อ่านละคร ปี่แก้วนางหงส์ ตอนที่ 6 วันที่ 4 พ.ย.61
หลวงราชเปิดสมุดให้ดูดอกปีบแห้งสองดอกหมายจะรั้งใจพิกุลได้ บอกพิกุลว่าหากหล่อนจำแต่เรื่องร้ายๆ ก็ขอให้เก็บดอกปีบนี้ไว้ ย้ำว่า...“วันหนึ่งมันจะทำให้หล่อนนึกถึงเรื่องดีๆ ที่เราเคยมีต่อกันบ้าง”
พิกุลหยิบดอกปีบดอกหนึ่งเหมือนจะยอมทำตามที่หลวงราชขอแต่กลับเดินไปที่กองไฟสุมเผาใบไม้ข้างทางแล้วหย่อนดอกปีบนั้นลงในกองไฟอย่างไม่สนใจความรู้สึกของหลวงราชเลย มองหลวงราชยืนยันการกระทำแล้วเดินตามเอื้อยไป หลวงราชพับสมุดที่มีดอกปีบอีกดอกหนึ่งแล้วเดินกลับเข้าบ้านไป
“ตัดบัวอย่าให้เหลือใย โบราณว่าไว้นะพิกุล”
พอเอื้อยกับพิกุลเดินไปก็สวนกับรถของสารภีที่ขับเข้ามา ยิ่งตอกย้ำความเจ็บปวดของพิกุล
ooooooo
คุณหญิงเกสรพอใจมาก ชมหลวงราชว่าวันนี้ทำสิ่งที่ถูกที่ควรแล้ว แม่ขอบใจและชื่นใจลูกเหลือเกิน
“ขอรับ นี่เป็นสิ่งที่สมควรกระทำที่สุดในตอนนี้”
หลวงราชพูดตามความคิดของตน แต่คุณหญิงกลับคิดว่าคุณหลวงเปิดใจให้หญิงดาวกับหญิงเดือนแล้ว พอดีมุดเข้ามาบอกหลวงราชว่าสารภีมา
“อัปรีย์ไป จัญไรมา” คุณหญิงสบถ แล้วตามหลวงราชไปอย่างระแวง สร้อยแถเข้าไปบอกว่าตนจะไปจัดการเอง “ไม่ต้อง แม่นั่นนะต้องแม่เดือนกับแม่ดาวเท่านั้น มันต้องได้รู้รสมือของหลานฉันเสียบ้าง ไม่อย่างนั้นคงไม่สำนึก”
คุณหญิงยิ้มร้ายกับแผนการของตน
หลวงราชไปที่ห้องรับรอง ฝากสมุดบันทึกไว้กับมุดแล้วเข้าไปต้อนรับสารภีที่ชงชาร้อนๆไว้ให้ สารภีถามว่าคุณยศคงไม่ถนัดใช้ลิ่มแบ่งชาหรือถึงไม่เห็นเอามาใช้ หลวงราชบอกว่าตนเอาไว้อวดแขกดีกว่าอวดคนให้ ถามหยั่งเชิงว่า “หล่อนจะมาทวงของของหล่อนคืนรึ”
“มิได้นะเจ้าคะ”
“แล้วมาหาฉันด้วยเรื่องอะไร”
สารภีบอกว่าตนได้น้ำปรุงกลิ่นใหม่จากนายห้างฝรั่ง แต่ไม่รู้ว่าคุณหญิงจะถูกใจหรือไม่ อยากให้คุณหลวงช่วยตัดสินใจ แล้วฉีดน้ำปรุงใส่ข้อมือลุกไปนั่งข้างหลวงราชยื่นมือที่ฉีดน้ำปรุงไปตรงหน้า
หลวงราชจับมือสารภีขึ้นดม ทั้งสองมองหน้ากันอย่างลึกซึ้ง มุดเห็นว่าตนอยู่ก็เป็นส่วนเกินจึงลุกไปโดยลืมสมุดบันทึกของหลวงราชไว้ที่ข้างประตู
สารภีมองอ่อยหลวงราชที่จับมือตนไม่วาง เสียงสร้อยก็เข้ามาบอกหลวงราชว่าคุณหญิงเชิญที่เรือนเล็ก หลวงราชอ้างว่าตนมีแขก สารภีบอกว่าตนรอได้อย่าให้เป็นเรื่องเพราะตนเลย หลวงราชบอกว่าตนจะรีบไปรีบมา แล้วออกไปกับสร้อย
สารภีมองตามเห็นสมุดบันทึกวางอยู่หน้าห้องก็ลุกไปหยิบเปิดดู ดอกปีบแห้งร่วงจากสมุด แต่สารภีไม่สนใจเพราะใจจดจ่ออยู่กับข้อความที่บันทึกในสมุดนั้น
สารภีเห็นภาพสเกตช์ลิ่มแบ่งชา มีข้อความที่เขียนกำกับไว้ว่า “อาวุธ?” สารภีสะดุดหน้าเปลี่ยนสีพึมพำ “รู้อะไรมาหรือเจ้าคะคุณยศ?”
สารภีพลิกสมุดบันทึกอย่างอยากรู้ว่าหลวงราชบันทึกอะไรไว้อีก แล้วปิดวางไว้ที่เดิม ใจพะวงว่าหลวงราชจะรู้ว่าจะใช้ลิ่มแบ่งชาทำอะไร? ก็ได้ยินเสียงคนเดินมา นึกว่าหลวงราชกลับมา
“หล่อนมาเสนอหน้าที่นี่ทำไม” กลายเป็นเสียงขุ่นเขียวของหญิงเดือน สารภีมองอย่างไม่อยากยุ่งด้วย
“น้องฉันถามก็ตอบสิ หรือว่าไม่มีใครสอนว่าผู้ดีต้องทำตัวยังไง”
หญิงดาวกับหญิงเดือนรุมกันจิกสารภีว่าหวังชุบมือเปิบจะมาคว้าพี่ยศไปง่ายๆ สารภีตอบโต้อย่างเจ็บแสบ หญิงเดือนหาว่าด่าตนหรือ หญิงดาวตัดบทว่าอย่ามัวแต่ต่อปากต่อคำกันเลย ปากดีอย่างนี้ต้องสั่งสอนให้ หลาบจำ แล้วทั้งสองก็รุมกันจะเข้าไปตบสารภี
สารภีถอยไปจนมุมในมือถือลิ่มแบ่งชาอยู่แต่ถูกรุมจนลิ่มแบ่งชาตก หญิงดาวไปคว้าลิ่มมาถือไว้ หญิงเดือนยุให้จัดการมันเลย เห็นหญิงดาวลังเลก็คว้าลิ่มตวัดไปที่หน้าสารภีดีแต่สารภีหลบทัน หญิงเดือนจะตวัดซ้ำ
“แม่เดือน แม่ดาว!!!” หลวงราชเสียงเข้ม
สามสาวชะงัก สารภีเจ้าเล่ห์ดึงลิ่มจากมือหญิงเดือนมาแทงแขนตัวเองทันที
หลวงราชเห็นเลือดซึมที่ต้นแขนสารภีก็รีบเข้าไปดู สารภีมารยาทำท่าจะเป็นลมหลวงราชรีบประคองไว้
ooooooo
พอคุณหญิงเกสรรู้เรื่องสารภีถูกลิ่มแบ่งชาจนเลือดออกและเจ้าคุณตำหนิหญิงดาวกับหญิงเดือนก็ออกหน้าปกป้องสองหญิงว่าคุณพี่ไม่ยุติธรรม ไม่รู้ต้นสายปลายเหตุจะกล่าวหาแม่ดาวกับแม่เดือนฝ่ายเดียวไม่ได้
เจ้าคุณว่าถ้าเจ้ายศมาห้ามไม่ทันอาจพลั้งมือสาหัสกว่านี้ เขาไม่เอาเรื่องขึ้นโรงขึ้นศาลก็นับว่าบุญแล้ว หญิงเดือนบอกว่าตนไม่กลัวเพราะคุณพ่อตนออกใหญ่โต เจ๊กจีนที่ไหนมันไม่กล้าเอาเรื่องเป็นแน่
เจ้าคุณตวัดสายตามองอย่างระอาในความอวดเบ่งของหญิงเดือน หญิงดาวแก้ต่างแทนน้องว่าพูดไปตามประสาเด็กท่านเจ้าคุณอย่าถือสาเลย
คุณหญิงเห็นเจ้าคุณหงุดหงิดใส่สองหญิงก็หงุดหงิดใส่เจ้าคุณ สร้อยยุคุณหญิงว่าต้องหยุดมันเสียแต่ตอนนี้เลย หญิงเดือนก็ว่าอย่างมันต้องเลือดตกยางออกยิ่งกว่านี้ ไม่เช่นนั้นมันคงไม่หยุด
ส่วนที่บูรพาเคหาสน์ หลวงราชขออภัยจีนพ้งที่ปล่อยให้สารภีต้องเลือดตกยางออก เรื่องเกิดที่ชายคาบ้านตน อย่างไรเสียก็เลี่ยงความรับผิดชอบไม่ได้ จีนพ้งชื่นชมว่าท่านเจ้าคุณเลี้ยงลูกได้ดีงามสมบูรณ์แบบ พ่อดีอย่างไรลูกก็ดีอย่างนั้นไม่ผิดกันแม้แต่น้อย จีนพ้งชื่นชมยกยอแล้วเอ่ยในตอนท้ายว่า
“กระผมอยากให้ลูกได้คนดีมีคุณธรรมเป็นคู่ชีวิต ขอคุณหลวงได้โปรดเห็นใจสารภีด้วยนะขอรับ”
แต่พอจีนพ้งพูดกับสารภีกลับตำหนิว่าพลาดท่าเขาง่ายๆอย่างนี้รึ สารภีบอกว่าอยู่ต่อหน้าคุณหลวง
ตนจะทำอะไรได้ จีนพ้งว่าถ้าคิดแบบนี้ต่อไปมันจะได้ทีข่มเหงอีกเป็นแน่ “มันทำได้ก็เพราะฉันปล่อยให้มันทำ”
“นี่มันแผนของลื้อหรือ ลื้อรู้อะไรมาถึงต้องยอมทำให้ตัวเองเจ็บตัวอย่างนี้”
“ฉันจะบอกเตี่ย เมื่อแน่ใจแล้วว่าฉันคิดไม่ผิด”
จีนพ้งพยักหน้าแล้วจะออกจากห้องแต่แล้วก็หยุดหันบอกว่าหนูตะเภาของพุดกรองตายแล้ว สารภีบอกว่าตนไม่อยากรู้ จีนพ้งยิ้มพูดอย่างรู้ทันว่า
“นึกว่าลื้ออยากรู้ว่าพอทำมันตาบอดแล้ว จะอยู่ได้อีกนานแค่ไหน”
สารภีมองตามจีนพ้ง นึกระแวงว่าเตี่ยจะรู้เรื่องอื่นอีกหรือไม่
ฝ่ายหลวงราชเมื่อกลับไปอยู่ในห้องหนังสือแล้ว ก็อดคิดไม่ได้ว่า ตัวตนที่แท้จริงของสารภีเป็นอย่างไรแน่ แล้วมองหาสมุดบันทึก เพิ่งนึกออกว่าฝากมุดไว้ ก็พอดีมุดเอาเข้ามาให้ หลวงราชบอกว่ากำลังหาอยู่พอดี มุดคุยโวว่า “ของสำคัญของคุณหลวงไอ้มุดไม่ให้ห่างตาดอกขอรับ” โดยไม่รู้ว่าถูกสารภีแอบดูมาแล้ว
หลวงราชเปิดสมุดดูเห็นดอกปีบแห้งยังอยู่หน้าเดิม พอเลื่อนดอกปีบออกก็เห็นภาพสเกตช์ลิ่มแบ่งชาและมีโน้ตใต้รูปอธิบายการใช้งาน ลงท้ายเน้นคำว่า “อาวุธ?”
ooooooo
กำนันไปหาจางวางพ่วงทันทีเมื่อจางวางกลับถึงเรือน บอกว่าไม่นึกเลยว่าจะกลับมา เพียรบอกว่าตนก็ไม่คิดว่าจะฉุกละหุกอย่างนี้หรอก กำนันถามว่าใครเป็นอะไรรึ เพียรโบ้ยให้จางวางเล่าเอง แต่จางวางเฉย
ครู่หนึ่งจางวางจึงเอ่ยปากกับกำนันว่า หากตนจะขอกำนันเป็นธุระให้สักเรื่องจะติดขัดอะไรหรือไม่
กำนันมองจางวางพ่วงอย่างแปลกใจว่าจะขอให้ตนทำอะไร?
เพียรรู้ใจจางวางติงว่าอยากให้เว้นเรื่องนี้ให้พิกุลทำใจสักพัก เพราะถ้าพิกุลยังทำใจไม่ได้ก็เหมือนฝืนใจลูก จะยิ่งช้ำกว่าเดิม ถามจางวางว่าพี่มีความสุขนักรึที่จะเห็นมันออกเรือนไปทั้งอย่างนั้น แต่จางวางก็ไม่สนใจ
คืนนี้หลวงราชเอาลิ่มแบ่งชาไปให้เจ้าคุณต่วนดู เจ้าคุณต่วนพิจารณาลิ่มแบ่งชาแล้วบอกหลวงราชว่า
“หลวงบริบาลท่านว่ารอชันสูตรอีกไม่นาน หากเป็นเพราะลิ่มแบ่งชาชนิดนี้ทางกรมตระเวนจะได้สืบสวนต่อ คุณหลวงกับฉันก็จะได้เบาแรงลง”
หลวงราชออกจากห้องทำงานของเจ้าคุณต่วน ใจยังคิดเรื่องสารภีกับหญิงดาวและหญิงเดือน แต่แว่วเสียงปี่ที่ดังขึ้นเรื่อยๆจนคุณหลวงต้องหยุดมองไปรอบตัว ครู่หนึ่งเสียงปี่หายไป คุณหลวงคิดว่าตนคงหูแว่ว
เวลาเดียวกัน...ที่ท่าน้ำบ้านจางวางพ่วงที่สุพรรณ พิกุลนั่งเป่าเพลงทยอยเดี่ยวที่เคยเป่าให้หลวงราชฟังเมื่อครั้งกระโน้น แต่เป่าไม่จบเพลง มองไปฝั่งตรงข้ามอย่างคิดถึงหลวงราชหลับตาข่มใจให้ลืม แต่พอลืมตาขึ้นก็เห็นสินมานั่งอยู่ตรงข้าม สินบอกพิกุลเป่าให้จบเพลงเถิด ตนจะนั่งเป็นเพื่อน พิกุลมองสินเห็นด้านหลังของสินมีเงาหลวงราชซ้อนอยู่ และที่ข้างหลังพิกุลก็มีเงาของท่านจันซ้อนฟังเสียงปี่ของพิกุลอยู่ โดยพิกุลไม่รู้ตัวว่านิมิตที่เห็นนั้นเป็นฝีมือของท่านจัน...
เอื้อยได้ยินเสียงปี่จึงไปที่ท่าน้ำหวังปลอบพิกุลแต่ไปเห็นพิกุลกำลังเป่าปี่ให้สินฟังจึงหลบแอบดู
เมื่อพิกุลกลับมาที่ครัว เอื้อยถามว่าตัดใจจากคุณหลวงได้แล้วรึถึงได้ซ้อมปี่สบายใจได้ยินถึงนี่ พิกุลไม่ตอบแต่บอกว่าตนมาเพื่อจะบอกเรื่องพี่สินเท่านั้น เอื้อยถามว่าเรื่องพี่สิน มีอะไรรึ
“ไม่บอก!! เอื้อยแกล้งฉันได้ ฉันก็แกล้งเอื้อยบ้าง”
พิกุลแกล้งอมพะนำเอาคืนจากเอื้อย เอื้อยเลยต้องตามง้อเพราะอยากรู้เรื่องสิน
ooooooo
คืนนี้หลวงโชติกับหลวงแจ่มเดินมาส่งหญิงดาวกับหญิงเดือนที่หน้ายูไนเต็ดคลับ โดยไม่รู้ว่าปิงนั่งซุ่มดูอยู่ที่หน้าคลับ พอเห็นสองหญิงมาขึ้นรถก็ส่งสัญญาณให้คนขับรถของตนตามไปทันที
เพียงเช้าวันรุ่งขึ้น ที่ห้องลับบูรพาเคหาสน์ ปิงเปิดประตูห้องให้ลูกน้องเข้าไปตัวเองยืนรออยู่ด้านนอก ครู่เดียวลูกน้องก็ออกมาในสภาพเสื้อผ้าเปื้อนเลือด ปิงปิดประตูเอากุญแจคล้องเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
สารภีไปหาหลวงราชแต่เช้า เจอมุดถามว่าเจ้านายเราออกไปไหนแต่เช้า มุดบอกว่าคุณหลวงไปช่วยท่านเจ้าคุณตามหาคุณดาวกับคุณเดือน กระซิบบอกสารภีว่า
“คุณเดือนคุณดาวหายตัวไปทั้งคืน คุณหญิงพิศท่านมาถามถึงที่นี่ พอพวกกองตระเวนมาแจ้งท่านเจ้าคุณว่าพบรถของคุณเดือนคุณดาวที่ทุ่งบางกะปิก็พากันไปที่นั่นขอรับ”
สารภีทำเสียงอุทานเป็นห่วง แล้วฝากมุดบอกคุณหลวงด้วยว่าตนมาหาแล้วกลับไป แต่ทันทีที่ขึ้นรถสารภีก็เปลี่ยนเป็นสะใจพึมพำ “ตามกันเจอจนได้!!”
ความจริงคือเมื่อคืนนี้สารภีเข้าไปหาหญิงดาวกับหญิงเดือนในห้องใต้ดินเห็นหญิงดาวกับหญิงเดือนมีถุงผ้าดำคลุมหน้าเดินหมุนซ้ายขวาอย่างหวาดกลัวเหวี่ยงดาบไปมาป้องกันตัว ลูกน้องบอกว่าอีกสักพักยาดำก็ออกฤทธิ์ อึดใจเดียวสภาพของสองหญิงก็สับสนเหมือนคนควบคุมตัวเองไม่ได้ พอสารภีสั่งจัดการ ลูกน้องก็โยนเกือกม้าไประหว่างสองหญิง ทำให้ทั้งสองตกใจแกว่งดาบพุ่งเข้าหากัน
ปิงที่ดูเหตุการณ์อยู่ไปรายงานจีนพ้ง จีนพ้งบอกว่าทำลูกสาวตนถึงเลือดตกยางออกก็สมควรแล้ว
ปิง บอกว่า “ท่านเจ้าคุณยุทธนาคงไม่ยอมนะขอรับ”
“ไม่ยอมก็ต้องประลองกำลังกัน คืนนี้เอ็งเก็บกวาดเสียให้เรียบร้อยก็แล้วกัน”
ดังนั้นเช้าวันรุ่งขึ้นจึงพบร่างหญิงดาวกับหญิงเดือนนอนกอดกันอยู่กลางทุ่ง เมื่อพลตระเวนแกะเชือกออกจึงเห็นดาบปักอยู่ที่ร่างของทั้งสอง หลวงราชกับพลตระเวนยืนดูร่างของทั้งสองแบบแทงกันเอง คุณหญิงพิศถึงกับเป็นลมเมื่อเห็นร่างลูกสาว เจ้าคุณยุทธนาคำรามแค้นว่า
“วิปริตแท้ๆ ไอ้คนที่มันกระทำกับลูกดาวลูกเดือนของกระผม มันต้องโดนตัดหัวเอาเลือดล้างตีน!”
หลวงราชเห็นสภาพถุงดำคลุมหัวเหมือนที่ตนเคยโดนที่ตรอกคิดว่าเป็นฝีมือพวกเดียวกัน ก็หลบออกมาเงียบๆ แต่อึดใจเดียวพลตระเวนก็มาบอกว่าคุณเดือนยังไม่ตาย
ฝ่ายสารภีก็กระหยิ่มว่ากำจัดขวากหนามแล้วหลวงราชก็ไม่พ้นมือตนแน่ จีนพ้งถามว่าคิดว่ามันง่ายรึ เตือนสารภีให้ไปเยี่ยมลูกสาวคนเล็กของท่านเจ้าคุณยุทธนาด้วยก็แล้วกัน
“ไอ้ผู้ดีบ้านนั้นมันหนังเหนียวกว่าที่คิด นังเดือน! ถ้าไม่ได้เลือดแกมาเซ่นบรรพบุรุษ ก็อย่าคิดว่าฉันจะจบ!”
สารภีจิกตาแค้น
ooooooo
หญิงเดือนถูกนำตัวไปรักษาที่โรงพยาบาลของหมอเฮส์ ความเจ็บปวดจากบาดแผลทำให้ร้องครวญครางออกมาทั้งที่ยังหลับ หมอฝรั่งต้องฉีดมอร์ฟีนให้จึงสงบลง หมอฝรั่งบอกหลวงราชที่ไปเฝ้าดูอาการอยู่ว่า
“ถึงบุตรีของท่านเจ้าคุณยังพอมีโชคอยู่บ้าง คมดาบไม่โดนจุดสำคัญแต่โชคร้ายที่บาดแผลฉกรรจ์เช่นนี้จะทำให้เจ็บเจียนตาย คนไข้ต้องพึ่งมอร์ฟีนระงับปวดขนานใหญ่ หากไม่แพ้เสียก่อนก็พอหวังได้”
“เช่นนั้นแม่เดือนคงยังไม่มีสติพอจะให้ปากคำได้”
“ยังมิใช่เวลาอันใกล้นี้เป็นแน่”
หมอฝรั่งออกไปแล้วหลวงราชยังยืนมองหญิงเดือนด้วยความห่วงใย ครู่หนึ่งได้ยินเสียงคนเข้ามา หลวงราชหันมองเห็นสารภียืนอยู่หน้าห้อง คุณหลวงแปลกใจว่าสารภีรู้เรื่องนี้ได้ยังไง?
“หมอท่านเรียกให้มาดูแผลเจ้าค่ะ สารภีนึกไม่ถึงว่าจะพบคุณเดือนในสภาพนี้” สารภีเอ่ยขณะเดินคุยมาด้วยกัน หลวงราชถามว่าดีขึ้นหรือไม่ล่ะ “อย่าห่วงเลยเจ้าค่ะ เห็นคุณเดือนแล้ว บาดแผลของสารภีก็ดูเป็นเรื่องเล็กน้อย เธอไม่น่าจะต้องพบเจอเรื่องโหดร้ายเช่นนี้เลย...ยิ่งนึกถึงวันที่ต้องรับรู้ว่าคุณดาวมีอันเป็นไปเสียแล้วคงแทบขาดใจ” หลวงราชมองสารภีอย่างแปลกใจ “ทำไมคุณยศมองสารภีเยี่ยงนี้เจ้าคะ”
“หล่อนห่วงแม่เดือน ทั้งที่เขาทำหล่อนเจ็บรึ” สารภีย้อนถามว่าคุณยศเห็นว่าตนต้องสมน้ำหน้าพี่น้องคู่นี้หรือ “ฉันไม่ได้หมายว่าหล่อนจะต้องใจไม้ไส้ระกำ เพียงแต่นึกประหลาดใจว่าคนเราจะให้อภัยใครได้ในชั่วเวลาอันสั้นๆทั้งที่ถูกกระทำเยี่ยงนี้”
“เพราะความห่วงใยของคุณยศที่มีต่อสารภีอย่างไรเจ้าค่ะ ที่ทำให้สารภีเปลี่ยนความแค้นเคืองให้ กลายเป็นความห่วงใยคนอื่น” สารภีพูดหน้าซื่อตาใสแต่ยิ่งทำให้หลวงราชสับสน คิดว่าตนอาจระแวงสารภีเกินไป
หลวงราชพาสารภีไปที่บ้านเพราะสารภีจะมอบน้ำปรุงฝรั่งมาให้คุณหญิง แต่พอคุณหญิงเห็นก็ลุกพรวดสั่งสร้อยให้ไล่มันให้พ้นหูพ้นตาตนที สารภีทำเป็นเสียใจบอกว่าตนผิดเองไม่ทันคิดว่าคุณหญิงกำลังเสียใจเรื่องคุณดาวกับคุณเดือน วันนี้คงไม่มีอารมณ์จะรับของกำนัลจากใคร
หลวงราชบอกคุณหญิงว่าสารภีตั้งใจจะเอาน้ำปรุงฝรั่งมาให้ตั้งแต่วันเกิดเรื่อง ขอให้คุณหญิงรับไว้ให้สมกับที่สารภีมีน้ำใจเถิด คุณหญิงเสียงเข้มใส่สารภีว่า
“ไม่ต้องมาเอาใจฉัน ฉันไม่มีวันรับแกเข้าบ้าน มีแต่จะยิ่งเหม็นขี้หน้าเสียด้วยซ้ำ เก็บของหล่อนไว้ใช้เองเถิด เพราะหล่อนอาจต้องใช้มันกลบกลิ่นคาวเลือดที่เปื้อนมือหล่อนอยู่”
“คุณหญิงหมายถึงอะไรเจ้าคะ” สารภีจ้องหน้าถาม
หลวงราชก็ว่าคุณแม่พูดลอยๆ เช่นนี้ไม่เหมาะนะขอรับ คุณหญิงบอกคุณหลวงว่าแม่นี่มันไม่ได้ใสซื่ออย่างที่ลูกคิด สารภีขอให้คุณหญิงพูดให้กระจ่าง อย่าใส่ความกันเช่นนี้
คุณหญิงมองแผลที่แขนสารภี บอกว่ารอยแผลนี้หล่อนคงแค้นแม่ดาวแม่เดือนจนอยากจะเอาคืน สารภีบอกว่าแผลนี้เป็นอุบัติเหตุ ไม่ใช่เรื่องจะเอามาคิดแค้นกัน
“แม่เดือน แม่ดาวเป็นฝ่ายเริ่มก่อนเสียด้วยซ้ำนะขอรับ กระผมยังมิได้ไต่สวนทวนความด้วยซ้ำว่ามีใครเกี่ยวข้องอีกบ้าง”
“ไม่ต้องมาขู่แม่เรื่องนั้น เพราะเรื่องใหญ่กว่าคือคดีของแม่เดือน แม่ดาวที่ถูกทำร้ายเจียนตาย วันไหนที่ท่านเจ้าคุณยุทธนาท่านสืบสาวราวเรื่องไปถึงไอ้คนสั่งการได้ละก็...ไอ้คนสั่งการมันไม่มีวันอยู่เป็นสุขแน่”
คุณหญิงมองสารภีอย่างรู้ทัน หมายมาด แต่สารภีจ้องตอบอย่างเลือดเย็น
เมื่อสารภีกลับไปแล้ว สร้อยสอพลอว่าคุณหญิงขู่จนแม่นั่นหงอกลับไปเลย คุณหญิงบอกว่าแต่มันไม่มีท่าหวาดกลัวแม้แต่น้อย ถามสร้อยว่า “เห็นแววตาของมันไหม แข็งกร้าวอย่างกับนังนิ่มว่าไว้ไม่ผิด”
สร้อยเสนอให้เรียกแม่นิ่มมาถามไถ่เลยไหม จับพลัดจับผลูได้รู้อะไรดีๆขึ้นมาคุณหญิงพิศจะได้แก้แค้นได้ถูกตัว คุณหญิงบอกว่าดี คิดเสียว่าได้ทำอะไรให้คุณพิศบ้าง เห็นแก่หัวอกคนเป็นแม่ด้วยกัน แล้วสั่งสร้อยอย่าลืมเตรียมชุดงานศพให้ด้วย
ooooooo
อ่านละคร ปี่แก้วนางหงส์ ตอนที่ 6 วันที่ 4 พ.ย.61
ละคร ปี่แก้วนางหงส์ บทประพันธ์โดย เสน่ห์ โกมารชุนละคร ปี่แก้วนางหงส์ บทโทรทัศน์โดย บลูลาวา
ละคร ปี่แก้วนางหงส์ กำกับการแสดงโดย แมน เมธี
ละคร ปี่แก้วนางหงส์ ผลิตโดย บริษัท เมกเกอร์ เจ กรุ๊ป จำกัด
ละคร ปี่แก้วนางหงส์ ควบคุมการผลิตโดย จริยา แอนโฟเน่
ที่มา ไทยรัฐ