อ่านละคร โดมทอง ตอนที่ 14 วันที่ 16 ก.ค. 56

อ่านละคร โดมทอง ตอนที่ 14 วันที่ 16 ก.ค. 56

ในเวลาต่อมา อดิศวร์กับวิรงรองพากันเข้าไปในโรงเก็บรถม้า เธอตั้งข้อสังเกตว่า ที่วิญญาณคุณปู่ของเขายังไม่ไปผุดไปเกิด เพราะรอคอยคุณย่าน้อยอยู่ อดิศวร์จนปัญญาไม่รู้จะไปตามหาคุณย่าน้อยที่ไหน ถ้าท่านตายไปแล้วได้พบอัฐิก็ยังดี วิรงรองวานภูไทกับลานนาช่วยสืบดูว่าเธอเป็นญาติทางไหนของคุณย่าน้อยหรือเปล่า

“ดิฉันเล่าให้ฟังน่ะค่ะว่า ดิฉันหน้าเหมือนคุณพลับ- พลึงอย่างประหลาด ทั้งสองคนนั่นรวมทั้งคุณพันธ์สูรย์ อยากจะช่วยดิฉันค่ะ ดิฉันฝันร้ายนับแต่ได้ยินชื่อโดมทอง และคงจะเป็นอย่างนี้ตลอดไปหากไม่ได้รู้ความจริง”


อดิศวร์ไม่ค่อยชอบใจนักที่พวกคุ้มภูไทเข้ามามีส่วนร่วมโดยเฉพาะพันธ์สูรย์ ซึ่งเขาถือว่าเป็นพวกเนรคุณทั้งตระกูล แถมตัวพันธ์สูรย์เองก็ไม่รู้จักเจียมกะลาหัวใฝ่สูงมารักอุษา

“ดิฉันไม่เห็นเขาจะเสียหายอะไร” วิรงรองเสียงแข็งขึ้นมาทันที

“เราอย่ามาทะเลาะกันเพราะไอ้หมอนี่เลย”

วิรงรองอยากรู้สาเหตุอะไรที่ทำให้อดิศวร์กล่าวหาปู่ของพันธ์สูรย์ว่าเป็นคนเนรคุณ เขาไม่รู้รายละเอียดรู้แค่ว่าปู่ของพันธ์สูรย์เนรคุณคุณย่าเท่านั้น ครู่ต่อมา อดิศวร์และวิรงรองกลับเข้ามาในตัวคฤหาสน์ อุไรรีบแจ้งให้ทราบว่า ท่านผู้หญิงสรรักษ์เชิญอดิศวร์ไปพบ เขาหันมองวิรงรองเหมือนจะชวนไปด้วยกัน แต่เธอชิงตัดบทก่อน

“เชิญคุณอดิศวร์เถอะค่ะ”

อุไรรอจนเจ้านายหนุ่มลับสายตา กระซิบกระซาบเล่าเรื่องที่เจอผีในห้องท่านผู้หญิงสรรักษ์เมื่อคืนให้

วิรงรองฟัง มั่นใจว่าท่านรู้จักผีตนนั้นเพราะเรียกว่านังพิศ และตั้งข้อสังเกตว่าผีพิศอาจเคยรับใช้ใกล้ชิดท่านผู้หญิงมาตั้งแต่สมัยสาวๆ พอตายท่านก็ยังเรียกให้มารับใช้ต่อ เพราะคงไม่มีใครถูกใจเท่า

“น่าสงสารแกนะ ความจริงน่าจะไปผุดไปเกิดได้แล้ว”

“โอ๊ย...ท่านผู้หญิงยอมที่ไหนกันคะ บังคับคนไม่พอยังไปบังคับผีอีก” อุไรเม้าท์สนุกปาก...

ฝ่ายท่านผู้หญิงสรรักษ์ไม่ยอมรามือง่ายๆ ในเมื่ออดิศวร์ไม่สนใจรักใคร่แสงแข ท่านจะเปลี่ยนเป็นอุษาให้แทน อดิศวร์ถึงกับถอนใจหนักใจ ไม่ว่าจะเป็นอุษา หรือแสงแข เขาก็แต่งงานด้วยไม่ได้ พวกเธอเป็นน้องสาวของเขา แม้จะเป็นแค่น้องห่างๆท่านหาว่าเขายกเรื่องน้องนุ่งมาเป็นข้ออ้างเพราะต้องการแต่งงานกับนังพลับพลึง

อดิศวร์เหนื่อยที่จะต้องอธิบายซ้ำซากว่า คุณย่าพลับพลึงกับวิรงรองเป็นคนละคนกัน และเมื่อไหร่ที่เขาแต่งงานกับเธอ เขารับรองว่าเธอจะไม่มาให้คุณย่าเห็นหน้า

“แต่ย่าก็ยังรู้ว่ามันลอยหน้าเยาะเย้ยย่าอยู่ในโดม ทอง ทุกก้าวที่มันเหยียบลงพื้นเท่ากับเหยียบลงบนหัวใจ ย่า...ย่าเจ็บปวด ลบรู้บ้างไหมว่าย่าเจ็บปวด” ท่านผู้หญิงสรรักษ์น้ำตาไหลพราก อดิศวร์ดึงท่านมากอดไว้อย่างอ่อนโยน ท่านยังคงพร่ำบอกว่าถ้าเห็นแก่ท่าน อย่าแต่งงานกับนังนั่น ไล่มันออกไปให้พ้นโดมทอง

ooooooo

อุษาถึงกับหน้าเสียเมื่อเห็นอดิศวร์เดินตรงมาหา เขาแค่จะมาบอกให้เธอสบายใจได้ว่าเขารู้เรื่องที่คุณย่าบอกเธอแล้ว และเขาจะไม่มีวันทำอย่างนั้นเด็ดขาด อุษาถึงกับยิ้มออก

“แล้วก็อย่าไปถือสาท่านด้วย ท่านยังฝังใจเกลียดคุณย่าน้อยจนทุกคนพากันวุ่นวายไปหมด”

“ค่ะ อุษาเข้าใจ”

“ดี ต่อไปนี้ท่านพูดอะไร เธอก็ทำเฉยๆ เสีย เพราะทุกอย่างอยู่ที่พี่คนเดียว” อดิศวร์พูดจบผละจากไป...

ขณะอุษาโล่งใจที่ไม่ต้องถูกคุณย่าบังคับให้ แต่งงานกับอดิศวร์ ซึ่งเธอเคารพรักราวกับเป็นพี่ชายแท้ๆ ท่านผู้หญิงสรรักษ์ยังแค้นใจไม่หาย สั่งให้โอบไปตามวิรงรองหรือที่ท่านมักจะเรียกว่านังพลับพลึงมาพบ พอแสงแขรู้เรื่องนี้ รีบเข้าไปถามท่านว่าให้โอบไปตามนังนั่นมาทำไม ท่านค้อนหนึ่งวงก่อนจะกระแนะกระแหน

“สอดรู้สอดเห็นล่ะไม่มีใครเกิน”...

ครู่ต่อมา วิรงรองมาพบท่านผู้หญิงสรรักษ์ตามคำสั่ง ท่านกับแสงแขรวมหัวกันไล่ตะเพิด เธอกลับบ้านไป แล้วอย่ามาเหยียบโดมทองอีก

“กลับน่ะกลับได้ค่ะ แต่ดิฉันเกรงว่าคุณอดิศวร์จะต้องเสียเวลาไปตามอีก” วิรงรองโต้ไม่ยอมแพ้

“ปากคอเราะร้ายมากกว่านังผีพลับพลึงเสียอีก...แกอยากจะลองดีกับฉันใช่ไหม” ท่านผู้หญิงสรรักษ์ปราดเข้ามาจิกผมวิรงรองให้หงายหน้าขึ้น เธอคว้าแขนท่านบีบอย่างแรงจนต้องดึงมือออกทำให้เซเสียหลักแสงแขรีบเข้าไปประคองคุณย่าไว้ ท่านผู้หญิงโกรธจัดตบหน้าวิรงรองฉาดใหญ่ที่บังอาจแข็งข้อ แสงแขขู่จะฟ้องอดิศวร์ว่าเธอผลักคุณย่า วิรงรองทักท้วงอย่าลืมบอกเขาด้วยว่าท่านผู้หญิงจิกผมและตบหน้าเธอด้วย

“แล้วไง แกคิดว่าตาลบจะฆ่าฉันหรือ นังพลับพลึง... นังผีร้าย กลับไปอยู่บนหอคอยของแก...กลับไป” ท่านผู้หญิงสรรักษ์โกรธจนตัวสั่น ไล่วิรงรองไปให้พ้นหน้า เธอจำต้องออกมาด้วยสีหน้าเป็นกังวล แสงแขปลอบคุณย่าให้ใจเย็นๆ เดี๋ยวจะตายก่อนศัตรู ท่านผู้หญิงสรรักษ์รำคาญ ไล่ตะเพิดแสงแขออกไปเช่นกัน

“คุณย่าขา อย่าไล่ไปเสียหมดทุกคนสิคะ มันต้องเหลือลูกคู่เอาไว้บ้าง” แสงแขว่าแล้วจัดการให้ท่านนอนพิงพนักเตียงแล้วส่งยาดมให้ ท่านรับมาดม หลับตาสีหน้านิ่งเฉยจนเธออดแปลกใจไม่ได้...

ด้วยความเป็นห่วงท่านผู้หญิงสรรักษ์ วิรงรองวิ่งไปตามอุษามาช่วย อุษาถึงกับหน้าเสียรีบเข้าไปในห้องปรากฏว่าท่านไม่ได้เป็นอะไร แถมฝากคำพูดประชดประชันมาให้วิรงรองด้วย อุษาไม่กล้าบอก

แสงแขสาระแนบอกแทน “คุณย่าให้บอกแกว่าท่านยังไม่ตายง่ายๆหรอก จะอยู่ดูความหายนะของแก”

“แสงแข จะไปไหนก็ไป”

“เมื่อครู่นี้นังวิรงรองคนโปรดของพี่อุษาเกือบจะฆ่าคุณย่าแล้ว ไม่เชื่อก็ถามมันดูสิ แล้วถ้ายังจะญาติดีกับมันอีกก็ตามใจ” แสงแขพูดจบ สะบัดหน้าผละจากไป อุษามองตามอย่างเอือมระอา วิรงรองยอมรับว่าคำพูดของแสงแขก็มีส่วนถูก แล้วเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นให้อุษาฟัง เธอรู้สึกผิดมากที่ทำไม่ดีกับท่าน

“แต่คุณย่าก็ค่อนข้างจะรุนแรงกับคุณวิเหมือนกัน คุณวิอย่าคิดมาก ตอนที่พี่เข้าไปท่านก็ดูปกติดีนะคะ”

วิรงรองอยากจะเข้าไปกราบขอโทษท่าน อุษาร้องห้ามเสียงหลง อย่าให้ท่านเห็นหน้าเป็นดีที่สุด เธอถึงกับหน้าสลดที่ท่านผู้หญิงสรรักษ์จงเกลียดจงชัง อุษารู้สึกตัวว่าพูดมากไป รีบขอโทษ

“ไม่เป็นไรค่ะ พี่อุษาพูดถูกต่อไปวิคงต้องระวังตัวมากกว่านี้ วิต้องไปสารภาพผิดกับคุณอดิศวร์ก่อนนะคะ”

อุษาไม่เห็นความจำเป็นอะไรที่ต้องทำอย่างนั้น วิรงรองค้านว่าจำเป็นมาก แล้วผลุนผลันออกไปทันที

ooooooo

แม้อดิศวร์จะไม่ได้ตำหนิการกระทำของวิรงรอง แต่เธอก็ยังรู้สึกผิดต่อท่านผู้หญิงสรรักษ์อยู่ดี ถึงกับออกปากว่าไม่น่ากลับมาที่นี่ เขาปลอบว่าอย่าคิดมาก โดมทองใหญ่โตกว้างขวาง เธอไม่จำเป็นต้องพบกับท่านก็ได้

“แล้วถ้าท่านผู้หญิงเรียกวิไปพบอย่างวันนี้ล่ะคะ”

อดิศวร์อาสาจะไปรับหน้าท่านแทนวิรงรองเอง เธอเกรงว่ามันจะไม่ง่ายอย่างนั้น เท่าที่เห็นก็มีแต่ความยุ่งยากรออยู่ข้างหน้า เขาบีบจมูกเธอเล่นอย่างเอ็นดู

“อย่าบอกนะว่าจะกลับไปกรุงเทพฯ อีก”

“มีวิธีอื่นที่ดีกว่านั้นอีกหรือคะ”

“ฉันก็ไม่รู้...รู้แต่ว่าเธอต้องอยู่ที่โดมทองกับฉันตลอดไป เราจะช่วยกันแก้ปัญหา แล้วก็ผ่านอุปสรรคไปด้วยกัน ฉันสัญญาว่าจะทำทุกอย่างให้ดีที่สุดเพื่อเธอ เพื่อเรา ชีวิตเราจะไม่มีวันเหมือนคุณปู่กับคุณย่าน้อย” อดิศวร์ว่าแล้วดึงวิรงรองมากอดไว้ เธอหลับตาซบหน้ากับอกเขารู้สึกอุ่นใจอย่างบอกไม่ถูก...

อีกมุมหนึ่งหน้าห้องทำงานของอดิศวร์ แสงแขเดินกลับไปกลับมาอย่างหงุดหงิด ทั้งๆที่เธอมาขอพบก่อน อดิศวร์กลับบอกว่าไม่ว่าง วิรงรองมาทีหลังแท้ๆกลับได้เข้าพบ ทันทีที่มารหัวใจออกจากห้อง แสงแขปรี่เข้าไปหาเรื่อง เธอไม่มีอารมณ์จะทะเลาะด้วยจึงเดินหนี ยัยตัวแสบประจำบ้านไม่สนใจจะตาม เปิดประตูผลัวะเข้าไปในห้องทำงานทันที อดิศวร์ซึ่งกำลังนั่งอ่านเอกสารคำฟ้องอยู่ ตำหนิเธอว่าทำไมไม่เคาะประตูก่อน

oooooooo

“ถ้าเคาะ คุณลบก็ไม่ให้แขเข้ามาเหมือนตอนแรกน่ะสิคะ”

“พี่ไม่อยากฟังเรื่องเหลวไหลไร้สาระ”

“แล้วทีแม่วิรงรองล่ะคะ ทำไมคุณลบให้โอกาสเธอ คุณลบไม่ยุติธรรม”

“...พี่ต้องฟังวิรงรองเพราะว่าเธอเป็นคนที่พี่

จะแต่งงานด้วย และเธอขัดแย้งกับคุณย่าซึ่งเป็นผู้มีพระคุณสูงสุดของพี่...พี่ฟังทั้งสองฝ่ายเพราะชีวิตพี่ต้องมีทั้งสองคนนั่น”

แสงแขตัดพ้อแล้วอดิศวร์เอาเธอไปไว้ที่ไหน ทำไมไม่ให้ความสำคัญกันบ้าง เขาเหนื่อยจะอธิบาย ไล่ทางอ้อมว่ามีงานมากมายต้องสะสางไม่มีเวลามาฟังเรื่องไร้สาระ แสงแขจำต้องออกไปด้วยความน้อยใจ...

ทันทีที่กลับถึงห้องตัวเอง แสงแขอาละวาดขว้างปาข้าวของในห้องกระจุยกระจาย โอบรีบเข้ามาปลอบ เธอกลับยิ่งร้องไห้สะอึกสะอื้นจะเป็นจะตายให้ได้ แล้วไล่โอบไปไกลๆไม่ต้องมายุ่ง เธอไม่อยากมีชีวิตอยู่อีกต่อไปแล้ว ถ้าต้องเสียอดิศวร์ให้คนอื่น

“ใจเย็นๆค่ะ คุณแขขา ท่านผู้หญิงคงไม่ยอมให้คุณลบแต่งงานกับแม่วิรงรองแน่ค่ะ เชื่อโอบแล้วก็ไว้ใจ ท่านผู้หญิงสิคะ” คำพูดของโอบทำให้แสงแขหยุดอาละวาดได้

ooooooo

หลังจากคิดทบทวนอยู่หลายตลบ พิชญ์ตัดสินใจจะลองทำตามคำแนะนำของวิรงรอง จึงชวนแม่ของเขาไปกินข้าวที่บ้านรัฐมนตรีพจน์ และหาโอกาสคุยกับพิณทองตามลำพังเพื่อปรับความเข้าใจกัน เธอรีบออกตัวถ้าเขาจะกลับมาหาเธอเพราะวิรงรองกับอดิศวร์เข้าใจกันดีแล้ว ก็ให้ลืมไปได้เลย เธอไม่ต้องการ

“ก็มีส่วนถูก...ผมจะไม่โกหกพิณ แต่อีกเหตุผลหนึ่งก็คือ ผมควรจะเริ่มต้นชีวิตใหม่กับใครสักคนเสียที”

“งั้นก็เชิญไปหาใครคนนั้นที่อื่น พิณไม่ใช่ตัวสำรอง”

“ผมก็ไม่เคยคิดอย่างนั้น ผมขอโอกาสพิสูจน์ตัวเองได้ไหม”

พิณทองไม่อยากเจ็บอีก เท่าที่ผ่านมามันมากเกินจะรับไหวแล้ว พิชญ์เองก็เสียใจไม่แพ้เธอเช่นกัน แต่ถ้าเธอให้โอกาสอีกครั้ง เขาสัญญาว่าจะไม่ทำให้เธอต้องเจ็บปวดอีก พิณทองนิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่ง

“พิณคิดว่าปล่อยให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ก็แล้วกัน”

จากนั้น ทั้งคู่ตามเข้ามาสมทบกับคุณหญิงแก้วและคุณหญิงวัชรีซึ่งกำลังนั่งเม้าท์คู่ของวิรงรองกับอดิศวร์อยู่ที่โต๊ะสนามหน้าบ้าน พิชญ์ชวนแม่กลับกันได้แล้ว คุณหญิงแก้วรีบยุลูกสาวให้กลับไปพร้อมกันเลย แล้วอาสาจะไปช่วยเก็บกระเป๋า พิณทองขอเวลาให้พิชญ์พิสูจน์ตัวเองหนึ่งเดือนก่อน คุณหญิงวัชรีถึงกับร้องเอะอะทำไมถึงนานขนาดนั้น พิชญ์เห็นด้วยกับแม่ของเขา แต่ไม่อยากขัดใจพิณทอง

“นี่นับว่าเร็วแล้วนะคะ พิณต้องคิดให้มากๆค่ะ เพราะคราวนี้ถ้าพิณต้องกลับมา ก็หมายความว่าพิณจะไม่กลับไปบ้านพิชญ์อีก” พิณทองน้ำเสียงหนักแน่นจริงจัง...

ระหว่างทางกลับบ้าน คุณหญิงวัชรีไม่วายตำหนิลูกตัวเองว่าง้อพิณทองไม่เต็มที่หรือเปล่า เธอถึงยังโยกโย้อยู่อีก พิชญ์อ้างว่าทำเต็มที่แล้ว แต่พิณทองคงอยากจะให้แน่ใจก่อน

“แล้วอย่าทำให้แม่กับหนูพิณแล้วก็ครอบครัวของเธอต้องผิดหวังอีกล่ะ”

พิชญ์รับปากแม่ว่าจะไม่ให้เกิดขึ้นอีก

ooooooo

ในขณะที่พิณทองให้โอกาสพิชญ์พิสูจน์ตัวเองอีกครั้งหนึ่ง วิรงรองโทรศัพท์บอกพันธ์สูรย์ว่าตนกลับมาอยู่โดมทองแล้ว ส่วนอะไรเป็นสาเหตุให้เธอตัดสินใจกลับมาที่นี่ เอาไว้วันหลังจะเล่าให้ฟัง

“ที่โทร.มานี่เพราะวิมีข่าวดีจะบอก คุณอดิศวร์เริ่มเชื่อว่าดวงวิญญาณของท่านเจ้าคุณกับคุณพลับพลึงยังวนเวียนอยู่ที่โดมทองแล้วล่ะค่ะ เขาเองก็อยากรู้เหมือนกันว่าเกิดอะไรขึ้นกับท่านทั้งสอง”

“แล้วเขาจะรับได้หรือเปล่าว่าไอ้อะไรนั่น คุณย่าสุดบูชาของเขามีส่วนเกี่ยวข้องด้วย”

“หมายความว่ายังไงคะ”

พันธ์สูรย์บอกไม่ถูก แต่รู้สึกสังหรณ์ใจชอบกล และอยากให้วิรงรองระวังตัวด้วย คนที่โดมทองน่ากลัวกว่าที่เธอคิดนัก วิรงรองตัดพ้อว่าทำไมพันธ์สูรย์ถึงชอบพูดอะไรเป็นปริศนาอยู่เรื่อย แทนที่จะพูดออกมาตรงๆ

“ผมพูดตามที่รู้สึก แล้วก็เคยประสบมาบางส่วน...ว่าแต่เจ้าภูไทกับเจ้าลานนาทราบเรื่องที่คุณวิกลับมาโดมทองแล้วหรือยังครับ”

“ยังเลยค่ะ คิดว่าพรุ่งนี้จะโทร.บอก งั้นแค่นี้ก่อนนะคะ” วิรงรองวางสาย แล้วคว้าผ้าเช็ดตัวกับเสื้อคลุมหายเข้าไปในห้องน้ำ ผ่านไปพักใหญ่จึงกลับออกมาด้วยสีหน้าสดชื่น ทันใดนั้น ไฟในห้องดับพรึบ เธอรู้สึกได้ว่ามีบางอย่างเคลื่อนไหวอยู่ วิรงรองหลับตาเพื่อให้สายตาชินกับความมืดสักพัก แล้วลืมตาขึ้นอีกครั้ง ต้องสะดุ้งสุดตัวเมื่อเห็นคุณพลับพลึงยืนประจันหน้าอยู่ เธอพยายามข่มความกลัวไว้

“คะ...คุณ พลับพลึง...ต้องการอะไร...คะ”

คุณพลับพลึงยื่นมือข้างหนึ่งออกมา วิรงรองถึงกับ ผงะจะร้องก็ร้องไม่ออก ผีคอพับไปข้างหนึ่งแล้วกรีดร้องออกมาด้วยเสียงอันโหยหวนชวนสยองขวัญ หญิงสาวตกใจแทบสิ้นสติไม่กล้าขยับ พลันร่างคุณพลับพลึงหายวับไปพร้อมกับไฟในห้องสว่างขึ้น วิรงรองไม่รอช้า เผ่นออกจากห้องตรงไปทุบประตูเรียกอดิศวร์ซึ่งอยู่ห้องติดกัน เขาเห็นหน้าตื่นตระหนกของเธอแล้ว รีบดึงตัวเข้ามากอดด้วยความเป็นห่วงถามว่าเป็นอะไรไป

“คุณ...คุณพลับพลึงค่ะ” วิรงรองละล่ำละลัก

อดิศวร์จูงมือคนรักกลับมาที่ห้อง ไม่พบสิ่งผิดปกติ วิรงรองยืนยันว่าเมื่อครู่คุณพลับพลึงยืนอยู่ตรงนี้จริงๆแม้ไฟจะดับ แต่เธอก็จำลักษณะได้ อดิศวร์นิ่วหน้า เพราะไฟห้องตัวเองไม่ได้ดับด้วย เสนอให้แลกห้องกัน

“ไม่เป็นไรค่ะ ดิฉันนอนได้ เมื่อครู่ตกใจแต่ตอนนี้ดีขึ้นแล้ว...ที่คุณพลับพลึงมาให้เห็นเพราะเธอต้องการจะสื่ออะไรบางอย่างกับดิฉัน แต่ดิฉันมัวแต่ตกใจ

เธอก็เลยไป ต่อไปดิฉันต้องพยายามตั้งสติ”

“ฉันไม่อยากให้เธอหมกมุ่นกับเรื่องนี้มากเกินไป ฉันเป็นห่วงเธอนะ วิรงรอง”

“ขอบคุณค่ะ คุณอดิศวร์ออกไปได้แล้วค่ะ ดิฉันจะนอน”

“อ้าว...นึกว่าจะให้นอนเป็นเพื่อนเสียอีก รับรองว่าฉันนอนไม่ดิ้น” อดิศวร์เย้าเล่น วิรงรองหน้าแดงด้วยความเขินอาย รีบดันหลังเขาออกจากห้อง

ooooooo

ทั้งวิรงรอง อดิศวร์และอุษาแปลกใจที่แสงแข เข็นรถเข็นพาคุณย่ามากินอาหารเช้าร่วมโต๊ะกับวิรงรองทั้งๆที่เพิ่งมีเรื่องกันเมื่อวาน แถมท่านยังทักทายศัตรูคู่อาฆาตด้วยสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใสจนเธอตั้งตัวไม่ทัน ถึงกับถือช้อนกินข้าวค้าง ท่านผู้หญิงสรรักษ์ตักอาหารกินอย่างเอร็ดอร่อยโดยที่วิรงรองยังงงไม่เลิก

“แล้วทำไมไม่กิน เสร็จแล้วจะได้ไปเดินเล่นกัน เช้านี้อากาศดี”

วิรงรองหันไปสบตาอดิศวร์ไม่แน่ใจว่าท่านจะมาไม้ไหนกันแน่...

เสร็จจากมื้อเช้า อดิศวร์พาคุณย่ากับวิรงรองไปเดินกินลมชมวิวสวยรอบคฤหาสน์ ท่านผู้หญิงสรรักษ์ ชวนวิรงรองคุยโน่นคุยนี่ตลอดเวลา อดิศวร์ดูผ่อนคลายไม่เคร่งเครียดเหมือนตอนแรก

เช่นเดียวกับวิรงรองที่หายเกร็งและคุยโต้ตอบกับท่านได้ดีขึ้น แสงแขลอบมองมาจากหน้าต่างห้องนั่งเล่นด้วยแววตาเป็นประกายอย่างรู้ทันเล่ห์เหลี่ยมคุณย่า จังหวะนั้น โอบเข้ามาด้านหลังชะเง้อมองตามสายตาแสงแขก่อนจะร้องเอะอะ ไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเองที่เห็นท่าน ผู้หญิงสรรักษ์ญาติดีกับศัตรู

“เงียบ...นังโอบ อย่าทำเป็นรู้มากปากสว่างเด็ดขาด”

โอบถึงบางอ้อทันที มองสบสายตาเจ้านายสาวอย่างรู้กัน...

ไม่นานนัก อดิศวร์เข็นรถเข็นพาท่านผู้หญิงสรรักษ์กลับห้องนอน วิรงรองได้แต่ยืนรีๆรอๆอยู่หน้าห้อง แสงแขซึ่งตามมาสมทบคะยั้นคะยอให้เธอเข้าไปด้วย วิรงรองส่ายหน้าไม่กล้า

“เข้าไปเถอะน่า ตอนนี้เธอเป็นคนโปรดของคุณย่า” แสงแขว่าแล้วดึงแขนวิรงรองเข้าห้อง เห็นอดิศวร์กำลังพยุงท่านให้นั่งเอนหลังพิงพนักเตียง ท่านผู้หญิงสั่งให้แสงแขออกไปก่อน ท่านมีเรื่องจะคุยกับอดิศวร์และวิรงรอง แล้วเบือนหน้ามามองว่าที่หลานสะใภ้

“เธอหน้าเหมือนพลับพลึงจริงๆเหมือนราวกับเป็นคนคนเดียวกัน เหมือนจนทำให้ฉันนึกถึงเรื่องที่ผ่านมา แล้วก็เลยพาลโกรธเกลียดเธอ จนกระทั่ง ตาลบได้แสดงให้เห็นว่าเขารักเธอมาก ฉันถึงต้องปล่อยวาง อีกอย่างเธอกับพลับพลึงเป็นคนละคนกัน...ย่ารักลบ เห็นลบมีความสุข ย่าก็พลอยมีความสุขไปด้วย”

อดิศวร์ก้มกราบขอบพระคุณที่ตักคุณย่า ส่วน วิรงรองไหว้อย่างนอบน้อม ทั้งคู่มัวแต่ปลื้มใจที่เหตุการณ์ พลิกผันไปในทางที่ดี จึงไม่เห็นแววตาเยือกเย็นน่ากลัวของท่านที่จ้องมองวิรงรองขณะที่ก้มหัวไหว้...

ในเวลาต่อมา อุษาถึงกับชะงักเมื่อเห็นแสงแขจูงมือวิรงรองเดินตรงมาหา แสงแขหัวเราะร่วน แซวพี่สาวทำไมต้องทำหน้าราวกับโดนผีหลอกแบบนั้น อุษาเจอการเปลี่ยนแปลงกะทันหันก็เลยตกใจเป็นธรรมดา

“ในโลกนี้มันอนิจจังไม่เที่ยงทั้งนั้นแหละ แต่เราก็ต้องยอมรับว่ามันเป็นการเปลี่ยนแปลงในทางที่ดี”

จังหวะนั้น อดิศวร์ตามมาสมทบ ชวนวิรงรองไปเดินเล่นด้วยกัน ทันทีที่ทั้งคู่คล้อยหลัง สีหน้ายิ้มแย้มของแสงแขเมื่อครู่กลับกลายเป็นนิ่งเงียบจนอุษาอดแปลกใจไม่ได้

ooooooo

หลังจากเดินชมวิวเงียบๆมาพักหนึ่ง อดิศวร์ถาม วิรงรองว่าสบายใจขึ้นบ้างไหม เธอเองก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน ทุกอย่างเปลี่ยนไปเร็วมากจนเธอตามแทบไม่ทัน

“คุณย่าคงคิดได้เพราะฉันยืนยันกับท่านว่าฉันจะแต่งงานกับเธอไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น อย่าคิดมากสิ”

วิรงรองนิ่งเงียบไปอีกครั้ง ก่อนจะขออนุญาตพูดเรื่องของพันธ์สูรย์กับพี่อุษา เธออยากให้อดิศวร์เห็นใจในความรักของทั้งคู่ เขาไม่ชอบขี้หน้าพันธ์สูรย์เพราะชอบทำท่าเป็นผู้กุมความลับของตระกูลศิโรดม วิรงรองไม่เห็นเขาเป็นอย่างอดิศวร์ว่า เธอซักเรื่องในโดมทองแทบตายเขาก็บอกแค่เรื่องที่รู้ๆกันอยู่ ไม่ได้มีอะไรมากกว่านั้น

“เรื่องนี้ไม่ได้อยู่ที่ฉันคนเดียว มันขึ้นอยู่กับคุณย่าด้วย”

“ดิฉันเชื่อว่าคุณอดิศวร์สามารถจัดการได้...นะคะ ทุกอย่างอยู่ในกำมือคุณแล้ว ถ้าเพียงคุณยอมเข้าใจสักนิดเดียว ทุกคนก็จะมีความสุขสมหวังกันไปหมด” วิรงรองออดอ้อนสารพัด แต่อดิศวร์ยังใจแข็ง

“ปล่อยเขาวิรงรอง ถ้านายนั่นรักน้องสาวฉันจริงมันต้องหาทางจนได้”

วิรงรองไม่พูดอะไรอีกหันหลังเดินกลับ อดิศวร์ตามมาคว้าแขนไว้ถามว่าโกรธเขาหรือ เธอส่ายหน้าแทน คำตอบแต่ไม่ยอมสบตาด้วย เขารู้ว่าเธอไม่พอใจ ขอร้องอย่าเอาเรื่องของคนอื่นมาเป็นอารมณ์

“ไม่ใช่เรื่องคนอื่นนะคะ พี่อุษาเป็นน้องสาวของคุณอดิศวร์ เธอก้มหน้าก้มตารับใช้ทั้งคุณอดิศวร์และท่านผู้หญิงมาแทบจะตลอดชีวิต โดยไม่เคยปริปากบ่น

แถมวันดีคืนดีเกิดทำอะไรไม่ถูกใจขึ้นมายังถูกดุด่ายังกับนางทาส ความสุขเพียงอย่างเดียวในชีวิตเธอคือคุณพันธ์สูรย์ คุณก็ทราบ ทุกคนก็ทราบ แต่ก็ยังตั้งหน้าตั้งตาขัดขวางทั้งๆที่เขาก็ไม่ได้ต่ำต้อยอะไร”

“เธอล้ำเส้นมากไปแล้ววิรงรอง” อดิศวร์เสียงเขียว

“หมายความว่าเราจะกลับไปทะเลาะกันเหมือนเดิมแล้วใช่ไหมคะ...คุณต้องกลับไปคิดใหม่ให้ดีอีกครั้งแล้วล่ะค่ะ เพราะตราบใดที่ความคิดของเรายังขัดแย้งกันอยู่และค่อนข้างมากขนาดนี้ก็คงไปกันไม่รอด”

“เรื่องแค่นี้น่ะหรือ”

“ค่ะ เพราะต่อไปใครจะรู้ว่ามันอาจรุนแรงมากกว่านี้ก็ได้” วิรงรองมองอดิศวร์เขม็ง ก่อนจะเดินออกไปอย่างมีทิฐิ คราวนี้อดิศวร์ไม่ตามมาง้อ กลับเดินแยกไปอีกทางหนึ่ง ครู่ต่อมาวิรงรองมาถึงทุ่งพลับพลึงซึ่งกำลังออกดอกสะพรั่ง ทรุดตัวลงนั่ง พึมพำเบาๆ อย่างหนักใจ

“ฉันควรจะทำอย่างไรดีคะ คุณพลับพลึง”...

ดึกสงัดคืนนั้น วิรงรองฝันเห็นตัวเองเดินตามเสียงเพลงครวญมายังห้องๆหนึ่ง พบคุณพลับพลึงกำลังสีซอสามสายโดยมีท่านเจ้าคุณสรรักษ์ยืนมองด้วยแววตาเปี่ยมรัก อยู่ๆ เธอหยุดบรรเลงเพลง แล้วเงยหน้ามองวิรงรองด้วยสีหน้าเศร้าหมอง น้ำตาไหลอาบแก้ม ท่านเจ้าคุณสรรักษ์ค่อยๆเบือนหน้าที่เหลือเพียงกระดูกมองตาม เธอถึงกับผงะด้วยความกลัวสุดขีด สะดุ้งตื่น ลุกพรวดขึ้นนั่งมองไปรอบๆถึงได้รู้ว่าตัวเองฝันไป

วิรงรองล้มตัวลงนอนอีกครั้ง พลันมีเสียงเหมือนใครบางคนเดินอยู่หน้าห้อง เธอค่อยๆจรดปลายเท้าไปเปิดประตู แล้วชะโงกหน้าออกไปดู พบแต่ความว่างเปล่า จึงปิดประตูเข้านอน คุณพลับพลึงค่อยๆปรากฏร่างขึ้น

หน้าห้องที่ว่างเปล่าเมื่อครู่ หันขวับไปมองตรงมุมมืดใกล้ๆ

“ไปให้พ้น นังพิศ”

ผีพิศก้าวออกมาจากมุมมืด ก่อนจะเลือนหายไป...

ในขณะเดียวกัน ที่ห้องนอนของท่านผู้หญิงสรรักษ์ อุไรเกิดปวดท้องจะลุกไปเข้าห้องน้ำ มีเสียงร้องทักว่าจะไปไหน เธอสะดุ้งโหยงร้องลั่นว่าผีหลอก ท่านผู้หญิงสร–รักษ์ด่าสวนทันทีว่าผีบ้าผีบอที่ไหน อุไรถอนใจโล่งอก

“ท่านเองหรือคะ”

“แล้วเอ็งคิดว่าข้าเป็นผีหรือ...โน่น ผีมันอยู่ข้างนอกโน่น เต็มไปหมด”

“ท่านเจ้าขา แล้วอุไรจะออกไปเข้าห้องน้ำได้ยังไงล่ะคะ”

“เอ็งก็เดินออกไปสิ ระวังผีด้วยก็แล้วกัน” คำเตือนของท่านผู้หญิงสรรักษ์ทำให้อุไรถึงกับเข่าอ่อน

ooooooo

อุษาอดทักไม่ได้เมื่อเห็นอุไรเดินเข้ามาในสภาพอิดโรย หน้าตาซีดเซียวเหมือนไม่ได้หลับไม่ได้นอน เธอเล่าเหตุการณ์เมื่อคืนให้ฟังว่า กำลังจะไปเข้าห้องน้ำ แต่ท่านผู้หญิงสรรักษ์ถามขึ้นมาเสียก่อนว่าไม่กลัวผีหลอกเอาหรือ เธอหายปวดท้องเป็นปลิดทิ้ง ย้ายมาปวดหัวแทนจนนอนไม่หลับ

อ่านละคร โดมทอง ตอนที่ 14 วันที่ 16 ก.ค. 56

ละครเรื่อง โดมทอง บทประพันธ์โดย วราภา
ละครเรื่อง โดมทอง บทโทรทัศน์โดย : ภาวิต
ละครเรื่อง โดมทอง กำกับการแสดงโดย : นนทนันท์ ธัญญาสิริทรัพย์
ละครเรื่อง โดมทอง ควบคุมการผลิตโดย : สยม สังวริบุตร
ละครเรื่อง โดมทอง แนวละคร : ชีวิต ลึกลับ ตื่นเต้น
ละครเรื่อง โดมทอง ออกอากาศทุกวันจันทร์ และวันอังคาร เวลา 20.25 น. ทางช่อง 7 สี
ที่มา ไทยรัฐ