อ่านละคร ปี่แก้วนางหงส์ ตอนที่ 12 วันที่ 28 พ.ย.61

อ่านละคร ปี่แก้วนางหงส์ ตอนที่ 12 วันที่ 28 พ.ย.61

เจ้าอาวาสหยุดยืนเหมือนรับรู้ แล้วเดินเข้าโบสถ์ไปโดยไม่สนทนาด้วย เจ้าอาวาสเข้าไปเจอสินธรถามว่ามาธุระเรื่องเรือนของโยมใช่ไหม สินธรบอกว่ารอท่านทำวัตรเสร็จก่อนก็ได้พลางจะลุกไป

“ไม่ต้องไปไหนหรอก ไหนๆก็มาแล้ว อยู่ฟังพระทำวัตรเย็นด้วยกัน ตั้งจิตระลึกถึงเจ้าเรือน อุทิศส่วนกุศลจากการทำกุศลนี้แก่บรรพบุรุษของโยมให้พ้นจากบ่วงทุกข์ทรมานเสีย”

ขณะที่จางวางพ่วง เพียร สุด และอ่ำ กำลังทรมานเพราะถูกมัดรวมกันและหมอผีก็ร่ายมนตร์ไม่หยุด



พลันเสียงพระสวดมนต์ทำวัตรเย็นก็แว่วมา

พวกจางวางได้ยินก็สวดตาม ทุกคนสวดมนต์ แผ่เมตตาพร้อมๆกัน

สวดทำวัตรเย็นแล้ว เจ้าอาวาสใช้กำหญ้าคาจุ่มน้ำมนต์ซัดให้สินธร อัปสร และเปรื่อง ทันใดอักขระเขมรก็ลอยขึ้นจากย่ามของสินธรแล้วสลายไป

วิญญาณของจางวาง เพียร สุด และอ่ำยังทรมานจากแส้อาคมของหมอผี แต่ทันทีที่เจ้าอาวาสพรมน้ำมนต์ก็ปรากฏแสงสว่างวาบขึ้น พรายหุ่นพยนต์ทั้งสี่กระเด็นออกไป และวิญญาณของทั้งสี่ก็หายไปจากเรือน

หลังทำวัตรเสร็จ สินธร เปรื่อง และอัปสร ยังนั่งอยู่ในโบสถ์ เปรื่องรู้ว่าเจ้าอาวาสรับรู้ความผิดปกติบางอย่าง ถามสินธรว่าเอาอะไรมาด้วยรึ สินธรส่ายหน้า เปรื่องย้ำว่า “ในย่ามเอ็งน่ะ”

สินธรเปิดย่ามดูจึงเห็นตุ๊กตาดินเผาสี่ตัวแตกหักอยู่ในย่าม เขาหยิบออกมา เปรื่องตกใจถามว่ายังไม่เอาไปทิ้งน้ำหรือ สินธรบอกว่าลืม เปรื่องให้เอาไปทิ้งเดี๋ยวนี้เลย

พอสินธรกับอัปสรเอาตุ๊กตาดินเผาออกไป

เจ้าอาวาสมาหยุดตรงหน้าเปรื่องแล้วเปิดให้เห็นว่า จางวางพ่วง พิกุล เพียร สุด และอ่ำนั่งพนมมือไหว้

เจ้าอาวาสอยู่นอกเขตพัทธสีมา เจ้าอาวาสบอกให้เปรื่องไปรอในโบสถ์ เปรื่องลุกไป แต่อดมองเจ้าอาวาสด้วยความสงสัยไม่ได้...

ooooooo

ที่ป่าช้าวัดประจำตำบล กำนันพงษ์ถามหมอผีอย่างโกรธจัดว่ามันหนีไปได้ มันเป็นไปได้ยังไง หมอผีบอกว่าอานุภาพแห่งพุทธคุณช่วยพาพวกมันให้หลุดพ้นไปได้ หมอผีมองพรายหุ่นพยนต์ทั้งสี่อย่างไม่พอใจ

หมอผีบริกรรมคาถา ทำให้ไฟลุกท่วมตัวหุ่นพยนต์ทั้งสี่จนดิ้นอย่างเจ็บปวด หมอผีลงโทษหุ่นพยนต์ทั้งสี่ที่ทำงานง่ายๆไม่สำเร็จด้วยการเผาจนร่างสลายไปต่อหน้ากำนัน บอกกำนันว่า

“เมื่อไอ้พวกนี้เอาไม่อยู่ กูจะปลุกผีทั้งป่าช้าไปล่าพวกมัน!!!”

หมอผีเอามีดหมอออกมาร่ายคาถาแล้วปักมีดลงที่พื้นดินเรียกภูตผีในป่าช้านั้น ลมกระโชกมาพัดเศษใบไม้ปลิวว่อน ผืนดินเหนือหลุมศพสะเทือน บรรยากาศในป่าช้าเปลี่ยนไปทันที

คืนเดียวกัน เจ้าอาวาสสนทนาและให้พรกับจางวางพ่วง เพียร พิกุล สุด และอ่ำ ทุกคนพนมมือรับพร

“เมื่อสิ้นสุดธุระทางโลกของโยมแล้วก็ขอให้ละความอาฆาตพยาบาทใดๆไว้ ณ ที่นี้” ท่านมองหน้าพิกุล “อาตมาขอบิณฑบาต เพื่อที่จิตวิญญาณของโยมจะได้ไปจุติในภพภูมิอันสว่าง สงบ ด้วยเถิด”

จางวางพ่วงมองหน้าเพียรอย่างรับพร ก็พอดีอัปสร กับสินธรกลับมาจากเอาตุ๊กตาไปทิ้งน้ำเข้ามากราบเจ้าอาวาส สุดเห็นอัปสรก็น้ำตาร่วงเพราะกำลังจะจากกัน เจ้าอาวาสจึงให้อัปสรกับสินธรเข้าไปในโบสถ์ก่อนพวกจางวางนั่งพนมมืออยู่นอกโบสถ์แต่พิกุลไม่พนมมือเหมือนไม่รับส่วนบุญนี้ เพียรบอกพิกุลฟังหลวงพ่อให้ดี วางความอาฆาตพยาบาทที่มีต่อคุณหลวงลงเสียเถิด ครู่หนึ่งได้ยินเสียงสวดมนต์จากในโบสถ์ พิกุลมองพ่อกับแม่สีหน้าเด็ดเดี่ยว ส่ายหน้าบอกว่า

“มีแต่การชดใช้เท่านั้นที่จะปลดปล่อยฉันได้”

เพียรเรียกพิกุลเสียงอ่อนอย่างขอร้อง แต่พิกุลสีหน้าเด็ดเดี่ยว ครู่หนึ่งพิกุลก็หายตัวไป

ขณะสวดมนต์กันอยู่ มีแสงสว่างเรืองที่นอกโบสถ์ อัปสรมองไปเห็นสุดกำลังมองมาน้ำตารื้น อัปสรนึกว่าตนตาฝาด เสียงสุดแว่วมาว่า “ชาติหน้าฉันใด ขอให้เอ็งกับข้าได้เกิดเป็นแม่ลูกกันอีกนะนังเอื้อย”

อัปสรงงๆกับชื่อเอื้อย ไม่ทันไรสุดก็ยิ้มให้แล้วทั้งหมดก็สลายตัวไป อัปสรคิดว่าตัวเองตาฝาด หันมองเจ้าอาวาส ท่านมองกลับมาด้วยความเมตตา

ที่ป่าช้าวัดประจำตำบล ขณะหมอผีแกะห่อกระดูกเพื่อทำพิธี เห็นพิกุลปรากฏตัวขึ้น หมอผีถามว่าเจ็บแค้นมากถึงกับจะมาเอาคืนหรืออีพิกุล พิกุลมองห่อกระดูก พูดกับหมอผีว่า

“กระดูกพ่อแม่ของข้าแปดเปื้อนบาปจากมือของเอ็งเกินไปแล้ว เอามือสกปรกของเอ็งออกไปเดี๋ยวนี้”

กำนันร้อนใจเร่งหมอผีว่าจะจัดการอะไรก็เอาเสียที ให้มันเย้ยอยู่ได้ แต่พิกุลไม่รอให้หมอผีลงมือ พุ่งเข้าไปที่ห่อกระดูก ปรากฏลมกระโชกมาทำให้พิธีเกือบพัง แต่กระดูกพ่อแม่พิกุลก็ยังอยู่ในมือหมอผี

“มึงมีกำลังเท่านี้รึ...กูจะสั่งสอนให้มึงรู้ฤทธิ์บริวารของกู” หมอผีมองไปรอบๆ หลุมศพปะทุขึ้นพร้อมกับวิญญาณผุดขึ้นมาจากหลุมทั้งป่าช้า มันมองพิกุลอย่างอาฆาตแค้น หมอผีปรามพิกุลว่า “มึงพ้นมือพรายหุ่นพยนต์ของกูได้ แต่อย่าคิดว่าจะรอดจากผีตายห่าตายโหงบริวารของกูไปได้”

เงาดำพุ่งมารอบตัวพิกุล พิกุลสะบัดปัดเงาดำพวกนั้นให้พ้นตัว แต่ยิ่งปัดเงาดำนั้นก็เหมือนจะยิ่งเข้ามาครอบครองร่างของพิกุล พุ่งเข้าหูตาจมูกปากทะลุออกทุกทวารจนยากที่พิกุลจะหลุดพ้นได้ พิกุลดิ้นรนอย่างทรมาน หมอผีชี้มีดหมอไปที่พิกุลพูดยิ้มเยาะ

“มีแต่มีดหมอของกูเท่านั้นจะช่วยมึงได้ มึงไม่ยอม ดวงจิตมึงจะถูกครอบงำให้เป็นพวกเดียวกับมัน มึงจะทรมานยิ่งกว่าตกนรก”

พิกุลตอบอย่างเด็ดเดี่ยวว่า “ไม่ยอม” หมอผีมองเงาดำที่มันพุ่งเข้าพุ่งออกร่างของพิกุล แล้วหน้าพิกุลก็กลายเป็นหน้าผีน่ากลัว เส้นเลือดปูดโปนเหมือนร่างจะแตกสลาย พิกุลร้องอย่างเจ็บปวดทรมาน

กำนันสะใจที่เห็นพิกุลเจ็บปวด คว้ามีดหมอจากมือหมอผีออกนอกเขตที่หมอผีเสกไว้ เอามีดหมอชี้หน้าพิกุลที่กำลังเจ็บปวดทรมานว่า “มึงอยากให้กูช่วยไหม” พิกุลเจ็บปวดเกินกว่าจะทำอะไร ได้แต่จ้องมีดหมอเขม็ง

“แต่กูอยากเห็นมึงทรมานยิ่งกว่านี้ กูจะเผาเรือนของมึงให้เป็นจุณ ต่อให้มึงรอดไปได้ มึงก็จะเป็นผีเร่ร่อนเท่านั้น”

ความโกรธของพิกุลกลายเป็นพลัง ลมกระโชกอย่างแรงกระแทกกำนันพงษ์กับหมอผีกระเจิงไปคนละทาง มีดหมอกระเด็นปักที่พื้น พิกุลจึงตั้งจิตประกาศต่อหน้าพลังดำมืดรอบตัวทั้งที่ยังเจ็บสาหัส

“ข้าขออุทิศบุญกุศลอันใดที่ข้าเคยกระทำแม้เพียงธุลี ได้ช่วยปลดปล่อยดวงวิญญาณอันทุกข์ทรมานด้วยไสยดำอำนาจมืดใดๆก็ตามให้เป็นอิสระด้วยเถิด”

ทันใดนั้นมีดหมอที่ปักพื้นก็เรืองแสงแผ่ไปทั้งป่าช้า เงาดำมืดที่พุ่งเข้าออกตัวพิกุลค่อยๆสลายกลายเป็นร่างคน ดวงวิญญาณเหล่านั้นที่มองพิกุลเหมือนจะมุ่งทำร้ายตอนแรก เปลี่ยนเป็นยกมือไหว้พิกุลเพื่อขอรับส่วนบุญ กำนันพงษ์เห็นสิ่งที่เกิดขึ้นก็กลัวลนลานรีบเข้าไปหาหมอผีถามว่านี่มันอะไรกัน

“พวกมึง...ไอ้ทรยศ!!!” หมอผีชี้หน้าภูตผีเหล่านั้นนิ้วสั่นระริก

สิ้นเสียงหมอผี ดวงวิญญาณทั้งหมดก็กลายเป็นเงาดำพุ่งเข้าหาหมอผีทุกทวาร หมอผีดิ้นอย่างเจ็บปวดกระอักเลือดต่อหน้ากำนัน

“อีพิกุล!!!” กำนันคำรามอย่างเจ็บแค้น

“มึงต้องชดใช้!!” พิกุลชี้หน้ากำนันประกาศลั่น กำนันเห็นหน้าพิกุลที่โกรธแค้นก็หวาดกลัว รีบหนีไป

พิกุลจะตามแต่หมดแรงเสียก่อนได้แต่มองตามกำนันไปด้วยความแค้น ฝ่ายกำนันวิ่งขาขวิดหาทางออกจากป่าช้าคอยเหลียวดูว่าพิกุลตามมาหรือไม่ จนตกไปในหลุมศพที่ขุดทิ้งไว้ ในหลุมมีโลงและโครงกระดูก พอกำนันรู้ว่าตกในหลุมศพก็ตะเกียกตะกายจะขึ้น แต่ฝาโลงเลื่อนปิดเสียก่อน

กำนันทุบฝาโลงร้องให้คนช่วย แต่ฝาโลงปิดสนิทมีผีตายโหงนั่งทับไว้ทั้งสี่มุม กำนันทุบจนหมดแรงก็เปิดไม่ได้ กำนันร้องอย่างหมดท่าว่า “ช่วยด้วย...กูยอมแล้ว... กูยอมแล้ว”

เมื่อไม่มีหมอผีและกำนันพงษ์แล้ว พิกุลฟุบหน้าบนตักของเพียรมีจางวางพ่วงยืนมองอย่างเวทนา เพียรบอกว่าเวลาของแม่หมดแล้ว แม่กับพ่อส่งเอ็งได้แค่นี้ ลูบหัวพิกุลอย่างอาลัยอาวรณ์อธิษฐาน...

“บุญกุศลอันใดที่แม่กับพ่ออุทิศให้เอ็งได้ ขอให้บุญกุศลนั้นทำให้เอ็งเห็นทางสว่างเพื่อละอาฆาตพยาบาทเร็ววันนะพิกุล”

พ่อแม่ลูกลาจากกันน้ำตาไหล เสียงปี่พาทย์มโหรีดังขึ้นเหมือนจะส่งคนทั้งสอง จนร่างทั้งสองค่อยเลือนหายไป เหลือแต่พิกุลยังนอนฟุบอยู่ตรงนั้น...

ooooooo

อ่านละคร ปี่แก้วนางหงส์ ตอนที่ 12 วันที่ 28 พ.ย.61

ละคร ปี่แก้วนางหงส์ บทประพันธ์โดย เสน่ห์ โกมารชุน
ละคร ปี่แก้วนางหงส์ บทโทรทัศน์โดย บลูลาวา
ละคร ปี่แก้วนางหงส์ กำกับการแสดงโดย แมน เมธี
ละคร ปี่แก้วนางหงส์ ผลิตโดย บริษัท เมกเกอร์ เจ กรุ๊ป จำกัด
ละคร ปี่แก้วนางหงส์ ควบคุมการผลิตโดย จริยา แอนโฟเน่
ที่มา ไทยรัฐ