อ่านละคร โดมทอง ตอนที่ 12 วันที่ 10 ก.ค. 56
อดิศวร์เรียกอุไรมาตำหนิตั้งแต่ฟ้ายังไม่สางเรื่องที่ปล่อยให้คุณย่าออกมาเดินตามลำพังดึกๆดื่นๆ ไปถึงบริเวณทางขึ้นโดม เขาให้เธอนอนเฝ้าท่านไม่ใช่ให้ท่านคอยเฝ้าเธอ และกำชับอย่าให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นอีก“อุไรว่ามันแปลกนะคะ ปกติอุไรเป็นคนนอนไว แต่ทำไมถึงไม่รู้สึกตัวตอนที่ท่านผู้หญิงออกไปจากห้องแล้วก็แปลกด้วยที่ท่านเดินไปถึงที่นั่นได้ยังไงทั้งๆที่มืดตึ๊ดตื๋อขนาดนั้น”
“ไม่แปลกหรอก เพราะฉันสรุปได้ว่าทั้งหมดนี่เป็นเพราะอุไรขี้เซา”...
“เขาทำให้ทุกคนรู้สึกอย่างนั้น แต่ความจริงไม่ใช่แน่นอนค่ะ...แล้วเรื่องของพี่อุษากับพันธ์สูรย์ล่ะคะ”
อุษาไม่ตอบอะไร ได้แต่หันหลังเดินจากไป วิรงรองมองตามอย่างหนักใจ...
ขณะที่อุษาเลือกที่จะตัดใจจากพันธ์สูรย์ นายสมได้ยินเสียงแปลกๆดังมาจากโรงเก็บรถม้า จึงไขกุญแจเข้าไปดูไม่พบสิ่งผิดปกติ เขาส่ายหน้างงๆ กลับออกมาแล้วปิดประตูล็อกกุญแจไว้ตามเดิม มองสำรวจรอบๆบริเวณอีกครั้งหนึ่ง พลันสายตาเหลือบไปเห็นผ้ายันต์ที่ปิดอยู่เหนือประตูทางเข้า รีบหาอะไรมาปีนเพื่อดึงออก จากนั้นนำไปให้อดิศวร์ดู เจ้านายหนุ่มซักนายสมว่าเห็นผ้ายันต์ผืนนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่
“ผมเพิ่งสังเกตเห็นเมื่อครู่นี้เอง ตอนเดินผ่านอยู่ดีๆ
ประตูดังโครมครามเหมือนมีคนเขย่าอยู่ข้างใน ผมเข้าไปดูก็ไม่เห็นมีอะไรผิดปกติ แต่พอปิดประตูกลับเห็นผ้ายันต์นี่ติดอยู่ ไม่ทราบว่าใครเอามาติดไว้ตั้งแต่เมื่อไหร่”
อดิศวร์สั่งห้ามนายสมเล่าเรื่องนี้ให้ใครฟังเด็ดขาด แล้วมองผ้ายันต์ในมืออย่างครุ่นคิด...
ฝ่ายอนิรุทธิ์เป็นห่วงความปลอดภัยของวิรงรองเช่นกัน พอว่างงานก็รีบกลับมาที่คุ้มภูไทเพื่อจะปรึกษาหารือกับพันธ์สูรย์เรื่องเกี่ยวกับโดมทอง โชคดีที่ภูไทกับลานนาไม่อยู่ ทางสะดวกทำให้พูดคุยกับพันธ์สูรย์ได้เต็มที่ อนิรุทธิ์มีความเห็นว่างานเลี้ยงที่โดมทองคืนนั้นดูแปลกๆ เช่นเดียวกับคนที่นั่น ทั้งที่น่าจะเป็นงานรื่นเริงแต่พวกนั้นกลับไม่ได้รื่นเริงกันจริงๆ และที่สำคัญวิรงรองไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าอดิศวร์จะประกาศหมั้นกับตัวเอง
“ดีล่ะ ในเมื่อคุณเห็นความผิดปกติขนาดนี้ก็ควรจะรีบพาคุณวิรงรองออกมาให้พ้นจากที่นั่นโดยเร็วที่สุด”
ระหว่างนั้น ภูไทกับลานนากลับมาพอดี ลานนาไม่วายหาเรื่องแดกดันอนิรุทธิ์ว่ามาโฆษณาชวนเชื่ออะไรอีก เขาแก้ต่างว่าแค่แวะมาขอข้อมูลของโดมทองจากพันธ์สูรย์เท่านั้น ภูไทสนใจใคร่รู้ขึ้นมาทันที ขอฟังเรื่องราวลึกลับทั้งหมดนี้ด้วยคน พันธ์สูรย์ออกตัวว่าไม่ได้รู้ทั้งหมด คนที่รู้ดีก็คือพ่อของเขา
“งั้นก็เล่ามาให้หมดตามที่นายรู้ก็แล้วกัน”
“มันก็ไม่มีอะไรมากครับเจ้า นอกจากเป็นการคาดเดาที่คุณพลับพลึงหายไปอย่างไร้ร่องรอยเท่านั้น...ซึ่งที่ผมไม่เล่ารายละเอียดตั้งแต่แรกก็เพราะเห็นว่าทุกข้อสันนิษฐานมันก็มาจบตรงที่เดียวกันคือ คุณพลับพลึงหายไปเพราะทนความหึงหวงและความบีบคั้นจากท่านผู้หญิงสรรักษ์ไม่ไหว”
“ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง ท่านเจ้าคุณกับคุณพลับพลึงก็ผิดนะคะ ผิดศีลข้อกามาฯเสียด้วย แต่ปัญหาอยู่ที่ว่า คุณพลับพลึงหายไปไหน และทำไมวิถึงได้หน้าตาเหมือนพลับพลึงเป๊ะ”
“นายคิดว่าท่านผู้หญิงมีส่วนกับการหายตัวไปของคุณพลับพลึง” ภูไทซัก
พันธ์สูรย์เชื่อว่าเป็นเช่นนั้น เพราะท่านผู้หญิงสรรักษ์เป็นคนไล่คุณพลับพลึงออกจากบ้าน แต่ไม่มีใครรู้ว่าเธอไปอยู่ไหน เธอหายไปนับตั้งแต่นั้น บางคนบอกว่าคุณพลับพลึงรู้สึกผิดต่อพี่สาวก็เลยหนีไปอยู่ต่างจังหวัด บ้างก็ว่าท่านหนีตามผู้ชายอื่นไป แต่ท่านเจ้าคุณพลิกแผ่นดินหาก็ไม่พบ ลานนาสรุปว่าเรื่องราวก็เลยจบแบบแฮปปี้เอ็นดิ้งเพราะท่านผู้หญิงสรรักษ์ได้สามีกลับคืนมา พันธ์สูรย์ส่ายหน้า
“ถ้ามีความสุขแล้วท่านจะคลุ้มคลั่งแบบนี้หรือ”
อนิรุทธิ์วิเคราะห์ว่าวิรงรองอาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับคุณพลับพลึงไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง แล้วหันไปถามลานนาในฐานะเป็นเพื่อนสนิทของวิรงรองว่าเคยเห็นคุณย่าหรือคุณยายของเธอบ้างไหม ลานนาไม่เคยเห็น รู้แต่ว่าท่านทั้งสองตายไปตั้งแต่วิรงรองยังเด็ก ถ้าจะมีใครที่ตอบเรื่องนี้ได้ก็น่าจะเป็นแม่ของวิรงรอง...
หลังจากใคร่ครวญเรื่องผ้ายันต์ที่นายสมนำมาให้ อดิศวร์ตัดสินใจจะลองพิสูจน์เรื่องชายชุดดำบนรถม้าอีกครั้ง จึงนัดแนะกับวิรงรอง คืนนี้ห้าทุ่มตรง เราสองคนจะไปซุ่มดูผู้ชายคนนี้ด้วยกัน เพราะเขารู้ว่าเธอเองก็อยากจะพิสูจน์เรื่องนี้เช่นกัน
ooooooo
อนิรุทธิ์ร้อนใจรีบขับรถกลับกรุงเทพฯเพื่อสอบถามเรื่องคุณย่าและคุณยายของวิรงรองจากปราง และจะขอดูรูปของพวกท่านด้วย ปรางร้องเอะอะมีอะไรหรือเปล่า
“คือ...ผมทราบมาว่าวิหน้าตาเหมือนภรรยาน้อยคุณปู่ของอดิศวร์มาก”
“...วิรงรองหน้าตาเหมือนคุณพ่อ ซึ่งคุณพ่อเขาก็หน้าตาเหมือนคุณย่านั่นแหละ รอเดี๋ยวนะ น้าจะขึ้นไปเอารูปมาให้ดู แต่ไม่น่าจะมีอะไรเกี่ยวข้องกับผู้คนที่โดมทองนะ เพราะเท่าที่จำได้ไม่เห็นคุณพ่อเล่าให้ฟังเลย”
ปรางหายขึ้นไปบนบ้านสักพัก กลับมาพร้อมกับอัลบั้มรูปถ่ายของครอบครัว...
ในเวลาต่อมา อนิรุทธิ์โทร.แจ้งภูไทว่าเห็นรูปคุณย่ากับคุณยายของวิรงรองแล้ว วิรงรองค่อนข้างเหมือนไปทางคุณย่ามากกว่า แต่ก็ไม่ใช่เหมือนราวกับคนๆเดียวกัน ในเมื่อหาข้อสรุปไม่ได้ภูไทโยนให้เป็นเรื่องทางไสยศาสตร์ เหมือนที่ลานนาตั้งข้อสังเกตคือท่านเจ้าคุณสรรักษ์และคุณพลับพลึงอาจจะอธิษฐานมาเกิดใหม่เป็นอดิศวร์กับวิรงรองเพื่อให้ได้สมหวังในชาตินี้
“มันก็อาจเป็นไปได้แต่ผมเชื่อทางวิทยาศาสตร์มากกว่า คนเราถ้าหากเหมือนกันขนาดที่วิเล่าให้คุณพันธ์สูรย์ฟังแล้วล่ะก็ ต้องเกี่ยวข้องเป็นพี่น้องกันชัวร์ เดี๋ยวให้วิสบายใจก่อนแล้วผมจะลองคุยเรื่องนี้ดูอีกที”
“เราต้องร่วมมือกันพิสูจน์เรื่องนี้ให้ได้” ภูไทสีหน้ามุ่งมั่นไม่ต่างจากอนิรุทธิ์เช่นกัน...
ได้เวลาห้าทุ่มตามนัด อดิศวร์และวิรงรองมาซ่อนตัวอยู่ตรงพุ่มไม้ที่เดิมที่มาเมื่อคืน หลังจากนั่งเงียบๆ กันมาพักใหญ่ วิรงรองอดถามไม่ได้ว่าเขาทำอย่างนี้ทำไม อดิศวร์ไม่เข้าใจว่าเธอพูดเรื่องอะไร
“ก็ที่ชวนดิฉันออกมาแอบมองคนขับรถที่ไม่มีวันมาเพราะคนๆนั้นก็คือคุณ”
อดิศวร์กลับกล่าวว่าที่ชายคนนั้นไม่มาเมื่อคืนก็เพราะเธอกุเรื่องขึ้นมาเพื่อเรียกร้องความสนใจจากเขาเองต่างหาก วิรงรองไม่พอใจมาก ลุกพรวดจะกลับเข้าบ้าน อดิศวร์ฉุดมือไว้ เธอสะบัดออกแล้วขยับจะวิ่งหนี
ทันใดนั้น มีเสียงรถม้าบดกับถนนดังขึ้น ท่านเจ้าคุณสรรักษ์บังคับรถม้าแล่นตรงมายังคฤหาสน์ อดิศวร์วิ่งพรวดเข้าไปหา แต่ยังไม่ทันจะเห็นหน้าคนขับรถ ทั้งรถม้าทั้งคนแล่นหายไปในสายหมอกที่ลงจัดเสียก่อน วิรงรองตามมาสมทบได้ยินเสียงเขาบ่นเสียดายที่ไม่รู้ว่าคนขับรถม้าเป็นใคร เธอสวนทันที
“ดิฉันรู้...เขาเป็นคนที่คุณจ้างมาเพื่อให้ดิฉัน เห็นว่า เป็นคนละคนกับคุณไงล่ะ...คุณมันโรคจิต พอกันทีดิฉันจะไม่อยู่ที่นี่อีกต่อไปแล้ว ดิฉันจะโทร.ให้ลานนามารับ”
“ฉันไปส่งให้ถึงที่เลยก็ได้ ในเมื่อเธอไม่อยากอยู่ที่นี่ ฉันก็จะไม่บังคับ แต่ต้องให้ฉันไปตามนายสมให้ปลุกพวกคนงานช่วยกันตามหาคนขับรถม้าเมื่อครู่นี้ก่อน” อดิศวร์พูดจบเดินออกไปทันทีโดยมีวิรงรองตามไปติดๆ
ครู่ต่อมา คนงานกลุ่มใหญ่พากันแยกย้ายตามหาคนขับรถม้าตามคำสั่งของอดิศวร์ นายสมให้ความมั่นใจกับเจ้านายว่า จะต้องจับได้แน่นอน อดิศวร์ฝากเขาดูแลทางนี้ด้วย แล้วชวนวิรงรองไปขึ้นรถ
ooooooo
แทนที่อดิศวร์จะพาวิรงรองไปส่งคุ้มภูไทอย่างที่รับปากกลับขับรถไปเรื่อยเปื่อย พอเธอร้องทัก เขาเฉไฉว่าไม่ค่อยได้ขับรถตอนกลางคืนก็เลยหลงทางแล้ววกรถกลับ วิรงรองหมดความอดทนโวยวายลั่นว่า เขาเจตนาขับรถออกนอกเส้นทาง อดิศวร์เบนรถจอดข้างทาง แล้วคว้าไหล่วิรงรองให้หันมาเผชิญหน้าด้วยแรงหึงหวง
“ใช่ฉันเจตนา คิดว่าการกระทำของตัวเองน่ะดีแล้วหรือ เป็นสาวเป็นนางไม่พอใจอะไรก็เที่ยวโทรศัพท์ให้คนอื่นมารับดึกๆดื่นๆ ต้องเดือดร้อนมาถึงฉัน”
“เท่าที่จำได้ ดิฉันไม่ได้บอกสักคำว่าให้คุณมาส่ง” วิรงรองโต้ไม่ยอมแพ้
“รู้ล่ะว่าเก่ง...เก่งเสียจนไม่คิดว่าชื่อเสียงตัวเองจะเสียหายยังไง”
“เสียหายยังไงไม่ทราบ เจ้าภูไทเป็นเหมือนพี่ชายของดิฉัน เขาไม่มีวันเข้าใจดิฉันไปในทางไม่ดีเด็ดขาด ไม่เหมือนคุณที่สมองเต็มไปด้วยแผนการที่น่ารังเกียจและเห็นแก่ตัวสารพัด”
อดิศวร์ปล่อยมือจากไหล่วิรงรอง เสยผมรุ่ยร่ายของเธอให้เข้าที่ แล้วค่อยๆก้มลงจูบด้วยความหวงแหน หญิงสาวนิ่งงันไปชั่วขณะ ก่อนจะขยับหนีไปชิดประตูรถ เขาถามเสียงอ่อนโยนว่ากลัวเขาหรือ เธอส่ายหน้ายังไม่ทันจะพูดอะไร อดิศวร์ท้วงถ้าไม่กลัวก็ไม่ต้องหนี เขาทนปล่อยให้เธอไปหาภูไทไม่ได้ วิรงรองไม่เข้าใจทำไมเขาต้องทำแบบนี้ ทำไมต้องประกาศหมั้นทั้งๆที่เกลียดเธอ
“ไม่มีผู้ชายคนไหนที่เกลียดผู้หญิงแล้วประกาศหมั้นด้วยหรอก”
“งั้นก็เพื่อแผนการแยกดิฉันจากพิชญ์” วิรงรองยังคลางแคลงใจไม่หาย
“ฉันกลัวว่าผู้ชายทุกคนจะแย่งเธอไปจากฉันต่างหาก ฉันรู้ว่าเธอไม่เชื่อคำพูดของฉัน แต่ถ้าเธอลองนึกดูดีๆ คงจำได้ว่าฉันเคยขอแต่งงานกับเธอ”
“คุณอดิศวร์พูดเหมือนเป็นเรื่องเล่นๆ”
“สำหรับผู้ชาย คำว่าแต่งงานเป็นสิ่งที่พูดได้ยากที่สุด เมื่อฉันขอเธอแต่งงานก็หมายความว่า ฉันต้องการอย่างนั้นจริงๆ มันอาจจะฟังดูหยาบคาย ไม่อ่อนหวานน่าฟังเหมือนที่คนอื่นพูด แต่ก็อย่างที่บอก ฉันหมายความว่า พร้อมแล้วสำหรับคำนั้น” สีหน้าแน่วแน่ของอดิศวร์ทำให้วิรงรองอดหวั่นไหวไม่ได้ ยิ่งคิดถึงจูบของเขาเมื่อครู่นี้ แววตาของเธอเต็มตื้นไปด้วยความสุข...
แม้จะระดมคนงานออกค้นหาชายปริศนาบนรถม้าจนทั่วอาณาเขตโดมทอง แต่ก็คว้าน้ำเหลวไม่มีร่องรอยอะไรให้เห็น อดิศวร์ตัดสินใจไปที่โรงเก็บรถม้า พร้อมด้วยนายสมและพวกคนงาน ต่างช่วยกันฉายไฟค้นหาด้านในจนทั่ว อดิศวร์เดินเข้าไปดูรถม้าเก่าคร่ำครึคันนั้นใกล้ๆ พบเศษใบไม้สดติดอยู่ที่ล้อ นายสมซึ่งยืนอยู่ด้วยถึงกับตกใจและประหลาดใจปนกัน สภาพทรุดโทรมของมันไม่น่าจะไปไหนได้
ooooooo
ท่าทีที่อดิศวร์ปฏิบัติต่อวิรงรองด้วยความรักใคร่ ทำให้แสงแขหมดอารมณ์จะกินมื้อเช้า วิ่งหนีเข้าห้องปิดประตูร้องไห้สะอึกสะอื้นเหมือนใจจะขาด อุษาสงสารน้องมาก แต่ไม่รู้จะช่วยอย่างไร ได้แต่ภาวนาขอให้เธอทำใจยอมรับความจริงได้ในเร็ววัน...
เสร็จจากกินอาหารเช้า อดิศวร์พาวิรงรองมาเดินเล่นที่ทุ่งดอกพลับพลึง เธออดสงสารและเห็นใจแสงแขไม่ได้ที่ต้องพลาดหวังจากความรัก
“แสงแขต้องยอมรับความจริง ไม่อย่างนั้นก็จะหลอกตัวเองอยู่เรื่อยไป แล้วเธอล่ะลืมพิชญ์ได้สนิทหรือยัง”
“เขาเป็นของคุณพิณทองค่ะ เราผูกพันกันมานาน แต่ดิฉันคิดว่าสักวันหนึ่งคงจะลืมเขาได้สนิท”
“ฉันจะรอจนกว่าจะถึงวันนั้น” อดิศวร์ว่าแล้วจูงมือวิรงรองเดินเข้าไปกลางทุ่งดอกพลับพลึง...
ผ่านไปพักใหญ่ วิรงรองหอบดอกพลับพลึงช่อโต กลับเข้าตัวตึกพร้อมกับอดิศวร์ แสงแขซึ่งนัยน์ตาแดงช้ำ เนื่องจากผ่านการร้องไห้มาอย่างหนัก ปราดเข้ามาอาสาจะเอาดอกพลับพลึงไปปักแจกันให้ วิรงรองแปลกใจ แต่ก็ปล่อยให้เธอเอามันไป อดิศวร์ไม่อยากให้หญิงคนรักเป็นกังวล ปลอบว่าแสงแขคงพยายามทำใจเรื่องนี้อยู่
“นั่นยิ่งทำให้ดิฉันรู้สึกไม่ดีขึ้นไปใหญ่”
“ไม่เอาล่ะ มาพูดเรื่องของเรากันดีกว่า” อดิศวร์พูดจบพาวิรงรองไปหยุดยืนอยู่หน้ารูปคุณปู่ของเขาที่ห้องโถงใหญ่ แล้วบอกว่าจะให้ช่างมาวาดรูปคุณย่าน้อยขึ้นมาใหม่ โดยจะให้เธอเป็นแบบ และจะเอามาแขวนคู่กับคุณปู่จะได้ไม่เหงา วิรงรองเย็นยะเยือกขึ้นมาทันที ถึงกับบ่นทำไมในนี้หนาวมากนัก อดิศวร์กลัวเธอจะไม่สบาย รีบชวนออกไปนอกห้อง รูปของท่านเจ้าคุณสรรักษ์มองตามวิรงรองเขม็งราวกับมีชีวิต...
จากนั้นไม่นาน อดิศวร์ไม่ลืมโทร.แจ้งข่าวดีที่ปรับความเข้าใจกับวิรงรองได้แล้ว ให้พิณทองรับรู้ เธอดีใจกับเขาด้วย แล้วถามว่าจะจัดงานใหญ่เมื่อไหร่ เขาคงต้องรออีกสักพัก ตอนนี้วิรงรองยังไม่พร้อม พิณทองเร่งให้น้าชายพาว่าที่เจ้าสาวมากรุงเทพฯเร็วๆ เธอจะได้เลี้ยงฉลองแสดงความยินดีให้ อดิศวร์ต้องรอดูอาการคุณย่าก่อน เพราะท่านเพิ่งค่อยยังชั่ว แล้วอวยพรให้หลานรักปรับความเข้าใจกับสามีได้ในเร็ววัน...
ด้านพิณทองทนเก็บข่าวน่ายินดีไว้คนเดียวไม่ไหว ระหว่างกินมื้อค่ำจึงเล่าเรื่องนี้ให้พ่อกับแม่ฟัง รัฐมนตรีพจน์ดีใจด้วยที่ทั้งคู่ลงเอยกันได้เสียที ขณะที่คุณหญิงแก้วสีหน้าท่าทางบ่งบอกชัดเจนว่าไม่พอใจมากๆ
ooooooo
คุณหญิงแก้วยอมให้ญาติผู้น้องแต่งงานกับวิรงรองไม่ได้ แอบเอาเบอร์มือถือของเธอมาจากโทรศัพท์ของรัฐมนตรีพจน์ แล้วโทร.ไปใส่ไฟว่า พิณทองเล่าให้ตนฟังว่า อดิศวร์หลอกวิรงรองสำเร็จ
“หนูพิณน่ะสุดแสนจะดีงาม เขาเป็นห่วงแกที่ถูกน้าชายลงทุนเสียสละบอกรักเพื่อนจะให้หนูพิณกับพิชญ์อยู่กันอย่างมีความสุขโดยปราศจากมารผจญ...นี่แกกำลังฟังอยู่หรือเปล่า”
วิรงรองไม่ต้องการได้ยินเรื่องบาดหัวใจ ปิดเครื่อง ทันที คุณหญิงแก้วหันไปบอกคุณหญิงวัชรีซึ่งนั่งเชียร์อยู่ข้างๆ ว่าแม่นั่นปิดมือถือไปแล้ว คงทนฟังไม่ได้ คุณหญิงวัชรีสะใจมากที่วิรงรองหลงเชื่อแผนลับลวงพรางของเราสองคนง่ายๆ ยังอดห่วงไม่ได้ว่าเธอจะเอะใจขึ้นมา
“แหมก็มันระแวงอยู่แล้วไงคะ แค่มีอะไรมาสะกิดมันก็เชื่อเต็มที่เลย” คุณหญิงแก้วยิ้มพอใจที่แผนสำเร็จ...
ฝ่ายวิรงรองไม่รอช้าเก็บเสื้อผ้าข้าวของยัดใส่กระเป๋าแล้วโทร.ตามลานนาให้มารับ จากนั้นลากกระเป๋าเดินทางออกจากห้อง เจออดิศวร์ อุษาและแสงแขอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตา อดิศวร์ปรี่เข้ามาขวางไว้ถามว่าเกิดอะไรขึ้น วิรงรองได้แต่บอกว่าจะกลับกรุงเทพฯ สั่งให้เขาหลีกทาง เขาไม่ว่าถ้าเธอไม่อยากอยู่ แต่ขอร้องให้บอกเหตุผลสักนิดได้ไหมว่ามันเรื่องอะไรกัน วิรงรองแดกดันว่ารู้อยู่แก่ใจจะต้องมาถามทำไม แสงแขสาระแนทันที
“ถ้าทราบ คุณลบคงไม่ถามคุณวิรงรองหรอกค่ะ ค่อยๆพูดค่อยๆจากันดีกว่านะคะ”
“เหตุผลก็คือ ดิฉันเกลียดคนหลอกลวง เกลียดคนตีสองหน้า” วิรงรองจ้องอดิศวร์เขม็ง ก่อนจะถอดแหวนหมั้นคืนให้ เขาขบกรามแน่น รับมันไว้อย่างมีทิฐิ แต่อดใจหายไม่ได้ที่เห็นหญิงที่ตนรักเดินจากไป...
ทางด้านแสงแขเก็บอาการลิงโลดไม่อยู่ รีบเข้าไปรายงานท่านผู้หญิงสรรักษ์ว่าวิรงรองไปแล้ว ท่านตื่นเต้นดีใจไปด้วย ถามว่าอดิศวร์เฉดหัวเธอไปหรือ แสงแขก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน แต่อยู่ๆวิรงรองเก็บข้าวของ คืนแหวนหมั้นให้อดิศวร์แล้วก็ไป
“ดี...ไปเสียได้ก็ดี นังแสงแข ต่อไปนี้ก็เป็นหน้าที่ของแกแล้วที่จะเอาชนะใจตาลบให้ได้ ตาลบกำลังเหงา กำลังเสียใจ ถ้าแกทำไม่สำเร็จก็อยู่เป็นสาวทึนทึกเป็นเพื่อนนังอุษาไปจนตายเถอะ” ท่านผู้หญิงสรรักษ์แดกดันแสงแขสีหน้ามั่นใจจะต้องเอาชนะใจอดิศวร์ให้ได้...
ตั้งแต่มาถึงคุ้มภูไท วิรงรองเอาแต่นอนซึมอยู่
ในห้องพักรับรองแขก ลานนาเข้ามาแจ้งว่าภูไทจองตั๋วเครื่องบินให้แล้ว เที่ยวแรกพรุ่งนี้เช้า วิรงรองคว้ามือเธอมาบีบ
“ขอบใจมากนะลานนา...”
“ไม่เป็นไร เพื่อนก็ต้องช่วยเพื่อนอยู่แล้ว...อยากเล่าไหม” ลานนาเห็นเพื่อนรักส่ายหน้าน้ำตาคลอ ไม่อยากคาดคั้นอะไรให้เธอไม่สบายใจเพิ่มขึ้น...
ยัยตัวแสบประจำโดมทองไม่ปล่อยโอกาสให้หลุดลอย รีบเข้าไปเสนอหน้าถึงห้องทำงานของอดิศวร์ ถามว่าต้องการอะไรหรือเปล่า เธอจะรออยู่แถวนี้เผื่อเขาอยากได้อะไรยินดีรับใช้
“ไม่ต้อง ไปอยู่กับคุณย่าเถอะ”
“พี่อุษาอยู่กับคุณย่าแล้วค่ะ” แสงแขพยายามตื้อสุดฤทธิ์ อดิศวร์ยืนยันเสียงแข็งว่าไม่ต้อง เธอจำต้องออกจากห้องด้วยความน้อยใจ แต่แล้วก็กลับฮึดสู้ขึ้นมาใหม่
“ต้องให้เวลาคุณลบหน่อย ฉันจะต้องทำให้ได้ คุณลบจะต้องเป็นของฉัน”
ooooooo
อ่านละคร โดมทอง ตอนที่ 12 วันที่ 10 ก.ค. 56
ละครเรื่อง โดมทอง บทประพันธ์โดย วราภาละครเรื่อง โดมทอง บทโทรทัศน์โดย : ภาวิต
ละครเรื่อง โดมทอง กำกับการแสดงโดย : นนทนันท์ ธัญญาสิริทรัพย์
ละครเรื่อง โดมทอง ควบคุมการผลิตโดย : สยม สังวริบุตร
ละครเรื่อง โดมทอง แนวละคร : ชีวิต ลึกลับ ตื่นเต้น
ละครเรื่อง โดมทอง ออกอากาศทุกวันจันทร์ และวันอังคาร เวลา 20.25 น. ทางช่อง 7 สี
ที่มา ไทยรัฐ