อ่านละคร นางบาป ตอนที่ 13(ตอนอวสาน) วันที่ 14 ก.ย.61
ปาลเห็นข่าวนี้ตอนกำลังกินข้าวเช้ากับแม่ปุกรีบโทร.หารินที่กำลังขับรถอยู่ เธอเองก็เพิ่งเห็นข่าวเหมือนกันบอลไลน์มาบอก ปาลได้ข่าวมาว่าวันนี้ทางกรมศิลปฯจะเข้าไปดู ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวเราเจอกัน วางสายเสร็จ ขยับจะไปอาบน้ำแต่งตัว แม่ปุกร้องถามว่าเกิดเหตุการณ์แบบนี้จะมีเรื่องอะไรอีกไหม“ไม่รู้เหมือนกันครับแม่ แต่บางทีผมคิดว่ามันอาจจะเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ก็ได้”
“ดูแลหนูรินดีๆนะปาล อย่าให้เกิดอะไรแบบ
คราวก่อนที่ผีสิงอะไรนั่นอีก”
“ครับแม่ ผมไปก่อนนะครับ”
แม่ปุกมองตามลูกชายที่เดินขึ้นห้องสีหน้าเป็นกังวล...
ไม่นานนัก ปาลกับรินมาถึงสถานที่เกิดเหตุ ซึ่งตอนนี้ถูกเจ้าหน้าที่จากกรมศิลปฯเอาเชือกมากั้นไว้ไม่ให้ใครเข้าใกล้ นักข่าวสัมภาษณ์ยามอยู่ที่มุมไกลออกมา เขาตั้งข้อสังเกตว่าน่าจะเป็นพายุที่ทำให้ป้ายแตกหัก เพราะมีกระจกแตกหลายบาน รินยืนฟังอยู่ด้วย ถามปาลว่าคิดอย่างไร
“ผมไม่แน่ใจ แต่พอมันเกิดขึ้นในคืนเดือนดับ ผม...” ปาลไม่กล้าเอ่ยชื่อหยดออกมาเพราะยังหวาดๆไม่หาย รินเองก็คิดเหมือนเขาเช่นกัน ผีหยดปรากฏตัวขึ้นอีกมุมหนึ่ง หน้าตากระจ่างใสกว่าทุกครั้ง ทั้งคู่รับรู้ถึงการปรากฏตัวของเธอเพียงแต่มองไม่เห็น มีเสียงผีหยดร้องเรียกทั้งคู่ดังขึ้น
“พ่อปาล แม่ริน”
“คุณได้ยินไหม” รินถึงกับหน้าเสีย
ปาลพยักหน้า รีบลากรินออกไปที่ใต้ต้นไม้ในตำนาน มองซ้ายมองขวาเห็นปลอดคน ร้องเรียกผีหยดอยู่ตรงนี้ใช่ไหม ผีหยดปรากฏตัวนั่งหมอบที่พื้น
“ฉันอยู่ที่นี่”
รินกับปาลมองไม่เห็นได้ยินแต่เสียง ถามว่าป้ายตำนานที่แตกเสียหายเป็นฝีมือเธอใช่ไหม ผีหยดยอมรับว่าใช่ และที่ทำไปแบบนั้นเพราะต้องการให้ทั้งคู่มาที่นี่เพื่อจะไหว้วานบางอย่างเป็นครั้งสุดท้าย
“ถ้าเธอจะขอยืมร่างของฉันฉันให้เธอไม่ได้หรอกนะ” รินรีบดักคอ
“เรื่องที่ฉันอยากขอร้องพ่อปาลกับแม่รินก็คือ...
ช่วยเปลี่ยนตำนานให้ฉันที พ่อปาลเคยบอกฉันว่าความรักที่ทำให้คนที่เรารักต้องทุกข์ ความรักที่เอาแต่ทำร้าย คิดถึงแต่ตัวเองไม่ควรเรียกว่าความรัก บัดนี้ ฉันเข้าใจแล้ว”
ooooooo
ปาลไม่รอช้าทำจดหมายถึงคุณน้อยในฐานะทายาทของคุณพระวนาเทพและทำหนังสือถึงกรมศิลปฯโดยยื่นสมุดบันทึกที่เขาเก็บได้จากห้องใต้ดินรวมทั้งรูปถ่ายในอดีตที่มีภาพทั้งหยาดและหยดประกอบการขอเพื่อทำป้ายตำนานใหม่ หลังจากได้หนังสือยินยอม ปาลกับรินไปหาช่างแกะสลักให้ทำป้ายอันใหม่ที่เขียนว่า
“นางหยด ทาสใจบาปเป็นผู้ที่วางแผนวางยาพิษกำไลและลูก”...
พระวิษณุที่นั่งสมาธิสวดภาวนาไม่หยุดหย่อน เหมือนจะรับรู้ถึงเรื่องนี้ ลืมตาขึ้นมองสีหน้าอิ่มเอิบ...
หลังผีหยดปล่อยวางจากความแค้นทั้งปวง สีหน้าของเธอดูสงบขึ้นมาก ระหว่างนั่งอยู่ใต้ต้นไม้ต้นนั้น มีแสงสีขาวปรากฏขึ้นพร้อมกับเสียงร้องเรียกของหยาด ผีหยดเงยหน้าเห็นน้องก็ดีใจ
“อีหยาด...ข้าคิดถึงเอ็ง”
หยาดเข้ามากอดผีหยด สองพี่น้องกอดกันกลม แสงสีขาวปรากฏขึ้นอีกครั้งพร้อมกับร่างของแม่เยื้อน ทั้งคู่มารับผีหยดไปอยู่ด้วยกัน เธอถึงกับตะลึงคาดไม่ถึง จากนั้นร่างของผีหยดค่อยๆเรืองแสงขึ้น จากร่างผีหยดกลายเป็นหยดตอนสาวหน้าตาสะสวยใบหน้าอิ่มเอิบ...
ณ วัดบางบาป พระวิษณุกับหลวงพ่อนั่งสมาธิสวดภาวนาอยู่ด้วยกัน พลันมีแสงสีขาวปรากฏขึ้นพร้อมกับร่างเรืองรอง หยด หยาดและแม่เยื้อนก้มกราบลาพระสงฆ์ทั้งสองรูป พระวิษณุลืมตาขึ้นเห็นกิฟท์เดินเข้ามาพร้อมกับเอาของมาถวาย หยดมองเธอก่อนจะค่อยๆก้มลงกราบ หยาดกับแม่เยื้อนมองอย่างตื้นตัน ขณะที่พระวิษณุหมดห่วง ในที่สุดหยดก็หลุดพ้นจากบ่วงกรรมทั้งปวง
ooooooo
หลายเดือนต่อมา...
ละครนางบาปได้เข้าชิงรางวัลละครยอดเยี่ยมรวมทั้งกิฟท์ได้เข้าชิงนักแสดงนำหญิงจากงานนาฏราช
รินจึงต้องขึ้นเครื่องจากภูเก็ตมาร่วมงานนี้
บรรยากาศภายในงานนาฏราชเป็นไปอย่างคึกคัก มีนักแสดงและผู้คนในวงการบันเทิงมาร่วมงานกันอย่างคับคั่ง กิฟท์ซึ่งเป็นตัวเต็งจะได้รับรางวัลนักแสดงนำหญิงก้าวเข้ามาในงานพร้อมกับต้น นักข่าวต่างรุมสัมภาษณ์เธอถึงความรู้สึกที่ได้เข้าชิงรางวัลนี้
“ก็ดีใจนะคะเพราะเรื่องนี้กิฟท์ก็ผูกพันกับตัวละครมาก กำไลคือกิฟท์กิฟท์คือกำไลค่ะ ละครเรื่องนี้เปลี่ยนแปลงอะไรกิฟท์เยอะมากเลย”
“ต้นล่ะคะ ไม่ได้เสนอชื่อ คิดไหมคะว่าเพราะเราย้ายช่องมาเขาเลยสกัดดาวรุ่ง”
“คงไม่หรอกครับ ผมอาจจะยังเล่นละครพีเรียดไม่เก่งก็ได้ อาจไม่เข้าใจตัวละครมากพอ” ต้นพูดถึงเรื่องนี้ขึ้นมาก็อดนึกถึงวิษณุไม่ได้ อีกมุมหนึ่งไม่ห่างกันนัก
รินเดินเข้ามาในงานพร้อมกับปาล เจอบอลที่เพิ่งมาถึง ช่วยกันแซวว่าเดี๋ยวนี้เก่งใหญ่แล้ว ได้ข่าวว่าขึ้นเป็นผู้กำกับ
“โห...ซีรีส์วัยรุ่นเล็กๆเองพี่”
“ถ้าพี่ณุรู้คงภูมิใจในตัวบอลมากเลย” รินตบไหล่บอลเบาๆ จากนั้นทั้งสามคนพากันเดินไปหาที่นั่ง...
แม้กิฟท์จะพลาดรางวัลนักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยม แต่ละครนางบาปไม่พลาด ได้รางวัลละครยอดเยี่ยม
ไปครอง รินขึ้นไปรับรางวัลมือไม้สั่นทั้งดีใจทั้งตื่นเต้น จากนั้นก็ขึ้นกล่าวขอบคุณสำหรับรางวัลทรงเกียรตินี้
“นี่เป็นละครเรื่องแรกของคนสารคดีอย่างพวกเรา...เราเพิ่งรู้ว่ามันยากแค่ไหน ภาพของละครที่ทำให้คนหัวเราะ สนุก เบื้องหลังของมันไม่ใช่อย่างที่เห็นเลย หลายครั้งที่เราถามตัวเองว่าทำไปทำไม เราต้องเหนื่อยขนาดนี้เพื่ออะไร แต่การได้รางวัลนี้ มันช่วยตอบคำถามที่เราเคยสงสัย ทำให้เรามั่นใจว่าสิ่งที่เราทำมันมีความหมาย และจริงๆคนที่ควรจะยืนอยู่ตรงนี้เพื่อรับรางวัลที่สุดก็คือพี่ณุ” รินนิ่งเงียบไปอึดใจก่อนจะกล่าวต่อ
“พี่ณุทุ่มเทพลังทั้งหมดในชีวิตเพื่อละครเรื่องนี้ ยอมแลกทุกอย่างเพื่อทำความเข้าใจทุกตัวละครในเรื่องนี้ และพยายามอย่างที่สุดที่จะแก้ไขและจบละครเรื่องนี้ในแบบของพี่ณุเอง แต่ต่อให้เราตั้งใจอยากจะเปลี่ยนแปลงทำให้มันดีที่สุดแค่ไหน เราก็ทำได้แค่ยอมรับเงื่อนไขที่เปลี่ยนแปลงไม่ได้ของการทำละครและอย่างเดียวที่เราพอทำได้ คือ...เปลี่ยนแปลงตัวเราเอง”
นอกจากนี้รินยังขออุทิศรางวัลนี้ให้กับทุกตัวละครที่มีตัวตนอยู่จริงๆในตำนานนางบาปแห่งบางบัวบาน แม้ละครเรื่องนี้จะสร้างจากตำนาน แต่เธอเชื่อว่าทุกคนสามารถเขียนตำนานชีวิตของตัวเองได้ใหม่เสมอ เหมือนอย่างที่พี่ณุเคยพูดบ่อยๆว่า
“การทบทวนอดีตจะช่วยให้เราทำปัจจุบัน
ให้ดีกว่าเดิม เราไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้ หากไม่ยอมรับ บาดแผลของอดีต และเมื่อเรายอมรับอดีตได้ อนาคตก็อยู่ที่เรา เราเขียนตำนานขึ้นใหม่ได้ด้วยตัวเอง” สิ้นเสียงริน เสียงตบมือดังกึกก้องตามมา...
ในเวลาต่อมาหลังงานประกาศรางวัลเลิก รินกับปาลกำลังจะกลับ คุณไอริณเข้ามาแสดงความยินดีกับรางวัลที่ได้รับ รินขอบคุณเธอเช่นกันที่ให้โอกาสบริษัทของตนได้ทำละครเรื่องนี้
“ยินดีมากๆค่ะ แล้วมีโปรเจกต์ใหม่รึยังคะ ไอริณอยากเห็นละครจากค่ายคุณรินอีก”
“ขอบคุณนะคะ แต่การทำละครเรื่องหนึ่งมันใช้พลังเยอะมาก ลำพังรินคนเดียวคงทำมันไม่ได้หรอกค่ะ”
“วายนอต ก็ให้ปาลช่วยสิคะ เอาล่ะ ไอริณจะถือว่าวันนี้ไม่ได้ยินอะไรแล้วกัน ถ้าวันหนึ่งคุณมีโปรเจกต์ทำอะไรมาเสนอ ติดต่อไอริณได้โดยตรงเลยนะไม่ต้องผ่านเลขาฯ” ไอริณยิ้มให้ก่อนเดินจากไป...
ระหว่างขับรถกลับที่พัก ปาลบอกรินว่าแม่ปุกฝากของมาแสดงความยินดีกับเธอด้วย อยู่ในคอนโซลหน้ารถ เธอเปิดดูพบกล่องแหวนก็ตกใจไม่กล้าหยิบทำท่าจะปิดไว้อย่างเดิม
“ไม่ต้องกลัวผมเสียใจนะ ผมไม่รีบ ผมรู้คุณมีเรื่องต้องคิดเยอะ ช่วงนี้คุณฮอตนี่นา ไหนจะเรื่อง
ที่คุณไอริณเสนออีก”
“เรื่องคุณไอริณฉันยังไม่รู้จะตกลงไหม แต่เรื่องนี้...” รินหยิบกล่องใส่แหวนมาถือไว้ แล้วเอื้อมมือไปจับมือปาล “...ฉันตกลง”
ปาลยกมือเธอที่กุมมือตัวเองมาแนบแก้ม
ยิ้มมีความสุข...
ในเมื่อหมดห่วงกับทุกสิ่ง พระวิษณุออกเดินธุดงค์เข้าไปในป่า จากถนนมืดๆ เริ่มเป็นทางเดินที่มีต้นไผ่โน้มกิ่งเข้าหากันคล้ายเป็นอุโมงค์และมีแสงสว่างที่ปลายทางนั้น ท่านเดินอย่างสงบไปตามทางเหมือนหลุดพ้นบ่วงกรรมของทุกคน
********อวสาน********
อ่านละคร นางบาป ตอนที่ 13(ตอนอวสาน) วันที่ 14 ก.ย.61
ละครนางบาป บทประพันธ์โดย กิ่งฉัตรละครนางบาป บทโทรทัศน์โดย จันมณี,ชื่นใจมาลี, ภัณฑ์ณัฐ วงศ์วัชรกมล
ละครนางบาป กำกับการแสดงโดย วีระชัย รุ่งเรือง
ละครนางบาป ผลิตโดย บริษัท ดวงมาลีมณีจันทร์ จำกัด
ละครนางบาป ออกอากาศทางไทยทีวีสีช่อง 3
ที่มา ไทยรัฐ