อ่านละคร ปี่แก้วนางหงส์ ตอนที่ 10 วันที่ 21 พ.ย.61

อ่านละคร ปี่แก้วนางหงส์ ตอนที่ 10 วันที่ 21 พ.ย.61

คืนนี้ที่บ้านจางวางพ่วงไม่มีคนเฝ้าแล้ว แต่จู่ๆ ก็มีไฟติดขึ้นที่ท่าน้ำ นิราศยิ้ม ไม่ทันเดินเข้าไปพิกุลก็วางปี่ถามโดยไม่หันมอง “มาเสียค่ำนะเจ้าคะ”

นิราศไปนั่งตรงข้ามพิกุลมองอย่างลึกซึ้งบอกว่าตนอยากมาให้เร็วกว่านี้ แต่...พิกุลดักคอว่า “มีคนที่คุณต้องดูแล” นิราศพึมพำงงๆว่า คุณรู้?

พิกุลรู้อีกว่าเขายังไม่ได้รับมือค่ำบอกให้ตามมา พอพิกุลลุกขึ้น ชายสไบพลิ้วไปทางนิราศ เขามองอย่างคุ้นตามาก เมื่อพิกุลตั้งสำรับ นิราศมองถ้วยชามที่ไม่คุ้นตาและไม่มีช้อนแต่มีขันน้ำลอยดอกมะลิให้จุ่มมือก่อนเปิบข้าว นิราศจะยกขึ้นดื่ม พิกุลแตะแขน เขาจึงวางลง พิกุลเลื่อนผ้าเช็ดมือให้บอก



“ล้างมือ เช็ดมือเสียก่อนเปิบข้าวเจ้าค่ะ”

นิราศยิ้มเก้อทำตามแล้วลงมือเปิบข้าวเก้ๆกังๆ พิกุลมองน้ำตาไหลคิดถึงอดีตที่เคยป้อนข้าวให้หลวงราช นิราศเอื้อมมือมาเช็ดน้ำตาให้ พิกุลปัดมือออกอย่างแรงเหมือนโกรธ เขาจึงขอโทษที่รุ่มร่ามยั้งใจไม่ได้

พิกุลทั้งน้อยใจและแค้นลุกเดินไป นิราศจุ่มมือในขันน้ำ แต่...กินข้าวไม่ลง

พิกุลกลับเข้าห้องนอน เพียรติงว่า “เอ็งกำลังสุมไฟในอกตัวเอง หากเอ็งตัดคุณหลวงเสียแต่ตอนนี้ เขาก็รุ่มร้อนสมใจเอ็งแล้ว เอ็งยังไม่พอใจอีกเหรอ”

“ฉันจะเจ็บอีกเพียงไหนก็ได้ ขอแค่ให้ได้เห็นว่า ความผิดชอบชั่วดีมันย้อนกลับไปสนองเขาอย่างสาสม”

“เพลาโทสะ-โมหะของเอ็งลงบ้างเถอะพิกุล” เพียรเตือน แต่พิกุลเงียบ เพียรรู้ว่าคำเตือนของตนไม่ได้ผล

นิราศมารอลาพิกุลที่หน้าห้อง พูดอย่างรู้สึกผิดว่า

“ผมคิดเข้าข้างตัวเองว่าคุณรอผมโดยไม่ทันคิดว่าผมมารบกวนคุณ ที่แย่กว่านั้นคือ ผมทำตัวเป็นเจ้าของเรือนเสียเอง นึกจะมาก็มาโดยไม่ได้บอกกล่าวกันเสียก่อนทั้งที่เจ้าของเรือนยังยืนอยู่ตรงนี้ คุณทำให้ผมแน่ใจว่า เรือนนี้ไม่ใช่ของกำนัน ผมจะกลับไปหาทางทำให้เรือนหลังนี้กลับมาเป็นของคุณให้ได้”

นิราศเดินลงเรือนไป พิกุลน้ำตาตกเมื่อภาพในวันที่ลาจากกันหวนกลับมาอีกครั้ง...

คืนเดียวกัน สินธรกับอัปสรก็มาที่เรือน อัปสรถึงกับขนลุกเมื่อเห็นบรรยากาศบนเรือน สินธรเห็นแล้วขำเพราะอัปสรคุยไว้ว่าตนไม่กลัวผี สินธรสาดไฟฉายสำรวจไปทั่ว เห็นเงาแว้บๆ เพ่งมองก็ไม่เห็นอะไรจึงเดินไปดู

จางวางพ่วง เพียร สุด และอ่ำยืนมองอย่างมีความสุขที่เห็นทั้งสองกลับมาที่เรือนอีกครั้ง...

สินธรมาหาเอกสารชิ้นหนึ่ง อัปสรติงว่า “ถ้ากำนันจะโกงเอาเรือนนี้ไป เขาก็ต้องเผาเอกสารที่คุณหาอยู่ไปแล้ว จะเก็บไว้เป็นหลักฐานให้ย้อนเข้าตัวทำไม”

“ผมก็ต้องหาทุกที่แหละ ยังไงพระท่านก็ไม่เข้าข้างคนโกง มันต้องมีอะไรที่รอดหูรอดตาบ้างล่ะ”

อัปสรช่วยหาแต่ไม่เจออะไร สินธรเปิดประตูออกไป แต่แล้วก็ชะงักเมื่อเห็นลูกน้องกำนันมา คิดหาทางออกกัน จะโดดลงไปก็ขาหักแน่ พลันก็มีเสียงบอก “บันไดหลังเรือน” สินธรคิดว่าอัปสรพูดแต่เธอบอกว่าตนไม่ได้พูดอะไร สินธรคิดว่าตนคงหูแว่วไปเอง

ที่แท้เป็นเสียงอ่ำ เมื่อทั้งสองไปเปิดประตูหลังเรือนแสงจันทร์ก็ทอดลงมาที่บันไดเหมือนจะบอกทางให้

แต่ก่อนที่ทั้งสองจะไปถึงบันไดหลังเรือนก็ถูกลูกน้องกำนันเข้ามาดึงอัปสรไว้ สินธรต่อสู้ปกป้องอัปสร ลูกน้องกำนันจะรุมสินธร แต่จู่ๆพวกมันก็แตกกระจายกันออกไป เพราะถูกอ่ำกับสุดเล่นงานจนล้มกลิ้งไม่เป็นท่า

ในที่สุดสินธรก็พาอัปสรหนีไปได้ อัปสรหันมองไปที่เรือนเห็นสุดยืนพยักหน้าและยิ้มให้ อัปสรไม่เชื่อสายตา เขม้นมองปรากฏว่าภาพนั้นหายไปแล้ว สินธรจึงพาอัปสรหนีไปได้อย่างปลอดภัย

ooooooo

นิสารอนิราศจนหลับไป นิราศกลับมาเห็นกระทงดอกปีบก็แปลกใจแต่เมื่อเห็นนิสานอนหลับอยู่ก็ยิ้มเข้าไปดึงผ้าห่มที่ตกคลุมให้ นิสาจึงตื่นยิ้มเจื่อนบอกว่ารอพี่นิราศจนเผลอหลับไปเมื่อไหร่ไม่รู้

นิราศบอกว่าคราวหน้าไม่ต้องรอตนหรอก นิสาไปหยิบกระทงดอกปีบอวดบอกว่าพี่ต้องชอบแน่ๆ ตนจึงหามาให้ชื่นใจ นิราศขอบใจแต่ทำให้เขายิ่งคิดถึงพิกุล นิสาบอกว่าตนดีใจที่เขาชอบ ถามว่าเพิ่งกลับจากโรงงานหรือ นิราศเออออว่าใช่

นิสาจะไปเตรียมอะไรมาให้รองท้อง นิราศขอบใจแต่ไม่ต้อง ตนจะเข้านอนเลย บอกให้นิสาไปนอนเสีย นิสาจะกลับห้อง เห็นกระทงดอกปีบยังอยู่ที่เดิม เธอผิดหวังพึมพำกับตัวเอง...

“พี่นิราศไม่ได้ชอบดอกปีบหรือเนี่ย”

ฝ่ายนิราศเมื่อเข้าห้องนอนแล้วหยิบดอกปีบในสมุดบันทึกมาดู สงสัยว่านิสารู้เรื่องดอกปีบได้ยังไง ในขณะที่ใจก็อดคิดถึงพิกุลไม่ได้

ส่วนที่บ้านสุพรรณบุรี เช้านี้เปรื่องมองสินธรกับอัปสรที่หายไปทั้งคืนถามว่าไหนล่ะจดหมายที่ไปหากัน สินธรบอกว่าไม่ทันเจออะไรสมุนกำนันก็ขึ้นเรือนมาเสียก่อน เปรื่องถามว่าแล้วรอดมือรอดตีนมันมาได้ยังไง

สินธรบอกว่าตนก็แปลกใจเหมือนกัน อัปสรมั่นใจว่าตนเห็นสุดยืนยิ้มให้แต่ไม่พูดแล้วขอตัวไปอาบน้ำ

เปรื่องถามสินธรว่าไปหาจดหมายอะไร

“ฉันจะไปหาใบกัลปนาที่บรรพบุรุษฉันทำให้วัดแต่แรก” เปรื่องถามว่าที่นั้นเขาไม่ได้ยกให้เป็นธรณีสงฆ์หรือ “ที่ผืนนั้นถูกเปลี่ยนให้เป็นที่ธรณีสงฆ์แบบไม่ชอบ แล้วพอเปลี่ยนเป็นธรณีสงฆ์ได้ไม่กี่วัน กำนันก็มาขอเป็นคนดูแลผลประโยชน์แทนวัดแลกกับศาลาการเปรียญหลังใหม่”

“แต่ท่านเจ้าอาวาสไม่เต็มใจ กำนันกล่อมอย่างไรท่านก็ไม่ยอม ไม่กี่วันจากนั้นท่านก็มรณภาพ”

ฟังเปรื่องแล้วสินธรเข้าใจที่มาที่ไปของที่ดินผืนนี้ทันที

วันนี้นิราศไปบ้านจางวางแต่เช้า เจอกำนันพงษ์ออกมาขวางขู่ว่าถ้าก้าวขึ้นมาอีกก้าวเดียวโดนซัดลงไปกองแน่ แต่นิราศประจันหน้าจ้องกำนันอย่างไม่สะทกสะท้าน บอกว่าตนมาหาเจ้าของเรือนไม่ได้อยากมีเรื่อง

กำนันบอกว่าตนนี่แหละเจ้าของเรือนมีชื่อในโฉนด หากหาว่าตนโกงจะแจ้งความเอาผิดอีกข้อหนึ่ง

นิราศตัดบทว่างั้นเราเจอกันที่ศาลเลย ตนนี่แหละจะเอากำนันเข้าคุกเอง กำนันแสยะยิ้มบอกลูกน้องให้สั่งสอน ถ้ามันไม่มากราบตีนขอขมาตนก็อย่าได้มีชีวิตกลับไปเลย

นิราศถูกลูกน้องกำนันรุมเล่นงานแล้วลากไปให้กราบตีนกำนัน นิราศไม่ยอมกราบ ก้านจิกผมจะเอามีดเชือดคอ แต่ที่มุมหนึ่งจางวางพ่วง เพียร สุดและอ่ำมองอย่างเจ็บแค้นหันมองพิกุลดูท่าที แต่พิกุลกลับเฉยไม่ออกไปช่วย นิราศจ้องหน้ากำนันพูดอย่างไม่สะทกสะท้านกับมีดที่จ่อคออยู่ว่า

“ถ้าผมไม่ได้ตายดี กำนันก็อย่าคิดว่าจะได้อยู่ดีมีสุข เจ้าของเรือนหลังนี้ต้องได้เรือนของเขากลับคืนไปอย่างถูกต้องตามกฎหมาย”

พวกจางวางพ่วงที่จับตาดูอยู่รับรู้ความหวังดีของนิราศก็ไม่อาจทนได้ พอก้านจะปาดคอนิราศมีดในมือกลับหันไปทางกำนันอย่างไม่อาจบังคับได้ กำนันผงะ

ก้านมองมือตัวเองที่ไม่อาจบังคับได้จึงเห็นว่าอ่ำกับสุดจับมือตนอยู่ ก้านตกใจสุดขีดร้อง

“ไอ้ผีบ้า!!!”

อ่ำกับสุดดึงมือก้านให้หันมีดใส่กำนัน ลูกน้องกำนันที่เหลือก็เข้ามาช่วยดึงมือก้านออก คนกับผีจึงยื้อยุดกันจนไม่มีใครสนใจนิราศ นิราศจึงจะขึ้นเรือน กำนันเห็นคว้ามีดของลูกน้องตามไปจะจ้วงแทงนิราศจากข้างหลัง แต่ถูกมือหนึ่งปัดมีดจนหลุด กำนันหันมองตาขวางอุทาน

“สารวัตร!!”

ที่แท้คือสารวัตรบัญชาที่ชาติก่อนคือหลวงบำรุงนั่นเอง เมื่อไปโรงพักกำนันเห็นป้ายหน้าห้อง “พ.ต.ท.บัญชา บรรเลงรมณ์” กำนันก็พูดเหยียดว่าเป็นคนใหม่เพิ่งย้ายมา ปรามว่าถ้าสารวัตรตั้งข้อหาตนพยายามฆ่า สารวัตรก็จะอยู่ที่นี่ยาก เพราะท้าทายศรัทธาชาวบ้าน สารวัตรโต้ว่าศรัทธากับความถูกมันหักล้างกันไม่ได้

สารวัตรบอกนิราศว่าแจ้งความเอาไว้ดีกว่า อย่างน้อยก็ข้อหาทำร้ายร่างกาย แต่นิราศบอกว่าตนอยากเอากำนันเข้าคุกฐานฉ้อโกงที่ดินวัดมากกว่า

ooooooo

กำนันพงษ์กลับถึงบ้านเจอดารากับเดือนเพ็ญสองพี่น้องที่ชาติก่อนคือหญิงดาวกับหญิงเดือน สองพี่น้องที่แก่งแย่งชิงดีชิงเด่นกันมาแต่ชาติก่อนชาตินี้ก็ยังเป็นเช่นนั้น ทั้งสองช่างเจรจาจนกำนันบอกว่า

“เอ็งสองคนนี่มันช่างเจรจา ข้าจ้างมาช่วยเก็บค่าเช่าที่นา พวกเอ็งจะคิดค่าตัวกันคนละเท่าไหร่”

อ่านละคร ปี่แก้วนางหงส์ ตอนที่ 10 วันที่ 21 พ.ย.61

ละคร ปี่แก้วนางหงส์ บทประพันธ์โดย เสน่ห์ โกมารชุน
ละคร ปี่แก้วนางหงส์ บทโทรทัศน์โดย บลูลาวา
ละคร ปี่แก้วนางหงส์ กำกับการแสดงโดย แมน เมธี
ละคร ปี่แก้วนางหงส์ ผลิตโดย บริษัท เมกเกอร์ เจ กรุ๊ป จำกัด
ละคร ปี่แก้วนางหงส์ ควบคุมการผลิตโดย จริยา แอนโฟเน่
ที่มา ไทยรัฐ