าไม่ต้อง คนเราถ้าจะอยู่ด้วยกันต้องมีความหนักแน่น

“แต่ก็นั่นล่ะ เธอไม่ได้อยากอยู่กับน้า เธอหาเรื่องออกจากโดมทองตลอดเวลา...แล้วเรื่องของคุณพิณล่ะ”

“ก็ทรงๆอยู่ค่ะ ไม่ได้ถึงกับทรุดแต่ก็ไม่ดีขึ้น พิณเฉยๆแล้วค่ะ ไม่อยากใช้ทะเบียนสมรสดึงเขาไว้กับตัวเอง” พิณทองพูดจบ เสยกกาแฟขึ้นจิบเพื่อปกปิดความเศร้า แต่ไม่พ้นสายตาของอดิศวร์...

พิณทองมั่นใจว่าแม่ของตัวเองมีส่วนเกี่ยวข้องกับการที่วิรงรองถอนหมั้นอดิศวร์และหนีกลับกรุงเทพฯทั้งๆที่ทั้งคู่เพิ่งจะปรับความเข้าใจกันได้ แม้แม่จะปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา แต่เธอรู้สึกว่าตัวเองมีส่วนต้องรับผิดชอบจึงตัดสินใจไปหาวิรงรองที่บ้าน สารภาพว่าเธอเป็นต้นเหตุทำให้วิรงรองกับน้าลบเข้าใจผิดกัน

“น้าลบโทร.คุยกับพิณเรื่องที่กำลังเข้าใจกันดีกับคุณวิ พิณยังบอกว่าพิณจะเลี้ยงแสดงความยินดีให้หลังจากนั้นพิณก็เล่าให้คุณแม่ฟัง เรื่องมันน่าจะเริ่มจากตรงนี้...”

“แต่คุณแม่คุณพิณทราบเบอร์โทรศัพท์ของดิฉัน”

“คุณแม่อาจจะเปิดดูในเครื่องของคุณพ่อก็ได้ เชื่อพิณเถอะค่ะน้าลบเป็นคนดีแล้วก็รักคุณวิมาก พิณขอยืนยันว่าน้าลบไม่รู้เรื่องท่ีพิณมาที่นี่ ขนาดตอนแรกพิณบอกว่าจะมาอธิบายให้คุณฟัง น้าลบยังห้ามเลย”

“เขาคงคิดว่าเข้าใจอย่างนั้นก็ดีแล้วมั้งคะ” วิรงรองว่าประชด พิณทองรับรองว่าอดิศวร์ไม่ใช่คนแบบนั้นและที่เธอมาพูดให้ทั้งคู่คืนดีกันก็ไม่ใช่ทำเพื่อกันพิชญ์ออกไปเช่นกัน เธอกำลังจะหย่ากับเขา แต่ถ้าวิรงรองยังรักพิชญ์อยู่ เธอก็จะไม่โกรธเหมือนกันที่วิรงรองจะกลับไปคบกับเขา วิรงรองยืนกรานไม่มีวันจะเป็นเช่นนั้น

“พิณพูดความจริง”

“ดิฉันก็พูดความจริงเช่นกัน” สองสาวสบตากันต่างยิ้มให้กันด้วยมิตรไมตรีที่ดี

ooooooo

ขณะที่อดิศวร์กำลังเลี้ยวรถเข้าไปจอดใต้ถุนคอนโดฯที่พักของตัว มีเสียงมือถือของเขาดังขึ้น เขาเห็นชื่อวิรงรองที่หน้าจอมือถือรีบกดรับสายด้วยความดีใจ

“ดิฉันขอโทษที่เข้าใจผิดค่ะ” วิรงรองพูดแค่นั้นแล้วปิดเครื่องทันที อดิศวร์โทร.กลับไป มีเพียงเสียงตอบรับอัตโนมัติ จึงรีบขับรถไปหาวิรงรองที่บ้านทันที...

ด้านพิณทองกลับถึงบ้านอย่างไม่ค่อยสบายใจนัก บ่นให้พ่อของเธอฟังว่าไม่แน่ใจตัวเองเหมือนกันว่าทำถูกหรือเปล่าที่ไปหาวิรงรอง เพราะอาจทำให้อดิศวร์ตำหนิมาถึงแม่ของเธอได้ รัฐมนตรีพจน์โทษว่าเป็นเพราะคุณหญิงแก้วทำตัวเอง คนเขารักกันอยู่ดีๆก็ไปสร้างเรื่องให้พวกเขาผิดใจกัน

“ไม่ต้องคิดมาก พ่อขอคอนเฟิร์มว่าหนูทำถูกแล้ว” รัฐมนตรีพจน์ว่าพลางลูบหัวลูกอย่างให้กำลังใจ...

ไม่นานนัก อดิศวร์มาถึงบ้านวิรงรอง ในเมื่อฝ่ายหญิงเปิดทางให้ง้อแล้ว เขาไม่รอช้าถามเธอว่าจะกลับโดมทองเมื่อไหร่ ที่นั่นรอเธออยู่

“ไม่จริงมั้งคะ”

“เธอไม่อยากรู้ความลับในโดมทองอีกแล้วหรือ กลับไปด้วยกันเถอะ แล้วคราวนี้ฉันจะช่วยเธอเอง” อดิศวร์สบตาวิรงรองนิ่งเพื่อยืนยันคำพูดของตัวเอง...

ระหว่างขับรถกลับคอนโดฯที่พัก อดิศวร์โทร.แจ้งข่าวดีให้พิณทองรู้เป็นคนแรก เธอดีใจกับเขาด้วยที่วิรงรองยอมกลับโดมทอง แล้วถามว่าเมื่อไหร่เขาถึงจะให้เธอเลี้ยงแสดงความยินดี

“เอาไว้น้าลบจะบอก ขอบใจคุณพิณมาก”

“ไม่เป็นไรค่ะ พิณเต็มใจช่วยอยู่แล้ว...กู๊ดไนต์ค่ะ” พิณทองวางสายอย่างโล่งใจ...

ทางฝ่ายวิรงรองนอนไม่หลับ เดินกลับไปกลับมาอยู่ในห้องตัวเองหลายตลบคิดหาทางช่วยเหลือพิณทองตอบแทนที่ช่วยให้เธอกับอดิศวร์ปรับความเข้าใจกันได้ ตัดสินใจหยิบโทรศัพท์บ้านที่วางอยู่ใกล้ๆมือขึ้นมาโทร.หาพิชญ์ซึ่งนั่งใจลอยอยู่หน้าจอทีวีเขาปล่อยให้เสียงเรียกเข้าดังอยู่สักพักจึงหยิบมือถือขึ้นมาดู รีบรับสายด้วยความตื่นเต้นดีใจ วิรงรองขอโทษเขาด้วยที่โทร.มาดึกๆดื่นๆ

“ไม่เป็นไร ผมดีใจที่พลับพลึงโทร.มา ดีใจที่สุดเลย นี่...พลับพลึงกลับมาอยู่ที่บ้านตั้งแต่เมื่อไหร่ คุณจะไม่กลับไปโดมทองอีกแล้วใช่ไหม...” พิชญ์ถามเป็นชุด

“จะกลับพรุ่งนี้เย็นจ้ะ...พรุ่งนี้เช้า พิชญ์มาที่บ้านพลับพลึงหน่อยได้ไหม”

ooooooo

แม้จะเจ็บปวดใจเพียงใด แต่พิชญ์ก็มาหาวิรงรองตามนัด หญิงสาวระมัดระวังคำพูดเพื่อไม่ให้เขาเข้าใจผิดว่าเธอยังมีใจให้ กระทั่งสรรพนามแทนตัวเอง ที่เคยใช้ว่า “พลับพลึง” เธอก็เลี่ยงไปใช้คำว่า “ฉัน” แทนที่จนพิชญ์มีเคือง วิรงรองรีบพูดเข้าประเด็นให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้

“ฉันอยากจะคุยกับพิชญ์เรื่องคุณพิณทอง”

“ไม่จำเป็น ผมไม่ได้รักพิณ ผมแต่งงานกับพิณก็เพราะถูกคุณแม่บังคับ”

“แล้วพิชญ์ก็แต่ง...แต่งแล้วพิชญ์ก็ทำให้คุณพิณเจ็บช้ำน้ำใจทั้งที่คุณพิณทองไม่ได้มารับรู้อะไรด้วยเลย

ฉันอยากให้พิชญ์คิดดูดีๆ ถ้าพิชญ์รู้ว่าการแต่งงานจะไปไม่รอด พิชญ์ก็ไม่ควรยอมทำตามคุณแม่ตั้งแต่แรก เพราะคนที่เสียหายที่สุดคือคุณพิณทอง มันไม่ยุติธรรมกับเธอ”

“พิณก็ต้องทำตามที่คุณแม่ของเธอบังคับเหมือนกัน”

“เชื่อสิ ถ้าพิชญ์บอกว่าพิชญ์มีคนรักอยู่แล้วยังไง คุณพิณทองก็ไม่ยอมแต่งด้วย แต่นี่พิชญ์ไม่ได้บอกเธอจริงไหม เพราะฉะนั้นพิชญ์ก็ควรจะรับผิดชอบ...คุณพิณทองเป็นผู้หญิงที่เพียบพร้อม แล้วเธอก็รักคุณมาก”

“เพราะคุณหมดรักผมแล้วใช่ไหมล่ะ ถึงได้เชียร์คนอื่น” พิชญ์ไม่วายตัดพ้อ

“เธอเป็นภรรยาคุณไม่ใช่คนอื่นซึ่งนั่นสำคัญที่สุด คุณเป็นคนตัดสินใจเอง แล้วฉันก็คิดว่าคุณตัดสินใจถูก

แล้วขอให้พิชญ์โชคดีนะคะ” วิรงรองหวังลึกๆ ว่าคำพูดของตัวเองจะทำให้พิชญ์ได้คิด...

ขณะที่วิรงรองพยายามช่วยชีวิตสมรสของพิชญ์กับพิณทอง ท่านผู้หญิงสรรักษ์รู้ดีว่าแสงแขไม่อาจผูกมัดใจอดิศวร์ได้ จึงเบนเข็มไปหาอุษา ถามหยั่งเชิงว่ารักอดิศวร์บ้างไหม เธอรักและเคารพเขาเหมือนพี่ชายไม่เคยคิดเป็นอื่น ท่านหาว่าอุษาใฝ่ต่ำเฝ้าแต่หลงรักพันธ์สูรย์ถึงไม่สนใจหลานชายของท่าน อุษาไม่โต้ตอบอะไร หยิบแก้วใส่ยาก่อนนอนยื่นให้ ท่านผู้หญิงสรรักษ์ปัดกระเด็น หาว่าเธอจะวางยาพิษ

“นี่เป็นยาที่คุณย่ากินเป็นประจำนะคะ”

“ใครจะไปรู้ว่าแกหรือนังแสงแขจะเอายาพิษมาเปลี่ยนให้เมื่อไหร่”

อุษาถึงกับน้ำตาคลอเบ้าที่ถูกมองในแง่ร้าย ยืนยันว่าเธอกับน้องไม่มีวันทำอย่างนั้นต่อผู้มีพระคุณอย่างคุณย่าเด็ดขาด ท่านไม่เชื่อ และไม่ไว้ใจใครหน้าไหนทั้งนั้น แล้วพาลไล่ตะเพิดอุษาไปให้พ้นหน้า

ooooooo

ไฟแค้นที่สุมอกทำให้ท่านผู้หญิงสรรักษ์นอนหลับไม่สนิทเหมือนเช่นเคย ฝันร้ายว่ามีเสียงคนเดินลากโซ่ตรวนมาหยุดหน้าห้อง ท่านลืมตาตื่น เงี่ยหูฟัง เสียงลากโซ่ตรวนค่อยๆ เดินผ่านเลยไป ตัดสินใจออกไปดูเห็นหลังใครไวๆ กำลังเลี้ยวมุมตึก รีบเดินตามจนกระทั่งร่างนั้นเข้าไปในห้องพักของวิรงรอง

ท่านผู้หญิงสรรักษ์สาวเท้าตามเข้าไป แต่ต้องผงะเมื่อเห็นว่านั่นคือร่างของผีพลับพลึง

“คุณพี่...คุณพี่กำลังจะพ่ายแพ้” เสียงผีพลับพลึงแหบโหยหวนชวนขนหัวลุก

“ไม่มีวัน ไปให้พ้น นังผีบ้า ออกไปจากบ้านฉัน” ท่านผู้หญิงสรรักษ์ตะเพิดจบหันหลังจะออกจากห้อง ผีพลับพลึงปรากฏตัวขึ้นตรงหน้าอีก

“ดิฉันไปไหนไม่ได้ คุณพี่ก็รู้ว่าดิฉันไปไหนไม่ได้...ไปไม่ได้” เสียงโหยหวนนั้นทำให้ท่านผู้หญิง

สรรักษ์สะดุ้งตื่น เจออุไรซึ่งยื่นหน้าเข้ามาดูเพราะเห็นท่านละเมอร้องเอะอะ ท่านถีบโครมเพราะคิดว่าเป็นผีพลับพลึง

อุไรถึงกับหงายหลังตึง “ท่านผู้หญิงขา นี่อุไรเองค่ะ”

ท่านผู้หญิงสรรักษ์รู้สึกตัว เหลียวมองไปรอบๆ ตะโกนโหวกเหวกว่าผีพลับพลึงหายไปไหน อุไรกลัว

ลนลานหลับหูหลับตาโดดกอดท่านไว้แน่น ท่านผู้หญิงสรรักษ์ดิ้นหลุด ถีบซ้ำอีกโครมแล้วสั่งให้เงียบ

“นังพิศหรือ” ท่านผู้หญิงสรรักษ์ว่าพลางมองไปยังมุมมืดของห้อง อุไรกลัวจัดรีบคลานกลับที่นอนตัวเองดึงผ้ามาคลุมโปง พลันมีเงาดำๆ ของพิศปรากฏขึ้น ท่านต่อว่ายกใหญ่ว่าทำไมปล่อยให้ผีพลับพลึงมาหลอกท่าน

“ท่านเจ้าขา ปล่อยบ่าวไปเถิดเจ้าค่ะ”

“เอ็งยังไปไหนไม่ได้ เอ็งต้องช่วยข้าไล่นังพลับพลึงไป มันคอยมารบกวนข้าแทบทุกคืน”

พิศพยายามจะขอร้องให้ท่านผู้หญิงสรรักษ์ปล่อยให้ตนไปผุดไปเกิด แต่ท่านไม่ฟัง หนำซ้ำยังสั่งให้หุบปาก และทำหน้าที่ของตัวเองต่อไป จากนั้น ท่านเอนตัวลงนอน ทุกอย่างกลับเข้าสู่ความเงียบ อุไรค่อยๆเปิดผ้าคลุมโปงแค่ลูกตาออกมาดู ต้องตกใจแทบสิ้นสติเมื่อเห็นพิศบิดคอมามอง เธอรีบคลุมโปงอย่างเดิม

ooooooo

อุไรทนหวาดกลัวต่อไปไม่ไหว ระหว่างช่วยอุษาเตรียมอาหารเช้าให้ท่านผู้หญิงสรรักษ์ จึงขออนุญาตเธอไม่นอนเฝ้าท่านอีกแล้ว เมื่อคืนนี้จะเป็นครั้งสุดท้าย เจ้านายสาวพอจะเดาเหตุการณ์ออกถามว่าอีกแล้วหรือ

“ค่ะ เห็นจะจะเป็นครั้งที่สองที่สามแล้วมั้งคะ แล้วอุไรก็ไม่ได้ฝันด้วย โธ่ พูดแล้วยังขนหัวลุกอยู่เลย”

“เอาเถอะ คืนนี้ฉันจะไปนอนเฝ้าเอง แล้วอย่าไปเล่าให้ใครฟังล่ะ เดี๋ยวจะกลัวกันหมด”

“ค่ะ...เอ่อ...คุณอุษาจำได้ไหมคะที่คุณวิเห็นผู้หญิงแต่งตัวเหมือนคนโบราณมายืนมองเธอ อุไรว่าต้องเป็นคนเดียวกันแน่ๆเลยค่ะ” อุไรขนลุกซู่ เหลียวซ้ายแลขวาสีหน้าหวาดๆ...

ทางฝ่ายวิรงรองกับอดิศวร์วางแผนจะกลับโดมทองตั้งแต่ตอนเย็นเมื่อวาน แต่ติดขัดบางอย่างจึงเลื่อนมากลับวันนี้แทน พอเห็นยังมีเวลาเหลือ พากันแวะมาหาพิณทองที่บ้าน ทั้งรัฐมนตรีพจน์และพิณทองต้อนรับขับสู้อย่างดีชวนให้กินมื้อเช้าด้วยกัน แต่คุณหญิงแก้วกลับเป็นตรงกันข้ามหมดอารมณ์จะกินข้าวทันทีที่เห็นหน้า

วิรงรอง ลุกหนีไปหน้าตาเฉย รัฐมนตรีจะตามไปต่อว่าแต่วิรงรองเรียกไว้

“คุณลุงคะ หนูว่าหนูกลับก่อนดีกว่า” วิรงรองว่าแล้วหันไปพยักพเยิดกับอดิศวร์ซึ่งพยักหน้าตอบ

“อย่าให้มีเรื่องกันเพราะผมกับวิรงรองเลยครับ”

พิณทองขอโทษอดิศวร์กับวิรงรองแทนแม่ของเธอด้วย แล้วชวนพ่อออกไปส่งทั้งคู่ที่รถ...

อ่านละคร โดมทอง ตอนที่ 13 วันที่ 13 ก.ค. 56

ละครเรื่อง โดมทอง บทประพันธ์โดย วราภา
ละครเรื่อง โดมทอง บทโทรทัศน์โดย : ภาวิต
ละครเรื่อง โดมทอง กำกับการแสดงโดย : นนทนันท์ ธัญญาสิริทรัพย์
ละครเรื่อง โดมทอง ควบคุมการผลิตโดย : สยม สังวริบุตร
ละครเรื่อง โดมทอง แนวละคร : ชีวิต ลึกลับ ตื่นเต้น
ละครเรื่อง โดมทอง ออกอากาศทุกวันจันทร์ และวันอังคาร เวลา 20.25 น. ทางช่อง 7 สี
ที่มา ไทยรัฐ