อ่านละคร ริมฝั่งน้ำ ตอนที่ 3 วันที่ 19 ก.ย.61
วีนัสเซ็งขึ้นมาอีกเมื่อได้ยินชื่ออานัสวันนี้พฤกษ์กลับถึงบ้านก็ถามหญิงที่ดูแลว่าแม่ถามอะไรบ้างไหม หญิงนั้นบอกว่าท่านยังไม่พูดอะไรเลย พฤกษ์จึงเข้าไปหาแม่ เห็นแม่นั่งซึมเศร้าสายตาว่างเปล่า พฤกษ์จึงปรึกษากับไอลดาและไตรทศ ไอลดาบอกว่าเตือนแล้วว่าต่อไปแม่จะต้องเป็นโรคซึมเศร้าถามว่าเรื่องเนิร์สซิ่งโฮมไปดูมาบ้างแล้วใช่ไหม
ไตรทศเห็นว่าให้แม่อยู่ที่บ้านดีที่สุดเพราะมีทุกอย่างแม่อยากได้อะไรพฤกษ์ก็หาให้ได้
“ใช่ หาได้ทุกอย่าง ยกเว้นเวลากับเพื่อน หรือแกจะให้พฤกษ์มันลาออกมาอยู่เป็นเพื่อนแม่ตลอด 24 ชั่วโมง...แกคิดว่าอะไรจะเยียวยาใจคนได้...เวลาที่เราเศร้าที่สุด”
ในที่สุดพฤกษ์ตัดสินใจไปที่บ้านร่มไม้ชายคาอีกครั้ง บอกธงชัยที่มาต้อนรับว่าอยากเจอเจ้าของบ้านร่มไม้ชายคา
วีนัสรีบออกมาหาถามว่าอาจารย์มาที่นี่ทำไมจะพาใครมาอยู่หรือเปล่า พฤกษ์บอกว่าตนอยากเจอเจ้าของ วีนัสบอกว่าเดี๋ยวจะบอกให้ พฤกษ์ย้ำว่าตนต้องการเจอเดี๋ยวนี้
“ถามฉันก็ได้ อาจารย์จะพาใครมาอยู่คะ”
“แม่ผม ท่านไม่ได้ป่วยอะไรมาก ผมไม่อยากให้ท่านอยู่คนเดียว อยากให้มีคนดูแลตลอด 24 ชั่วโมง อยากให้ท่านเปลี่ยนสถานที่บ้างไม่อยากให้อยู่แต่ที่บ้าน”
“บ้านร่มไม้ชายคายินดีต้อนรับค่ะ”
ขณะนั้นเอง เนมที่ตามหาอานัสมาถึงที่นี่ก็ควงอานัสเข้ามาแนะนำว่า
“คุณเอิร์ธคะ อาจารย์พฤกษ์ อาจารย์เนมเอง”
วีนัสไม่สนใจทั้งสองเลย บอกพฤกษ์ก่อนเดินเร็วๆเข้าบ้านไปว่า
“ถ้าอาจารย์สงสัยอยากรู้เรื่องอะไร โทร.หาฉันได้ตลอดนะคะ”
อานัสยิ้มแย้มกับเนมกลบเกลื่อนที่ตนแอบมาที่นี่เพราะกำลังสนใจวีนัสอีกคน
วีนัสเดินมาหาชาญชัยที่กำลังนั่งอ่านหนังสือสามก๊กอยู่ เขาปิดหนังสือบอกว่า
“หนูวีนัสเอาขนมไปวางที่โรงแรมตาได้เลย ไปบอกอินทิราผู้จัดการว่าตาสั่ง” วีนัสถามว่าอานัสมาบอกหรือ “ตาเอิร์ธมันอาจจะหัวดื้อไปบ้าง แต่จริงๆแล้วมันเป็นคนมีน้ำใจ”
วีนัสบอกว่าไม่ดีกว่าตนไม่ชอบใช้เส้น ตนยังไม่ได้เจรจาทางธุรกิจเลย ชาญชัยหัวเราะชมว่า
“คุณพิกุลนี่เลี้ยงหลานดี พึ่งตัวเองก่อนหวังพึ่งคนอื่น...เอาขนมไปขายที่โรงแรมเถอะถือว่าวันนี้หนูเจรจาธุรกิจเจ้าของโรงแรมแล้ว”
วีนัสมองหน้าชาญชัยอย่างชั่งใจ ชาญชัยยิ้มเปิดเผยเอ่ยหนักแน่น
“ดีล”
ชาญชัยยื่นมือออกไป วีนัสยื่นมือตัวเองออกไปอย่างเกรงๆ แล้วแตะมือชาญชัยเบาๆ เอ่ยปลื้มตื้นตัน
“ดีลค่ะ ขอบคุณมากๆนะคะคุณตา”
ชาญชัยมองวีนัสอย่างถูกชะตาที่มีความสดใสและมุ่งมั่น
ooooooo
หลังจากไปดูสถานที่มาแล้ว พฤกษ์บอกไอลดา กับไตรทศว่าจะพาแม่ไปอยู่ที่บ้านร่มไม้ชายคาเพราะสะอาด สงบ มีคนแก่หลายคนซึ่งอาจเป็นเพื่อนแม่ได้ และวีนัสลูกศิษย์ตนก็ทำงานที่นั่น
วีนัสไปรอพฤกษ์ที่โรงแรมตามนัดด้วยความหวังว่าขนมของตนจะขายดี แต่พอเห็นอานัสกำลังเดินมาก็เซ็งบ่นว่าซวยแต่เช้าแล้วเดินหนี
อานัสตามไปถามว่าทำไมต้องให้ตนวิ่งตาม พอเห็นขนมก็ถามว่าไหนว่าจะไม่เอามาขายแล้ว วีนัสเชิดใส่บอกว่าเจ้าของโรงแรมอนุญาตแล้ว อานัสอ้างว่าตนนี่แหละเจ้าของโรงแรมแล้วแย่งถุงขนมไปบอกว่าจะเอาไปโยนให้หมากิน
ขณะยื้อแย่งถุงขนมกันนั้น พฤกษ์มาถึงพอดี วีนัสกระชากถุงขนมแรงจนเกือบล้ม เซเข้าในอกของพฤกษ์เต็มตัว อานัสยังตามมาแย่งถุงขนม วีนัสจึงร้องขอให้อาจารย์ช่วยตนด้วย พอดีเนมมาชวนอานัสไปว่ายน้ำกัน อานัสจึงโอบพาเนมไปกลบเกลื่อนพิรุธของตนที่วอแวกับวีนัส
วีนัสถามพฤกษ์ว่าจะพาคุณแม่ไปอยู่บ้านร่มไม้ ชายคาเมื่อไร พฤกษ์อยากเจอเจ้าของก่อน เธอบอกว่าเขาไปเมืองนอกอีกเป็นเดือนกว่าจะกลับอย่ารอเลย ให้ลองพาคุณแม่ไปทดลองอยู่ก่อนตนจะช่วยดูแลเต็มที่
เช้าวันต่อมาพฤกษ์จึงพาแม่ไปที่บ้านร่มไม้ชายคา บุษกรทำท่าไม่อยากเข้าไป อ้อยกับวีนัสที่มาต้อนรับเชิญให้เข้าไปดูข้างในก่อน พอดีเจอชาญชัยถือกล้วยไม้เดินผ่านมาเห็นอาการของบุษกรก็เดาได้ว่ามีปัญหาอะไร เลยแวะเข้าไปทักทาย
“สวัสดีครับ ผมชื่อชาญชัย ผมอยู่มาเกือบปีแล้วครับ กล้วยไม้ที่ผมปลูกไว้ตรงเรือนโน้นกำลังสวย ว่างๆเชิญไปดูนะครับ”
บุษกรมองกล้วยไม้ในมือชาญชัย เขายิ้มอย่างเป็นมิตรก่อนเดินไป บุษกรมองตามอย่างครุ่นคิด
พฤกษ์เห็นอาการของแม่ที่ไม่อยากอยู่ที่นี่จึงชวนกลับ แต่บุษกรกลับมองเข้าไปในบ้านร่มไม้ชายคาอย่างสนใจ วีนัสรีบบอกให้พฤกษ์พาแม่ไปดูห้องตัวอย่างก่อน บุษกรแตะมือพฤกษ์พยักหน้าเบาๆ พฤกษ์จึงเข็นวีลแชร์พาแม่เข้าไปด้านใน
ในที่สุดบุษกรก็ยอมอยู่ที่นี่ พฤกษ์สัญญากับแม่ว่าจะมาเยี่ยมทุกอาทิตย์ บอกแม่ว่ามาอยู่ที่นี่มีเพื่อน มีอะไรทำทั้งวันแม่จะได้ไม่เหงา
วีนัสบอกพฤกษ์ว่าไม่ต้องห่วงตนจะดูแลคุณป้าอย่างดี ให้อาจารย์โหลดแอปกล้องวงจรปิดที่ศูนย์ไว้เปิดดูคุณแม่ได้ตลอด 24 ชั่วโมง เห็นพฤกษ์สีหน้ากังวลก็พูดอย่างเข้าใจว่า
“อาจารย์ไม่ได้ทำผิดนะคะ ทุกคนมีปัญหา มีเหตุผล มีความจำเป็นไม่เหมือนกัน คุณป้าบุษกรอยู่ที่นี่มีเพื่อน มีคนดูแล ดีกว่าทิ้งท่านให้อยู่คนเดียว”
“วีนัสดูแลแม่ผมให้ดีที่สุดด้วยนะ”
“ได้เลยค่ะ” วีนัสรับคำยิ้มสดใส
ooooooo
ไม่ทันครึ่งวันที่วงไพ่ยายม้วนในห้องนั่งเล่นที่บ้านร่มไม้ชายคา มีโตมร นิ่มนวลและดวงใจเป็นขาประจำ ยายม้วนถามเขาว่าวันนี้มีเด็กใหม่มาหรือ โดนโตมรแขวะว่าอยากรู้ทุกเรื่องจะเอาไปเม้าท์ข้างนอกล่ะสิ
ไพ่ตานี้โตมรได้ นิ่มนวลก็เลยแว่บไปทำความรู้จักน้องใหม่ เปิดประตูห้องเข้าไปทักทายประสารุ่นพี่ที่นี่ บอกว่ามีอะไรขาดเหลือบอกได้เราอยู่ห้องใกล้กัน ถามว่าเธอชื่ออะไร บุษกรไม่ตอบ
วีนัสเอาออดมาให้บอกว่าถ้าคุณป้าต้องการอะไรกดออดตรงนี้เรียกพวกตนได้เลย บุษกรมองออดแล้วหันมองข้างนอกหน้านิ่ง
เช้าวันต่อมาวีนัสเข็นวีลแชร์พาบุษกรไปหยุดดูชาญชัยที่กำลังฉีดฟ็อกกี้รดน้ำกล้วยไม้โดยฉีดรดผ่านๆที่รากเพราะถ้าฉีดยอดน้ำขังดอกจะเน่า วีนัสบอกบุษกรว่ากล้วยไม้คุณตาชาญชัย แล้วค่อยๆเข็นวีลแชร์บุษกรไปใกล้ๆแนะนำ
“คุณป้าบุษกร แม่อาจารย์พฤกษ์ อาจารย์หนูเองค่ะ”
ชาญชัยหันมายิ้มอย่างเป็นกันเอง เห็นบุษกรมองกล้วยไม้แล้วยื่นมือไปแตะยิ้มบางๆ ชาญชัยจึงยื่นฟ็อกกี้ให้ บุษกรรับไปฉีดบริเวณรากอย่างที่เคยทำ ชาญชัยสบตาวีนัสบอกด้วยสายตาว่าบุษกรมีความคุ้นเคยและผูกพันกับกล้วยไม้...
เมื่อพฤกษ์มาที่บ้านร่มไม้ฯตอนกลางวันฟังวีนัสเล่าถึงบุษกรกับกล้วยไม้ เขาบอกว่าที่บ้านตนมีสวนกล้วยไม้
“คุณป้าบุษกรมีความทรงจำกับกล้วยไม้เหมือนยังติดกับอดีต อาจจะเป็นเรื่องที่เจอหรือเรื่องที่สร้างขึ้นมาเองซ้ำๆ” ธนพัตเอ่ย พฤกษ์ไม่ชอบใจบอกว่าแม่ตนไม่ได้บ้า
“พี่พัตไม่ได้บอกว่าแม่คุณบ้า เราแค่คุยกันถึงวิธีบำบัดจิตแม่คุณ พี่พัตเป็นนักจิตวิทยาเข้ามาที่นี่ทุกอาทิตย์ ช่วยคุยให้คุณตาคุณยายหลายคนอาการดีขึ้น” วีนัสแนะนำ
“บำบัดผู้สูงอายุไม่ใช่เรื่องลงทุนปุ๊บจะได้กำไรปั๊บ แต่มันคือการพาท่านเดินออกจากห้องมืด โดยให้ท่านคลำทางออกด้วยตัวเอง มันต้องใช้เวลา อย่างน้อยก็สองสามเดือนขึ้นไปครับ” พฤกษ์บอกว่าแม่ตนไม่ได้เป็นอะไรขนาดนั้น “ใจเย็นๆครับ ไม่มีลูกคนไหนอยากยอมรับว่าพ่อแม่ตัวเองมีปัญหาหรอก”
ชาญชัย เจ้าของโรงแรม สว.อินเทรนด์ สุขุมอบอุ่น เห็นบุษกรดูกล้วยไม้อย่างคนมีความผูกพันก็ชวนคุย
“ดอกนี้เอาใจยาก แดดแรงไม่ชอบ น้ำมากไม่ชอบ แต่พอออกดอก เห็นแล้วก็หายเหนื่อย”
บุษกรยิ้มบางๆเป็นครั้งแรก พฤกษ์เห็นแม่ยิ้มก็ดีใจ วีนัสสังเกตสีหน้าอ่อนโยนของพฤกษ์ที่มองแม่ก็สบายใจที่เขาไม่วางมาดเคร่งขรึมเหมือนที่เคยเห็น
พฤกษ์ไปที่โรงพยาบาลเล่าให้ไอลดาฟังอย่างดีใจว่าแม่จำเรื่องกล้วยไม้ได้ ไอลดาบอกว่าอาการแม่กำลังฟื้นตัวขึ้นเรื่อยๆ พฤกษ์พึมพำกังวลว่าแม่จะจำเรื่องพ่อได้ ไอลดาบอกว่า
“อย่าเพิ่งกลัวเกินเหตุ มันขึ้นอยู่กับปัจจัยภายนอกหลายอย่าง แกคอยสังเกตแม่ไว้”
ooooooo
การไม่พูดกับใครของบุษกรกลายเป็นเรื่องเม้าท์กันในกลุ่มรุ่นพี่ที่บ้านร่มไม้ชายคา ม้วนฟังธงว่าเพี้ยนเพราะโดนผัวทิ้ง ส่วนขาเม้าท์อีกกลุ่มที่เป็นหญิงสูงวัย หรือ สว.หญิงล้วน เม้าท์กันว่า ผัวตาย? ผัวทิ้ง?
อ้อยฟังบรรดา สว.ทั้งหลายวิพากษ์วิจารณ์กันแล้วก็คล้อยตามว่าอาจเป็นอย่างที่เขาลือกันเพราะบุษกรไม่มีใครมาเยี่ยมเลยนอกจากลูกชาย วีนัสเปรยว่าถ้าเป็นเรื่องจริงก็น่าสงสารอาจารย์พฤกษ์ คิดหาทางช่วยบุษกร
วีนัสสังเกตเห็นบุษกรขณะอยู่ในห้องคนเดียวเอามือแตะแหวนที่นิ้วนั่งเหม่อลอยเหมือนตกอยู่ในภวังค์ก็ยิ่งสงสาร รู้ว่าบุษกรกำลังคิดถึงสามี...
เพราะอยากจะช่วยพฤกษ์แก้ปัญหาของแม่ วีนัสจะเสนอให้พฤกษ์พาพ่อมาเยี่ยมแม่บ้างอาจทำให้คุณป้าอาการดีขึ้น คณิตาถามว่าจะดีหรือ วีนัสเชื่อว่าวิธีนี้จะทำให้ป้าบุษกรดีขึ้น
วันนี้พฤกษ์ไปสอนที่มหาวิทยาลัยตามปกติ สอนในหัวข้อ “การวางแผนการตลาด”
“อย่าทำธุรกิจแบบคิดเองเออเอง คุณต้องสนใจข้อมูล มุมมองคนอื่นด้วย...ธุรกิจคือเกม คุณสร้างเกมวางเกม แก้เกม สร้างเกมบุก เตรียมเกมรับหรือยัง”
ขณะพฤกษ์กำลังสอนอยู่ เขามองไปที่หลังห้องเห็นวีนัสนั่งหลับฟุบกับโต๊ะ แต่พอพฤกษ์เดินออกจากห้อง วีนัสก็รีบเดินตามบอกว่าตนอยากเจอพ่ออาจารย์ พฤกษ์หงุดหงิดดุว่าอย่ามายุ่งเรื่องครอบครัวตน
“แต่แม่อาจารย์คิดถึงพ่ออาจารย์นะคะ ต่อให้จะไม่อยู่ด้วยกันแล้วก็พาท่านมาพบคุณป้าบุษกรสักครั้งไม่ใช่ทิ้งไว้แบบนี้” วีนัสฉอดๆตามความคิดของตน แต่พฤกษ์ฟังแล้วเดินหนีไปเลย
วีนัสยังตามไปเห็นพฤกษ์ไปโรงยิมในมหาวิทยาลัยก็แอบถ่ายคลิปพฤกษ์ขณะชู้ตบาสลงห่วงเป๊ะๆ ยิ้มพึมพำ “คนอะไรชู้ตบาสก็เท่เป็นบ้า”
พฤกษ์หันมาเห็นถามว่าแอบถ่ายตนทำไม วีนัสทำหน้าตายบอกว่าไม่ได้แอบ ยืนถ่ายเห็นๆนี่แหละ พฤกษ์แย่งมือถือไปก็โวยวายให้คืนมา ห้ามลบนะ พลางเข้าไปแย่งมือถือ พฤกษ์เบี่ยงตัวหลบมือวีนัสเลยไปลูบไหล่ที่มีกล้ามเป็นมัดของพฤกษ์ เพียงสัมผัสผ่านก็หน้าแดงใจเต้นแรงจนเก็บอาการไม่อยู่
“นอกจากจะชอบสะกดรอยตาม แอบถ่ายคลิป...ยังชอบลวนลามด้วย” พฤกษ์แซวหน้านิ่ง แต่วีนัสยิ่งเขิน พอเขาส่งมือถือคืนแล้วลงสนามต่อ วีนัสก็มองค้อน บ่นเขินๆ
“น่าสัมผัสตายล่ะ แข็งทื่อเป็นหุ่นยนต์ ไปจับก้อนหินยังมีความรู้สึกกว่า”
ฝ่ายพฤกษ์พอลงสนามก็ชู้ตไกล ลูกบาสลงห่วง สวบ! เขาหันมองวีนัส ปรากฏว่าไม่อยู่แล้ว เผลอยิ้มออกมาคนเดียว
ooooooo
ฝ่ายอานัสแม้จะสนใจวีนัสแต่ก็ถูกเนมเกาะแจอ้อนอยากไปเที่ยวญี่ปุ่น แต่พออานัสจะพาไปก็บอกว่าติดถ่ายแฟชั่น อานัสบอกให้เลื่อน เนมบอกว่าคุณแม่ไม่ยอมแน่เพราะสอนตลอดเวลาว่าอย่าทำให้คนอื่นเดือดร้อน
อานัสบอกว่าถ้าเขาอยากให้เนมถ่ายจริงก็ต้องรอ เนมถามว่าใครจะรอเพราะตนยังไม่ดังขนาดนั้น ทำหน้าสลดน่าสงสารบอกว่า
“อะไรที่มีรายได้เนมก็ต้องทำค่ะ เนมทำงานไปด้วยเรียนไปด้วย ช่วยค่าใช้จ่ายที่บ้านมาตั้งแต่เด็กๆแล้ว” อานัสบอกว่าต่อไปถ้ามีอะไรให้คิดถึงตนเป็นคนแรก “ค่ะ คุณเอิร์ธจะเป็นคนแรก ทุกเรื่องของชีวิตเนมค่ะ”
เนมอ้อน อานัสมองเนมเหมือนเป็นของตายไม่พ้นมือตนแน่
ส่วนต้นที่เป็นหลานรักของปู่ชาญชัย วันนี้หัวใจแทบสลายเมื่อเห็นกิ๊บเพื่อนโรงเรียนเดียวกันที่ต้นสนใจอยู่ มีแฟนขี่มอเตอร์ไซค์คันเท่มารับ กิ๊บซบแขนที่มีรอยสักของแฟนหนุ่มอย่างหลงใหลและออกไปด้วยกัน
เมื่อต้นไปเยี่ยมปู่ที่บ้านร่มไม้ชายคาจึงเศร้าหมองไม่แม้แต่จะยิ้ม เห็นปู่มองรอยสักแดงๆที่แขนอย่างสังเกตก็รีบกลบเกลื่อนเล่าว่า อาจารย์บอกว่าตนน่าจะเรียนวิทยาศาสตร์ ถามว่าปู่อยากให้ตนเป็นหมอไหม
“อาชีพไหนก็ได้ที่แกอยากเป็น จำไว้นะ เป็นอะไรก็ต้องเป็นให้ดีที่สุด”
“ครับ...คุณปู่” ต้นยิ้มอย่างเด็กหัวอ่อนว่านอนสอนง่ายกับปู่
ooooooo
ที่บ้านร่มไม้ชายคา นอกจากมีกิจกรรมอื่นๆแล้วยังให้บรรดา สว.สร้างงานฝีมือและทำสวนครัวปลูกผักปลอดสารพิษกินกันเองที่เหลือก็เอาไปขาย
ผักปลอดสารพิษขายดีมาก สร้างความไม่พอใจให้กับชวนชม แต๋ว ต้อย ที่ทำการค้าอยู่ในละแวกนั้น หาว่าแย่งลูกค้า พากันยกป้ายมาประท้วงแต่ชูประเด็นใช้แรงงานคนแก่หากิน ถ่ายคลิปขู่ว่าจะเอาไปประจาน แต่ถูกโตมรที่รู้เรื่องกฎหมายดีถ่ายคลิปพวกที่มาเย้วๆที่หน้าบ้านถามว่ารู้ได้ยังไง มาด่าว่าบ้านร่มไม้ชายคาโกง ขูดรีดแรงงานคนแก่
ขณะนั้นเองพลอยวิ่งมาบอกวีนัสว่ายายอี๊ดอาเจียนและชักอีกแล้ว แต๋วได้ทีบอกให้เพื่อนถ่ายคลิปไว้เลยเป็นหลักฐานว่าบ้านร่มไม้ชายคาดูแลคนแก่ไม่ดี
อ้อยตรวจค่าน้ำตาลของยายอี๊ดปรากฏว่าสูงห้าร้อยกว่า วีนัสถามว่าทำไมถึงสูงอย่างนี้
“พี่เค้นได้เรื่องว่ายายอี๊ดแกแอบออกไปกินกาแฟสองกระป๋องที่ร้านยายแต๋ว”
ยายพิกุลบ่นว่าเอาอีกแล้ว ไปขอร้องร้านยายแต๋วมากี่ครั้งแล้วว่าอย่าขายของหวานๆให้ยายอี๊ดก็ยังแอบขาย อ้อยรีบพายายอี๊ดไปโรงพยาบาล วีนัสขู่ว่าถ้ายายอี๊ดเป็นอะไรไปได้เห็นดีกัน ฝ่ายพวกนักต่อต้านทั้งสามเห็นท่าไม่ดีก็พากันถอยไป
แล้วคืนนี้ก็มีเรื่องให้ตกอกตกใจกันอีก เมื่อจู่ๆบุษกรก็หายไปจากห้องทั้งที่ไม่ได้แตะต้องข้าวเย็นเลย ทุกคนจึงช่วยกันออกตามหา
ธงชัยอยู่ที่ป้อมยามหน้าบ้านเห็นอะไรแว้บๆผ่านไปนึกว่าขโมยรีบตามไปดู พฤกษ์กลับจากสอนก็มาเปิดดูกล้องวงจรปิดไม่เห็นแม่อยู่ในห้องถามวีนัส พอรู้ว่าแม่หายไปก็รีบไปที่บ้านร่มไม้ชายคาทันที
วีนัสกับเจ้าหน้าที่ต่างกระจายกันออกตามหาบุษกรแต่ก็ไม่เจอ ธงชัยออกไปส่องไฟฉายหาขโมย เห็นบุษกรนั่งวีลแชร์ร้องไห้อยู่ริมน้ำก็รีบเข้าไปเป็นจังหวะที่วีลแชร์ค่อยๆลื่นไปที่ริมตลิ่งโดยบุษกรไม่รู้ตัว
ธงชัยพุ่งไปคว้าไว้แต่แรงไม่พอถูกรถลากไปธงชัยยื้อจนตัวเองล้ม
ฝ่ายบรรดา สว.ทั้งหญิงและชายพอรู้ว่าบุษกรหายไปจากห้องก็ช่วยกันออกตามหา เมื่อหาที่ไหนก็ไม่เจอ นิ่มนวลฉุกคิดได้บอกว่าต้องอยู่ที่ริมน้ำแน่ๆ
ธงชัยเห็นวีลแชร์บุษกรกำลังไหลลงน้ำก็กลิ้งเอาตัวขวางไว้ พวก สว.ทั้งหลายมาถึงพอดี วีนัสกับคนอื่น ช่วยกันดึงวีลแชร์ขึ้นมา โตมรพยุงธงชัยขึ้น ดวงใจกับนิ่มนวลตำหนิบุษกรอย่างไม่พอใจว่าทำให้วุ่นวายกันไปหมด วีนัสบอกให้อ้อยพาบรรดาคุณตาคุณยายกลับไปพักก่อนตนจะพาป้าบุษกรกลับห้องเอง
ขณะนั้นเองพฤกษ์มาถึงถามว่าเจอแม่ตนหรือยัง บุษกรเห็นอารมณ์ของพฤกษ์ก็พูดแก้ให้ว่า
“แม่...ออกไปเอง”
แม้พฤกษ์จะเงียบต่อหน้าแม่แต่เมื่อคุยกับวีนัสก็ระเบิดอารมณ์ว่าตนไม่เชื่อว่าแม่จะออกไปเอง พอวีนัสขอโทษ พฤกษ์เสียงเข้มว่า
“ขอโทษ!! แค่คำว่าขอโทษ แล้วถ้าแม่ผมเป็นอะไรไป คำขอโทษเอาชีวิตแม่ผมคืนมาได้ไหม ที่นี่มีมาตรฐานความปลอดภัยต่ำมาก”
“บ้านร่มไม้ชายคาไม่ได้เกิดเรื่องแบบนี้บ่อยๆนะคะ ฉันเสียใจจริงๆ...ฉันผิดเองที่ไม่ดูแลทุกอย่างให้เรียบร้อย รับรองว่ามันจะไม่เกิดขึ้นอีกค่ะ...คราวหน้าเรา...”
“ไม่มีคราวหน้า ถ้าแม่ผมตกน้ำไป หน้าอย่างคุณจะรับรองได้ไหมว่าแม่ผมจะไม่มีอันตราย ผมไม่เอาชีวิตแม่ผมมาเสี่ยงกับมือใหม่อย่างคุณ” พฤกษ์สวนทันควัน
“อาจารย์คะ ขอโอกาสฉันอีกครั้ง”
“โอกาสมีสำหรับคนที่สมควรได้ ร้านกาแฟคุณยังทำเจ๊งแล้ว แต่นี่มันชีวิตคน คุณพลาดแม้แค่เสี้ยวนาที ชีวิตนึงต้องจบ เพราะความชุ่ยของคุณ”
อ่านละคร ริมฝั่งน้ำ ตอนที่ 3 วันที่ 19 ก.ย.61
ละครเรื่องริมฝั่งน้ำ บทประพันธ์โดย : ธุวดาราละครเรื่องริมฝั่งน้ำ บทโทรทัศน์โดย : เป่ากุ้ย
ละครเรื่องริมฝั่งน้ำ กำกับการแสดงโดย : ภูธเนศ หงษ์มานพ
ละครเรื่องริมฝั่งน้ำ ฝึกสอนการแสดงโดย : อริศรา วงศ์ชาลี
ละครเรื่องริมฝั่งน้ำ ผลิตโดย : บริษัท เป่าจินจง จำกัด
ละครเรื่องริมฝั่งน้ำ ควบคุมการผลิตโดย : นพพล โกมารชุน
ที่มา ไทยรัฐ