อ่านละคร ริมฝั่งน้ำ ตอนที่ 5 วันที่ 23 ก.ย.61
“ผมจะไม่ปล่อยให้นักศึกษาของผมจบไปอย่างไม่มีความรู้ติดตัว ไม่มีสมองคิด ไม่มีสำนึก ไม่มีความรับผิดชอบต่อสังคม”ทั้งห้องเงียบกริบ พฤกษ์หยิบกระเป๋าเดินออกไปเลย พฤกษ์มาเล่าให้ไตรทศกับไอลดาฟังที่แคนทีนในโรงพยาบาล ไตรทศถามว่าแข็งไปหรือเปล่าให้นักศึกษาตกยกคลาส เกิดเขาแกล้งป่วนโวยขึ้นมาล่ะ
“ในฐานะอาจารย์ แกก็ต้องหาวิธีเอาความรู้ใส่สมองลูกศิษย์ แล้วยิ่งตอนนี้นะตกงานไม่ได้เด็ดขาด ทั้งหนี้ธนาคาร ทั้งต้องดูแลแม่”
“ฉันทำได้ ฉันจะหางานเพิ่ม ยังไงฉันก็ใช้หนี้หมดแน่ ฉันจะดูแลแม่ให้ดีที่สุด” พฤกษ์มั่นใจมาก หยิบมือถือขึ้นมาเปิดแอปวงจรปิดจ้องเขม็ง ไตรทศถามว่าดูอะไร พฤกษ์บอกว่าแม่ไม่อยู่ในบ้าน แล้วกดมือถือถามทันทีว่าแม่ไปไหน ทำไมไม่อยู่บ้าน ฟังปลายสายแล้วทั้งตกใจและโกรธ
“ว่าไงนะ...แม่ไปวัด!! ไปกับใคร”
ooooooo
บุษกรนั่งวีลแชร์เข้าไปไหว้พระที่หน้าอุโบสถมีพยาบาลสีหน้าไม่สบายใจยืนอยู่ด้านหลัง หลวงตาทักว่าโยมบุษกรสบายดีแล้วหรือ บุษกรบอกว่าดีขึ้นมาก พอออกมาข้างนอกได้บ้างแล้ว
“ไม่เห็นเสียหลายเดือน ไม่ต้องเครียดเรื่องโยมเดชานะ ชีวิตคนเราก็อย่างนี้แหละโยม คิดเสียว่าเราพบกันเพื่อจากกัน”
บุษกรสะดุดใจถามหลวงตาว่าหมายความว่าอย่างไร ก็พอดีพฤกษ์มาถึง เขานมัสการหลวงตาแล้วบอกให้แม่กลับบ้านเลย ไอลดาก็เร่งให้กลับตนจะได้ทำกายภาพให้ วีนัสพยายามถ่วงเวลาบอกว่าคุณป้าอยากให้อาหารปลาที่ท่าน้ำ
“ไม่ต้อง...ลานะครับหลวงตา” พฤกษ์ตัดบท
วีนัสยังข้องใจถามหลวงตาว่าเมื่อกี้จะบอกอะไรหรือ ไอลดาบอกว่าอย่ากวนท่านเลยแล้วดึงวีนัสออกไป
ไตรทศมองหน้าวีนัสปรามว่าวันหลังอย่าทำแบบนี้ กลับไปก่อน อย่าสงสัยอะไรอีก แล้วพากันออกไปเลย วีนัสเต็มไปด้วยความสงสัยว่าพฤกษ์กับเพื่อนปิดบังอะไรอยู่
บุษกรถูกพากลับบ้านไปทำกายภาพ แต่ยังสงสัยคำพูดของหลวงตา ไอลดากลบเกลื่อนว่าท่านก็คงสอน ทั่วๆไป
“หรือพ่อไปที่วัด...แต่ไม่กลับบ้าน ไอ...พฤกษ์ไม่ยอมให้แม่คุยกับหลวงตา” ไอลดาแก้ว่าพฤกษ์ห่วง กลัวแม่เหนื่อย ไอลดาแก้ข้อสงสัยไปเรื่อยเปื่อย แต่ในที่สุดก็ต้องบอกบุษกรว่า
“พฤกษ์มันไม่อยากให้แม่กลับไปอยู่บ้านร่มไม้ มันยังโกรธวีนัสน่ะแม่”
บุษกรฟังแล้วไม่สบายใจ
พฤกษ์มีอคติและรั้นไม่ยอมให้แม่กลับไปอยู่บ้านร่มไม้ชายคา ไตรทศบอกว่าวีนัสห่วงแม่จริงๆ พฤกษ์ก็ตะแบงว่าอยากทำดีลบล้างความผิดที่ทำให้แม่เกือบตายน่ะสิ
“ปากแกบอกว่ารักแม่ แต่คนที่ทำให้แม่มีความสุขแกดันไปด่าเขา ไล่เขา วีนัสควรได้รับคำขอบคุณ ไม่ใช่สายตารังเกียจจากแก ไปสิวะ ไปขอบคุณเขาที่เอาใจใส่แม่แก” พฤกษ์ยืนเฉย ไตรทศขยับแข้งขู่ “ไม่ไปเตะจริงนะโว้ย” พฤกษ์จึงจำใจเดินไป
ooooooo
วีนัสยิ้มดีใจที่เห็นพฤกษ์มา พฤกษ์ตีหน้าขรึมเดินเข้ามา แทนที่จะขอบคุณกลับถามว่า
“คุณทำอะไรลงไปวีนัส อ้างความหวังดี คอยก้าวก่ายชีวิตคนอื่น”
“อาจารย์คะ ฉันพาคุณป้าไปวัดเพราะไม่อยากให้คุณป้าเหงา ทำไมอาจารย์ไม่นึกถึงความรู้สึก
คุณป้าบ้าง เคยถามท่านดูบ้างไหมว่าอยากอยู่บ้านคนเดียวหรืออยากอยู่ในที่ที่มีเพื่อน”
“ความรู้สึกแม่ผม ไม่เกี่ยวกับคนนอก อย่ายุ่ง” พฤกษ์ไม่วายแข็งกร้าว
“ฉันจะยุ่ง อาจารย์ยังมีแม่ให้เอาใจ ให้ตามใจ แต่ฉันไม่มีแล้ว” วีนัสเสียงสะท้านในตอนท้ายจนพฤกษ์อึ้ง “มีหลายอย่างที่ฉันอยากทำให้พ่อกับแม่ มีหลายอย่างที่ฉันยังไม่ได้บอกท่าน ทุกอย่างมันเร็วเกินไป อุบัติเหตุแค่เสี้ยวนาทีเดียวมันเอาความสุข เอาชีวิตพ่อกับแม่ไปจากฉัน...”
คำพูดของวีนัสกระทบใจพฤกษ์อย่างแรง ทำให้พฤกษ์นึกถึงพ่อที่ถูกรถชนเสียชีวิต วีนัสยังคงพูดอย่างเยือกเย็นว่า
“ฉันรู้ว่าอาจารย์รักและเป็นห่วงคุณป้ามาก มากจนลืมใส่ใจความรู้สึกของคุณป้า ต่อให้อาจารย์เกลียดฉัน ไม่ต้องการฉัน ฉันก็จะขอร้องอาจารย์ ให้คุณป้าได้อยู่ในที่ที่มีความสุข ในที่ที่มีเพื่อน ในที่ที่ท่านไม่เหงา แล้วก็ยิ้มได้ทุกวันด้วยเถอะค่ะ”
วีนัสพูดและมองพฤกษ์อย่างขอร้องแล้วเป็นฝ่ายเดินเข้าบ้านไป พฤกษ์กระทบใจที่วีนัสขอร้องด้วยความรักและเป็นห่วงแม่ตน
เมื่อวีนัสเข้าไปเจอชาญชัยเขาถามว่าเป็นยังไงบ้าง วีนัสต้องกลั้นน้ำตาบอกว่าเขาเกลียดหนู ชาญชัยชมว่าหนูทำดีแล้ว วีนัสติงว่าถ้าดีจริงอาจารย์พฤกษ์ก็ต้องเข้าใจตนบ้าง
“เราบังคับใจคนอื่นให้คิดตามเราทุกอย่างไม่ได้หรอกนะ สิ่งเดียวที่จะคงทนต่อการพิสูจน์คือเจตนาของหนู คือเจตนาดีของหนู แล้วตาก็มั่นใจเหลือเกินว่าวันนึงคุณพฤกษ์ต้องมองเห็น”
วีนัสคิดตามแล้วสบายใจขึ้น มีกำลังใจที่จะยืนหยัดทำต่อไป
บุษกรบอกพฤกษ์เมื่อเขากลับมาว่าเรื่องวันนี้หนูวีนัสไม่ผิด แม่ฝันถึงพ่อ แม่อยากไปไหว้พระ บอกพฤกษ์ให้ไปขอโทษหนูวีนัสเสีย พฤกษ์บีบมือตัวเองแน่นถามว่าแม่ชอบบ้านร่มไม้ชายคาไหม
“ก็ไม่เท่าบ้านเราหรอกลูก แต่ที่นั่นมีเพื่อน มีเสียงหัวเราะ ทำให้แม่ไม่เหงา”
พฤกษ์นึกถึงที่ชาญชัยพูดถึงความเหงาที่ว่าบางครั้งเหงาจนอยากจะตายขึ้นมาทันที ถามว่าแล้วอยู่ที่นี่ล่ะ
“บ้านที่ไม่มีพ่ออยู่มันเงียบมากนะพฤกษ์ ถ้าพ่ออยู่ แม่รู้ว่าพ่อจะพูดอะไร จะทำอะไร แต่ตอนนี้...มันเงียบมาก แม่เหงาเหลือเกิน...”
พฤกษ์โผกอดแม่ด้วยความสงสารจับใจ...
รุ่งขึ้นพฤกษ์พาแม่ไปที่บ้านร่มไม้ชายคา
แต่เช้า พอเจอวีนัสพฤกษ์ถามว่าแม่ตนอยู่ห้องเดิมได้หรือเปล่า วีนัสซ่านไปทั้งตัวบอกว่าได้ แล้วรีบช่วยเข็นวีลแชร์จนมือกับมือแตะกันสบตากันด้วยแววตาที่เปลี่ยนไปจากเดิม
ชาญชัยกับบุษกรมองหนุ่มสาวอย่างสังเกต บุษกรบอกชาญชัยว่ากล้วยไม้ที่ฝากไปให้สวยเหลือเกิน
“มีออกใหม่หลายต้นเลยครับ รอต้อนรับคุณกลับมา”
วีนัสชวนไปที่ห้องบุษกรกัน ทุกคนปลื้มปีติไม่มีวี่แววของความบาดหมางก่อนหน้านี้เลย พอถึงห้องพักของบุษกร พฤกษ์ก็ช่วยรื้อกระเป๋าให้แม่โดยมีวีนัส
คอยช่วยอย่างใกล้ชิด บุษกรมองและยิ้มอย่างมีความสุข
ขณะที่บรรยากาศที่บ้านร่มไม้ฯกำลังดีเหมือนฟ้าเปิดหลังฝนนั้น ที่บ้านนิ่มนวลความขัดแย้งกำลังก่อตัวเขม็งเกลียวเครียดเมื่ออุ้มไปอ้อนวอน “ขอยืม” เงินนิ่มนวลหนึ่งแสนอ้างว่าเพื่อเอาไปวิ่งเต้นขอตำแหน่งให้วีรกิจ ถูกพาฝันกับปารมีรุมด่าว่ามาหลอกเอาเงินแม่จนทะเลาะกัน อุ้มกลัวโดนรุมรีบถอยออกไป
พอออกจากบ้านอุ้มก็ได้รับโทรศัพท์จากแก๊ง
ทวงหนี้ อุ้มบอกว่ากำลังรอเงินอยู่ได้แล้วจะรีบเอาไปให้ พอวางสายจากแก๊งทวงหนี้ก็ได้รับสายจากวีรกิจ อุ้มมารยาร้องไห้บอกว่าตนถูกพี่น้องเขารุมตบตีเพราะอิจฉาที่เห็นตนทำดีกับคุณแม่ กลัวคุณแม่จะรักพี่กิจมากกว่าพวกเขา วีรกิจหูเบาบอกว่าตนจะไปจัดการเดี๋ยวนี้เลย
วีรกิจเดินผ่านไตรทศที่กำลังคุยโทรศัพท์แจ้งเบาะแสคนร้ายขับรถชนเดชาเสียชีวิตที่ยังลอยนวลอยู่ได้เพราะเงิน ไตรทศโทร.บอกพฤกษ์ที่ยังอยู่ที่บ้านร่มไม้ฯ พฤกษ์ฝากแม่กับวีนัสบอกว่าตนอยากเห็นแม่ยิ้มทุกวัน
“ขอบคุณนะคะที่พาคุณป้ากลับมา ฉันสัญญา
ฉันจะดูแลคุณป้าให้ดีที่สุด ฉันก็อยากเห็นคุณป้ายิ้มทุกวันเหมือนกันนะคะ” วีนัสยิ้มสดใสให้ พฤกษ์ยิ้มดีใจไม่รู้ตัว
ฝ่ายวีรกิจพอฟังจากอุ้มก็ลิ่วไปที่บ้านด่าพาฝันกับปารมีว่าเมียตนรักแม่ทำไมถึงต้องตบตีกันด้วย
ปารมีบอกว่าอุ้มมาหลอกเอาเงินแม่ พาฝันถล่มต่อว่าพอแม่ไม่ให้ก็ด่า วีรกิจปกป้องว่าอุ้มไม่ใช่คนแบบนั้น
พาฝันมองกันดิศที่ยืนฟังอยู่ เร่งให้รีบพาแม่กลับไปอยู่บ้านร่มไม้ฯเสีย คนที่คิดจะดูดเงินแม่มันจะได้ละอาย สายตาตวัดไปทางกันดิศอย่างชิงชัง กันดิศถามว่าเกี่ยวอะไรกับตนด้วย
“อย่าคิดว่าฉันเดาไม่ได้ คนอย่างแกจะเอาเงินจากไหนมาจ่ายค่าเลี้ยงดูแม่”
ที่มุมหนึ่งนิ่มนวลถอนใจหดหู่กับลูกๆที่ต่างเอารัดเอาเปรียบเกี่ยงกันเรื่องค่าเลี้ยงดูตน นึกถึงที่กฤชบอกว่ายายเป็นอัลไซเมอร์เดี๋ยวก็ลืม และเสียงพาฝันที่คาดคั้นกับพี่น้องว่า “จ่ายมาคนละหกพัน ฉันจะส่งแม่กลับบ้านร่มไม้ฯ” นิ่มนวลมองบ้านน้ำตาไหล หัวใจหดหู่กับสภาพของครอบครัวที่มีแต่ความร้าวฉาน
ooooooo
รุ่งขึ้นพาฝันให้กฤชไปซื้ออาหารร้านอร่อยพร้อมของหวานมาให้นิ่มนวลกินแต่เช้า พาฝันบอกให้แม่กินเยอะๆ ตนอุตส่าห์ให้กฤชไปเข้าคิวซื้อแต่เช้า
พอนิ่มนวลอิ่มก็พาขึ้นรถไปที่บ้านร่มไม้ฯ บอกว่าวันนี้กฤชต้องส่งขนมเลยแวะพาแม่มาส่งที่นี่ก่อน นิ่มนวลถูกพามาส่งที่บ้านร่มไม้ฯไม่รู้เนื้อรู้ตัว บอกว่าแล้วจะเอาเสื้อผ้าตามมาให้ ว่าแล้วสองผัวเมียก็ไหว้ลาเลย
กฤชขับรถออกไปอย่างเร็ว เกือบชนชายในชุดเสื้อผ้าลายบาดตาใส่หมวกที่กำลังเดินเข้ามา จนชายคนนั้นหลบแทบไม่ทัน เขาเปิดหมวกเผยหน้าหล่อยิ้มฟันขาว ส่งเสียงทักนิ่มนวลที่ยังยืนอึ้งอย่างร่าเริง
“เฮลโหลคนสวย ที่นี่บ้านร่มไม้ชายคาใช่ไหม”
เขาคือเชาว์ สว.ที่มีพรสวรรค์ในการสร้างรอยยิ้มและเสียงหัวเราะ วีนัสต้อนรับอย่างอบอุ่นถามว่ามาคนเดียวหรือ ทำไมไม่แจ้งมาก่อนจะได้เอารถไปรับ
เชาว์คุยสนุกแล้วขอไปทำความรู้จักกับน้องๆ หนูๆใสๆวัยหญ้าอ่อนก่อน
วีนัสพาเชาว์ไปแนะนำแก่พวกรุ่นพี่ เจอบุษกรและนิ่มนวลก็แนะนำให้รู้จักกัน บุษกรยิ้มให้อย่างมีไมตรี เชาว์เพ้อว่า “คุณยิ้มสวยมากครับคุณบุษกร” นิ่มนวลหมั่นไส้บอกว่ารู้ไหมว่าลูกชายคุณบุษกรดุมาก
“อุ๊ย...ต๊กใจอย่างแรงนิ” เชาว์ทำท่าตกใจเว่อร์
“ไปยิงฟันห่างๆฉันเลย พ่อจรกา”
“นี่ยิ้มหล่อจากอันดามันยันอ่าวไทยเลยนะ” เชาว์ปล่อยมุกทำให้บรรยากาศครึกครื้นขึ้นมา วีนัสเห็นบุษกรยิ้มก็สบายใจ
บุษกรบอกวีนัสขณะเดินเล่นที่สนามหญ้าว่า
คุณเชาว์ตลกดี วีนัสบอกว่าถ้าอาจารย์พฤกษ์มาเห็นคุณป้าหัวเราะได้แบบนี้คงแปลกใจมาก บุษกรบอกว่าเมื่อก่อนหัวเราะบ่อยเพราะพฤกษ์กับพ่อเขาชอบทำตลก
“อย่างอาจารย์พฤกษ์เนี่ยนะคะตลก หนูนึกภาพไม่ออก” บุษกรเล่าอย่างมีความสุขว่าเวลาเขาอารมณ์ดีก็ทั้งซน ทั้งทะเล้น เหมือนเด็กๆ “อยากเห็นอาจารย์มาดเข้มในมุมนั้นจังเลยค่ะ”
บุษกรหัวเราะกับวีนัสอย่างสบายใจ
พฤกษ์มาเยี่ยมแม่ในตอนเย็น เจอเจ้าพอเพียงวิ่งมาหยอก ทีแรกพฤกษ์ก็รำคาญแต่เห็นความฉลาด
น่ารักขี้เล่นของเจ้าพอเพียงที่คาบลูกบอลหยอกแหย่เขาอย่างสนุกน่ารักก็อดยิ้มไม่ได้ วีนัสยืนมองอยู่ พอเจ้าพอเพียงวิ่งไปหาก็ขยี้หัวอย่างมันเขี้ยวถามว่า
“มีดีอะไรฮึเรา ถึงทำให้หุ่นยนต์หัวเราะได้ฮื้ม...”
นอกจากนี้วันรุ่งขึ้นยังเห็นพฤกษ์มานั่งอ่านหนังสือให้แม่ฟังและคุยกันยิ้มแย้ม วีนัสพึมพำประทับใจว่า
“ผู้ชายรักแม่...น่ารักจัง”
อ่านละคร ริมฝั่งน้ำ ตอนที่ 5 วันที่ 23 ก.ย.61
ละครเรื่องริมฝั่งน้ำ บทประพันธ์โดย ธุวดาราละครเรื่องริมฝั่งน้ำ บทโทรทัศน์โดย เป่ากุ้ย
ละครเรื่องริมฝั่งน้ำ กำกับการแสดงโดย ภูธเนศ หงษ์มานพ
ละครเรื่องริมฝั่งน้ำ ฝึกสอนการแสดงโดย อริศรา วงศ์ชาลี
ละครเรื่องริมฝั่งน้ำ ผลิตโดย บริษัท เป่าจินจง จำกัด
ละครเรื่องริมฝั่งน้ำ ควบคุมการผลิตโดย นพพล โกมารชุน
ที่มา ไทยรัฐ