อ่านละคร ชาติเสือพันธุ์มังกร ตอนที่ 1 วันที่ 9 พ.ย.61
ณ มุมหนึ่งของเยาวราช นักเลงสองกลุ่มเตรียมปะทะกำลังเต็มที่ ฝ่ายหนึ่งคืออาเล้ง ชายหนุ่มหัวหน้าแก๊งหัวลำโพงผู้เลือดร้อน กับอีกฝ่ายลิ้มเฮ้งเตี๋ยง ลูกชายวัยมุทะลุของลิ้มเม่งฮงหัวหน้าแก๊งหกห้อง โดยมีรณชิตนายตำรวจหนุ่มรูปงามยศสิบตรีพร้อมลูกน้องหลายนายสังเกตการณ์จากมุมไกลๆขณะเดียวกันบนท้องถนนเยาวราชไม่ไกลกันนั้น ลิ้มบุ่นโฮ่วหรือชื่อไทยทรงวาด ชื่อเล่นว่าเสือ ลูกพี่ลูกน้องของลิ้มเฮ้งเตี๋ยงบึ่งรถเต็มกำลังเมื่อรู้เรื่องจากชาญยุทธหรืออ้าย พี่ชายบุญธรรมว่าแก๊งหกห้องของลิ้มเม่งฮงอาแท้ๆ จะมีเรื่องกับแก๊งหัวลำโพงขาใหญ่ประจำเยาวราช
“เสือรีบไปให้ทันก็แล้วกัน ถ้ามีการปะทะกันจริงๆ ตำรวจคงฉวยโอกาสจับทั้งสองฝ่ายแน่”
ทรงวาดหรือบุ่นโฮ่วรับปากแข็งขัน ชาญยุทธหรืออ้ายเชื่อใจฝีมือน้องชายบุญธรรมแต่ไม่อยากเดือดร้อนจากเหตุแก๊งตีกันเพราะผลประโยชน์ในเยาวราชที่เคยได้รับมหาศาลยิ่งนัก
“เสือ...พี่ลงทุนไปเยอะนะ เลือกได้ก็ไม่อยากทำลายทิ้ง แต่ถ้าถูกจับจริงๆพี่ก็จำเป็น”
ชาญยุทธหมายตัดไฟแต่ต้นลมหากปัญหาแก๊งตีกันยืดเยื้อ ทรงวาดเข้าใจความหมายพี่ชายบุญธรรมดี ไม่อยากให้เกิดเรื่องจึงรุดไปแก้ไขข้อขัดแย้งเสียก่อน
รณชิต นายตำรวจหนุ่มไฟแรงประจำท้องที่เยาวราชและเขตพลับพลาไชยประจำการในรถจับตาสถานการณ์ปะทะระหว่างแก๊งตาไม่กะพริบจนกระทั่งเห็นรถคันหนึ่งพุ่งมาด้วยความเร็วสูงขวางกลางถนน!
ทรงวาดนั่นเองที่จอดรถขวางทางปะทะระหว่างสองแก๊ง อาเล้งหัวหน้าแก๊งหัวลำโพงตั้งท่ามีเรื่องเต็มที่ เฮ้งเตี๋ยงลูกชายแก๊งหกห้องได้แต่หัวเราะเยาะด้วยความสะใจที่คู่อริรนหาที่ตาย
เฮ้งเตี๋ยงคิดว่าทรงวาดมาช่วยเตรียมพุ่งหาอาเล้งแต่กลับถูกลูกพี่ลูกน้องหนุ่มถีบจนจุกพร้อมกันนั้นอาเล้งก็ถูกทรงวาดดึงมีดจากมือ ฝีไม้ลายมือทรงวาดทำให้สองหนุ่มชาวแก๊งขยาด กระนั้นเฮ้งเตี๋ยงก็อดโวยไม่ได้
“ทำอะไรของเฮีย...ถีบอั๊วทำไม”
“อั๊วควรจะถามพวกลื้อมากกว่า เกิดอะไรขึ้นพวกลื้อถึงได้ยกพวกมาตีกันแบบนี้”
อาเล้งได้จังหวะชี้หน้าด่าคู่อริจากแก๊งหกห้อง “พวกมันซ้อมน้องอั๊ว...แค่นี้พอรึยัง”
“คนของอั๊วต่างหากโว้ยที่โดนไอ้พวกหัวลำโพงมันรุม ไอ้หมาหมู่...ตัวต่อตัวก็ไม่กล้า”
“มึงเข้ามาก่อนเลยดีกว่าไอ้เตี๋ยง...ไอ้แมงดา!”
สองหนุ่มชาวแก๊งจะตีกัน ทรงวาดเห็นท่าไม่ดีโบกมือห้าม “พวกลื้อยกพวกตีกันก็มีแต่จะเดือดร้อนชาวบ้านแล้วมันยังเป็นข้ออ้างให้ตำรวจกวาดล้างพวกเราอีก พวกลื้อก็รู้ไม่ใช่เหรอว่าสถานการณ์ตอนนี้เป็นยังไง”
อาเล้งอึ้งไปอึดใจแต่ไม่ยอมจบง่ายๆ “ลื้อเป็นใครมาจากไหน กล้าดียังไงมาสั่งสอนพวกอั๊ว”
เฮ้งเตี๋ยงหมั่นไส้ท่าอาเล้งอยากมีเรื่องเต็มแก่ พยายามกันทรงวาดออกห่าง
“เฮียโฮ่ว...อั๊วว่าเฮียอย่ายุ่งดีกว่า คนอยู่บ้านผู้ดีนานๆจะถูกแดดทีอย่างเฮียไม่รู้เรื่องอะไรด้วยหรอก”
สองหนุ่มตัวแทนแก๊งฮึดฮัดใส่กัน ทรงวาดต้องใช้ไม้แข็งท้าเสียงเข้ม
“ถ้าพวกลื้อไม่หยุดงั้นมาสู้กับอั๊ว ถ้าพวกลื้อชนะอยากทำอะไรก็ทำ แต่ถ้าแพ้ต้องแยกย้าย...ตกลงไหมล่ะ”
อาเล้งระแวง กลัวตุกติกเพราะได้ยินว่าเฮ้งเตี๋ยงคู่อริเป็นพี่น้องกับคนท้า ทรงวาดพอเดาได้ดักคอ
“การสู้ของพวกเราเป็นการประลองความกล้าไม่มีใครได้เปรียบเสียเปรียบแล้วก็ซูเอี๋ยกันไม่ได้ด้วย”
เฮ้งเตี๋ยงนิ่วหน้าแต่ไม่ปฏิเสธ “ประลองความกล้า... เฮียจะเอายังไงก็ว่ามา”
“ง่ายๆ...อั๊วทำอะไรพวกลื้อก็ทำตาม ใครไม่กล้าทำถือว่าแพ้...ตกลงไหมล่ะ”
“คนอย่างเล้งหัวลำโพงมีไม่กล้าเหรอวะ ถามแมงดาอย่างไอ้เตี๋ยงดูดีกว่า”
“ไอ้หมาเล้ง! รอให้จบเรื่องเฮียโฮ่วก่อนเถอะตายคาตีนอั๊วแน่”
ทรงวาดกลัวมีเรื่องก่อนได้ประลองตัดบทเสียงเรียบ “เป็นอันว่าพวกลื้อตกลง งั้นเริ่มกันเลย...”
ooooooo
การประลองเปิดฉากด้วยความตกตะลึงของทุกคนเมื่อคนท้าอย่างทรงวาดหรือบุ่นโฮ่วใช้มีดในมือแทงขาตัวเองทันที ความเจ็บปวดแล่นพล่านทั่วร่าง เฮ้งเตี๋ยงเบิกตาโพลงตกใจสุดขีดที่ลูกพี่ลูกน้องทำร้ายตัวเอง
ทรงวาดขบกรามระงับความเจ็บปวด “ริจะเป็นนักเลง...กฎข้อแรกคือก่อนจะต่อยคนต้องทนโดนคนต่อยให้ได้ก่อน พวกลื้อเป็นหัวหน้าถ้าไม่มีความกล้าทำเรื่องแค่นี้ ดีแต่ใช้ลูกน้องให้ไปเจ็บตัวแทนก็เลิกเป็นนักเลงซะดีกว่า”
“เฮียมันบ้าแท้ๆ ทำเข้าไปได้ยังไงวะ”
“ลื้อไม่ทำลื้อก็แพ้...นักเลงถือเรื่องสัจจะสำคัญสุด อั๊วขอสั่งให้พาคนกลับหรือไม่ก็ทำอย่างที่อั๊วทำ”
ทั้งเฮ้งเตี๋ยงและอาเล้งมองหน้ากันอึ้งๆ สุดท้ายก็แยกย้ายคนละทางเพราะไม่มีใครใจถึงพอจะแทงขาตัวเองแบบทรงวาดทำ รณชิตเฝ้ามองเหตุการณ์ปะทะตั้งแต่ต้นจนจบหน้าเครียด อยากรู้ขึ้นมาทันทีว่าคนกลางที่มาขัดขวางการปะทะระหว่างสองแก๊งใหญ่แห่งเยาวราชเป็นใคร...
หลังวีรกรรมห้ามทัพอันบ้าระห่ำของทรงวาด ชื่อเสียงของเขาก็เป็นที่รู้จักในนามเถ้าแก่เสือ ไม่ใช่แค่ในฐานะหลานชายของลิ้มเม่งฮงแห่งแก๊งหกห้อง แต่ยังเป็นว่าที่เจ้าของโรงสีข้าวแห่งใหม่ที่กำลังจะเปิดตัวอีกไม่กี่วัน
เฮ้งเตี๋ยงก็เปลี่ยนความคิดที่มีต่อทรงวาด ความห้าวหาญของอีกฝ่ายทำให้เขาเลิกอคติเปลี่ยนเป็นนับถือใจ คงมีแค่ปิ่นมุกหรือลี้เตียงจู สาวน้อยในอุปการะของทรงวาดที่ไม่ปลื้มปีติกับวีรกรรมนั้น ลงไม้ลงมือทำแผลให้อย่างหนักมือ
“โอ๊ย...อั๊วเจ็บนะ เบามือหน่อยไม่ได้รึไงอาจู”
ทรงวาดหรือบุ่นโฮ่วโวยวาย แต่มีหรือปิ่นมุกจะเกรงกลัว โต้ด้วยความหมั่นไส้ล้วนๆ
“ทียังงี้มาทำเป็นเจ็บ ตอนแทงล่ะไม่คิด เฮียคิดอะไรของเฮีย เอามีดแทงตัวเองได้ยังไง”
“ถ้าอั๊วไม่ทำอย่างงี้พวกมันจะหยุดตีกันเหรอ คุยกับนักเลงนะอาจูไม่ได้คุยกับพระจะได้ถกเหตุผลกันได้”
“ถ้าไม่ฟังก็ปล่อยให้ตีกันไปสิ เดี๋ยวตำรวจเขาก็กวาดล้างไปเองแหละ ดีจะตาย...แผ่นดินจะได้สูงขึ้น”
“ลื้อไม่เข้าใจ มันมีผลประโยชน์เกี่ยวพันหลายเรื่อง ถ้าอั๊วยอมให้พวกนี้ถูกจับ เยาวราชลุกเป็นไฟแน่”
“โอ๊ย...อั๊วไม่เข้าใจ เฮียก็ชอบพูดอยู่อย่างงี้ แต่ไม่เห็นเคยอธิบายให้อั๊วเข้าใจซะที...ไปดีกว่า”
ปิ่นมุกพูดจบก็ฮึดฮัดผละไป เจอกับลิ้มเม่งฮงอาแท้ๆ ของทรงวาดที่โถงบ้านก็ตาลุก ก้าวไปขวางไม่ให้เข้าไปเยี่ยมทรงวาด เม่งฮงโมโหเงื้อมือจะตบแต่ทิเหล็ง มือขวาหนุ่มของทรงวาดมาห้ามไว้ ทรงวาดได้ยินเสียงเอะอะจึงออกมาดูเห็นอาแท้ๆจ้องตาเอาเรื่องกับปิ่นมุกเด็กสาวในอุปการะก็รีบกันให้ห่างจากกัน
ooooooo
ทิเหล็ง มือขวาของทรงวาดและก๊กไช้ น้องชายแท้ๆ ที่ทรงวาดรับอุปการะด้วย ช่วยกันแยกปิ่นมุกหรือเตียงจูจากเม่งฮงตามคำสั่งทรงวาด ปิ่นมุกหัวเสียเพราะผูกใจเจ็บวีรกรรมเลวทรามของแก๊งหกห้องที่ฆ่าพ่อแม่เธอตายเมื่อหลายปีก่อนจนเธอต้องกลายเป็นเด็กเร่ร่อน
เม่งฮง หัวหน้าแก๊งหกห้อง อาแท้ๆของทรงวาด มองตามปิ่นมุกด้วยแววตาไม่ชอบใจและอดไม่ได้จะบ่นหลานชายที่อุปการะเลี้ยงดูแถมส่งเสียให้ร่ำเรียนอย่างดี
“ลื้อไม่น่าเอาอีเด็กเหลือขอนั่นมาเลี้ยงไว้เลยดูมันจ้องอั๊วสิ มันเป็นใครกล้าจ้องลิ้มเม่งฮงอย่างงี้วะ คนสุดท้ายที่จ้องอั๊วอย่างงี้อั๊วยิงมันจนหมดลูกโม่ไปแล้ว”
ทรงวาดรู้ปมของปิ่นมุกดีแต่ไม่อยากรื้อฟื้นพยายามไกล่เกลี่ย
“อาจูอียังเด็กอาเจ็กอย่าถืออีเลย...อาเจ็กมาหาอั๊วที่นี่มีธุระอะไรเหรอ”
“อั๊วรู้เรื่องหมดแล้ว แผลลื้อเป็นยังไงบ้าง”
“ก็เย็บไปหลายเข็มอยู่ ตอนนี้ก็ยังปวด แต่อั๊วพอทนได้”
“ขอบใจลื้อมากนะ ถ้าลื้อไม่ห้ามไว้คงบรรลัยวายวอดกันหมดแล้ว พวกมันก็ช่างเลือกเวลามีเรื่องกันได้ดีจริงๆ มีเรื่องตอนไหนไม่มีมามีตอนอั๊วกับตั่วเฮียไม่อยู่”
“อาเตี๋ยงใจร้อนแต่เนื้อแท้ก็เป็นคนซื่อ ถ้าอายุมากกว่านี้ก็คงรอบคอบขึ้น อาเจ็กอย่าห่วงเลยครับ”
คำชื่นชมที่มีต่อเฮ้งเตี๋ยงลูกชายหัวแก้วหัวแหวนทำให้เม่งฮงอารมณ์ดีขึ้น
“ก็ต้องพึ่งลื้อเป็นคนสั่งสอนมันนั่นแหละ”
เม่งฮงยิ้มให้ทรงวาดและตบบ่าด้วยความภาคภูมิใจ “ลื้อรู้ไหมว่าเรื่องวันนี้โด่งดังทั่วเยาวราช ตอนนี้ไม่มีใครไม่รู้จักเถ้าแก่เสือ สมแล้วที่ลื้อเป็นลูกพี่ชายอั๊ว เห็นลื้อเป็นอย่างงี้ อั๊วก็วางใจว่ากิจการของครอบครัวมีคนสืบทอดแล้ว”
“ขอบคุณครับอาเจ็กแต่อั๊วไม่เหมาะหรอก อาเจ็กยกกิจการให้อาเตี๋ยงกับอาเง็กเถอะ”
“ทำไมวะ...ลื้อรังเกียจโรงน้ำชาของเราเหรอ ลื้อรู้ไหมกว่าเราจะมีอย่างวันนี้ได้อั๊วกับเตี่ยลื้อลำบากเลือดตาแทบกระเด็น แต่ลื้อไปเสวยสุขอยู่ในบ้านผู้ดี พอสวรรค์ล่มลื้อก็ซมซานกลับมาแล้วยังมีหน้ามารังเกียจโรงน้ำชาอีกเหรอ”
อารมณ์ดีๆ เปลี่ยนเป็นฉุนเฉียวเมื่อหลานชายยืนยันเจตนาไม่สืบทอดกิจการโรงน้ำชาที่แสนภูมิใจ ทรงวาดหรือบุ่นโฮ่วเห็นท่าไม่ดีตัดบทเสียงเรียบ
“กลางเดือนหน้าโรงสีข้าวอั๊วจะเปิดแล้ว ขอเชิญอาเจ็กมาร่วมยินดีด้วยนะครับ”
เม่งฮงไม่ตอบรับแต่ผลุนผลันจากไปด้วยความฉุนเฉียว ทรงวาดได้แต่มองตามด้วยความหนักใจเพราะไม่อยากรับช่วงกิจการโรงน้ำชาที่ตนรังเกียจแต่ก็ไม่อาจตัดขาดญาติอย่างเม่งฮงได้
ooooooo
ทรงวาดคิดไม่ตกเรื่องปิ่นมุกและเม่งฮง อยากไกล่เกลี่ยให้ต่างคนต่างอยู่แต่ไม่รู้จะทำได้อีกนานแค่ไหน ลิ้มป่วยซัง น้องสาวคนเดียวของเขาเดินถือถาดยาเข้ามาเห็นพี่ชายทำหน้าเครียดก็อดถามไถ่ไม่ได้
“ตอนอั๊วกลับจากโรงสีสวนกับอาเจ็ก หน้าอีบอกบุญไม่รับเลย ทะเลาะกับเฮียอีกแล้วเหรอ”
“อั๊วไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับโรงน้ำชาอีกแล้ว ที่ดิ้นรนจะเปิดโรงสีให้ได้ก็เพราะอั๊วรังเกียจที่ต้องหากินอย่างนั้น แล้วก็ไม่อยากให้น้องสาวคนเดียวของอั๊วได้ชื่อว่าเป็นผู้หญิงโรงน้ำชาด้วย...แม้ว่าลื้อจะเป็นเจ้าของก็เถอะ”
ป่วยซังซาบซึ้งใจในความห่วงใยของพี่ชาย ทรงวาดยิ้มบางๆก่อนขอให้น้องสาวคนเดียวกลับไปเรียนหนังสือให้จบหากอยากตอบแทนบุญคุณความรักความหวังดีจากเขา
“เรียนไปก็ไม่ได้ใช้ โลกของอั๊วมีแต่บ้าน ต่อไปคงเพิ่มโรงสีอีกแห่ง ให้อั๊วทำงานดีกว่าจะได้แบ่งเบาภาระเฮีย”
“ลื้อก็เป็นซะอย่างงี้...ปิศาจน้อยล่ะ”
ทรงวาดหมายถึงปิ่นมุกหรือเตียงจู ความดื้อรั้นและหัวแข็งของสาวน้อยในอุปการะเป็นที่รู้กันในบ้าน โดยเฉพาะผู้อุปการะอย่างทรงวาดที่โดนฤทธิ์เดชอย่างสม่ำเสมอ
ป่วยซังส่ายหน้าขำๆ อ่อนใจกับฉายาที่พี่ชายตั้งให้ปิ่นมุก “เรียกอาจูอย่างงี้อีกแล้ว...อีอ่านหนังสือ
อยู่ข้างบน อีขยันนะ ถ้าจะมีใครสักคนเรียนสูงๆให้ได้อย่างใจเฮียก็สงสัยจะเป็นอาจูนี่แหละ”
ทรงวาดหัวเราะหึๆ รำพึงด้วยความหมั่นไส้ปนเอ็นดู “ขยันกวนประสาทอั๊วมากกว่าน่ะสิ!”
คำบอกเล่าของป่วยซังที่ว่าสาวน้อยในอุปการะเป็นคนขยันและใฝ่เรียนทำให้ทรงวาดอยากพิสูจน์ แอบตามไปดูถึงหน้าห้อง ปิ่นมุกเปิดประตูห้องเพื่อระบายอากาศเห็นผู้อุปการะหนุ่มทำด้อมๆมองๆก็แกล้งทัก
“ยังดีนะที่ไม่ต้องคลานขึ้นบันไดมา”
“ไม่ใช่เรื่องของลื้อ อั๊วไม่เคยขอให้ลื้อพาอั๊วขึ้นบันไดมาก็แล้วกัน”
ทรงวาดหรือบุ่นโฮ่วประคองตัวเองขึ้นบันไดสำเร็จ เห็นท่าทางงอนๆของปิ่นมุกแล้วถอนใจยาวเปลี่ยนเรื่องดื้อๆ
“จบมัธยมแล้วลื้อจะเรียนต่ออะไร อั๊วจะได้วางแผนให้ถูก”
“อะไรก็ได้ที่ไม่ต้องไปทำงานที่โรงน้ำชา”
“อั๊วถามดีๆทำไมต้องแขวะอั๊วด้วย”
“อั๊วแขวะเฮียตรงไหน เฮียก็ไม่อยากทำโรงน้ำชาเหมือนกันแหละ ไม่อย่างงั้นจะมาเปิดโรงสีทำไม”
ปิ่นมุกสวนตามที่คิด ทรงวาดหงุดหงิดไม่อยากเถียงด้วยหมุนตัวกลับห้อง ทิ้งสาวน้อยในอุปการะให้มองตามเซ็งๆ หน่ายใจที่เขาไม่เคยเข้าใจว่าเธอห่วงใยมากแค่ไหน
ooooooo
รณชิต ตำรวจหนุ่มไฟแรงประจำท้องที่เยาวราชตามสืบจนรู้ว่าทรงวาดหรือลิ้มบุ่นโฮ่วเป็นหลานชายลิ้มเม่งฮงแห่งแก๊งหกห้อง เขาตามสังเกตการณ์ถึงบ้านและรีบนำความไปรายงานโอฬาร ร้อยตรีหนุ่มที่รับผิดชอบพื้นที่เดียวกัน
“เป็นหลานแท้ๆของนายเม่งฮงแซ่ลิ้ม แต่ดูเหมือนจะไม่ลงรอยกันเท่าไหร่เลยแยกตัวมาอยู่เอง กำลังจะเปิดโรงสีเร็วๆนี้ ส่วนคนที่อยู่ด้วยก็มีน้องสาวแท้ๆกับพวกคนงาน อุปการะเด็กอีกสองคน แต่ผมยังไม่ทราบว่าทำไปเพราะอะไร”
โอฬารพยักหน้ารับรู้ก่อนเอ่ยข้อสันนิษฐาน “ถึงจะเป็นหลานลิ้มเม่งฮงแต่การจะเปิดโรงสีต้องใช้ทุนมาก แล้วพวกนักเลงเปิดบ่อนเปิดซ่องก็คงไม่ลงทุนขนาดนั้นให้หลานชายที่มีปัญหากับตัวเองหรอก”
“หมวดคิดว่าต้องมีคนอยู่เบื้องหลังนายทรงวาด”
“เรื่องแก๊งหัวลำโพงกับแก๊งหกห้องจะยกพวกตีกันมีคนลึกลับโทร.มาแจ้งผมล่วงหน้าไม่กี่ชั่วโมงเท่านั้น ดังนั้นมันเป็นไปไม่ได้ที่นายทรงวาดจะมาห้ามทัน เว้นแต่จะมีอีกฝั่งนึงบอกเขาเพื่อยับยั้งไม่ให้เรื่องนี้เกิดขึ้น”
“คนที่โทร.แจ้งหมวดคงหวังยืมมือตำรวจกวาดล้างไอ้พวกนี้ ส่วนคนที่ห้ามก็คงเพราะได้ผลประโยชน์จากไอ้สองแก๊งนี้เลยไม่ต้องการให้พวกมันถูกตำรวจจับ”
“ฉลาดมากหมู่ ทีนี้ก็โยงไม่ยากเลยใช่ไหมว่าใครอยู่เบื้องหลังนายทรงวาด”
“ผมชักอยากให้โรงสีข้าวของนายทรงวาดเปิดเร็วๆ ซะแล้ว อยากรู้ว่าจะมีใครมาแสดงความยินดีบ้าง...”
ในที่สุดวันเปิดตัวโรงสีใหม่ของทรงวาดก็มาถึง ป้ายชื่อร้าน โฮ่ว เฮง จั่น ถูกนำไปแขวนพร้อมผูกแพรแดงเพื่อความเป็นสิริมงคล ทรงวาดหรือที่ผู้คนแถวนั้นรู้จักในนามเถ้าแก่เสือจ้างสิงโตมาเชิดในงานเรียกเสียงฮือฮาจากผู้คนในละแวกเยาวราชให้มาร่วมเป็นสักขีพยานงานเปิดตัวโรงสีแห่งใหม่
เตียฮุ่ยหลิงหรืออรุณรุ่ง ลูกสาวเตียฮกไช้เจ้าของร้านทองใหญ่ประจำเยาวราช เป็นตัวแทนพ่อมาร่วมแสดงความยินดี ก๊กไช้หรือธีมา น้องชายทิเหล็ง เห็นรุ่นพี่สาวคนสวยร่วมโรงเรียนจึงรีบไปตามปิ่นมุก
ปิ่นมุกหรือเตียงจูเห็นรุ่นพี่สาวคนสนิทมาร่วมงานก็ดีใจปรี่ไปต้อนรับและพาไปแนะนำกับทรงวาด
“เฮียโฮ่ว...นี่รุ่นพี่อั๊วที่โรงเรียนชื่ออรุณรุ่ง เป็นลูกสาวเถ้าแก่เตียร้านขายทองเตียเซ่งเฮง”
ฮุ่ยหลิงยิ้มบางๆ ยื่นกล่องของขวัญจากพ่อให้ “ขอแสดงความยินดีด้วยค่ะเถ้าแก่”
“ขอบคุณครับคุณหนู แล้วก็ไม่ต้องเรียกผมว่าเถ้าแก่นะ เรียกชื่อไทยผมหรือเรียกเฮียโฮ่วตามอาจูก็ได้”
ความเป็นกันเองของทรงวาดทำให้ฮุ่ยหลิงลดอาการเกร็งปนประหม่าแต่ยังระแวงเพราะเคยได้ยินจากพ่อว่าเขาเป็นหลานชายลิ้มเม่งฮงแห่งแก๊งหกห้อง
ปิ่นมุกพาฮุ่ยหลิงผละไปแล้ว ทิ้งทรงวาดให้ต้อนรับแขกคนพิเศษอย่างลิ้มเม่งฮง อาแท้ๆและโอ๊วฮุ่ยเซี้ยง หุ้นส่วนและพี่น้องร่วมสาบานของพ่อกับอา ลิ้มเฮ้งเตี๋ยงกับลิ้มลี่เง็ก ลูกชายกับลูกสาวของลิ้มเม่งฮงก็มาร่วมแสดงความยินดี ทรงวาดสัมผัสได้ถึงบรรยากาศอึดอัดรอบตัวแต่ก็ต้องทำเฉยต้อนรับครอบครัวญาติด้วยความยินดี
ooooooo
หลังการมาถึงของแก๊งหกห้องซึ่งนำโดยหัวหน้าแก๊งอย่างลิ้มเม่งฮง พร้อมด้วยลิ้มเฮ้งเตี๋ยงกับลิ้มลี่เง็ก ลูกชายกับลูกสาว และโอ๊วฮุ่ยเซี้ยง หุ้นส่วนคนสำคัญของแก๊ง บรรยากาศภายในงานก็ลดความครึกครื้นกว่าครึ่ง ปิ่นมุกถอนใจเหนื่อยหน่ายแต่จำใจช่วยทรงวาดรับแขกตามประสาฝ่ายเจ้าภาพที่ดี
ฮุ่ยหลิงหรืออรุณรุ่งรู้สึกอึดอัดกับบรรยากาศรอบตัวจึงปฏิเสธของว่างจากปิ่นมุกและขอตัวกลับ
“ไม่อยากอยู่นาน มีแต่คนน่ากลัวทั้งนั้น อาป๊าเห็นว่าอั๊วกับลื้อสนิทกันก็เลยใช้อั๊วมา จะมาเองก็น่าเกลียดเพราะไม่ได้รู้จักสนิทสนมอะไร ไม่มาเลยก็ดูไม่ดีหวยก็เลยมาออกที่อั๊วนี่แหละ”
ปิ่นมุกหรือเตียงจูขำอาการฮึดฮัดของรุ่นพี่สาว หยิบขนมกินอย่างไม่รู้สึกรู้สา ฮุ่ยหลิงเห็นดังนั้นก็อดทักไม่ได้
“ลื้อนี่ก็แปลกนะ เกลียดลิ้มเม่งฮงยังกะอะไรดีแต่ดันมาอยู่กับหลานชายเขาได้”
“มันคนละคนกันนี่แจ้ เฮียโฮ่วเป็นคนดีนะ มีบุญคุณกับอั๊วมากด้วย แต่บุญคุณก็ส่วนบุญคุณ อั๊วไม่มีวันลืมหรอกว่าไอ้สารเลวนั่นมันทำอะไรกับครอบครัวอั๊วบ้าง...”
พูดพลางคิดถึงอดีตเมื่อสิบปีก่อน ปิ่นมุกหรือลี้เตียงจูเวลานั้นเป็นแค่เด็กหญิงตัวเล็กๆ ลูกสาวคนเดียวของสองผัวเมียแซ่ลี้เจ้าของตึกหกห้องซึ่งเป็นสถานที่เปิดโรงน้ำชาของแก๊งหกห้องในปัจจุบัน
ลิ้มเม่งฮง อาแท้ๆของทรงวาดร่วมกับโอ๊วฮุ่ยเซี้ยง หุ้นส่วนและพี่น้องร่วมสาบาน ซื้อตึกหกห้องจากสองผัวเมียแซ่ลี้ แต่เมื่อถึงเวลาจ่ายเงินกลับชักดาบและจัดการฆ่าปิดปากสองผัวเมีย
อ่านละคร ชาติเสือพันธุ์มังกร ตอนที่ 1 วันที่ 9 พ.ย.61
ละครเรื่อง ชาติเสือพันธุ์มังกร บทประพันธ์โดย ปราณธรละครเรื่อง ชาติเสือพันธุ์มังกร บทโทรทัศน์โด: บทกร
ละครเรื่อง ชาติเสือพันธุ์มังกร กำกับการแสดงโดย กิตติศักดิ์ ชีวาสัจจาสกุล
ละครเรื่อง ชาติเสือพันธุ์มังกร ผลิตโดย บริษัท ทีวีซีน แอนด์ พิคเจอร์ จำกัด
ละครเรื่อง ชาติเสือพันธุ์มังกร ออกอากาศทางไทยทีวีสีช่อง 3
ที่มา ไทยรัฐ