อ่านละคร ชาติเสือพันธุ์มังกร ตอนที่ 5 วันที่ 25 พ.ย.61

อ่านละคร ชาติเสือพันธุ์มังกร ตอนที่ 5 วันที่ 25 พ.ย.61

ไม่ใช่แค่เฮ้งเตี๋ยงที่ทรงวาดรักษาน้ำใจ แม้แต่ทิเหล็งเถ้าแก่เสือแห่งเยาวราชก็ออกปากขอโทษอย่างจริงใจที่มีส่วนให้เกิดการเผาไล่ที่จนญาติของอีกฝ่ายเดือดร้อนไม่มีที่อยู่ ทิเหล็งเข้าใจเหตุผลทรงวาดดี

มีแค่ปิ่นมุก...ไม่ชอบใจที่ผู้อุปการะหนุ่มห่วงความรู้สึกคนอื่นจนลืมรักตัวเอง

“เกิดเป็นเฮียนี่มันซวยจริงๆ ญาติแต่ละคน ทั้งญาติแท้ญาติไม่แท้หาแต่เรื่องมาให้”

ทรงวาดไม่ถือสาคำพูดตรงไปตรงมาของสาวน้อยในอุปการะ แกล้งเย้า



“โดยเฉพาะลื้อ...หาเรื่องปวดหัวให้อั๊วมากที่สุด”

ปิ่นมุกหน้างอ ทรงวาดต้องง้อ

“ที่พูดเพราะอั๊วเห็นลื้อเป็นญาติอั๊วคนนึงเหมือนกันนะ”

“ตบหัวแล้วลูบหลัง คอยดูเถอะ อั๊วจบหมอเมื่อไหร่คนแรกที่อั๊วจะจับฉีดยาก็คือเฮีย”

ทรงวาดกับปิ่นมุกหยอกล้อกันเหมือนเคย เช่นเดียวกับป่วยซังกับสุเทพที่คบหากันมานาน ทิเหล็งได้ยินป่วยซังคุยกับสุเทพเรื่องวางแผนแต่งงานก็ซึมหนัก อกหักอย่างเป็นทางการแต่ก็ต้องทำใจ...

เฮ้งเตี๋ยงยังทำใจไม่ได้เรื่องพ่อเผาไล่ที่ชาวบ้านเพื่อช่วยชีวิตเขา ขังตัวเองในห้องไม่พบหน้าใครจนลี่เง็กสบโอกาสได้ดูแลโรงน้ำชาแทน ทุกอย่างทำท่าจะดีถ้าอภิชาตจะไม่มาเปิดตัวที่โรงน้ำชาและแสร้งหาเรื่องลวนลามลี่เง็กจนหวิดเกิดเหตุวิวาท โชคดีที่ทรงวาดมาห้ามไว้  อภิชาตสู้อดีตเพื่อนร่วมรุ่นไม่ได้ ได้แต่ทำหน้าเก๊กวางท่าใหญ่โต

“ฉันแค่มาแนะนำตัวในฐานะคนเพิ่งย้ายมาอยู่เท่านั้นเองแต่ก็บังเอิญจริงๆที่โรงน้ำชานี่เป็นบ้านแก”

“ฉันนึกว่าแกสืบมาละเอียดตั้งแต่สมัยเรียนนายร้อยแล้วซะอีก”

อภิชาตเหยียดยิ้มเย็น “แกนี่เจ้าคิดเจ้าแค้นเหมือนกันนะเสือ งั้นเข้าเรื่องเลยละกัน ฉันอยากให้พื้นที่ที่ฉันรับผิดชอบอยู่ ใสสะอาดไม่มีสิ่งผิดกฎหมาย ถ้าเคยมีก็ต้องหมดสิ้นไป”

ท่าทางกร่างๆของอภิชาตทำให้เม่งฮงกับลี่เง็กไม่พอใจ แต่อภิชาตไม่ยี่หระประกาศกร้าวจะกวาดล้างทุกอย่างหากทำให้ท้องที่เสื่อมเสีย รณชิตซึ่งรับหน้าที่พาอภิชาตสำรวจท้องที่หน้าเจื่อนเล็กน้อย ทรงวาดเลยถือโอกาสเตือนสติเมื่อเห็นว่าอภิชาตออกจากโรงน้ำชาแล้ว

“จ่าก็รู้ว่าพวกเราอยู่กันอย่างนี้มานาน...แม้ว่าเรากับพวกจ่าจะไม่ชอบขี้หน้ากันเท่าไหร่แต่หลายเรื่องก็ต้องพึ่งพาอาศัยกัน เราอาจจะเป็นความชั่วร้ายแต่เราก็คอยป้องกันไม่ให้ความชั่วร้ายกว่านี้เข้ามา”

รณชิตนิ่วหน้าคิดตาม ทรงวาดเห็นดังนั้นจึงทิ้งท้าย

“การหักด้ามพร้าด้วยเข่าไม่เกิดผลดีหรอก ถ้าอยากจะเปลี่ยนก็ต้องค่อยเป็นค่อยไป”

ทรงวาดแยกตัวไปเยี่ยมเฮ้งเตี๋ยง ทิ้งให้รณชิตยืนอึ้ง คำเตือนของทรงวาดทำให้ฉุกใจคิด...สังหรณ์ว่าวิธีการของอภิชาตอาจทำให้เยาวราชลุกเป็นไฟมากกว่าสงบสุขอย่างที่ต้องการ

ooooooo

ไล่พวกตำรวจออกจากโรงน้ำชาได้  ทรงวาดหรือบุ่นโฮ่วก็ไปเยี่ยมลูกพี่ลูกน้องหนุ่มถึงห้องนอน เฮ้งเตี๋ยงอาการซังกะตายไม่เปิดประตูให้ ทรงวาดจึงต้องยืนพูดเตือนสติหน้าห้อง

“ลื้อไม่อยากเปิดประตูก็ไม่เป็นไรนะอั๊วพูดไม่นานหรอก ลื้อไม่ใช่คนเลวหรอกอาเตี๋ยง คนเลวจะไม่รู้สึกผิดกับเรื่องนี้แต่อั๊วขอย้ำอีกครั้งนะว่าถึงยังไงการเผาไล่ที่ก็ต้องเกิดขึ้นอยู่ดี ลื้อเพียงแต่ถูกดึงเข้าไปเป็นเงื่อนไขเท่านั้นเองเพราะฉะนั้นลื้อไม่จำเป็นต้องรู้สึกผิด”

เฮ้งเตี๋ยงไม่ตอบแต่ขบกรามแน่น ทั้งแค้นทั้งรู้สึกผิดที่การกระทำของตัวเองทำให้คนอื่นเดือดร้อน ทรงวาดไม่อยากเซ้าซี้ลูกพี่ลูกน้องหนุ่มเดินลงข้างล่างเจอฮุ่ยเซี้ยงโวยวายกับเม่งฮงที่โรงน้ำชาถูกอภิชาตสั่งปิด

เม่งฮงกลุ้มใจแต่ยังมืดแปดด้าน ลูกชายคนเดียวก็จมปลักความทุกข์และรู้สึกผิดจนไม่มีใครเข้าหน้าติด ทรงวาดไม่สนคำค่อนแคะแดกดันของฮุ่ยเซี้ยงพาทิเหล็งสะกดรอยตามอีกฝ่ายเพราะสงสัยพฤติกรรมระยะหลังแต่ก็ไม่สำเร็จเมื่อลูกน้องพันเดชไหวตัวและพาฮุ่ยเซี้ยงแยกไปได้

ทรงวาดสงสัยว่าฮุ่ยเซี้ยงกับไต้เกียวมีแผนบางอย่างถึงบุกแฉเรื่องเผาไล่ที่กับเฮ้งเตี๋ยงและพริ้มเพราจนมีเรื่องกับเม่งฮง และการที่เขากับทิเหล็งถูกสกัดระหว่างสะกดรอยตามยิ่งทำให้เขามั่นใจว่าข้อสันนิษฐานมีมูล

ฮุ่ยเซี้ยงอึ้งเมื่อรู้จากพันเดชเรื่องทรงวาดสะกดรอยตน กระนั้นก็ไม่ประสาทเสียเท่าเรื่องโรงน้ำชาถูกสั่งปิด พันเดชช่วยเรื่องโรงน้ำชาไม่ได้แต่กลับฉวยประโยชน์จากสถานการณ์นี้สวมรอยป่วนโรงสีของทรงวาดด้วยการส่งคนไปปล้น!

อภิชาตลำพองใจกวาดล้างบ่อนการพนันทั่วเยาวราชจนเหล่าแก๊งเริ่มนั่งไม่ติด ไม่เว้นแม้แต่บ่อนของแก๊งหกห้องซึ่งลี่เง็กเป็นคนคุม เมื่อเจอรณชิตโดยบังเอิญที่ร้านอาหารก็อดแขวะไม่ได้

“ไล่จับกันทุกวันอย่างงี้กะจะให้อดตายเลยรึไงวะ”

“ก็ทำผิดกันเอง ฉันไม่ได้จับคนดีๆซะหน่อย เธอก็น่าจะเข้าใจไม่ใช่เหรอ”

“แต่เมื่อก่อนพวกลื้อไม่เคยทำขนาดนี้ เว้นแต่จะเป็นความผิดร้ายแรง นี่อะไร...ขนาดไพ่นกกระจอกยังจับเลย”

“ผู้กองเป็นคนเอาจริงเอาจัง เขาอยากเห็นเขตนี้สะอาด แล้วฉันว่าเขาก็ทำถูกแต่อาจจะรุนแรงไปบ้างเท่านั้น”

“ลื้อก็ต้องเข้าข้างพวกเดียวกันอยู่แล้ว อย่าลืมนะว่าพวกอั๊วอยู่กันอย่างนี้มานานก่อนที่พวกลื้อเข้ามาไม่รู้เท่าไหร่ บีบกันมากๆพวกอั๊วบ้าเอาคืนขึ้นมาอย่ามาบ่นก็แล้วกัน”

“อย่าขู่กันน่าเง็ก เอางี้...ถ้าเป็นคดีขี้หมูราขี้หมาแห้งฉันจะช่วยก็แล้วกัน แต่เธอก็ต้องช่วยปรามๆไม่ให้คนของเธอทำผิดกฎหมายด้วย...ตกลงไหมล่ะ”

รณชิตพยายามเจรจาเพราะยังอยากได้ข่าวพวกแก๊งจากลี่เง็กโดยเฉพาะเรื่องทรงวาด แต่ไม่ทันที่ลี่เง็กจะตอบตกลงอภิชาตก็โผล่มาขัดจังหวะและสั่งพักงานเขาถึงสามวันเต็ม!

ooooooo

ลี่เง็กทำท่าจะพังโรงพักเมื่อรู้จากรณชิตว่าถูกอภิชาตสั่งพักงานสามวันเพียงเพราะนั่งกินข้าวกับเธอ ต่างจากทรงวาดที่มีวิธีการโต้ตอบแยบยลกว่านั้นด้วยการพารณชิตสะกดรอยอภิชาต

การสะกดรอยครั้งนี้ของทรงวาดประสบความสำเร็จเมื่อรณชิตเห็นกับตาว่าอภิชาตเดินเข้าบ่อนแห่งหนึ่ง

“บ่อนเปิดใหม่...หุ้นส่วนใหญ่ก็คือผู้กองอภิชาตคนดีของคุณน่ะแหละ ถ้าไม่เชื่อให้คนปลอมตัวเข้าไปดูก็ได้นะ”

“มันใช้พวกเราไล่จับบ่อนจับซ่องแล้วมาเปิดซะเองก็เท่ากับให้เรากำจัดคู่แข่งแทนมัน...ชั่วชาติจริงๆ”

“อภิชาตเป็นคนแบบนี้แหละ ภาพพจน์ดีดูมีอุดมการณ์ แต่เนื้อแท้แล้วพวกผมที่ว่าเลวยังดีซะกว่า”

แม้จะได้ข้อมูลดีแต่รณชิตก็อดหมั่นไส้ทรงวาดไม่ได้ “รู้จักกันดีสมกับเป็นอดีตเพื่อนร่วมชั้นเรียน ว่ามา...จะแลกกับอะไร ยังไงเถ้าแก่ก็คงไม่ได้เอาข่าวนี้มาบอกผมเปล่าๆอยู่แล้วนี่”

ทรงวาดยิ้มชอบใจที่รณชิตเข้าใจอะไรง่ายๆ พูดสิ่งที่ต้องการทันทีคือขอให้อีกฝ่ายช่วยสืบเรื่องโรงสีถูกปล้น รณชิตข้องใจเพราะคิดว่าชาญยุทธจะช่วยได้ดีกว่าแต่ทรงวาดกลับปฏิเสธ

“ผมมีข้อสงสัยหลายอย่างเลยไม่อยากรบกวนพี่อ้าย และถ้าไม่ถึงที่สุดจริงๆผมก็ไม่อยากรบกวนอะไรอีกแล้ว”

“คุณคิดว่าการปล้นข้าวเป็นแผนเพื่อดึงพี่บุญธรรมคุณให้ออกหน้าเลยคิดจะตัดตอนซะเองล่ะสิ”

“คุณรู้แล้วก็ดี...ว่ายังไงล่ะครับ”

รณชิตยังเล่นตัว “ถ้าผมไม่ตกลงล่ะ...คุณเป็นฝ่ายเอาเรื่องไอ้ตำรวจชั่วนั่นมาบอกผมเองนะ ผมไม่ได้ร้องขอ เพราะฉะนั้นผมก็ไม่จำเป็นต้องตอบแทนคุณ...ถูกไหม”

ทรงวาดไม่ยอมแพ้แต่ย้อนถามเสียงเรียบ

“คุณไม่สงสัยบ้างเหรอว่าทำไมเรื่องเล็กน้อยแค่นี้คุณถึงถูกพักงานตั้งสามวัน”

รณชิตนิ่วหน้า ทรงวาดจึงเฉลยยิ้มๆ “ก็เพราะอภิชาตเห็นแล้วว่าคุณมีอิทธิพลในเขตนี้แค่ไหน และเขาก็ประเมินแล้วว่าคุณซื้อไม่ได้ก็เลยสร้างประวัติคุณให้มีปัญหาซะก่อนจะได้หาเรื่องใส่ความเขี่ยคุณให้พ้นทาง”

ข้อสันนิษฐานของทรงวาดฟังขึ้นรณชิตจึงยอมช่วย ปิ่นมุกหรือเตียงจูที่นั่งฟังสองหนุ่มถกกันตลอดโล่งใจและอดเปรยกับตำรวจหนุ่มไม่ได้ตอนเดินไปส่งเขากลับบ้าน

“ดูจ่ากับเฮียเข้ากันได้ดีจะตายไป น่าจะเป็นเพื่อนกันมากกว่านะ ไม่เห็นต้องเขม่นกันเลย”

“ให้ผมเป็นเพื่อนกับนักเลงเนี่ยนะ เดี๋ยวนี้เขาเรียกอะไร...มาเฟียใช่ไหม แต่จะเรียกยังไงผมก็ไม่เอาด้วยหรอก”

“ถึงญาติๆของเฮียโฮ่วจะเป็นคนไม่ดีแต่ตัวเฮียเองเป็นคนดีนะจ่า จะมาเหมารวมไม่ได้หรอก”

“ยังไงน้องมุกก็ต้องเข้าข้างผู้ปกครองน้องมุกอยู่แล้วนี่”

“พูดเรื่องจริงก็หาว่าเข้าข้าง ไม่พูดแล้วก็ได้”

“เป็นหมอขี้น้อยใจไม่ได้นะครับ”

“อั๊วเพิ่งเป็นนักศึกษาแพทย์ปีหนึ่งยังไม่ใช่หมอซะหน่อย จ่าห้ามเรียกว่าหมอ ใครได้ยินเข้าจะหมั่นไส้เอา”

“ไม่ให้ผมเรียกหมอก็ห้ามเรียกผมว่าจ่าเหมือนกัน...ตกลงไหมล่ะ”

รณชิตแอบชอบปิ่นมุกตั้งแต่แรกเห็นจึงพยายามตีสนิทและสร้างความเป็นกันเอง ปิ่นมุกก็ไม่ได้นึกรังเกียจเพราะเห็นว่าเขาเป็นตำรวจแถมจะช่วยทรงวาดสืบเรื่องปล้นโรงสีเลยยอมคุยด้วยดีๆ...

ooooooo

ทรงวาดลอบมองปิ่นมุกคุยกับรณชิตด้วยสีหน้ายิ้มแย้มก็ไม่ชอบใจ เช่นเดียวกับก๊กไช้ที่หวงเพื่อนสาวแทนผู้อุปการะหนุ่มจนหลุดปากฟ้องทรงวาดว่าปิ่นมุกมีหนุ่มรุ่นพี่ในมหาวิทยาลัยมาติดพันตั้งแต่วันแรกที่ไปเรียน

ข่าวจากก๊กไช้ทำให้ทรงวาดหมายมั่นปั้นมือจะตามไปข่มขวัญหนุ่มรุ่นพี่ที่ริอ่านจีบปิ่นมุกแต่ก่อนจะถึงเวลานั้นเขาก็ได้รู้เรื่องเด็ดกว่าเมื่อรณชิตพ้นโทษพักงานไปกวาดล้างบ่อนใหม่ของอภิชาต

อภิชาตวิ่งหน้าตื่นไปโรงพัก โวยวายเสียงดังจนรณชิตต้องแกล้งทัก

“อ้าวผู้กอง...ผมยังไม่ได้แจ้งไปเลย รู้ได้ไงครับเนี่ย”

“จะรู้ได้ไงก็ช่างเถอะน่ะ แล้วจ่าจะทำอะไรทำไมไม่ปรึกษาผมก่อน”

รณชิตสวนน้ำเสียงยียวน “อ้าว...ก็ผู้กองบอกเองว่าให้กวาดล้างสิ่งผิดกฎหมายออกจากเขตรับผิดชอบของพวกเราให้หมด ผมเลยนึกว่าจัดการได้เลย แล้วผมก็เพิ่งพ้นพักงานเลยไฟแรงไปหน่อย...ผู้กองคงไม่ว่าอะไรนะครับ”

อภิชาตข่มความโกรธเต็มที่ รณชิตเหยียดยิ้มสะใจมากที่ได้เอาคืน...

รณชิตตอบแทนข่าวของทรงวาดในวันต่อมาจนเถ้าแก่เสือแห่งเยาวราชขัดขวางการดักปล้นรถส่งข้าวสำเร็จ ปิ่นมุกพลอยโล่งใจกับผู้อุปการะหนุ่มแต่ไม่วายหงุดหงิดเมื่อได้ยินทรงวาดพูดจากวนประสาทรณชิต

“เฮียโฮ่วบ้าๆบอๆ อารมณ์ขึ้นๆลงๆ คอยดูเถอะอั๊วเป็นหมอเมื่อไหร่จะจับตรวจให้ละเอียดเลย”

แปะฮ้อพอเดาอารมณ์ของทรงวาดได้แต่ไม่ยอมเฉลยกับปิ่นมุก ได้แต่เย้าเป็นนัยๆ

“ไม่ต้องตรวจหรอก อั๊วว่าที่อีเป็นอย่างนี้เพราะลื้อไม่ใช่เด็กๆแล้วมากกว่า”

“แล้วมันเกี่ยวอะไรกับอั๊วด้วยล่ะ อาแปะก็อีกคนพูดจาวกวนฟังแล้วงง”

ปิ่นมุกฮึดฮัด แปะฮ้อมองมาด้วยความเอ็นดูก่อนเล่าเรื่องทรงวาดสมัยเด็กว่าเป็นคนใจใหญ่และใจเด็ดตั้งแต่ตัวเล็กๆ ชายชราผู้ดูแลศาลเจ้ายังจำได้ดีวันแรกที่เจอ

...เด็กชายลิ้มบุ่นโฮ่วก็สู้ตายเพื่อปกป้องศักดิ์ศรีตนเอง...

ทรงวาดหรือเด็กชายลิ้มบุ่นโฮ่วไม่เคยยอมแพ้ง่ายๆ แม้แต่กลุ่มเด็กโตที่รุมอัดไม่ยั้งเขาก็สู้ยิบตา แปะฮ้อยังจำได้ตอนไปช่วยแยกเขาจากเหล่าเด็กอันธพาล

“อาตี๋เอ๊ย...ลื้อรู้ว่าสู้ไม่ได้แล้วลื้อไปสู้กับพวกอีทำไม ยอมๆไปซะจะได้ไม่เจ็บตัว”

“อั๊วไม่ได้อยากสู้แต่พวกมันจะแย่งเงินอั๊วก็เลยต้องสู้”

“แล้วทำไมไม่รู้จักหนี ลื้อตัวเล็กแค่นี้แถมตัวคนเดียวจะไปเอาชนะพวกอีได้ยังไง”

“ถ้าอั๊วหนีก็ต้องหนีตลอดไปนะอาแปะ แต่ถ้าอั๊วสู้ถึงวันนี้อั๊วแพ้แต่ก็ต้องมีสักวันที่อั๊วเอาชนะพวกอีได้”

“ลื้อรู้ตัวไหมผู้ใหญ่บางคนยังใจสู้ไม่เท่าลื้อเลย”

แปะฮ้อดึงตัวเองจากอดีต เขาเป็นคนสอนกังฟูให้ทรงวาดจนเขาใช้เป็นวิชาป้องกันตัวถึงปัจจุบัน ปิ่นมุกทึ่งมากแกล้งคำนับล้อๆก่อนจะพูดถึงผู้อุปการะหนุ่ม

“แต่ก็จริงอย่างที่แปะว่า เฮียไม่เปลี่ยนไปเลยนะ...หัวดื้อตั้งแต่เด็กยันโต”

“แต่ก็เพราะอีเป็นอย่างนี้ไม่ใช่เหรอถึงกล้าออกจากโรงน้ำชามาเปิดโรงสีของตัวเอง แล้วก็เอาลื้อกับพวกอาเหล็งไปเลี้ยง ไม่งั้นลื้อก็คงไม่ได้ดิบได้ดียังงี้หรอก”

“แต่ถึงเฮียโฮ่วจะกล้าหาญยังไงเฮียก็ยังไม่มีอิสระอย่างแท้จริงหรอกแปะ...และก็อาจจะไม่มีวันนั้นด้วย”

ปิ่นมุกเปรยอย่างเข้าใจความหนักใจของทรงวาดดีที่ต้องทดแทนบุญคุณการันต์กับชาญยุทธด้วยการทำงานสกปรก คุมเหล่าแก๊งและเก็บค่าคุ้มครองในเยาวราชทั้งที่ไม่เต็มใจ...ซึ่งกว่าจะหมดหนี้บุญคุณคงต้องตายกันไปข้าง!

ooooooo

ทรงวาดสบโอกาสข่มขวัญกานต์รุ่นพี่หนุ่มที่มาติดพันปิ่นมุกในวันเดียวกันตอนแวะไปส่งเธอที่มหาวิทยาลัย อรุณรุ่งหรือฮุ่ยหลิงเห็นแล้วอดขำไม่ได้

“เฮียก็...ไปขู่กานต์เขาทำไมกันคะ ท่าทางกลัวแย่แล้ว”

“กลัวสิครับดี เป็นเด็กมีหน้าที่เรียนหนังสืออย่างเดียวก็พอแล้ว เรื่องอื่นยังไม่ควรคิด”

“นี่อาไช้ไปฟ้องอะไรเฮียใช่ไหมคะเนี่ย ไม่น่าล่ะถึงได้ตามมาคุมอาจูถึงที่นี่ นี่ถ้าเจอตัวอาไช้ต้องเล่นงานซะหน่อยแล้ว...ปากมากจริงๆ”

อรุณรุ่งแกล้งบ่นก๊กไช้ขำๆ ทรงวาดรู้ดีและเบี่ยงเธอออกจากประเด็นเรื่องเขาหวงปิ่นมุกด้วยการชวนกินข้าว ลูกสาวเจ้าของร้านทองยินดีมากและแอบคิดเข้าข้างตัวเองว่าเขามีใจถึงอยากใช้เวลาด้วยกันตามลำพัง

ทรงวาดไม่ได้คิดอะไรกับอรุณรุ่งเป็นพิเศษ มีแต่ความปรารถนาดีและความเอ็นดูให้เท่านั้น ยิ่งเห็นเธอนั่งกินก๋วยเตี๋ยวข้างทางได้อย่างเอร็ดอร่อยและไม่มีทีท่ารังเกียจก็อดเย้าไม่ได้

“นี่ถ้าไม่เห็นกับตาอั๊วไม่เชื่อเลยนะว่าคุณหนูฮุ่ยหลิงจะกินอะไรแบบนี้ได้”

“แหมเฮีย...นึกว่าอั๊วจะต้องกินเหลาทุกมื้อรึไง อาป๊าอั๊วสอนให้ลูกประหยัด กินง่ายอยู่ง่ายแต่ทำงานให้มาก ไม่มีลูกคนไหนของอาป๊าทำตัวเป็นเศรษฐีสักคน”

“คุณหลิงว่านอนสอนง่ายด้วยล่ะครับ ถ้าเป็นอาจูอีคงย้อนอั๊วฉอดๆ อีอาจจะทำตามแต่คงต้องขอเถียงไว้ก่อน”

“อาจูเป็นคนปากร้ายแต่ใจดีนะคะ ที่สำคัญเป็นคนจริงใจ เพื่อนๆทุกคนรักอาจูทั้งนั้นล่ะค่ะ”

“อั๊วรู้ครับ...หลายครั้งที่อาจูทำให้อั๊วรู้ว่าอีจะอยู่ข้างๆไม่ทิ้งอั๊วไปไหนไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น”

“อั๊วรู้มาว่าที่โรงสีเฮียเกิดเรื่องเหรอคะ”

“ครับ...แต่อั๊วก็พยายามแก้ไขอยู่ ถ้าอั๊วได้ทำงานสงบๆไม่ต้องยุ่งกับใครก็คงจะดี”

หลังมื้อกลางวันง่ายๆทรงวาดก็พาอรุณรุ่งไปส่งร้านทอง เจอชาญยุทธกับพันเดชที่แวะมาหาฮกไช้ พ่อของเธอเพื่อหาเสียงด้วยการช่วยสนับสนุนค่าซ่อมแซมศาลเจ้าในเยาวราช ชาญยุทธตะลึงในความสวยของอรุณรุ่งจนอยากสานสัมพันธ์ด้วยแต่ต้องเก็บอาการตามประสานักการเมืองที่ดี ทำได้แค่ทิ้งนามบัตรให้

อรุณรุ่งรับนามบัตรชาญยุทธมาแบบไม่คิดอะไร ต่างจากทรงวาดกับพันเดชที่ลอบมองอาการของชาญยุทธด้วยความสงสัย...ท่าทางจะสนใจลูกสาวร้านทองใหญ่แห่งเยาวราชเป็นพิเศษ

ooooooo

พันเดชสั่งไต้เกียวสืบเรื่องอรุณรุ่งหรือฮุ่ยหลิง ลูกสาวร้านทองใหญ่ในเยาวราชโดยละเอียดเพราะไม่อยากยอมแพ้ชาญยุทธ หากอีกฝ่ายสนใจในตัวหญิงสาวจริงๆเขาก็ไม่รั้งรอจะแย่งมาครอง

ไต้เกียวไม่พอใจ แม้ตัวเองจะมีสถานะแค่สายสืบกับคู่ขาก็ไม่ชอบใจให้พันเดชแสดงท่าทีสนใจผู้หญิงอื่น แต่เขาไม่ยี่หระยืนกรานให้เธอสืบเรื่องอรุณรุ่งมาให้เร็วที่สุด...

หลังดักจับโจรปล้นรถส่งข้าวได้สถานการณ์โรงสีก็กลับสู่สภาวะปกติ ทรงวาดกับทิเหล็งจึงวางใจจะทิ้งโรงสีไว้กับสุเทพและป่วยซังโดยไม่คิดว่าจะเกิดเรื่องไม่คาดฝัน!

สุเทพวางแผนจะคุยกับทรงวาดเรื่องแต่งงานกับป่วยซังแต่ไม่มีโอกาสเมื่อจู่ๆมีนักเลงกลุ่มใหญ่บุกปล้นโรงสีอย่างอุกอาจ เสมียนหนุ่มพยายามปกป้องโรงสีและสาวคนรักสุดความสามารถแต่ก็ถูกจิวก้วง หัวหน้ากลุ่มนักเลงยิงตาย

ป่วยซังร้องไห้โฮเมื่อเห็นสุเทพถูกยิงตายต่อหน้าต่อตา จิวก้วงสะใจมาก สั่งลูกสมุนให้ยิงปิดปากคนงานโรงสีทั้งหมดแล้วหันไปส่งสายตาหื่นกระหายให้ป่วยซัง

“ขนาดร้องไห้ขี้มูกโป่งยังสวยเหมือนเดิมเลยนะคุณหนูป่วยซัง”

“ลื้อเป็นใคร อั๊วไม่รู้จักลื้อ”

จิวก้วงหัวเราะลั่น “แหงล่ะ...หลานสาวนักเลงใหญ่อย่างลิ้มเม่งฮงมีเหรอจะรู้จักนักเลงปลายแถวอย่างอั๊ว แต่หลังจากวันนี้ไปอั๊วจะทำให้ลื้อจำอั๊วไปชั่วชีวิต!”

พริ้มเพราผ่านมาเห็นเหตุการณ์ในโรงสีพอดี  รีบวิ่งกลับบ้านไปตามคนมาช่วย โชคดีที่รณชิตแวะมาหาปิ่นมุกเลยตามไปช่วยป่วยซังทันไม่ให้ตกเป็นเครื่องบำเรอความใคร่ของกลุ่มนักเลง

ปิ่นมุกสั่งพริ้มเพรากับกิมเอ็งอยู่บ้านส่วนตัวเองวิ่งตามรณชิต ทันเห็นเหตุการณ์สะเทือนใจที่ไม่ระแคะระคายมาก่อนว่าป่วยซังรักกับสุเทพ รณชิตไล่ตามกลุ่มนักเลงออกไปข้างนอกแต่ก็คลาดกันจึงได้แต่สเกตช์ภาพคนร้ายเท่าที่จำได้ให้ทรงวาดตามสืบอีกแรง

กว่าทรงวาดกับทิเหล็งจะรู้เรื่องวุ่นวายที่โรงสีรณชิตก็พาทุกคนไปให้ปากคำที่โรงพัก ป่วยซังนั่งน้ำตาไหลพรากไม่ยอมพูดจากับใครจนทรงวาดหงุดหงิดพยายามคาดคั้นจนปิ่นมุกทนไม่ไหวลากตัวไปคุยอีกทาง เปิดโอกาสให้ทิเหล็งปลอบใจป่วยซังตามลำพัง

อ่านละคร ชาติเสือพันธุ์มังกร ตอนที่ 5 วันที่ 25 พ.ย.61

ละครเรื่อง ชาติเสือพันธุ์มังกร บทประพันธ์โดย ปราณธร
ละครเรื่อง ชาติเสือพันธุ์มังกร บทโทรทัศน์โด: บทกร
ละครเรื่อง ชาติเสือพันธุ์มังกร กำกับการแสดงโดย กิตติศักดิ์ ชีวาสัจจาสกุล
ละครเรื่อง ชาติเสือพันธุ์มังกร ผลิตโดย บริษัท ทีวีซีน แอนด์ พิคเจอร์ จำกัด
ละครเรื่อง ชาติเสือพันธุ์มังกร ออกอากาศทางไทยทีวีสีช่อง 3
ที่มา ไทยรัฐ