อ่านละคร วันนี้ที่รอคอย ตอนที่ 12
“แล้วสิ่งที่มันทำกับเจ้าหลวงพระองค์ก่อนล่ะ แล้วที่ทำกับบายศรีเมียของหม่อมฉันล่ะ คนอย่างมันสมควรที่จะได้รับศักดิ์ศรีนี้ด้วยเหรอ”ศิขรนโรดมไม่ตอบ หันมองการต่อสู้ของจ้าวซันกับจัตุรัสที่กระโดดไปสู้กันบนก้อนหินใหญ่กลางสายนํ้า จังหวะหนึ่งจัตุรัสเพลี่ยงพลํ้าตกลงไปในนํ้า จ้าวซันกระโดดตามไปจับมือไพล่หลังแล้วกดนํ้า จัตุรัสดิ้นทุรนทุราย จ้าวซันยกขึ้นมาแล้วกดลงไปอีก จัตุรัสทะลึ่งขึ้นพ่นนํ้าออกมา ตะคอกทั้งที่สำลักนํ้า
“จะฆ่าก็ฆ่า ไม่ต้องมาทรมาน”
“จะไม่ร้องขอชีวิตหน่อยเหรอ”
“ไม่!”
“ไม่ร้องขอกับเราก็ไปร้องขอกับ “ภูสินทร”เอาแล้วกัน”
จัตุรัสตะลึงอึ้ง พอจำภูสินทรได้ จัตุรัสถึงกับช็อกอุทาน “ภะ...ภูสินทรเหรอ” สิ้นเสียง ภูสินทรก็เตะไปที่หน้าจัตุรัสจนหน้าหงาย
แต่จัตุรัสไม่แม้แต่จะร้อง ซํ้าท้าทายเมื่อถูกจ้าวซัน กับภูสินทรพาไปที่ผาห่มดอกในสภาพสะบักสะบอมว่า
“เอาเลย ทำให้เหมือนกับที่ข้าทำกับเอ็งไว้ทุกอย่างเลยนะ มันจะได้สาสมกัน ไหนล่ะเหล็กร้อนๆ เอามานาบตัวข้าด้วยสิ...เสียดายที่ข้าไม่มีเมีย เจ้าก็เลยพามาให้มันฆ่าตัวตายต่อหน้าข้าไม่ได้ ฮ่ะๆๆ”
ภูสินทรเดินเข้าไปตบจัตุรัสไม่ยั้ง จนจ้าวซัน
บอกให้พอก่อน ก็ถูกจัตุรัสถ่มถุยใส่ด่าว่า นิสัยที่ชอบทำตัวเป็นพระเอกแบบนี้แหละตนเกลียดนัก เลยถูก
จ้าวซันตบเสียฉาดใหญ่พูดใส่หน้าว่า
“มันยังตายตอนนี้ไม่ได้ ทุกอย่างกำลังจะจบแล้ว ทิ้งมันไว้ที่นี่สักพักเถอะ” แล้วจ้าวซันกับภูสินทรก็เดินออกไป
“แน่ใจเหรอว่าจะจบ พวกเจ้าประเมินข้าตํ่าไปแล้ว ฮ่ะๆๆๆ” จัตุรัสระเบิดหัวเราะออกมาอย่างบ้าคลั่งจนจ้าวซันกับภูสินทรหันกลับมองงงๆ “ข้าคิดไว้แล้วว่าต้องมีอะไรเกิดขึ้นที่ฮ่องกง ทำให้ราชิดไม่กลับมา นึกว่าข้าโง่เหรอ จะบอกให้ พวกเจ้ารู้เอาไว้ ตอนนี้ชีวิต
เจ้าหลวงมาทยาธรอยู่ในกำมือของข้าแล้ว จะบีบก็ตาย จะคลาย...ก็ตายอยู่ดี!”
จ้าวซันตวาดว่าโกหก จัตุรัสพูดอย่างเป็นต่อว่าตนทำงานกับเจ้าหลวงมาตลอดยีิ่สิบปี เจ้าหลวงไว้ใจตนยิ่งกว่าใคร จะหลอกพาไปไหนมาไหนก็แสนง่าย
จ้าวซันถามว่า “เจ้าคิดจะทำอะไร”
“ลองปล่อยให้ข้าตายดูสิ...รับรองว่าจะไม่มีใครได้พบเจอเจ้าหลวงอีกต่อไป” จัตุรัสหัวเราะอย่างเป็นต่อ จนจ้าวซันกับภูสินทรมองหน้ากันอย่างชั่งใจว่าจะเชื่อดีหรือไม่เชื่อดี
ooooooo
มาทยาธรจ้องหน้าบราลีไม่วางตา ปากก็พึมพำว่าเหมือนมาก เหมือนจนน่าตกใจ ถามเธอว่าชื่ออะไร เป็นลูกเต้าเหล่าใคร และเข้ามาในวังนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่
บราลีคิดไม่ทัน ตอบอึกอักว่ามารดาของตนพามาถวายให้เป็นข้ารับใช้พระเทวี ถูกมาทยาธรตวาดว่าโกหกเพราะธรรมเนียมการเอาลูกมาถวายเป็นข้ารับใช้ในวังถูกยกเลิกไปสิบกว่าปีแล้ว และสำเนียงคีรีรัฐของเธอก็ฟังแปร่งหู
บราลีหาทางหลบ อ้างว่าเอาผลไม้มาถวายหากไม่โปรดก็จะยกออกไปพลางจะหนี มาทยาธรยิ่งระแวงเรียกทหารเข้ามาสั่งจับบราลีไปสอบสวน ถามว่าแล้วจัตุรัสไปไหน ทหารที่เข้ามาไม่ตอบ พยักหน้าให้กันแล้วลงมือปฏิบัติการทันที คนหนึ่งเข็นรถเข็นพามาทยา–ธรออกไป มาทยาธรเอะใจถามว่า
“เฮ้ย...เดี๋ยว พวกเจ้าจะพาเราไปไหน จับอีนางคนนั้นสิ”
ทหารคนหนึ่งก้มบอกบราลีเบาๆ ว่า “ห้ามบอกเรื่องนี้ให้ใครรู้เป็นอันขาด เข้าใจไหม! ไม่อย่างนั้น!!” ขู่แล้วเห็นบราลีหลับตาปี๋ก็เสียงอ่อนลง “ไม่ต้องกลัวขนาดนั้นหรอกน้องสาว รีบไปเสียเถอะ”
บราลีแอบตามไปอย่างสงสัย จนถูกทหารจับได้ดุว่าตามมาทำไมอยากรู้อยากเห็นแบบนี้สงสัยเอาไว้ไม่ได้แล้ว เธอแกล้งถามว่าพี่ทหารชื่ออะไรกลัววันหลังจะไม่ได้เจอกันอีก ทำให้ทหารท่าทีอ่อนลง แต่บราลีก็ยังแอบมองทหารที่พามาทยาธรไป
ภูสินทรเข้ามาในห้องบรรทมของมาทยาธร พอดีพระเทวีเข้ามาอย่างรีบร้อนตกใจเพราะมาทยาธรถูกลักพาตัวหายไป ซ้ำจัตุรัสก็ไม่อยู่ จึงมีแต่ศิขรนโรดมกับมิถิลาที่คอยติดตามมาดูแล ช่วยค้นหา
เมื่อไม่พบร่องรอย ศิขรนโรดมบอกพระมารดาว่า “เสด็จแม่ต้องปิดเรื่องนี้เป็นความลับ เพราะเราไม่รู้ว่าตอนนี้ใครเป็นพวกใคร และเสด็จแม่ก็ต้องระวังตัวด้วยเช่นกัน เอาอย่างนี้ เดี๋ยวลูกจะให้ทหารตามไปอารักขาส่งถึงพระตำหนักเลย”
ส่งพระมารดาไปแล้ว ศิขรนโรดมเรียกภูสินทรที่ซ่อนตัวอยู่ออกมาถามว่าได้ความว่าอย่างไร
“ไอ้จัตุรัสมันน่าจะได้องค์เจ้าหลวงไปเป็นตัวประกันแล้วจริงๆ ฝ่าบาท” ภูสินทรรายงาน
ooooooo
ที่ผาห่มดอก จัตุรัสเย้ยหยันจ้าวซันว่าไม่มีทางหาเจ้าหลวงเจอ พื้นที่ทุกตารางนิ้วของคีรีรัฐไม่มีใครรู้จักดีเท่าตน จ้าวซันถามว่าเขาจะเอาอะไร?
จัตุรัสย้อนถามว่าจ้าวซันต้องการอะไร กลับมาเพื่อทวงบัลลังก์คืนใช่ไหม
“เรากลับมาเพื่อทวงถามความยุติธรรม คนชั่วอย่างพวกเจ้า ควรจะได้รับผลกรรมได้แล้ว”
“โอ๊ย...ขำ...ความยุติธรรมไม่มีหรอกองค์ชาย โลกนี้มันมีแต่ความจริงที่ว่า ใครดีใครได้ ใครชนะคนนั้นคือคนดีคนถูกต้อง ใครแพ้คนนั้นก็เลวเป็นกบฏ” แล้วถามว่า “ฝ่าบาทไม่อยากทราบแล้วหรือว่าเจ้าหลวงอยู่ไหน”
“เจ้าคงลืมไปว่าเราเองก็เป็นคนคีรีรัฐเหมือนกัน เรื่องแค่นี้คงไม่ยากอะไร แต่ถ้าเราหาเจ้าหลวงไม่พบ ก็จะไม่มีใครมาพบเจ้าที่นี่เหมือนกัน” พูดแล้วเดินออกจากคุกไปไม่หันกลับมามองอีกเลย ปล่อยให้จัตุรัสตะโกนเรียกอยู่อย่างนั้น
ooooooo
บ้านสี่ฤดูที่ฮ่องกง เหม่ยอิงบ้าอำนาจไม่เกรงแม้แต่เจ้าไทไท เธอเรียกช่างมาปรับปรุงเปลี่ยนแปลงบ้านสี่ฤดูตามใจชอบ แม่สี่ อาม่า กับผิงอันทักท้วงกระทั่งถามว่าได้ขออนุญาตจ้าวไทไทแล้วหรือยัง ก็ถูกตวาดว่า
“จะต้องไปขอทำไม หนูเป็นคนออกเงิน หนูอนุญาตเอง แม่ใหญ่เกี่ยวอะไร” อาม่าติงว่าทำแบบนี้ฮวงจุ้ยบ้านจะเสียหมด ก็ดูถูกว่า “แล้วไอ้ฮวงจุ้ยเดิมที่ว่ากันว่าดีนักดีหนาฉันก็ไม่เห็นช่วยส่งเสริมอะไรคนในบ้านเลย แม่สี่ก็จนลง แม่ใหญ่ก็เจ็บออดๆแอดๆ”
ผิงอันยํ้าว่ายังไงก็น่าจะบอกไทไทหน่อย เพราะแม่ใหญ่ยังใหญ่ที่สุดในบ้าน อาม่าเชื่อว่าไทไทรู้ต้องไม่ยอมแน่
“เดี๋ยวก็รู้ว่าใครใหญ่กว่าใคร” เหม่ยอิงผยอง เดินอาดๆไปที่ห้องจ้าวไทไท แต่พอเปิดประตูผัวะเข้าไป ก็ถูกจ้าวไทไทที่จิบนํ้าชารออยู่ไล่ตะเพิดทันที
“เอาอีนางกากีนี่ออกจากบ้านไป อย่าให้มันเข้ามาเหยียบที่นี่...อีคนอัปมงคล ออกไป! ถือว่าจ้าวซันไม่อยู่แล้วคิดจะทำอำนาจบาตรใหญ่งั้นหรือ” เหม่ยอิงเถียงอย่างไม่ยำเกรง เมื่อถูกจ้าวไทไทสาปแช่งว่าไม่ได้ตายดีแน่ ก็พูดกวนประสาทว่า
“ด่าไปเถอะ อัดอั้นไว้เดี๋ยวเส้นเลือดในสมองจะแตกตายก่อน”
เหม่ยอิงทั้งทำลายความเชื่อถือเรื่องฮวงจุ้ยและวัตถุมงคลในบ้านอย่างบ้าอำนาจ กระทั่งปลดรูปเต้ออก เลยถูกมุมกรอบรูปบาดนิ้วเลือดไหลโกรก
“ลางร้าย...ฮ่ะๆๆ ลางร้าย เลือดไหลอาบสังเวยเซ่นภูติผีฮ่าๆๆ” จ้าวไทไทหัวเราะอย่างบ้าคลั่งเสียงกึกก้องไปทั้งบ้านสี่ฤดูฟังน่ากลัว
ooooooo
จ้าวซันในชุดอำพรางสีดำกลับมาที่บ้านครูเฒ่า ถามครูเฒ่าและภูสินทรที่นั่งอยู่ รู้จากครูเฒ่าว่ายังไม่ได้เบาะแสเจ้าหลวงเลย ภูสินทรเสนอว่าเมื่อจัตุรัสไม่ยอมบอกก็ทรมานมันจนกว่าจะบอก
“จัตุรัสมันมีพิษมากกว่าที่เราคิด” จ้าวซันเครียด พลันก็นึกได้ถามว่าม่านฟ้าไปไหน
แล้วจ้าวซันก็หงุดหงิดยิ่งขึ้นเมื่อรู้ว่าบราลีออกไปเที่ยวในเมือง บ่นทั้งพระครูและตำหนิทั้งเด็กที่พาไป แล้วสั่งเด็ก
“เจ้ารีบไปเอาม้ามา” หันบอกภูสินทร “คืนนี้เราจะต้องตามหาม่านฟ้าให้พบก่อนที่จะสายเกินไป”
แต่ยังไม่ทันออกไป ก็มีรถม้าคันหนึ่งพาบราลีมาส่งบอกครูเฒ่าที่ออกมารับหน้าว่า
“มีคนหลงทางมา เขาบอกว่าเป็นลูกศิษย์ครู ข้าเลยพามาส่ง”
ที่แท้คือบราลีนั่นเอง เธออยู่ในชุดชาววังแต่หน้าตาเนื้อตัวมอมแมมสภาพอิดโรย พอเจอจ้าวซันเธอถูกดุทันที
“สนุกนักใช่ไหม ทำไมถึงชอบทำตัวมีปัญหานัก ชอบทำให้คนอื่นเขาเป็นห่วงอยู่เรื่อย”
บราลีโต้ว่าไม่ได้ชอบ ตัดพ้อว่า “ฝ่าบาทไม่ทรงเคยเห็นค่าความหวังดีที่หม่อมฉันมีให้เลยสักครั้ง”
“เธอเองก็ไม่เคยเห็นค่าความห่วงใยที่ฉันมีให้เหมือนกัน”
โต้เถียงกันอย่างมีแง่งอน จนภูสินทรถามบราลีว่าไปไหนมา เธอบอกว่าเรื่องนั้นไม่สำคัญ แต่ที่สำคัญคือเจ้าหลวงมาทยาธรถูกลักพาตัวไป จ้าวซันถามว่าแล้วรู้ไหมว่าเจ้าหลวงอยู่ที่ไหน
บราลีพาจ้าวซันไปยังวัดร้างที่หลังวังบอกว่าพวกมันเอาตัวเจ้าหลวงมาไว้ที่นี่ แต่พอบราลีจะตามจ้าวซันเข้าไปในวัดก็ถูกสั่งให้รออยู่ตรงนี้ บราลีไม่ยอมโต้เถียงกันจนเกือบถูกทหารที่เดินลาดตระเวนจับได้ ดีแต่บราลีใช้ความเป็นหญิงอ่อยทหารเหล่านั้น
พอจ้าวซันจัดการทหารเหล่านั้นหมดก็มอบปืนพกให้บราลีถือไว้เพื่อป้องกันตัว ระหว่างรอตนอยู่ข้างนอก บราลีไม่ยอม อ้างสารพัดเหตุผลจนสุดท้ายอ้างว่ากลัวผี จ้าวซันก็เลยต้องยอมให้เข้าไปด้วยกัน
ooooooo
เข้าไปในบริเวณวัดร้าง เริ่มเห็นแสงเทียนวอมแวมจากโบสถ์เก่าๆ ทั้งสองย่องกริบเข้าไปแอบดู
จ้าวซันชะงักกึก เมื่อเห็นร่างชายคนหนึ่งนั่งอยู่บนรถวีลแชร์แน่นิ่งหันหน้าไปทางพระประธานคอเอียงไปข้างหนึ่ง จ้าวซันรีบเดินเข้าไปจับวีลแชร์หันมาบอก “เจ้าลุง...หม่อมฉันมาช่วย” แต่พอเห็นหน้าชัดๆ จ้าวซันช็อก เพราะนั่นคือราชิด!
“คุณไม่ควรมาที่นี่” ราชิดยิงเปรี้ยง เจ้าซันเซร่วงลง บราลีตกใจช็อกอยู่ในเงามืด ราชิดลุกจากวีลแชร์พลันโกศินก็เดินออกมา เยาะเย้ยว่า
“จุ๊ๆๆ เก่งจริงๆ จ้าวซัน แต่คุณมาผิดที่ผิดเวลา ที่ของคุณคือฮ่องกงไม่ใช่ที่นี่ ตายซะเถอะ” โกศินเอาปืนจี้ทันที แต่ไม่ทันเหนี่ยวไก ปืนอีกกระบอกก็ยิงเปรี้ยง!
“เฮ้ย...มันมีพวก” ราชิดร้องบอก บราลีกลิ้งตัวไปอีกมุมแล้วยิงอีกเปรี้ยงไปที่ราชิด
ทั้งสองมองหน้ากันแล้วเผ่นกันไปคนละทาง บราลีวิ่งเข้ามาดูจ้าวซันถามว่าเป็นอย่างไรบ้าง โดนยิงตรงไหน?
“ยัง...ยังไม่ตาย...มันยังชาๆ”
“เลือดออกมากเลยเพคะ ทำไงดี ลุกไหวไหมเพคะ” พลางประคองจ้าวซันลุกขึ้น
ทันใดนั้น ปรากฏเงาการเคลื่อนไหวอยู่หลังองค์พระประธาน บราลีหันปืนไปร้องถาม “ใคร!”
เงานั้นคลานออกมาในความมืด บราลีเล็งปืนคำราม “ตาย!!”
“อย่า!! จ้าวซันร้องห้าม มีเสียงร้องขอความช่วยเหลือออกมาเบาๆ จ้าวซันกุมบาดแผลที่ไหล่เดินไปดู บราลีถือปืนคอยคุ้มกันข้างหลัง
จากแสงเทียนวอมแวม เห็นร่างที่คลานออกมาเงยหน้าขึ้น จ้าวซันคุกเข่าลงมองหน้า บราลีร้องเตือน
“เจ้าพี่ ระวัง”
“เจ้าพี่หรือ...เจ้าพี่...ไหนกัน...”
ที่แท้คือมาทยาธรนั่นเอง พอมาทยาธรเห็นหน้าเจ้าซันถึงกับผงะร้องโวยวายอย่างหวาดผวา
“พีริยเทพ...ไม่...พีริยเทพตายไปแล้ว ไม่จริง...ไม่จริง...กลัวแล้ว...ผีหลอก...ๆ...ๆ” มาทยาธรตะกายหนีสุดชีวิตจนหมดแรงฟุบลง
จ้าวซันกับบราลีมองตามอย่างสมเพช...อนาถใจ...
ooooooo
ที่นอกเมือง ราชิดกับโกศินตบหน้าทหารที่ไปเข็นวีลแชร์พามาทยาธรมาจนคว่ำ ทหารของจตุรัสอีกสองสามคน รีบหมอบอย่างหวาดกลัว ราชิดชักปืนออกมาเล็งใส่
“พวกเจ้าอาจหาญจับตัวเจ้าหลวงมาทั้งๆที่ไม่มีความมั่นใจอะไรทั้งนั้น ไม่มีกำลังสนับสนุนแล้วเหตุไรจึงทำอะไรโง่เง่านัก”
ทหารนายหนึ่งบอกว่าพวกตนทำตามคำสั่งของจัตุรัสที่ว่าหากเขาหายตัวไปก็ให้จับเจ้าหลวงไว้เป็นตัวประกันทันที
ราชิดถามว่าจัตุรัสหายไปไหน โกศินคาดว่าอาจจะเสียท่าจ้าวซันแล้วก็เป็นได้
“ทำไมทุกอย่างถึงได้ผิดพลาดหมดอย่างนี้ เจ้าหลวงก็รอด นายพลจัตุรัสก็หายตัวไป อาวุธก็ไม่มี ไอ้น่านปิงก็อยู่ที่นี่ซะงั้น” ราชิดสบถ โกศินเปรยว่า ไม่นึกว่าเราต้องมาทำสงครามกับคุณชายจ้าวซัน “ไม่ว่ามันจะเป็นใคร ก็หยุดข้าไม่ได้” ราชิดคำรามแล้วถามทหาร “พวกเจ้ายังอยากร่วมสู้รบกับข้าไหม”
พวกทหารคำนับอย่างพร้อมสู้ ราชิดจิกตาอย่างมุ่งมั่นที่จะก่อกบฏให้สำเร็จ!
ooooooo
อ่านละคร วันนี้ที่รอคอย ตอนที่ 13
ที่ท้องพระโรง...พระเทวีสิริวาระตี ร้องไห้อยู่ท่ามกลางแม่นมกับมิถิลาที่คอยปรนนิบัติใกล้ชิดที่อีกด้านหนึ่ง ศิขรนโรดมกับอสุนี กำลังเอาเรื่องกับพวกทหารวังที่หมอบก้มหน้าติดพื้นอย่างสำนึกผิด อสุนีเกรี้ยวกราดเอาผิดกับทหารพวกนั้น สั่งทหารของตนเอาไปยิงเป้าให้หมด
“อสุนี การที่เจ้าพ่อหายตัวไป แสดงให้เรารู้ชัดเจนว่า พวกกบฏไม่ได้มีเพียงคนที่ถูกจับไปแล้วเท่านั้น เวลานี้เราต้องการกำลังพลให้มากที่สุดเพื่อรับมือ คนที่ตายไปแล้วทำประโยชน์อะไรไม่ได้ ปล่อยพวกเขาเถอะ” ศิขรนโรดมเตือนสติ
ทันใดนั้น มีเสียงอื้ออึงข้างนอก อึดใจเดียวทหารนายหนึ่งเข้ามาคุกเข่ารายงานว่า
“พระเทวี องค์ชาย มีคนมาแจ้งว่าพบทหารประจำหน่วย ของท่านจัตุรัสนอนบาดเจ็บอยู่ที่วัดหลวงเก่าพะย่ะค่ะ”
เมื่อพากันไปถึงหน้าวัดร้าง มีทหารฝ่ายจัตุรัส 3 คนที่บาดเจ็บ ถูกทหารของศิขรนโรดมคุมตัวคลานเข้ามากราบแทบเท้าศิขรนโรดมและพระเทวี
“องค์ชาย องค์พระเทวี ได้โปรดไว้ชีวิตพวกข้าด้วย...พวกข้าไม่อาจขัดคำสั่งของท่านนายพลจัตุรัสได้” ทหารหัวแตกนายหนึ่งคลานเข้ามากราบ
“ท่านจัตุรัส...นี่ท่านจัตุรัสเป็นผู้บงการหรอกเหรอ” แม่นมตกใจ
“นอกจากจัตุรัส โกศิน ราชิด คนพวกนี้จะไม่ยอมให้เราได้อยู่กันอย่างสุขสงบเลยใช่ไหม กี่ปีมาแล้ว คีรีรัฐต้องตกอยู่ในความมืดมน...” พระเทวีรำพึงสลดเศร้า
แม่นมหันมองมิถิลากับอสุนี ทั้งสองพยายามทำหน้า เป็นปกติ ส่วนศิขรนโรดมคาดคั้นทหารพวกนั้นว่า เอา เสด็จพ่อไปไว้ไหน ทหารพวกนั้นไม่ยอมตอบ อสุนีชักปืนตรงไปกระชากตัวทหารคนนั้นจากศิขรนโรดม ตะคอก
“เจ้าหลวงอยู่ที่ไหน ถ้าไม่ตอบ ข้าจะฆ่าเจ้าเดี๋ยวนี้!!”
ooooooo
ที่โบสถ์ร้าง...มาทยาธรกระเสือกกระสนคลานหนี ปากก็ร้องขอชีวิตอย่างหวาดกลัว
จ้าวซันพยายามพูดให้หายหวาดกลัว เอาน้ำให้ดื่ม มาทยาธรไม่ยอมดื่มหาว่าเอายาพิษให้กิน เมื่อจ้าวซันพยายามยื่นให้ก็ถูกผลักจนล้มกระแทกทำให้บาดแผลเลือดไหลออกมาอีก ส่วนมาทยาธรก็คลานไปเอาหัวโขกกับฐานพระพร่ำสารภาพ...
“ข้าผิดไปแล้ว...ข้าผิดไปแล้ว พระช่วยลูกด้วย”
บราลีมาดูบาดแผลของจ้าวซัน เขาบอกให้ไปดูองค์เหนือหัวเพราะทรงทำร้ายตัวเองใหญ่แล้ว
พระเทวีเข้ามากับศิขรนโรดม มาทยาธรกระถดหนีร้องตะโกนอย่าเข้ามา พระเทวีเข้าไปหาปลอบว่าไม่มีใครทำร้ายพระองค์ ศิขรนโรดมชวนกลับวัง แต่มาทยาธรหวาดผวาจนครองสติไม่อยู่ พร่ำสารภาพผิด ไล่ทุกคนให้ออกห่าง เอาหัวโขกกับฐานพระจนเลือดออก เอ่ยเสียงสะท้าน “พีริยเทพ...ข้าขอโทษ...” พระเทวีน้ำตาไหลพรากด้วยความสงสาร
บราลีเข้าไปประคองจ้าวซัน ทุกคนหันมอง พระเทวีตะลึงงันเมื่อเห็นจ้าวซัน บอกแก่ทุกคนว่า
“ท่านผู้นี้คือองค์ชายน่านปิงนรเทพ รัชทายาทตัวจริงแห่งคีรีรัฐ” แล้วทรุดลงบังคมคนแรก
ทุกคนอึ้งพากันทรุดถวายบังคมกันทั้งหมด แม้อสุนีจะเป็นคนสุดท้ายแต่ก็ยอมถวายบังคม...
เมื่อพาจ้าวซันเข้าในวังให้หมอหลวงทำแผลให้ จ้าวซันดีใจมากที่ได้พบหมอหลวงอีก หมอจัดยาหม้อให้ เอ่ยอย่างมีความหวังว่า
“เมื่อสถานการณ์ไม่น่าไว้วางใจแบบนี้ คุณชายน่าจะรีบคืนสู่บัลลังก์คีรีรัฐ มาช่วยปราบพวกเลวๆ ให้ราบคาบเสียทีนะครับ”
อสุนีเงี่ยหูฟังคำตอบจากจ้าวซันอยู่ แต่ไม่ทันที่จ้าวซันจะพูดอะไร ศิขรนโรดมก็เข้ามาตัดพ้อว่า
“เจ้าพี่...ทำไมทรงทำทุกอย่างลำพัง ทำไมไม่ให้น้องไปด้วย น้องโทร.ไปคุยกับท่านผู้ว่าฮ่องกงแล้ว เรื่องราชิดกับโกศิน ท่านผู้ว่าเสียใจมาก” พูดแล้วก้มกระซิบอะไรเบาๆ ทำให้อสุนีเซ็งที่นับแต่ศิขรนโรดม เจอจ้าวซันก็หันไปสนิทสนมเปิดใจทุกอย่างและ ห่างเหินตน เหมือนมีลับลมคมในกันและปกปิดตน
ooooooo
อ่านละคร วันนี้ที่รอคอย ตอนที่ 12-13 วันที่ 11 ก.ค. 56
โดย บทประพันธ์โดย วราภา จากบทละครโทรทัศน์ทางช่อง 7 โดย ปราณศักดิ์สวัสดิ์กำกับการแสดงโดย : สยาม น่วมเศรษฐี
ควบคุมการผลิตโดย : บริษัท พอดีคำ จำกัด
โดยผู้จัด : ธงชัย ประสงค์สันติ/มณีรัตน์ ประสงค์สันติ
ออกอากาศเริ่มตอนแรก วันพฤหัสบดีที่ 13 มิ.ย. 2556
ที่มา ไทยรัฐ