อ่านละคร นักสู้มหากาฬ ตอนที่ 12 วันที่ 10 ก.ค. 56

อ่านละคร นักสู้มหากาฬ ตอนที่ 12 วันที่ 10 ก.ค. 56

เวลานั้น นักสู้มหากาฬสังเกตการณ์อยู่บนดาดฟ้า เห็นตำรวจกำลังเตรียมการขนย้ายราเมศไปยังเรือนจำอย่างเข้มงวด หน่วยคอมมานโดถูกส่งมาเคลียร์พื้นที่เพื่อความปลอดภัย นักสู้มหากาฬค่อนข้างหนักใจถ้าต้องปะทะกับตำรวจ แต่ระหว่างนั้นเขาเหลือบเห็นไอริณที่เพิ่งเสร็จธุระเดินกลับออกมาจากกองปราบพอดี

เขาจู่โจมมาหาเธอเพื่อขอความช่วยเหลือ ไอริณลังเลเล็กน้อยก่อนตอบรับแล้วนำระเบิดควันแอบเข้าไปวางตามจุดต่างๆที่มิดชิดเพื่อรอเวลานักสู้มหากาฬกดสัญญาณให้ระเบิดทำงาน แล้วค่อยชิงตัวราเมศตามความต้องการของพรายพิฆาตที่ควบคุมร่างกายใจทิพย์บีบบังคับเขา อีกทั้งจะได้ช่วยชีวิตมาดามหลิวในคราวเดียวกันด้วย


มาดามหลิวถูกอุ้มไปไว้ในโรงงานร้าง เมื่อฟื้นขึ้นมาเผชิญหน้ากับใจทิพย์ก็เรียกมันว่าพรายพิฆาตอย่างเต็มปาก ก่อนตั้งคำถามว่า แกทำแบบนี้ได้ยังไง แกควบคุมร่างของใจทิพย์ด้วยวิธีไหนกันแน่

“ฉันมีอำนาจพิเศษ ฉันเกิดมาเพื่อเปลี่ยนแปลงโลกใบนี้”

“แกมันปีศาจ ฉันจะต้องหยุดแกให้ได้”

ใจทิพย์ไม่สนใจ หัวเราะออกมาอย่างเห็นเป็นเรื่องสนุก...ส่วนที่กองปราบ ถึงเวลาพาราเมศขึ้นรถไปส่งเรือนจำแล้ว ไมตรีกับปรีดาเจอไอริณมีท่าทีแปลกๆ ชอบกล แต่พอซักถามเธอก็รีบเก็บพิรุธแล้วบอกลากลับไปทันที จ่ากับหมู่เลยเดินต่อไปหาทีมตำรวจที่นำโดยสารวัตรสิงหากำลังคุมตัวราเมศออกมา

ขณะที่ทั้งคณะเดินผ่านถังขยะ ระเบิดควันก็ทำงาน เสียงระเบิดดังตูมก่อนบังเกิดม่านควันคละคลุ้งไปทั่ว สารวัตรสิงหาไหวตัวตะโกนลั่น

“ระวัง! มีคนจะชิงผู้ต้องหา!”

บรรดาตำรวจหันหลังเข้าหากัน พลางยกปืนขึ้นป้องกันผู้บุกรุก แต่ครู่เดียวทุกคนเริ่มสำลักควันกันยกใหญ่ จังหวะนั้นเองนักสู้มหากาฬก็ทะลวงผ่านม่านควันเข้ามาจู่โจมกลุ่มตำรวจอย่างรวดเร็ว สิงหาหันปืนไปที่นักสู้มหากาฬแต่กลับโดนอีกฝ่ายปลดอาวุธแล้วใช้ด้ามมีดคู่กายกระทุ้งจนผงะไป

การชิงตัวราเมศใช้เวลาน้อยนิด ราเมศยิ้มกริ่มราวกับรู้อยู่ก่อนว่าจะเกิดอะไรขึ้น ฤทธิ์พาเขามาที่บริษัทมาดามหลิวโดยที่โซเฟียรออยู่แล้ว และเธอก็สกัดณัฐชาที่พยายามจะไปขัดขวางการทำงานของนักสู้มหากาฬก่อนหน้านี้ โดยจับเธอมัดขังไว้ในห้อง

แม้ถูกพันธนาการไว้กับเก้าอี้แต่ราเมศยังคงใจเย็น โซเฟียหารือกับฤทธิ์ว่ายังมีเวลาอีกห้าชั่วโมงกว่าจะถึงเที่ยงคืน จึงให้เขาไปพักผ่อน ส่วนเธอจะเค้นความลับจากเชลย ต้องรู้ให้ได้ว่าพรายพิฆาตเป็นใครกันแน่

ณัฐชาถูกมัดมือนั่งเซ็งอยู่ในห้อง พอเห็นฤทธิ์โผล่เข้ามาพร้อมถาดอาหารก็พุ่งตัวเข้าชนเขาจนตัวเองล้มไปบนเตียง

“นี่คิดถึงผมขนาดนี้เลยเหรอหมวด” ฤทธิ์หยอกยิ้มๆ

“ไม่ต้องมาทำไก๋ นายมันตัวแสบ ปากก็บอกว่าเห็นฉันเป็นเพื่อน แล้วทำแบบนี้ได้ยังไง”

“ผมทำเพราะเป็นห่วงคุณนะ”

“ไม่เชื่อ ฉันจะเล่นงานนาย”

“เหรอ...โดนมัดอยู่แบบนี้ คุณทำอะไรผม...จะต่อยหรือว่าจะเตะ”

“ฉันจะกัดนาย” พูดจบเธอไล่งับเขาพัลวัน ฤทธิ์ร้องเฮ้ยพลางถอยหนี แต่หมวดสาวก็ยังไม่หยุด จนในที่สุดทั้งคู่ก็กลิ้งตกไปจากเตียงในสภาพฝ่ายชายคร่อมตัวฝ่ายหญิง

“มองอยู่ได้...ดึงฉันลุกขึ้นหน่อยสิ”

ฤทธิ์อมยิ้ม ดึงณัฐชาลุกขึ้นแล้วบอกให้เธอกินข้าวก่อน เดี๋ยวตนมีอะไรจะให้ดู...เวลาเดียวกันนั้นที่กองปราบ ผู้กำกับเมธาประหลาดใจหลังฟังรายงานจากสารวัตรสิงหา จ่าไมตรี และหมู่ปรีดายืนยันว่านักสู้มหากาฬเป็นคนร้าย

“ก็เขาเป็นคนจับราเมศมาให้เรา แล้วนี่จะชิงตัวไปอีกทำไม”

“ไม่ทราบครับ แต่คิดว่าคงมีเหตุผลจำเป็นบางอย่าง”

“เท่าที่สังเกต ผมว่านักสู้มหากาฬพยายามหลีกเลี่ยงการปะทะอยู่นะครับผู้กำกับ พวกเราทุกคนถึงได้ปลอดภัย”

“นั่นสิครับ ถ้านักสู้มหากาฬมีเจตนาร้าย พวกเราคงไม่ได้มายืนหัวโด่กันอย่างงี้หรอกครับ”

“ต้องมีคนช่วยเขาแน่ ก่อนเกิดเรื่องพวกคุณเห็นใครน่าสงสัยบ้างรึเปล่า”

ไมตรีกับปรีดามองหน้ากันก่อนหันไปตอบเมธาว่าเห็นอยู่คนหนึ่งแต่ไม่แน่ใจว่าควรสงสัยหรือเปล่า...เธอคือไอริณนั่นเอง!

ยามนั้น ไอริณกลับมาที่ห้องพักของณัฐชาเพราะบ้านหลังใหญ่ของนำชัยที่เธอเคยอยู่ตั้งแต่เด็กถูกไฟไหม้ไปแล้ว แต่การมาครั้งนี้เธอเกือบเอาชีวิตไม่รอด โดนใจทิพย์ใช้พลังไฟฟ้าช็อตร่างจนสลบเหมือด...

ด้านณัฐชา...หลังกินอาหารก็ได้ดูคลิปวีดิโอ

จากฤทธิ์ เป็นภาพเคลื่อนไหวที่ใจทิพย์ใช้พลังจิตต่อสู้กับยามที่หน้าบริษัทมาดามหลิว

“ไม่น่าเชื่อ นั่นใจทิพย์จริงๆเหรอ”

“ใจทิพย์ถูกครอบงำโดยพรายพิฆาต”

“ถ้างั้นถึงช่วยมาดามหลิวมาได้ แต่พวกมันก็ยังมีใจทิพย์เป็นตัวประกันอยู่ดี แล้วคุณจะทำยังไง”

“ผมไม่รู้ แต่ตอนนี้ต้องเล่นตามเกมของพวกมันไปก่อน”

“คุณปกป้องทุกคนไม่ได้หรอกคุณโทมัส ไม่อย่างนั้นคุณนั่นแหละที่กลายเป็นเหยื่อของพวกมัน”

ฤทธิ์นิ่งงันไป ณัฐชาเอื้อมมือมาลูบที่บ่าของเขาอย่างปลอบโยน ทั้งคู่สบตากันอย่างมีความหมาย...จังหวะนั้นเองกระแสไฟตกวูบติดๆดับๆ ฤทธิ์ไม่ได้ตกใจและพอเดาได้ว่าเป็นฝีมือของใคร

ภายในห้องทดลอง ราเมศยังคงถูกใส่กุญแจมือ โซเฟียต่อสายไฟพ่วงระหว่างเสื้อกั๊กไฟฟ้าของเขากับอุปกรณ์ควบคุมกระแสไฟของห้องทดลอง แล้วปรับความแรงกระแสไฟทำเอาราเมศถึงกับผงะขบกรามแน่นเหมือนโดนแทงเข้ากลางหลัง แต่มันยังปากดีว่าแค่แสบๆคันๆ

โซเฟียยิ้มเย็น เร่งความแรงของกระแสไฟขึ้นอีก คราวนี้ราเมศถึงร้องจ๊ากถามด้วยความโกรธว่าจะเอายังไง?

“ฉันจะปรับลดกำลังไฟฟ้าให้กึ่งหนึ่ง แต่แกช่วยแสดงวิชาแปลงโฉมของแกให้ฉันดูหน่อยได้มั้ย”

โซเฟียทำตามที่พูด ราเมศจึงเริ่มแปลงโฉมกลายเป็นฤทธิ์ มาดามหลิว และณัฐชา สลับกันไปมาอย่างง่ายดาย

“เธออยากรู้อะไร ถามฉันมาได้เลย ไม่ต้องเสียเวลา”

“คำถามแรก นายเป็นแบบนี้ได้ยังไง เพราะถ้าฉันจำไม่ผิดตอนที่นายปรากฏตัวครั้งแรก ฤทธิ์ ราวีกับพวกยังไม่เจอน้ำตามัจจุราชเลยด้วยซ้ำ”

“อดีตของฉันก็เหมือนฤทธิ์ ราวี ฉันเคยผ่านสนามรบมาก่อน และได้รับสารพิษของน้ำตามัจจุราชเข้าโดยบังเอิญ ฉันไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามีสารเคมีนั่นอยู่ในคลังเก็บอาวุธของข้าศึก แต่แล้วทหารป่าก็ยิงมาถูกถังบรรจุสารเคมีจนระเบิดกระเด็นโดนบาดแผลของฉัน ตอนนั้นน้ำตามัจจุราชยังอยู่ในขั้นทดลอง แต่มันก็ส่งผลให้ร่างกายของฉันเกิดการกลายพันธุ์อย่างรุนแรง ฉันกลายเป็นตัวประหลาด สภาพผิวหนังของฉันเปลี่ยนแปลงไปตามอุณหภูมิเหมือนสัตว์เลื้อยคลาน ไม่มีใครช่วยฉันได้นอกจากพรายพิฆาต”

ในอดีตวันนั้น ราเมศมีผ้าพันแผลเต็มตัวเหมือนผีดิบ เขานั่งปลงอยู่บนเก้าอี้รถเข็น จู่ๆก็พลันมีแสงสว่างดวงใหญ่เคลื่อนใกล้เข้ามา

“พรายพิฆาตใช้อำนาจพิเศษเยียวยาฉัน ทำให้ฉันสามารถควบคุมสภาพของตัวเองได้ เขาบอกฉันว่าโลกนี้จะไม่มีสงครามอีกต่อไป ถ้าเราศรัทธาในสิ่งเดียวกัน...

เขาพูดถูกแล้ว พรายพิฆาตจงเจริญ!!”

โซเฟียนิ่งฟังมาโดยตลอด แต่แล้วเธอก็ปรับปุ่มปล่อยกระแสไฟอย่างแรงเข้าร่างราเมศจนดิ้นพล่าน

“ขอโทษ แต่ฉันเลี่ยนประโยคนี้เต็มทีแล้ว พราย–พิฆาตก็เป็นแค่ผู้ป่วยทางจิตในสายตาของฉัน”

“ใช่สิ เธอไม่นับถือพระเจ้า ฉันรู้เรื่องของเธอ เธอมันก็แค่ตัวโคลนนิ่งที่มาดามหลิวเลี้ยงไว้แทนลูกสาวที่ถูกฆ่าตาย”

“ขืนพูดเรื่องนี้อีก นายถูกย่างสดแน่”

“แปลว่าเธอหมดคำถามแล้วสิ”

“แต่ฉันมี” เสียงฤทธิ์ดังมาก่อนตัว...เขาอยากรู้ว่าใจทิพย์กลายเป็นพรายพิฆาตได้ยังไง

“แกคงอยากช่วยคนรักของแกสิท่า ไม่มีทางหรอก ใจทิพย์ตายไปแล้ว ที่เธอยังเดินเหินอยู่ได้ก็เพราะไมโครชิพที่ฝังอยู่ในสมองของเธอ และนั่นล่ะคือสิ่งที่พรายพิฆาตใช้ควบคุมร่างของใจทิพย์”

“แกหมายถึงโลหะที่เราสแกนเจอใช่รึเปล่า”

“ถูกต้อง ฝังอยู่ในสมองส่วนที่สำคัญที่สุดด้วยเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย แต่ถ้าเอาออกเมื่อไหร่ใจทิพย์จะต้องตายทันที”

ฟังคำตอบนั้นแล้ว ฤทธิ์ขบกรามแน่นด้วยความแค้น!

ooooooo

ไอริณถูกใจทิพย์หรือพรายพิฆาตจับมัดไว้กับเตียงภายในห้องพักณัฐชา...เธอพยายามดิ้นรนด้วยความตื่นกลัว เมื่อเห็นใจทิพย์ถือโหลแก้วใบเล็กที่บรรจุอะไรบางอย่างเดินเข้ามาใกล้

“ไม่ต้องกลัวไอริณ ในฐานะที่เธอเป็นทายาทของท่านนำชัยอดีตสาวกพรายพิฆาต ฉันจะไม่ฆ่าเธอ แต่จะให้โอกาสเธอเริ่มต้นชีวิตใหม่”

ใจทิพย์วางโหลแก้วในมือไว้ข้างไอริณ ในนั้นมีหนอนชนิดหนึ่งซึ่งมีสีสันและรูปร่างค่อนข้างแปลกตาคลานยั้วเยี้ย

“โลกนี้มีปรสิตอยู่ชนิดนึงที่ชอบชอนไชเข้าทางจมูกของสัตว์เลือดอุ่น เพื่อจะได้ฝังตัวในสมอง ข่าวดีคือมันมีชีวิตอยู่ได้ไม่นานเท่าไหร่ แต่ข่าวร้าย...ของบางอย่างที่เราฝังอยู่ในตัวของมันจะอยู่ในสมองของเธอไปตลอดชีวิต”

ไอริณมองหนอนในโหลแล้วดิ้นพล่านหวาดผวา นักรบพรายพิฆาตช่วยกันยึดตัวเธอไว้ และมันพร้อมทำตามคำสั่งเจ้านายทุกเมื่อ!

คืนเดียวกัน กรณ์ไปหาเช่าห้องเย็นในโรงชำแหละเนื้อก่อนที่จะให้ลุงโจแบกศพของยักษ์ วัฒน์ และเอมี่เอามาแช่แข็งเพื่อรอเวลาชุบชีวิตด้วยน้ำตามัจจุราช แล้วครู่ต่อมาลุงโจก็ทำให้กรณ์แปลกใจด้วยการบอกข่าวด่วนว่านักสู้มหากาฬชิงตัวบอสไปจากกองปราบ

“ฤทธิ์ ราวี...มันจะทำแบบนั้นไปเพื่ออะไร”

“ไม่มีใครรู้หรอกหัวหน้า แต่ถ้าบอสรอดไปเมื่อไหร่ พวกเราจบเห่แน่”

กรณ์นิ่งคิดนิดหนึ่งก่อนตัดสินใจเฉียบขาดว่าคืนนี้ต้องรีบลงมือชุบชีวิตพวกเราทุกคน...

ฝ่ายฤทธิ์หลังฟังราเมศให้คำตอบเกี่ยวกับใจทิพย์ก็กลัดกลุ้มอย่างเห็นได้ชัด เขากลับออกจากห้องทดลองพร้อมโซเฟียที่หนักใจเรื่องราเมศ

“ร่างกายของราเมศมีน้ำตามัจจุราชคอยปกป้องอยู่ ยากล่อมประสาทคงใช้กับเขาไม่ได้ผล”

“สรุปว่าตัวตนของพรายพิฆาตก็ยังคงเป็นความลับต่อไป”

“นี่ใกล้จะเที่ยงคืนแล้ว คุณรีบเตรียมตัวเถอะ”

ฤทธิ์พยักหน้าแต่ไม่ทันขยับก็มีเจ้าหน้าที่ห้องแล็บคนหนึ่งนำซองเอกสารมายื่นให้โซเฟีย บอกว่าเป็นผลวิเคราะห์ตัวอย่างเลือดของโทมัสที่ชาญส่งเข้ามาเมื่อหลายวันก่อน

เวลาเดียวกันนั้น ณัฐชากำลังคุยโทรศัพท์กับสารวัตรสิงหาที่จะส่งปรีดากับไมตรีไปที่คอนโดฯของเธอเพื่อตรวจดูว่าไอริณอยู่ที่นั่นหรือเปล่า เขาต้องการพบเธอเพื่อสอบถามเหตุการณ์ที่นักสู้มหากาฬบุกมาชิงตัวราเมศ แต่ณัฐชาหาว่าสารวัตรระแวงเพื่อนตนเกินไป

“ไม่ใช่ระแวง แต่ผมเป็นห่วง เรื่องชิงตัวผู้ต้องหาวันนี้ พรายพิฆาตอาจชักใยอยู่เบื้องหลังก็ได้”

ณัฐชาหน้ามุ่ย วางสายแล้วจะเดินกลับห้องพัก พลันสายตาเหลือบไปเห็นฤทธิ์กับโซเฟียอยู่ในห้องสมุด จึงหยุดแอบฟังอยู่เงียบๆ โซเฟียอ่านเอกสารที่ได้จากเจ้าหน้าที่ห้องแล็บเมื่อสักครู่แล้วส่งต่อให้ฤทธิ์

“ห้องแล็บสรุปว่าอาการป่วยของคุณเกิดจากไวรัสชนิดหนึ่ง มันได้รับการตัดแต่งพันธุกรรมให้ทำลายเซลล์ กลายพันธุ์ของคุณโดยเฉพาะ”

“แปลว่ามันไม่มีผลกับคนทั่วไป”

“ถ้าฉันเดาไม่ผิด คนที่แพร่เชื้อให้คุณก็คือใจทิพย์”

ฤทธิ์สะดุดใจ นึกถึงตอนใจทิพย์จูบเขาบนดาดฟ้าเมมเบอร์คลับ แล้วถามโซเฟียว่าพอมีทางรักษาหรือเปล่า

“ถ้าจะผลิตวัคซีนคงต้องใช้เวลา แต่ฉันเกรงว่าเราอาจไม่มีเวลามากขนาดนั้น ไวรัสเพิ่มจำนวนเร็วมาก คุณอาจมีชีวิตอยู่ได้อีกแค่หนึ่งเดือน”

ฤทธิ์อึ้งงัน รับรู้จุดจบของตัวเองอย่างสงบ...แต่ณัฐชาใจหายวาบ ตัดสินใจเดินตามฤทธิ์ขึ้นไปบนดาดฟ้าแล้วสวมกอดเขาทั้งน้ำตาคลอๆ

“คุณต้องไม่ตาย...คุณอย่าตายนะ”

“นี่คุณได้ยินเรื่องที่ผมกับโซเฟียคุยกัน?”

“ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับคุณ...แล้วคนที่เหลือจะทำยังไง ฉันกับคนอื่นจะสู้พรายพิฆาตได้ยังไง”

“ไม่มีใครอยู่ค้ำฟ้าหรอกณัฐชา นั่นคือสิ่งเดียวที่ผมได้เรียนรู้จากเรื่องที่เกิดขึ้น เวลาของผมกำลังจะสิ้นสุดลงแล้ว”

“ไม่! ไม่ใช่ตอนนี้...ฉันไม่ยอมเสียคุณไปตอนนี้”

“ณัฐชา...ถึงไม่มีผมก็ยังมีคุณ ยังมีคนอื่นที่พร้อมจะสู้กับพรายพิฆาต แค่มีความกล้า มีศรัทธา ไม่ว่าใครก็เป็นนักสู้มหากาฬได้ทั้งนั้น รับปากกับผมสิณัฐชาว่าคุณจะไม่ยอมแพ้”

แทนคำตอบ...ณัฐชาร้องไห้ออกมาด้วยความ สะเทือนใจ เธอยอมรับความจริงไม่ได้หากต้องสูญเสียเขาไป!

ooooooo

หลังจากทำร้ายไอริณจนอาการสาหัส พรายพิฆาตในร่างใจทิพย์ก็ไปปรากฏตัวต่อหน้าฤทธิ์และณัฐชาที่บริษัทมาดามหลิว ออกคำสั่งให้พวกเขาพาบอสหรือผู้กองราเมศไปส่งคืนที่โรงงานร้างโดยไม่รอฟังคำตอบ

แน่นอนว่าฤทธิ์ต้องไปอยู่แล้ว เพราะเป็นห่วงมาดามหลิวและต้องช่วยเธอจากพรายพิฆาตให้จงได้ ณัฐชาทักท้วงเพราะกลัวจะไปติดกับดักของมัน โซเฟียก็คิดเช่นนั้นเหมือนกัน จึงวางแผนไว้อย่างรัดกุมด้วยการไม่ส่งบอสตัวจริงแต่ให้ณัฐชาปลอมตัวเป็นบอสไปพร้อมกับฤทธิ์ โดยที่โซเฟียแอบดูผลงานอยู่รอบนอกเพื่อคอยช่วยเหลือ

การเผชิญหน้ากันระหว่างฤทธิ์กับใจทิพย์หรือพรายพิฆาตเกิดการต่อสู้อย่างดุเดือดก่อนที่ฤทธิ์กับณัฐชาจะช่วยมาดามหลิวรอดตายจากระเบิด แต่ตัวฤทธิ์เองกลับบาดเจ็บสาหัสเพราะความลังเลที่จะฆ่าพรายพิฆาตในร่างใจทิพย์ แต่ในที่สุดเขาตัดสินใจแทงเธอด้วยมีดคู่กาย ทำให้พรายพิฆาตในลักษณะของคลื่นพลังแสงลอยออกจากร่างเธอพร้อมกับเสียงคำรามดังลั่น

“มันยังไม่จบแค่นี้ มันยังไม่สิ้นสุดแค่นี้ ข้าจะสร้างโลกใหม่ให้สำเร็จ และแกจะต้องชดใช้!!”

สิ้นเสียงคำราม เกิดระเบิดรุนแรงจนอาคารโรงงานสั่นสะเทือน ณัฐชาที่อยู่ด้านนอกกับโซเฟียและมาดามหลิวทำท่าจะวิ่งเข้าไปช่วยฤทธิ์แต่ถูกโซเฟียสกัดไว้ และอีกไม่กี่อึดใจอาคารก็ถล่มลงมาอย่างน่ากลัว!

วันถัดมา ณัฐชาควบคุมตัวราเมศมาส่งกองปราบ ราเมศหมดพิษสงและกลายเป็นคนธรรมดาเพราะถูกโซเฟียใช้เลือดสีแดงของฤทธิ์ฉีดเข้าร่างกายตั้งแต่เมื่อวาน เมธาเห็นแล้วได้แต่ปลง ขณะที่สิงหาสะใจเป็นบ้า ผลักไสคู่อริเข้าห้องขังด้วยรอยยิ้มเย้ยหยัน

“ถือว่าเป็นข่าวดีสำหรับคุณนะราเมศ ต่อไปนี้คุณไม่ต้องสวมเสื้อไฟฟ้าอีกแล้ว และอีกไม่ช้าคุณจะต้องถูกประหารชีวิตในฐานะของมนุษย์ธรรมดา”

“มันไม่ง่ายแบบนั้นหรอกสารวัตร พรายพิฆาตจะต้องกลับมา ผมรับรองได้”

สิงหายักไหล่อย่างไม่สนใจ คิดว่าราเมศปากดีไม่เลิก...ขณะเดียวกันนั้น ฤทธิ์หรือนักสู้มหากาฬที่ใครๆคิดว่าอาจตายในซากโรงงาน เขากำลังได้รับการเยียวยารักษาจากโซเฟียภายในห้องทดลอง การรักษาเป็นไปเหมือนทุกครั้งที่เขาได้รับบาดเจ็บ แต่ครั้งนี้ผลไม่เป็นที่น่าพอใจเพราะเขาสาหัสมาก บาดแผลสมานตัวช้ากว่าเดิมหลายเท่า พลังของน้ำตามัจจุราชแทบไม่มีเหลือในตัวเขา มาดามหลิวหดหู่ใจ พูดออกมาอย่างปลงๆว่า นั่นอาจจะเป็นข่าวดีสำหรับเขาที่จะได้ไปหาใจทิพย์เร็วๆนี้

ทางด้านกรณ์ที่เสี่ยงชุบชีวิตลูกน้องทั้งสามคนด้วยน้ำตามัจจุราชพร้อมกับฉีดเข้าตัวเองด้วยเพื่อหวังความยิ่งใหญ่เฉกเช่นเดียวกับบอส และเหลือลุงโจไว้คนเดียวที่เป็นคนปกติ ด้วยเหตุผลที่ว่า...

“น้ำตามัจจุราชอาจมีปัญหา ถ้าการกลายพันธุ์ไม่สมบูรณ์ล่ะก็ อย่างน้อยก็น่าจะมีคนปกติอยู่ในทีมสักคน ไว้คอยดูแลคนอื่น”

ผลปรากฏว่าการเสี่ยงครั้งนี้สำเร็จลุล่วง น้ำตามัจจุราชเริ่มแสดงปฏิกิริยาตามผิวหนังและนัยน์ตาของกรณ์ เขาใช้พลังเคลื่อนย้ายมวลสารของร่างกายได้เช่นเดียวกับบอส กระโจนขึ้นบนหลังคาโกดังในพริบตา

“ในที่สุดเราก็ทำสำเร็จ ทีนี้ต่อให้นักสู้มหากาฬหรือพรายพิฆาตก็ทำอะไรเราไม่ได้ ฮ่าๆๆ”

กรณ์หัวเราะอย่างบ้าคลั่ง สาสมใจกับสิ่งใหม่ที่เกิดขึ้นกับตัวเอง จากนั้นไม่นานเขาก็ได้สำแดงฤทธิ์เดชกับสามคนงานในโรงชำแหละเนื้อที่ตั้งใจมาปล้นทรัพย์สินของเขา ทั้งสามคนถูกกรณ์ทำร้ายก่อนที่เอมี่ ยักษ์ และวัฒน์จะจัดการดูดเลือดอย่างเมามัน

ลุงโจออกไปซื้อเสบียงกลับมาเห็นแทบเข่าอ่อน หลบไปยืนข้างหลังกรณ์อย่างหวั่นหวาด กลัวเพื่อนพ้องที่ถูกปลุกขึ้นมาจะจำตนไม่ได้ แต่สามสหายก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่าจำได้ โดยเฉพาะหัวหน้ากรณ์

“เอมี่เพิ่งตายไม่กี่วัน ก็เลยฟื้นตัวเร็วกว่าไอ้สองคนนั่น”

“ดีนะที่เราใช้น้ำตามัจจุราชชนิดบริสุทธิ์ ถ้าใช้แบบผสมยาเสพติดมีหวังไอ้พวกนี้คงกลายเป็นสัตว์ประหลาดเหมือนไอ้มาวินแน่”

“เราจะทำยังไงต่อไป” เอมี่ถามขึ้น

“ตอนนี้ไม่มีพรายพิฆาต ไม่มีนักสู้มหากาฬอีกแล้ว รู้ไหมว่ามันหมายถึงอะไร ฮ่าๆๆ ทุกอย่างเป็นของเรา ตอนนี้พวกเรานี่แหละคือพรายพิฆาต พวกเรานี่แหละคือเทพเจ้าผู้สร้างโลกใหม่...โลกของเรา” กรณ์ประกาศก้องอย่างลำพองใจยิ่ง!

ooooooo

ไอริณรักษาตัวในโรงพยาบาลเข้าวันที่สองหลังจากเธอถูกพรายพิฆาตทำร้ายอาการสาหัสแล้วไมตรีกับปรีดาตามไปเจอในห้องพักของณัฐชา...

วันนี้หมอบอกว่าอาการคนไข้พ้นขีดอันตรายแล้ว แต่ที่ยังน่าเป็นห่วงก็คือในสมองของเธอดูเหมือนมีสิ่งแปลกปลอมบางอย่าง ซึ่งภาพเอกซเรย์ยังบอกได้ไม่ชัดเจนว่าคืออะไร คงต้องรอให้เธออาการดีขึ้นกว่านี้แล้วค่อยใช้เครื่องซีทีสแกนตรวจสอบให้ละเอียด

ณัฐชารับฟังหมอแล้วพยักหน้าอย่างเป็นกังวล... หลังจากนั้นกลับเข้ามาหาไอริณที่ยังนอนไม่ได้สติในห้องพักฟื้น เธอกุมมือเพื่อนรัก รำพึงด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ

“เธอต้องเข้มแข็งนะไอริณ ตอนนี้ฉันเสียใจทิพย์ไปคนหนึ่งแล้ว ฉันไม่ยอมเสียเธอไปอีกคนเด็ดขาด อดทนหน่อยนะ”

ด้านมาดามหลิวกับโซเฟียก็ยังเฝ้ารอฤทธิ์รู้สึกตัว แต่สำหรับชาญที่โซเฟียยังเก็บศพไว้ มาดามหลิวตัดสินใจไม่ชุบชีวิตเขาด้วยน้ำตามัจจุราช ด้วยเหตุผลที่ว่าเขาเหนื่อยมาพอแล้ว อยากให้เขาได้พักผ่อน...

แล้วคืนนั้นเองฤทธิ์ก็ฟื้นคืนสติ แผลตามร่างกายหายเป็นปกติ เขายืนยันเจตนาเดิมคือไปจากมาดามหลิวเนื่องจากสภาพเขาตอนนี้คงช่วยอะไรเธอไม่ได้เหมือนเคย

“อย่าพูดแบบนั้นสิ ถึงยังไงฉันก็ยังเห็นเธอเป็นเพื่อนคนหนึ่งเสมอ”

“อาการป่วยของคุณไม่รู้ว่าจะกำเริบเมื่อไหร่ ทางที่ดีคุณน่าจะรักษาตัวที่นี่”

“ทันทีที่จัดการเรื่องศพของใจทิพย์เรียบร้อย ผมจะออกเดินทาง”

มาดามหลิวสบตาฤทธิ์ รู้ว่าอีกฝ่ายคงไม่เปลี่ยนใจแน่ จึงอวยพรให้เขาโชคดี โซเฟียอดใจหายไม่ได้ เดินตามมาเรียกเขาที่หน้าห้องก่อนยื่นกล้องถ่ายรูปให้

“กล้องของชาญไม่ใช่เหรอ”

“กล้องโบราณแบบนี้คงไม่มีใครอยากเก็บไว้นอกจากคุณ ชาญคงต้องการแบบนั้น”

“ผมไม่รู้ว่าจะรักษามันได้นานแค่ไหน เผลอๆผมอาจจะไปก่อนมันก็ได้”

“ถือว่าฉันฝากไว้ละกัน”

“อืม...แล้วจะคืนให้ทีหลัง”

โซเฟียพยักหน้าและมองตามเขาไปอย่างอาลัย...เช่นเดียวกับมาดามหลิวที่อยู่ในห้องสมุดตามลำพัง รู้สึกโหวงเหวงเงียบเหงาอย่างบอกไม่ถูก ไม่มีความแค้นหลงเหลืออีกต่อไป ชีวิตที่เหลืออยู่ว่างเปล่า...เธอมองรูปถ่ายของลูกและสามีด้วยความคิดถึง

“แม่เสร็จงานแล้วนะลูก คงอีกไม่นาน เราจะได้เจอกันแล้ว”

ooooooo

วันรุ่งขึ้นมีงานเผาศพใจทิพย์ แน่นอนว่าฤทธิ์กับณัฐชาต้องมา...

“ไปสู่สุคตินะใจทิพย์ แล้วเจอกันเพื่อนรัก” ณัฐชาพูดแล้วถอนใจก่อนจะหันมามองฤทธิ์ที่ยังคงยืนสงบนิ่งอยู่ข้างกัน “คุณมีแผนรึยังว่าจะไปที่ไหน”

“ผมจะพาใจทิพย์กลับบ้าน นี่คงเป็นครั้งสุดท้ายที่เราจะได้พบกัน”

“ก็ดีสิ ต่อไปฉันคงไม่ต้องปวดหัวเพราะคุณอีก”

“ณัฐชา...ผมจะคิดถึงคุณนะ”

“ฉันก็เหมือนกัน”

ฤทธิ์ยื่นมือให้ณัฐชา แต่อีกฝ่ายกลับโผเข้ากอดเขาไว้อย่างอาวรณ์

“ในที่สุด...ทุกอย่างก็จบลงซะที”

คำพูดของฤทธิ์กลับทำให้ณัฐชารู้สึกสังหรณ์ใจบางอย่าง...มันไม่น่าจะจบลงง่ายๆแค่นี้!

วันเดียวกันนี้เอง ไอริณนอนหลับบนเตียงในโรงพยาบาล จู่ๆภายในห้องเริ่มสั่นสะเทือนด้วยคลื่นพลังบางอย่าง แจกันและแก้วน้ำบนโต๊ะระเบิดแตกกระจาย...

เสียงพรายพิฆาตเรียกชื่อไอริณอยู่สองสามครั้ง ตามด้วยเสียงใจทิพย์ตอนทำร้ายไอริณด้วยการพยายามยัด

ปรสิตใส่จมูกของเธอ

“โลกนี้มีปรสิตอยู่ชนิดหนึ่งที่ชอบชอนไชเข้าทางจมูกของสัตว์เลือดอุ่นเพื่อจะได้ฝังตัวในสมอง ข่าวดีคือมันมีชีวิตอยู่ได้ไม่นานเท่าไหร่ แต่ข่าวร้าย...ของบางอย่างที่เราฝังอยู่ในตัวของมันจะอยู่ในสมองของเธอไปตลอดชีวิต”

สมองไอริณมีไมโครชิพติดตั้งอยู่ เมื่อถูกกระตุ้นด้วยพลังจิตมันก็เริ่มทำงาน...นัยน์ตาเบิกโพลง ร่างกายเริ่มขยับเขยื้อน!!

ooooooo

อ่านละคร นักสู้มหากาฬ ตอนที่ 12 วันที่ 10 ก.ค. 56

บทประพันธ์โดย : ณพุทธ สุศรีฯ
บทโทรทัศน์โดย : ณพุทธ สุศรีฯ
กำกับการแสดงโดย : ธีระศักดิ์ พรหมเงิน
ผลิตโดย : บริษัท มุมใหม่ จำกัด
วันเวลาออกอากาศ : ทุกวันศุกร์ - อาทิตย์ เวลา 20.25 น. ทางช่อง 7 สี
ที่มา ไทยรัฐ