อ่านละคร วันนี้ที่รอคอย ตอนที่ 10 วันที่ 4 ก.ค. 56

อ่านละคร วันนี้ที่รอคอย ตอนที่ 10 วันที่ 4 ก.ค. 56

ในงานเลี้ยงต้อนรับเจ้าชายศิขรนโรดมแห่งคีรีรัฐ เจ้าภาพจัดเพลงไทยเดิมสำเนียงทางเหนือขับกล่อม

แม้ศิขรนโรดมจะชอบเพลงแนวนี้ แต่คืนนี้ฟังอย่างไม่มีความสุขเลย ใจพะวงห่วงจ้าวซันว่าจะเกิดอะไรขึ้น จนผู้ว่าฯชวนคุยก็ไม่ได้ยิน มิถิลาเองก็กระวนกระวายเป็นห่วงทั้งจ้าวซันและราชิดผู้เป็นพ่อ ผู้ว่าฯเปรยๆอย่างรู้ใจว่า

“คุณชายจ้าวซันคงยังไม่เสร็จธุระ”


ทุกคนยิ่งเครียด บราลียิ้มแย้มพูดให้บรรยากาศผ่อนคลายว่า

“แต่ไม่น่าจะมีอะไรยุ่งยากค่ะท่าน ฝ่าบาทอย่าทรงกังวลเลยเพคะ คุณชายจ้าวซันได้วางแผนทั้งหมดไว้อย่างดี และทรง เอ๊ย...และท่านมีจิตใจกว้างขวางพอที่จะให้ความ...เมตตา...กับทุกคน” ประโยคหลังมองไปทางมิถิลาอย่างให้กำลังใจว่าพ่อเธอจะปลอดภัย

ครู่เดียว ผู้กองเหลียงและหมวดจางก็มาเชิญผู้ว่าฯไปพบจ้าวซัน ผู้ว่าฯเครียดขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เมื่อผู้ว่าฯลุกไปศิขรนโรดมเปรยๆว่าตำรวจฮ่องกงมาจับพวกนั้นหรือเปล่า

“ทรงวางพระทัยเถอะเพคะ” บราลีใจเย็น

“เขามีสิทธิ์คิดใช่ไหมว่าผม...ร่วมมือในการซื้ออาวุธเถื่อนกับพวกนั้นด้วย” ศิขรนโรดมกังวล บราลีได้แต่เงียบ

ooooooo

ผู้ว่าฯไปพบจ้าวซันที่สวนบนระเบียงด้านนอก โดยมีผู้กองเหลียงและหมวดจางตามมาติดๆ จ้าวซัน บอกทันทีว่าตนต้องให้ท่านผู้ว่าฯช่วย

“เราจะมีการจับและยึดอาวุธจากโรงเก็บเครื่องบินเช่าเหมาลำของคีรีรัฐ ที่พวกมันอ้างว่าเป็นเครื่องส่วนพระองค์ แต่ที่จริงมันเพิ่งทำการเช่ามาจากเอกชนประเทศเพื่อนบ้านของคีรีรัฐ ขอให้ท่านประสานงานให้เราเข้าไปจัดการในเขตท่าอากาศยานอย่างสะดวกและลับที่สุดด้วย”

หลังจากเจรจากัน ผู้ว่าฯยินดีให้ความร่วมมือเพื่อสันติสุขของประเทศเพื่อนบ้าน จ้าวซันจึงพูดเรื่องฉินเจียง ผู้ว่าฯขอว่า โทษของฉินเจียงขอให้เป็นไปตามกระบวนการทางกฎหมายเถิด

“แต่...ฉินเจียงเป็นน้องชายผม” จ้าวซันติงเสียงอ่อน จนผู้ว่าเริ่มใจอ่อน แต่ก็ยืนยันว่าเรื่องนี้ยกให้เป็นหน้าที่ของตำรวจเถิด แล้วตัดบทว่า

“ผมจะต่อสายประสานงานไปทางท่าอากาศยาน ผู้กองก็ต้องทำหมายค้นและหมายจับเข้าไปให้ถูกต้องด้วย อย่าให้ฮ่องกงต้องเสียชื่อเสียงก็แล้วกัน”

เมื่อผู้ว่าออกไปแล้ว หมวดจางบอกจ้าวซันว่า พวกตนรู้ความจริงกันหมดแล้ว ผู้กองเหลียงชี้แจงว่า

“กลุ่มจอมพลราชิดเป็นนักโทษของเรา เพราะพวกเขาเข้ามาทำผิดกฎหมายฮ่องกง เราต้องดำเนินคดีกับพวกเขาที่นี่ก่อนพะย่ะค่ะ แล้วเรื่องจะให้ส่งตัวไปรับโทษที่คีรีรัฐ คงต้องรอเป็นลำดับต่อไป”

“ผมอยากให้ทางการช่วยปิดข่าว หลังจากที่ยึดอาวุธจากเครื่องบินส่วนพระองค์ไปแล้ว อย่าให้พรรคพวกของมันที่คีรีรัฐแพร่งพรายเหตุการณ์ในคืนนี้ได้”

“หมายความว่า...” ผู้กองมองหน้ารอคำชี้แจง

“ผมกับศิขรนโรดม เราต้องร่วมปราบกบฏในคีรีรัฐให้ได้ก่อนที่พวกมันจะไหวตัวทัน” จ้าวซันตอบหน้านิ่ง

ooooooo

ที่โกดังเก็บเครื่องบิน มีทหารคีรีรัฐยืนยามอยู่ 5 คน แต่พอตำรวจฮ่องกงบุกเข้าไป พวกนั้นก็วางอาวุธยกมือยอมแพ้ อเล็กซ์นำกำลังบุกเข้าไปค้นเครื่องบิน รื้อโฟมและของตบตาออกหมดก็พบปืนอยู่ใต้กล่อง!

ที่ข้างโกดังมีบ่อนแบบบ้านๆ พันหงปิงเล่นการพนันอยู่ที่นั่น ถูกตำรวจบุกเข้าไปก็แตกกันกระเจิง แม้ พันหงปิงจะหนีไปได้ แต่ก็ถูกยิงที่ขาล้มลง จึงถูกจับใส่กุญแจมือ

หลังปฏิบัติการที่รวดเร็วปานสายฟ้าแลบแล้ว เหม่ยอิงก็ได้รับโทรศัพท์แจ้งข่าวจากเกาเฟยว่า

“อาวุธถูกจับแล้วครับ กำลังโดนลำเลียงออกมาจากสนามบิน เป็นความลับสุดยอด ส่วนพันหงปิงโดนยิงบาดเจ็บเล็กน้อย แต่คงต้องรักษาหลังซี่กรงแหละครับ แค่นี้ก่อนนะครับ ส่วนเรื่องเต๋อเป่า คุณหนูอย่ากลัว มันไม่มีวันฟื้นคืนจากความเป็นผักเน่าได้แน่นอน

เหม่ยอิงฟังแล้วยิ้มเยาะสะใจที่อีกไม่นานฉินเจียงก็ต้องถูกจับกุม ก็พอดีเทเรซ่ามาบอกฉินเจียงว่าจ้าวซัน อยากพบ ซูหลิงจะตามไป ฉินเจียงบอกให้รอที่นี่ บ่นจ้าวซันว่าเจ้ายศเจ้าอย่างน่ารำคาญ แล้วลุกไปเพื่อคุยให้เสร็จๆไป

“ว่าที่สามีของซูหลิงไปเสียแล้ว...ไม่รู้ว่าจะได้เจอกันอีกเมื่อไหร่นะคะ” เหม่ยอิงเปรยๆยิ้มเยาะในหน้า

คุณนายหวังไม่เข้าใจว่าเหม่ยอิงพูดอะไร แต่ซูหลิงอดที่จะเอาคำพูดนั้นมาเป็นกังวลไม่ได้

ooooooo

เทเรซ่าพาฉินเจียงไปหาจ้าวซันที่ริมสระน้ำ เขาเหน็บแนมอย่างหมั่นไส้ว่า ทำไมต้องนัดมาคุยที่นี่ เกิดอารมณ์ อยากว่ายน้ำขึ้นมารึไง เทเรซ่าส่งฉินเจียง แล้วขอตัวไป จ้าวซันขอบคุณบอกว่าไม่เกินห้านาทีจะตามไป

“ฉินเจียง ฉันขอโทษนะ ยังไงก็ตาม ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น จำไว้ว่า ฉันพยายามเจรจากับแก...กี่ครั้ง...ต่อไปนี้ จะพูดอะไรให้ผ่านทนายความของเราก่อน อย่าคิดเองพูดเอง” ฉินเจียงระเบิดหัวเราะออกมาอย่างเข้าใจนัยยะนั้น จ้าวซันถามว่า “ไอ้เกาเฟย...เกาเฟยมันทำใช่ไหม มันขอยืมชื่อแกไปออกหน้า”

“เปล่า...”

“พี่อยากช่วยแกนะฉินเจียง บอกความจริงมาว่าแกไม่รู้จักพันหงปิง แกแค่อยากยั่วพี่โดยให้เกาเฟยเอาชื่อแกไปอ้างแค่นั้นเอง”

“ออกมากันได้แล้ว” ฉินเจียงตะโกนอย่างรู้สถานการณ์ พลันผู้กองเหลียงกับหมวดจางก็เดินออกมาใส่กุญแจมือถูกฉินเจียงเยาะเย้ยว่า “จะจับฉินเจียงแค่คนเดียวแต่ขนคนมาทั้งโรงพัก ผมรู้สึกเป็นเกียรติจริงๆ”

จ้าวซันขอผู้กองเหลียงอย่าใส่กุญแจมือได้ไหม ฉินเจียงพูดอย่างไม่ยี่หระว่า

“ไม่ต้อง ไม่ต้องมาทำจริตมารยาว่าพี่แคร์อะไรผมอีก พี่ก็คิดสินะว่าจะชนะผมได้อีกตามเคย” จ้าวซันบอกว่าตนไม่เคยคิดเลยสักครั้งเดียว ฉินเจียงชี้หน้าจ้าวซันทั้งที่ถูกใส่กุญแจมือ “พี่รู้ไหม เกมนี้ผมเดิมพันด้วยชีวิตผมเลย เพราะตั้งแต่ที่ผมรู้ว่าพี่รู้เรื่องที่ผมค้าอาวุธ ผมก็คิดจะวางมืออยู่หลายที แต่ผมอยากวัดใจพี่ ผมอยากรู้ว่าพี่จะจัดการผมยังไง จะบอกตำรวจไหม และก็อยากรู้ว่าจะมีสักครั้งไหมที่ผมจะเอาชนะพี่ได้”

“ถ้าพี่ไม่ทำ เต้ก็คงจะสาปแช่งพี่”

ฉินเจียงด่าจ้าวซันว่าสร้างภาพ พูดใส่หน้าจ้าวซันว่าเกมนี้เอาชนะตนไม่ได้หรอก ถ้าตนเข้าคุกเขาก็ต้องทุกข์ทรมานใจไม่น้อยว่ากัน เต้เลี้ยงดูเขามาแต่เขากลับทำให้ลูกชายคนเดียวของเต้ต้องไปนอนในคุก พูดเย้ยใส่หน้าว่า

“ผมต่างหากที่เป็นผู้ชนะ” จ้าวซันเตือนว่างานนี้เราแพ้ด้วยกันทั้งคู่ “ผมรู้! แต่อย่างน้อยผมก็เป็นคนทำให้คุณชายจ้าวซันรู้จักคำว่าแพ้ในที่สุด ไพ่ตาสุดท้ายเราก็ทิ้งกันไปหมดแล้ว แต่พี่อย่าลืมว่าผมมันเซียนเก่า ยังมี

ไพ่ที่ผมซ่อนเอาไว้อีกใบ พี่คอยดูก็แล้วกัน” ฉินเจียงพูดทิ้งไว้ก่อนถูกผู้กองเหลียงและหมวดจางคุมตัวออกไป

ooooooo

เสร็จธุระทางนี้แล้ว จ้าวซันลงไปที่ห้องจัดงาน เข้าไปถวายคำนับศิขรนโรดมแล้วนั่งลงข้างผู้ว่าฯ ศิขร-นโรดมถามอย่างรู้กันว่าเป็นอย่างไรบ้าง? จ้าวซัน

บอกว่าทุกอย่างเรียบร้อยดี ทำให้ทั้งสองสบายใจขึ้น

แต่มิถิลาไม่สบายใจ เข้ามาถามว่าจอมพลราชิดสบายดีไหม จ้าวซันบอกว่าท่านราชิดสบายดีได้รับการดูแลอย่างสมเกียรติ แล้วจ้าวซันลุกเดินไปทางโต๊ะเหม่ยอิง เธอขยับเตรียมรับ แต่จ้าวซันเดินเลยไปบอกซูหลิงว่าคืนนี้ไท้เผ่งมีธุระต้องไปทำต่อ ซูหลิงหน้าเสียอย่างรู้สถานการณ์

เหม่ยอิงเจ็บใจที่จ้าวซันเดินผ่านตนไปคุยกับซูหลิง ลุกพรวดขึ้นกลับทันทีจนคุณนายหวังลุกตามแทบไม่ทัน

บราลีขอพูดเรื่องส่วนตัวกับจ้าวซันบอกว่าหลวงพ่อโจเซฟรับปากว่าจะช่วยเรื่องพ่อ จ้าวซันรู้ทันทีว่าเธอหมายถึงเรื่องสุริยะติดหนี้พนัน เขาโทร.เข้ามือถือเทเรซ่าบอกให้เคลียร์หนี้ของสุริยะที่บ่อนของฉินเจียงและพาเขามาพบตนพรุ่งนี้เช้าด้วย แล้วหันบอกบราลีว่า

“เรื่องแค่นี้ไม่ต้องรบกวนหลวงพ่อหรอก” บราลีขอบพระทัย “ไม่ต้องขอบใจอะไร ม่านฟ้า ถ้าสุริยะเขาดีกับน้องและเลี้ยงดูน้องมาดีจนทำให้น้องสำนึกบุญคุณ กตัญญูห่วงใยเขา ก็แปลว่าเขาควรจะได้รับความห่วงใยและความกตัญญูจากพี่ด้วยเหมือนกัน”

บราลีมองจ้าวซันแววตาเปี่ยมด้วยความซาบซึ้ง...

จ้าวซันยังบอกเธอว่าหน้าที่ดูแลสุริยะให้ดีเป็นหน้าที่ของตนมานานแล้ว โชคดีที่เขาดูแลน้องได้ดี เพราะเวลานั้นตนยังเด็กได้แต่รอวันที่ตัวเองดีพอ วันที่ตัวเองพร้อมที่จะทำทุกอย่าง พูดอย่างมาดมั่นว่า

“วันนี้ที่รอคอย ในที่สุดมันก็มาถึง พี่ยังไม่ได้บอกน้องใช่ไหมว่าวันนี้น้องสวยมาก สวยเหลือเกิน”

บราลีบอกเขินๆว่าใครๆก็ชมแม้แต่ตัวเองก็ยังชมตัวเองว่าแต่งชุดนี้แล้วรู้สึกว่า ได้เป็นตัวของตัวเองที่สุด เป็นชุดที่สวยมาก แล้วก็ชอบ ชอบตัวเองในชุดนี้มาก จนอยากจะสวมทุกวัน

จ้าวซันมองไปรอบๆ บอกเบาๆว่า“ถ้าไม่กลัวว่านี่คือสถานที่สาธารณะ และอาจมีกล้องซีซีทีวีจับจ้องอยู่ น้องพูดแบบนี้ พี่ต้อง..กอดสักทีหรืออาจจะ...จูบสักครั้ง”

“หม่อมฉันก็อยากจะกอดฝ่าบาท..เพราะหม่อมฉันเห็นว่า วันนี้ทรงเผชิญเรื่องราวมากเหลือเกิน ล้วนแต่เรื่องยากลำบากทั้งกายและใจ แต่ก็ทรงฝ่าฟันอุปสรรคทุกอย่างจนสำเร็จลุล่วง ทรงควบคุมสถานการณ์ทั้งหมดได้อย่างดี”

“เพราะมีคนช่วยพี่เยอะแยะต่างหาก รวมทั้งน้องด้วย แต่...ม่านฟ้า น้องเข้าใจผิดแล้วนะ ที่คิดว่าทุกอย่างสำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดีแล้วน่ะ พี่ว่า...ยัง”บราลีถามว่านี่แค่เริ่มต้นใช่ไหม“ใช่...เรายังมีอะไรต้องรีบทำให้เบ็ดเสร็จเด็ดขาดอีกมากมายนัก” แววตาจ้าวซันมุ่งมั่น เด็ดเดี่ยว เข้มแข็ง จนบราลีมองอย่างเปี่ยมด้วยศรัทธา

ooooooo

ภูสินทรพูดถึงอาการตะลึงงันของราชิดจนทำให้การจับกุมเป็นไปได้ง่ายกว่าที่คิดว่า เพราะเมื่อเขาได้เห็นอสุนีที่ถูกจับมาก็ทำให้สูญเสียความมั่นใจไปอย่างสิ้นเชิง

ส่วนอสุนีได้พบมิถิลา เขาถึงกับผวาเข้าไปจับตัวน้องสาวเขย่าเหมือนไม่เชื่อสายตาตัวเอง ถามว่าทำไมถึงมาที่นี่ได้ มิถิลาบอกว่าเมื่อพ่อไม่ให้พี่มา ตนเลยต้องมาทำหน้าที่แทน ศิขรนโรดมบอกว่า ราชิดจำมิถิลาไม่ได้เพราะคงนึกไม่ถึง หรือถึงสายตาจะเห็นความละม้ายบ้าง แต่ใจปิดรับสัญญาณที่แท้จริงโดยสิ้นเชิง เลยบอกสายตาไม่ให้มองเห็นความจริงไปด้วย

ทั้งสามต่างก็ยินดีที่ได้พบกัน ศิขรนโรดมบอกตำรวจที่คุมตัวอสุนีมาว่าเขาไม่เป็นอันตรายอะไรปล่อยเขาเถอะ ตนขอเอาเกียรติเป็นประกันว่า อสุนีเป็นทหารคีรีรัฐที่อยู่ทางฝ่ายเรา ไม่ได้อยู่ฝ่ายผู้ก่อการร้าย ไม่ได้อยู่ฝ่ายจอมพลราชิด

เมื่อสมควรแก่เวลาภูสินทรจึงบอกให้แยกย้ายกันไปพักผ่อนเสีย เพราะ...

“พรุ่งนีิ้ฝ่าบาทต้องทรงเสด็จนิวัติคีรีรัฐตามกำหนดการเดิม องค์ชายน่านปิงนรเทพวางแผนไว้หมดแล้ว กระผมชาวคีรีรัฐเช่นกัน จะถวายอารักขาฝ่าบาทเอง”

“น่านปิงนรเทพ?” อสุนีผงะ มองหน้าศิขรนโรดมกับมิถิลาไปมา แต่ไม่มีใครพูดอะไร

อ่านละคร วันนี้ที่รอคอย ตอนที่ 10 วันที่ 4 ก.ค. 56

โดย บทประพันธ์โดย วราภา จากบทละครโทรทัศน์ทางช่อง 7 โดย ปราณศักดิ์สวัสดิ์
กำกับการแสดงโดย : สยาม น่วมเศรษฐี
ควบคุมการผลิตโดย : บริษัท พอดีคำ จำกัด
โดยผู้จัด : ธงชัย ประสงค์สันติ/มณีรัตน์ ประสงค์สันติ
ออกอากาศเริ่มตอนแรก วันพฤหัสบดีที่ 13 มิ.ย. 2556
ที่มา ไทยรัฐ