อ่านละคร ประกาศิตกามเทพ ตอนที่ 4 วันที่ 27 ก.ย.61
“หมายความว่าผมต้องยอมให้ไอ้ช่างซ่อมเกือกนั่นมันหยามหน้าผมงั้นเหรอ”ทัศนัยถอนใจหน่ายๆกับความคิดน้อยของลูกชาย “แต่มันก็เป็นคนกำความลับของแกไว้ ไม่ใช่แค่เรื่องรถคว่ำยังเรื่องที่แกไปรุมกระทืบมันกับพ่อ ปู่แกไปถึงสถานีตำรวจคิดเหรอว่าจะไม่รู้ว่าความจริงคืออะไร”
“ไอ้หมวดอาท...ไอ้ทรยศ!”
“ปู่แกรักหน้ารักชื่อเสียงที่สุด ป๋าเชื่อว่าเขาต้องปล่อยให้เรื่องนี้เงียบไปแน่ ดีไม่ดีที่เอาไอ้เหมันต์มาก็เพื่อจะไม่ให้มันเปิดปากเรื่องของแกก็เป็นได้ แทนที่แกจะเป็นศัตรูกับมัน แกควรจะผูกมิตรกับมันเอาไว้ ถ้ายัยตาลซื้อมันได้แกก็จ่ายให้มากกว่า...นี่ถึงจะเรียกว่าฉลาด!”
ทศนาถสงบลงคิดตาม ทัศนัยตบไหล่ลูก “ไอ้เหมันต์ก็แค่ฝุ่นติดรองเท้า แกจะไปสนอะไร ตอนนี้พ่อ
กำลังทำงานใหญ่เพื่ออนาคตของครอบครัวเรา แกต้องอดทนไปก่อน หัวเราะทีหลังดังกว่า...เชื่อป๋า”
งานใหญ่ของทัศนัยคือลักลอบทำรองเท้าเลียนแบบแบรนด์มนตราโดยใช้เครื่องมือรวมทั้งเครื่องจักรของโรงงานในช่วงกลางคืนและจ้างพวกบูรณ์ คนงานซึ่งถูกปฏิเสธการจ้างงานจากเหมทองกรุ๊ป
การมาของเหมันต์ทำให้ทัศนัยระแวงแต่ไม่คิดหยุดผลิตเพราะมีออเดอร์ใหญ่ เป้าลูกน้องคนสนิทซึ่งรับหน้าที่คุมงานต้องเฝ้าระวังและกำชับพวกคนงานไม่ให้ทำพิรุธ
เหมันต์มาโรงงานกับผาณิตาเพื่อเลือกหนังสำหรับซ่อมรองเท้าของเหมทอง หัวหน้าแผนกมารับรองด้วยความหมั่นไส้เมื่อเห็นว่าเหมันต์รู้เรื่องหนังสำหรับทำรองเท้ามากกว่าตน
ผาณิตาทึ่งความรู้ลึกรู้จริงของเหมันต์ เช่นเดียวกับอุดมผู้จัดการโรงงานซึ่งทำดีกับเหมันต์เพราะคิดว่าเป็นเด็กเส้นของเหมทอง แต่เมื่อรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นแค่ช่างซ่อมรองเท้าก็เปลี่ยนเป็นดูถูก เหมันต์ไม่ได้ถือสาเพราะชินแล้ว
อุดมผู้จัดการโรงงานแยกตัวไปแล้ว เช่นเดียวกับผาณิตา ทิ้งเหมันต์ให้เลือกหนังสำหรับซ่อมรองเท้าตามลำพังในห้องเก็บหนัง และที่นั่นเขาก็ได้พบเห็นเรื่องน่าสงสัยเมื่อคนงานกลุ่มหนึ่งขนลังมากมายออกจากห้อง
เหมันต์แอบดูด้วยความอยากรู้ เมื่อเห็นว่าของในลังส่วนใหญ่คือวัสดุสำหรับทำรองเท้าก็นิ่วหน้า แต่ไม่ทันคิดอะไรบูรณ์หัวหน้าคนงานที่เป้าจ้างมาขนวัสดุเพื่อทำรองเท้าเลียนแบบก็ทักเสียงดัง เหมันต์สะดุ้งก่อนเก็บอาการอย่างแนบเนียนและบอกว่าเขาเป็นช่างซ่อมรองเท้าคนใหม่
ช่างซ่อมรองเท้าคนใหม่เก็บความสงสัยเรื่องในห้องเก็บหนังไว้และลงมือซ่อมรองเท้าของเหมทองในห้องส่วนตัวของอุดม จนกระทั่งถึงเวลาพักกลางวันผู้จัดการโรงงานหน้าเดิมก็โผล่มาพร้อมกล่องอาหารคาวหวานมากมาย
อุดมทำท่าเหยียดๆเมื่อรู้ว่าเหมันต์เป็นแค่ช่างซ่อมรองเท้าบ้านๆ เหมันต์ไม่รู้เรื่องคิดว่าอีกฝ่ายมีน้ำใจจะขอบคุณแต่กลับต้องผงะเมื่อทศนาถปรากฏตัวอึดใจต่อมา
“ฉันเองที่ขอเลี้ยงนาย...ถือเป็นการตอบแทนน้ำใจจากฉัน...ฉันเข้าใจนายผิด ตาลเพิ่งเล่าให้ฉันฟังว่านายเป็นคนช่วยคุณย่าฉันไว้จริงๆ นายคงไม่ถือสานะที่ฉันเล่นนายหนักไปหน่อย”
ทศนาถเชื่อคำแนะนำของพ่อคือผูกมิตรกับเหมันต์เพื่อเล่นงานทีหลัง เหมันต์ยังไม่ไว้ใจนัก แม้พื้นฐานจะไม่มองใครในแง่ร้ายแต่เหตุการณ์หลายอย่างที่ผ่านมาก็ทำให้ระแวง กระนั้นก็ยังขอบคุณตามมารยาท
“อะไรที่มันผ่านไปแล้วผมไม่เคยเก็บมาใส่ใจหรอกครับ”
“ถ้านายไม่โกรธก็ช่วยรับของพวกนี้ ฉันจะได้สบายใจเพราะต่อไปเราอาจได้ร่วมงานในฐานะเจ้านายลูกน้อง”
“ผมไม่ได้มาทำงานหรอกครับ แค่มาซ่อมรองเท้าคู่นี้ ซ่อมเสร็จผมก็จะไป”
เหมันต์ตอบเสียงเรียบ ทศนาถจะพูดบางอย่างแต่ไม่ทันขยับปากเสียงเอะอะก็ดังลั่นโรงงานว่ามีคนขโมยรองเท้า อุดมวิ่งหน้าตื่นไปดู ทศนาถตามติดและออกคำสั่งจับตัวคนร้ายกับไล่คนที่เกี่ยวข้องออกทันที!
ooooooo
เหมันต์ไม่ได้ไปช่วยหาตัวคนขโมยรองเท้าแต่กลับเข้าห้องของอุดมเงียบๆ พลันก็สังเกตเห็นว่ากล่องอาหารหายไป เขาได้ยินเสียงกุกกักใต้โต๊ะจึงก้มดูเห็นผู้ต้องสงสัยเป็นหนุ่มใหญ่ซอมซ่อพร้อมกล่องรองเท้า!
อาคม ช่างซ่อมรองเท้าเก่าแก่ของเหมทองกรุ๊ปนั่นเองที่ขโมยรองเท้า หนุ่มใหญ่แต่งตัวด้วยเสื้อผ้าเก่าๆ สภาพเหมือนคนอดมื้อกินมื้อกำลังสวาปามอาหารกลางวันของเหมันต์จนเกลี้ยง
เหมันต์มองอึ้งๆก่อนถามขึ้น “นี่ลุงคือคนที่ขโมยหรือ”
อาคมออกจากใต้โต๊ะและคืนกล่องอาหารให้ “เอาคืนไป ข้าไม่ได้ขโมย”
“ผมหมายถึงลุงคือคนที่ขโมยรองเท้ามา”
“ข้าแค่ขอยืมไปจำนำ มีเงินแล้วจะไถ่มาคืน บริษัทเหมทองมันรวยล้นฟ้า อย่างกนักเลยแค่รองเท้าคู่เดียว”
“ถึงเขาจะรวยแต่เราก็ไม่มีสิทธิ์ไปขโมยของเขานะครับ”
“ก็คนมันจนไม่มีจะกิน ลูกเต้าญาติพี่น้องก็ไม่มี ข้าแค่อยากได้เงินไปซื้อข้าวกินประทังชีวิตมันผิดมากนักหรือ”
สภาพหัวขโมยรองเท้าไม่ได้โกหก เหมันต์ใจอ่อนยื่นกล่องขนมที่เหลือให้
“ลุงเอาไปกินเถอะ แต่ต้องคืนรองเท้าให้ผม”
อาคมคว้าถุงขนมไว้แต่ยังเล่นแง่ไม่คืนรองเท้า “แล้วข้าจะเอาเงินที่ไหนขึ้นรถกลับบ้านแถมต้องไปซื้อยาหมอตี๋กินอีก คิดแล้วก็อยากวิ่งให้รถมันชนตายไป
ซะเลย...ความจนมันร้ายยิ่งกว่ามะเร็งซะอีก เอ็งไม่มีวันเข้าใจหรอก”
เหมันต์หยิบแบงก์ร้อยหนึ่งใบยื่นให้ “ผมเองก็มีไม่ค่อยมาก ลุงแบ่งไปใช้เถอะ ต่อไปถ้าลุงไม่มีเงินกินข้าวจริงๆก็มาหาผมได้ ผมจะเลี้ยงข้าวลุงเองแต่อย่าหาเงินด้วยวิธีนี้”
ความดีของเหมันต์ทำให้อาคมประทับใจ เขาเพ่งมองหน้าชายหนุ่มที่มีน้ำใจแล้วรู้สึกคุ้นอย่างประหลาด
“หลานชายชื่ออะไรนะ ยิ่งมองยิ่งรู้สึกคุ้นๆเหมือนเคยเจอมาก่อน”
“ผมชื่อเหมันต์ครับ”
“อ๋อ...นึกออกแล้วว่าหน้าคล้ายใคร คล้ายเจ้าของโรงงานหรือว่าเป็นหลานไอ้...เออ...คุณเหมทองหรือ”
“เปล่าครับ ผมเป็นแค่คนมาซ่อมรองเท้าให้ท่าน”
“โธ่...ไอ้เราก็หลงดีใจจะได้รู้จักกับหลานเจ้าของ...เซ็งเลย”
อาคมแสร้งทำหน้าผิดหวังก่อนผละไป ทิ้งเหมันต์ให้มองตามด้วยความสงสัย สังหรณ์ว่าหัวขโมยคนนี้น่าจะรู้อะไรเกี่ยวกับเหมทองกรุ๊ปมากกว่าที่คิด...
ooooooo
เหมันต์เอารองเท้าของเหมทองไปคืนโดยไม่ปริปากถึงหัวขโมย ปราการหรือเสี่ยสองแวะมาที่โรงงานพอดี เมื่อเห็นรองเท้าในมือเหมันต์
ช่างซ่อมรองเท้าคนใหม่ก็อดอึ้งไม่ได้
ปราการรู้จักรองเท้าคู่นี้ดี เช่นเดียวกับความ ขมขื่นใจเพราะไม่เป็นที่รักของเหมทองพ่อบุญธรรม หลังเหมวัตเกิด เหมทองก็เปลี่ยนท่าทีจากคิดปั้นเขากับพี่น้องบุญธรรมอีกสองคนเป็นทายาทเหมทองกรุ๊ปก็เปลี่ยนเป็นเหมวัตคนเดียว เขายังจำได้ถึงบทสนทนากับเหมทองเมื่อหลายปีก่อน
“ทำไมพวกเราถึงไปโรงงานไม่ได้แต่น้องวัตไปได้ล่ะครับ”
“เพราะเหมวัตคือทายาทคนเดียวของบุญญา–ฉัตรพงษ์น่ะสิ”
“พวกเราล่ะครับ...ก็เป็นลูกของคุณพ่อเหมือนกัน”
“เหมวัตคือลูกแท้ๆของฉันแต่พวกเธอคือลูกบุญธรรม มันไม่เหมือนกัน พวกเธอต้องตั้งใจเรียนทำตัวให้ดี ถ้าเชื่อฟังเธอก็ได้อยู่ที่นี่ ไม่ต้องกลับไปอยู่บ้านเด็กกำพร้าอีก”
ความเย็นชาของเหมทองทำให้ปราการเสียใจจนทุกวันนี้ แม้เหมวัตจะออกจากบ้านไปหลายปี
ทั้งเขาและพี่น้องบุญธรรมอีกสองคนก็ไม่เคยได้รับความรักจากเหมทองอีก
ปราการช้ำใจมากและคิดก่อร่างสร้างตัวใหม่ ครั้งนี้เขาจะไม่หวังพึ่งใบบุญของพ่อบุญธรรม แต่จะทำทุกทางให้เขากับลาวัลย์ลูกสาวคนเดียวผงาดให้ได้ในวงการธุรกิจ
อ่านละคร ประกาศิตกามเทพ ตอนที่ 4 วันที่ 27 ก.ย.61
ละครเรื่องประกาศิตกามเทพ บทประพันธ์โดย รจเรขละครเรื่องประกาศิตกามเทพ บทโทรทัศน์โดย กฤติญา สัมฤทธิ์ประสงค์
ละครเรื่องประกาศิตกามเทพ กำกับการแสดงโดย อนุวัฒน์ ถนอมรอด
ละครเรื่องประกาศิตกามเทพ ผลิตโดย บริษัท ดีวัน ทีวี จำกัด
ละครเรื่องประกาศิตกามเทพ ออกอากาศทางไทยทีวีสีช่อง 3
ที่มา ไทยรัฐ