อ่านละคร ริมฝั่งน้ำ ตอนที่ 1 วันที่ 15 ก.ย.61

อ่านละคร ริมฝั่งน้ำ ตอนที่ 1 วันที่ 15 ก.ย.61

พฤกษ์...อาจารย์หนุ่มหล่อเท่ สอนวิชาบริหารธุรกิจ ลูกคนเดียวของเดชากับบุษกร สามพ่อแม่ลูกอยู่ด้วยกันอย่างอบอุ่น มีความสุข

พ่อมีฝีมือการทำอาหาร วันนี้ทำแกงไก่ยอดมะพร้าวสูตรเด็ดของตนและของโปรดของแม่ พฤกษ์จัดโต๊ะอาหารเตรียมพร้อม ส่วนแม่จัดแจกันดอกไม้อย่างสวยงาม

พ่อแม่ลูกต่างทำหน้าที่ของตนเองอย่างแข็งขันพลางหยอกล้อกันอย่างร่าเริง



พฤกษ์สอบชิงทุนเรียนต่อด็อกเตอร์ที่อเมริกาได้ ทั้งพ่อและแม่ปลื้มปีติมาก เดชาพูดอย่างภูมิใจว่า

“ต่อไปพ่อก็จะมีลูกชายเป็นด็อกเตอร์พฤกษ์”

“ยัง...ยังครับ ผมแค่สอบชิงทุนผ่าน จะเรียนรอดหรือเปล่าก็ไม่รู้”

“พฤกษ์ต้องรอดลูก แต่แม่สิจะไม่รอด ลูกไปเรียนถึงอเมริกา แม่ต้องนั่งเครื่องน้าน...นาน” บุษกรบ่นแต่ปลื้มปริ่ม

เดชาบอกว่าอากาศหนาวต้องกินน้ำขิงร้อนๆจะได้ไม่เป็นหวัดบ่อย พูดแล้วจะออกไปซื้อขิงเลย บุษกรติงว่าทำไมต้องไปวันนี้ด้วย อีกเป็นเดือนกว่าลูกจะเดินทาง พ่อพูดอย่างร่าเริงว่า

“พ่อวัยรุ่นใจร้อน ไม่มีพรุ่งนี้ ต้องเดี๋ยวนี้!!”

“เรื่องเว่อร์ล่ะยกให้พ่อ” บุษกรบ่นขำๆบอกพฤกษ์ว่า “วันนี้แม่คั้นน้ำส้มเย็นเจี๊ยบไว้ให้” พลางเดินไปที่ตู้เย็นจะหยิบน้ำส้มคั้นให้ แต่เดินได้สองสามก้าวก็หน้ามืดรีบจับโต๊ะไว้ พฤกษ์เข้าประคองแม่ไว้ทันบ่นว่าแม่หน้ามืดอีกแล้ว บุษกรบอกว่าไม่ต้องห่วงเพราะพ่อพาแม่ไปหาหมอตลอด บอกพฤกษ์อย่างมีความหวังว่า

“พฤกษ์ตั้งใจเรียนให้จบเร็วๆนะ แม่กับพ่อจะได้บินไปรับปริญญาด็อกเตอร์พฤกษ์”

พฤกษ์เก๊กหล่อมาดด็อกเตอร์อวด บุษกรหัวเราะเอ็นดู แม่ลูกหัวเราะกันอย่างมีความสุข พฤกษ์กอดประคองแม่พาไปพัก

แต่คืนนี้เองขณะพฤกษ์กำลังเตรียมการสอนอยู่ในห้องนอนก็ได้ยินเสียงตึง! ที่ข้างล่าง เขาสังหรณ์ใจลุกวิ่งลงไปที่ห้องแม่ทันที ไปถึงเห็นแม่นอนอยู่ที่พื้น

“แม่...แม่ครับ...” พฤกษ์เข้าประคองแม่ขึ้นรีบพาส่งโรงพยาบาลทันที

ooooooo

ส่งแม่เข้าห้องฉุกเฉินแล้ว พฤกษ์นั่งกังวลอยู่หน้าห้อง จนไอลดาหรือไอ เพื่อนที่เป็นหมออีอาร์เดินหน้าเครียดออกมา พฤกษ์ลุกพรวดไปถามว่าแม่เป็นยังไงบ้าง

“ทำใจดีๆนะเพื่อน แม่เลือดออกในสมอง ตอนนี้อาจารย์หมอกำลังคุยกันว่าต้องผ่าตัดรึเปล่า อาจจะไม่หนักอย่างที่คิด”

ขณะที่พฤกษ์กำลังเครียดกับอาการของแม่นั่นเอง เวรเปลก็เข็นคนเจ็บในสภาพอาการสาหัสเข้ามาท่ามกลางความวุ่นวาย พฤกษ์หันมอง เขาแทบช็อกเมื่อเห็นว่าคนที่นอนสาหัสอยู่ในเปลคือพ่อตัวเอง!

เดชาถูกพาเข้าห้องฉุกเฉินทันที ไอเข้าไปปั๊มหัวใจจนครบรอบแต่เดชายังไม่ได้สติ จึงให้บุรุษพยาบาลมาปั๊มต่อ ไอออกมาบอกพฤกษ์ที่กระวนกระวายนั่งไม่ติดว่า

“พ่อกะโหลกร้าว มีเลือดออกในปอด ต้องผ่าตัดด่วน” พฤกษ์ถามว่าแล้วแม่ล่ะ? “อาจารย์บอกว่าแม่ไม่ต้องผ่าตัด ไปอยู่ไอซียูดูอาการก่อน ฉันพาพ่อไปห้องผ่าตัดก่อนนะ”

ไอตบไหล่เพื่อนให้กำลังใจแล้วผละไป ในขณะที่พฤกษ์ยังยืนอึ้งกระวนกระวายใจอย่างที่สุด

จาก 4 ทุ่มจนเที่ยงคืน ไอจึงออกจากห้องผ่าตัดบอกพฤกษ์ว่าพ่อออกจากห้องผ่าตัดไปอยู่ไอซียูดูอาการทางสมองแล้ว ปลอบพฤกษ์ที่ยืนอึ้งอยู่ว่า

“ไม่เป็นไรนะพฤกษ์...พ่อกำลังอยู่กับแม่”

ภายในห้องไอซียูเกี่ยวกับระบบประสาท เดชาต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ ต้องให้เลือดและอุปกรณ์อื่นอีกมากมาย ทั้งเดชาและบุษกรต่างหลับไม่ได้สติอยู่ในห้องเดียวกัน...

คืนนี้...พฤกษ์เฝ้าอยู่หน้าห้องไอซียูอย่างกระวนกระวายใจ ไตรทศนายตำรวจเพื่อนรักมาเยี่ยมถามว่าเขาบอกน้ำหวานหรือยัง พฤกษ์ว่าบอกแล้ว ไตรทศถามว่าแล้วทำไมป่านนี้ยังไม่มา พฤกษ์บอกว่าน้ำหวานต้องอ่านหนังสือสอบ

“เออ ดีนะแฟนแก ดันห่วงอ่านหนังสือมากกว่าห่วงแม่แฟน”

พฤกษ์มองหน้าเพื่อนรักไม่พูดอะไรเพราะเชื่อใจน้ำหวาน

แต่ความจริงคือน้ำหวานกำลังอยู่ในห้องคาราโอเกะกับเพื่อนๆ 3-4 คนทั้งร้องและเต้นอย่างสนุกสุดเหวี่ยง เวลาเดียวกันพฤกษ์ยิ่งเครียดกับอาการของพ่อและแม่ที่พยาบาลมาบอกว่าคนไข้ทรุดพร้อมกันทั้งสองคน จนไอต้องปั๊มหัวใจให้เดชา และหมออีกคนปั๊มหัวใจให้บุษกร

เวลาผ่านไปจนตีสี่ ไตรทศยังเดินวนเวียนอยู่หน้าห้องไอซียู และพฤกษ์เครียดจนพูดไม่ออกบีบมือตัวเองแน่น ตาจับจ้องไปที่ห้องไอซียูตลอดเวลา

และแล้วสัญญาณชีพในห้องไอซียูตัวหนึ่งเส้นกราฟก็กลายเป็นเส้นตรง!!!

ooooooo

เช้านี้พฤกษ์ในภาวะจิตใจที่สูญเสียอย่างมากกับการจากไปของพ่อ และแม่ก็ยังไม่รู้สึกตัว กลับมาจัดของใช้ไปเยี่ยมแม่โดยมีน้ำหวานคอยช่วย น้ำหวานเห็นพฤกษ์หน้าเศร้ามากก็ยื่นหน้าไปหอมแก้มบอกว่า

“ไม่เศร้าสิคะ แฟนน้ำหวานต้องหล่อนะ”

“ครับ” พฤกษ์ฝืนยิ้ม

น้ำหวานบอกว่าเดี๋ยวพอแม่อาการดีขึ้นเราก็ไปเรียนต่อได้เหมือนที่แพลนกันไว้ พฤกษ์ไม่มีแก่ใจจะคิดเรื่องนี้ เขาบอกว่าอยากให้เลื่อนทุกอย่างออกไปก่อนเพราะพ่อเพิ่งเสีย แม่ก็ยังไม่รู้สึกตัว ถึงเราไปเมืองนอกช้าหน่อยแต่อนาคตของเราก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงพอหวานเรียนจบโทเราก็แต่งงานกัน

พฤกษ์ยิ้มโอบกอดน้ำหวานมองด้วยความรัก แต่น้ำหวานไม่ยิ้มด้วย ชักสีหน้าไม่พอใจที่ทุกอย่างต้องเลื่อนไปเพราะอาการป่วยของแม่พฤกษ์

เมื่อไปถึงโรงพยาบาล น้ำหวานถามไอลดาว่าเมื่อไหร่คุณแม่จะหายดี ไอบอกว่าเลือดออกในสมองยังบอกไม่ได้ต้องดูอาการฟื้นตัววันต่อวัน อาจจะตื่นขึ้นมาแล้วจำไม่ได้เป็นพักๆหรืออาจจะจำอะไรไม่ได้เลย

พฤกษ์กุมมือแม่ที่ยังไม่ได้สติอย่างห่วงใย ในขณะที่น้ำหวานไม่พอใจมากเดินอ้าวออกไป พฤกษ์ตามมาจับมือไว้ บอกว่าแม่ต้องดีขึ้น เพราะแม่ไม่เคยป่วยหนัก ขอให้น้ำหวานรอหน่อย ยังไงตนก็จะแต่งงานกับเธอคนเดียว

“อาจารย์เฝ้าแม่ไปคนเดียวเถอะค่ะ วันนี้หวานมีเรียน” น้ำหวานตัดบทจะดึงมือกลับ พฤกษ์ยังไม่ยอมปล่อย มองด้วยสายตาเว้าวอน น้ำหวานยื่นหน้าเข้าไปหอมแก้ม เขาจึงยิ้มออกและปล่อยมือ น้ำหวานเดินอ้าวออกไปหน้าเบื่อๆ พฤกษ์มองตามแต่ไม่เห็นสีหน้าน้ำหวานขณะนั้น

ooooooo

ที่รีสอร์ตริมทะเล...วีนัสสาวน้อยสวยใสเดินออกมาที่ระเบียง มองบรรยากาศ และฟังเสียงโมบายเคล้าเสียงลมเสียงคลื่นอย่างสดชื่น เจ้าพอเพียงน้องหมาตัวโปรดเดินมาคลอเคลีย วีนัสจึงคว้าลูกบอลเล็กๆขว้างออกไปให้เจ้าพอเพียงวิ่งไล่งับอย่างร่าเริง

ที่ริมทะเลเดียวกัน พฤกษ์ซึ่งมาสัมมนาที่นี่ เดินเร็วๆคุยโทรศัพท์กับน้ำหวานบอกว่าสัมมนาวันนี้วันสุดท้าย เสร็จแล้วจะรีบกลับ ถามน้ำหวานที่เขาวานให้แวะมาดูแม่ว่าวันนี้แม่เป็นยังไงบ้าง น้ำหวานตอบเสียงขุ่นว่าเหมือนทุกวัน เร่งให้พฤกษ์รีบกลับเร็วๆ

พอวางสายก็หยิบทิชชูเช็ดน้ำลายให้บุษกรอย่างกระแทกกระทั้นขยะแขยงบ่นและแช่งว่า

“เมื่อไหร่จะหาย ถ้าไม่รีบหายก็ตายๆไปซะเลยดีกว่า อยู่ก็ทรมานคนต้องมานั่งเฝ้า นั่งเช็ดน้ำลาย...” ปาดน้ำลายพรืดกระแทกเสียงใส่ว่า “หัดกลืนๆมั่ง ไม่ใช่ปล่อยให้มาเลอะเทอะข้างปาก ชีวิตฉันควรจะดีกว่านี้เยอะนะยัยคุณแม่” กระฟัดกระเฟียดใส่ว่า “ฉันอยากแต่งงาน ไม่ได้อยากมาดูแลคนป่วยนอนเป็นผักเน่าๆ!”

พฤกษ์วางสายจากน้ำหวานแล้วมองเหม่อไปในทะเลคิดถึงภาพที่พ่อกับแม่ที่เคยหยอกล้อและเต้นรำกันแล้วยิ่งเศร้า ขณะกำลังหันเดินกลับก็ได้ยินเสียงใสๆ

“ไป พอเพียงไปคาบบอลมา”

พลันก็ถูกลูกบอลเล็กๆลอยมาโดนหัวปัง พร้อมกับเจ้าพอเพียงกระโจนเข้าชนพฤกษ์ล้มแล้ววิ่งไปจะงับลูกบอลที่พื้น วีนัสตกใจวิ่งเข้าจะดึงเจ้าพอเพียงออกมาก็พอดีพฤกษ์ยันตัวขึ้นหน้ากับหน้าเกือบชนกันดีแต่มีเจ้าพอเพียงกั้นอยู่ตรงกลาง

วินาทีนั้นวีนัสตะลึงในความหล่อของพฤกษ์

ทั้งสองสบตากันชั่วอึดใจ พฤกษ์รู้ตัวก่อนมองอย่างไม่ค่อยพอใจ ส่วนวีนัสคว้าบอลได้ก็รีบลุกขึ้น พูดอย่างขอไปทีว่า

“ขอโทษแทนพอเพียงด้วยนะคะ”

“หมาขว้างบอลใส่หัวคนไม่ได้ หมาไม่ผิด” พฤกษ์มองวีนัสด้วยสายตาตำหนิ วีนัสของขึ้นสวนไปทันที

“ค่ะ หมาไม่ผิด คนผิดใช่ไหมคะ ก็ไม่ได้ตั้งใจจะปามาตรงหัวคุณหรอกค่ะ เลยขอโทษไงคะ ขอโทษมากๆ ที่ฉันแม่นไปหน่อย”

“เอ๊ะ...คุณพูดแบบนี้ ตกลงคือตั้งใจปามาโดนผม” พฤกษ์เสียงเข้มขึ้น วีนัสบอกว่าไม่ได้ตั้งใจ “งั้นก็หัดพูดดีๆ” วีนัสประชดว่าตนพูดดีแล้วแต่เขาไม่โอเคแบบนี้คงต้องกราบ “จะทำไหมล่ะ หรือว่าเก่งแต่ปาก” พฤกษ์ท้า วีนัสอึ้งไปไม่เป็น แต่เจ้าพอเพียงแสนรู้เห่าจ้องหน้าพฤกษ์โกรธแทนนาย

“พอเพียง อย่า” วีนัสดึงพอเพียงไว้ “ยังไงฉันกับพอเพียงก็ขอโทษค่ะ”

วีนัสมองหน้าพฤกษ์ แต่เขาหันมองไปทางอื่น เธอสะบัดหน้าเคืองๆชวนเจ้าพอเพียงกลับ พฤกษ์หันมองเห็นเธอกระแทกสายตาใส่ก่อนวิ่งตามเจ้าพอเพียงไป

“หล่อดี แต่จะเก๊ก จะแอ็ก จะฟอร์มจัดไปเพื่ออออ...” วีนัสวิ่งพึมพำอย่างหมั่นไส้วิ่งตามเจ้าพอเพียงไป แล้วพูดเองเออเองว่า “ถ้าเขามาจีบวีเหรอไม่เอาหรอก เล่นตัว เชิดใส่เลยเนอะพอเพียง”

ฝ่ายพฤกษ์เดินไปเจอแหวนวงเล็กๆตกอยู่ที่พื้นทราย เขาเก็บแล้วมองหาวีนัสเชื่อว่าเป็นของเธอ รีบปั่นจักรยานเลียบริมทะเลตามไปจนถึงหน้าบ้านพักริมทะเล เห็นวีนัสกำลังปัดทรายที่ตัวให้พอเพียง เขาจำพอเพียงได้รีบเลี้ยวจักรยานเข้าไป แต่พอเจ้าพอเพียงเห็นพฤกษ์ก็กระโจนเข้าใส่ทันที พฤกษ์หลบจนจักรยานล้ม วีนัสดึงเจ้าพอเพียงไว้มองพฤกษ์พึมพำ

“คุณ...อีกแล้ว” พลางรีบเข้าไปปัดทรายที่แขนให้ถาม “เจ็บไหม”

“ไม่เป็นไร” พฤกษ์ตอบพลางถอยออกห่าง “ทำไมถึงปล่อยให้หมาเที่ยวกระโจนใส่คน”

“ที่จริงพอเพียงเขาก็ทำหน้าที่หมาดี ระวังคนแปลกๆ ไม่น่าไว้ใจให้ฉัน”

“หมากับเจ้าของงับเก่งพอกัน”

“นี่คุณ!!! คุณต่างหากที่กัดฉันตลอด ยังอุตส่าห์ตามมากัดถึงนี่ เอ๊ะ...หรือว่าคุณเป็น...มิจฉาชีพ”

“อย่าเยอะ” พฤกษ์ปรามอย่างรำคาญ พลางหยิบแหวนจากกระเป๋ายื่นให้ “คุณทำตกที่หาด”

“ไม่ใช่แหวนฉัน” พฤกษ์หน้าเสีย วีนัสกลับหัวเราะ “อ๋อ...คุณคิดว่าแหวนฉันเลยตามมาคืน”

“เสียเวลาจริงๆ” พฤกษ์บ่นพลางเก็บแหวนใส่กระเป๋า วีนัสบอกว่าทำแบบนี้โจรชัดๆ พฤกษ์บอกว่าจะเอาไปฝากโรงแรมหาเจ้าของ เธอเสียงสูงประชดว่า...ดีไปอี๊ก

“ผมน่ะคนดีอยู่แล้ว คนดีที่ดวงซวย”

“เอาจริงๆฉันกับพอเพียงซวยกว่านะ รับรองคราวหน้าพอเพียงจำกลิ่นคุณได้แม่นเลยล่ะ อยู่ตรงไหนก็จะตามไปกระโดดใส่” วีนัสแกล้งแหย่ พฤกษ์หงุดหงิดคว้าจักรยานขึ้นมาพูดเหมือนสาปส่งว่า

“ไม่มีคราวหน้า ไม่ต้องเจอกันอีก” ว่าแล้วขี่จักรยานออกไปเลย วีนัสโวยไล่หลังอย่างหมั่นไส้ว่า

“แอ็กเข้าไป หล่อเหลือเกิ๊น...หล่อหมาหอนไล่หลังเลยคู้ณณณณ...”

ooooooo

ทันทีที่พฤกษ์กลับถึงโรงพยาบาลก็ถูกน้ำหวานต่อว่าทันทีว่าทำไมมาช้า เขาบอกว่าตนรีบแล้ว พลางจะจับมือน้ำหวานเอาใจแต่ถูกเธอปัดออกกระแทกเสียงว่า “ดีนะ ทิ้งหวานให้ดูแลแม่แทน”

“หวาน...แม่ยังไม่รู้สึกตัว ผมขอให้คุณช่วยแวะมาดูแม่บ้าง แค่สองสามวันที่ผมไปทำงาน”

“มันไม่ใช่แค่สองสามวันไง แม่อาจารย์จะดีขึ้นเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ แล้วเมื่อไหร่เราจะได้ไปเรียน ไปแต่งงาน ไปอยู่เมืองนอกด้วยกัน จะให้หวานเอาอนาคตมาทิ้งไว้กับคนป่วยนอนเป็นผักแบบนี้เหรอคะ”

“หวาน!!! นี่แม่ผม”

“ก็ใช่น่ะสิ เพราะเป็นแม่อาจารย์หวานถึงทนดูแล”

“คุณบอกว่าทน”

“ค่ะ หวานทน ทั้งๆที่หวานไม่อยากจมปลักเช็ดอึเช็ดฉี่คนป่วย ชีวิตหวานไปได้ไกลกว่านี้ หวานจะมีแฟนใหม่ รวยกว่านี้ ฉลาด หล่อ ดีกว่าอาจารย์แค่ไหนก็ได้”

น้ำหวานพูดใส่หน้าพฤกษ์แล้วจะออกไป เขารวบตัวเธอไว้ ถูกเธอสะบัดอย่างแรงจนเซไปชนเตียงแม่ ซ้ำพูดใส่หน้าก่อนพรวดออกไปว่า

“แม่อาจารย์ อาจารย์ก็ดูแลเองแล้วกัน”

น้ำหวานปิดประตูใส่หน้าพฤกษ์ เขาร้องเรียกแล้ววิ่งตามไปง้อ แต่แล้วก็ชะงักงันเมื่อเห็นน้ำหวานเดินไปหาเก็ทที่ลงจากรถสปอร์ตมารับ น้ำหวานเข้าไปควงแขนเก็ทอย่างออดอ้อน เก็ทถามว่าเยี่ยมญาติเสร็จแล้วหรือ น้ำหวานทำหน้าเบื่อหน่ายบ่นว่าไม่รู้จะมาดูทำไม นอนนิ่งอย่างกับศพ เก็ทมองน้ำหวานตาเยิ้มบอกให้ยิ้มหน่อยอยู่กับตนห้ามเครียด

“น่ารักที่สุด” น้ำหวานประคองหน้าเก็ทยิ้มหวานให้

พฤกษ์อึ้งแล้วอึ้งอีกนึกถึงที่น้ำหวานเคยทำกับตนแบบนี้มาก่อน มองรถหรูของเก็ทที่ขับพาน้ำหวานนั่งคู่กันไปหวานปานจะกลืนกิน พฤกษ์ตะลึงอย่างคิดไม่ถึง!

ooooooo

อ่านละคร ริมฝั่งน้ำ ตอนที่ 1 วันที่ 15 ก.ย.61

ละครเรื่องริมฝั่งน้ำ บทประพันธ์โดย : ธุวดารา
ละครเรื่องริมฝั่งน้ำ บทโทรทัศน์โดย : เป่ากุ้ย
ละครเรื่องริมฝั่งน้ำ กำกับการแสดงโดย : ภูธเนศ หงษ์มานพ
ละครเรื่องริมฝั่งน้ำ ฝึกสอนการแสดงโดย : อริศรา วงศ์ชาลี
ละครเรื่องริมฝั่งน้ำ ผลิตโดย : บริษัท เป่าจินจง จำกัด
ละครเรื่องริมฝั่งน้ำ ควบคุมการผลิตโดย : นพพล โกมารชุน
ที่มา ไทยรัฐ